ความคิดเห็นที่ 1 ก็ไม่เชิง ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของความเร่งด้วย สมมุติเปลี่ยนเกียร์ที่พีคของความเร่งหมายถึงถ้าเหยียบเพิ่มหลังเปลี่ยนเกียร์อีกนิด ความเร่งจะไม่พีคอีกต่อไปเพราะเลยจุดพีคไปแล้ว แต่การเหยียบคันเร่งเพิ่มหลังเปลี่ยนเกียร์ เป็นอาการธรรมชาติของคนขับรถ ดังนั้นวิธีนี้ไม่น่าจะถูก ที่ให้ผลดีที่สุดคือเปลี่ยนเกียร์ตรงรอบก่อนที่แรงบิดจะพีค เพราะหลังสับเยร์เหยียบคันเร่งเพิ่มนิดหน่อย จะได้ใช้แรงบิดที่จุดพีคและเลยช่วงนั้นพอดี จากคุณ : x - [ 18 ก.พ. 52 17:43:15 A:210.246.64.36 X: TicketID:052378 ]

ความคิดเห็นที่ 2 F=ma ไงครับ F สูงสุด ในขณะที่ m คงที่ ดังนั้น a ก็เพิ่มขึ้น ตรงตัวตามหลักกลศาสตร์เป๊ะ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 18 ก.พ. 52 18:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ผิด คุณเอาสมการนี้มาอธิบาย การเปลี่ยนเกียร์คงไม่ใช่ครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 18:44:35 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 18:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่เสมอไปครับ ปัจจัยเกี่ยวข้องมากกว่านั้นครับผม อัตราทดเกียร์ มีผลเกี่ยวกันกับเรื่องนี้มากๆ ครับผม เทคนิคการเปลี่ยนเกียร์แบบนั้น ต้องเซ็ทเกียร์มาให้เหมาะกับแรงม้า และแรงบิดแบบที่ท่านเห็นบ่อยๆ ครับ คือ ระฆังคว่ำ ที่จุดสูงสุด อยู่ ค่อนไปทางรอบสูงๆ (แถวๆ เรดไลน์ครับ) หากนำมาใช้กับรถรอบต่ำ ที่มีแรงบิดสูงกว่ารอบสูง งานนี้ มีไม่ได้ผล กันมั่งแหละ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 18 ก.พ. 52 18:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อธิบายด้วยสองตัวนี้ได้ไหม 1) HP ให้ความเร็ว 2) Torque แรงบิด จะให้อัตราเร่ง ---เกียร์ทด  เราทดเพื่อ"เพิ่มแรงบิด" ตอนออกตัว เกียร์ 1 ต้องทดเยอะ เพื่อจะได้แรงบิดมาก มากพอที่จะเร่งออกรถได้ 1) พอเร่งออกตัวจนรอบสุดๆ @ที่รอบนี้ ก็คือ max-HP หมายความว่า ความเร็ว@เกียร์นี้ ...มันมาหมดที่นี่แล้ว 2) เราก็สับเกียร์ 2 ... รอบก็จะตกลงมาใกล้ๆ peak- แรงบิด (คห. 1 บอก) เรารู้แล้วว่า แรงบิด --> มันให้อัตราเร่ง 3) พอสับเกียร์ 2 ลงมาที่รอบนี้ ก็เร่งต่อ ---->จะได้อัตราเร่งดี ลำดับการสับเกียร์ @ รอบ ดังกล่าว จึงทำให้การเร่งความเร็ว เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเร่งได้เร็วที่สุด ในทางปฎิบัติ จะมีปัจจัยการเหยียบปล่อยคลัช และอื่นๆเข้ามาเอี่ยวด้วย รถแข่ง 1/4 ไมล์สมัยก่อน พยายามตัดปัจจัยต่างๆให้เหลือน้อย บางคันเขาทำให้เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องเหยียบคลัช พูดง่ายๆ พอออกรถแล้ว คลัชไม่ต้องแตะ เปลี่ยนเกียร์สุดท้าย เร่งรอบสุดๆ ที่เส้น 1/4 ไมล์พอดี ถ้าทำอย่างนี้ได้สมบูรณ์แบบจะได้อัตราเร่งสูงสุด จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 19:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เทคนิคการเปลี่ยนเกียร์แบบนั้น ต้องเซ็ทเกียร์มาให้เหมาะกับแรงม้า และแรงบิด >>>>>>> แฮ่ม ท่านพูดอย่างนี้ มันก็ต้องถูกวันยังค่ำ จขกท เขาพูดเรื่องเซตอัตราทดเกียร์ให้ฟันเลื่อยเกียร์ต่อไป ควรจะตกที่จุดไหน นะ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 19:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเข้าใจอย่างนี้ ไม่ทราบจะถูกไหม คือ เริ่มเกียร์ 1 เร่งไปจนได้ความเร็วสุดของเกียร์ 1 แล้วสับเกียร์ 2 ลงมาที่ตำแหน่ง แรงบิด-สูงสุด(เกือบๆ) พอเร่งต่อไป เราจะได้อัตราเร่งสูงสุด อัตราเร่งมันก็ลื่นต่อเนื่องดี จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 19:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ครับท่าน ช่างกล - หนุ่ม ถ้าเอาเทคนิคนี้ไปใช้กับรถบรรทุก จะไม่ได้เรื่อง เพราะ มันทดเกียร์ เผื่อเอาไว้เยอะ แถม แรงบุดสูงสุด ก็อยู่รอบต้นๆ ด้วยครับ แรงม้าเผลอๆ ก็อยู่รอบต้นๆ ด้วย สู้รีบเปลี่ยนเกียร์ตอนรอบต่ำๆ จะดีซะกว่า เปลี่ยนมัน ตั้งแต่ไม่ใช่รอบที่มีแรงบิดสูงสุดด้วย แต่ถ้าถามแบบท่าน ว่าจะเอารอยฟันเลื่อยไปไว้ไหน ผมว่า ควรลองครับ ดีที่สุด จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 18 ก.พ. 52 19:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าอยากได้อัตราเร่งสูงสุด ผมจะเปลี่ยนเกียร์ที่ redline เลยครับ (อันนี้ในเกมนะ) แต่รถจริงๆ แค่รอบเครื่องห้าพันรอบ ผมก็สงสารมันแล้วอ่ะครับ จากคุณ : sd_piggy - [ 18 ก.พ. 52 19:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 /// ทราบมาว่าเปลี่ยนเกียร์ตอนรอบที่แรงบิดสูงสุดทำให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด /// ตอนนี้ต้องทราบใหม่ว่า  ที่ทราบมาแบบนี้มันผิดครับ ถ้าต้องการให้ได้อัตราเร่งดีที่สุด ต้องเปลี่ยนเกียร์เพื่อให้ได้ใช้ช่วงแรงม้ามากที่สุด ไม่ใช่เปลี่ยนเกียร์ที่แรงบิดสูงสุด หรือ แรงม้าสูงสุด จากคุณ : ton99 - [ 18 ก.พ. 52 20:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณทุกท่านครับ ได้ประโยชน์มาก ท่านอื่นมีอะไรเสริมได้ครับ จากคุณ : TSY - [ 18 ก.พ. 52 20:30:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 งั้นคำถามต่อไปครับ ถ้าทราบ แรงบิดและแรงม้า จะบอกถึงความเร็วที่ประหยัดน้ำมันที่สุดได้ไหมครับ (คือรอบที่ทำให้การเผาใหม้ดีที่สุดนั่นเอง) จากคุณ : TSY - [ 18 ก.พ. 52 20:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผม search จาก web ต่างประเทศก็ได้ข้อมูลว่า ให้ Shift gear ที่ Max Power อย่างที่คุณ ton99 บอกนะครับ จากคุณ : TSY - [ 18 ก.พ. 52 20:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าเอาเทคนิคนี้ไปใช้กับรถบรรทุก จะไม่ได้เรื่อง >>>>>>> ใช่แล้ว รถบรรทุกไม่ได้ทดเกียร์ให้ทำแบบนี้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 21:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 1) ต้องเปลี่ยนเกียร์เพื่อให้ได้ใช้ช่วงแรงม้ามากที่สุด 2) ไม่ใช่เปลี่ยนเกียร์ที่แรงบิดสูงสุด หรือ แรงม้าสูงสุด >>>>>>>> นายต้นมาชวนให้เข้าใจผิด 1) ช่วงแรงม้ามากที่สุด มันอยู่ตรงไหนครับ ทุกๆ รอบ มันใช้แรงม้าทั้งนั้น 2) เปลี่ยนที่แรงบิดสูงสุด เปลี่ยนทำไมครับ แรงบิด มันให้อัตราเร่ง   คุณต้นเป็นคนยกมือถามอาจารย์เอง จำไม่ได้แล้วหรือ ? จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 21:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากการอธิบายเรื่องบรรทุก ผมจับความได้ว่า ถ้าเปลี่ยนเกียร์ตอนใกล้ๆ แรงบิดสูงสุด พอถึงเกียร์ต่อไป จะมีปัญหา เพราะจะเลยช่วงแรงบิดสูงสุดไปแล้ว อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ ผิดพลาดอย่างไรช่วยแก้ด้วยครับ จากคุณ : TSY - [ 18 ก.พ. 52 21:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แต่ถ้าถามแบบท่าน ว่าจะเอารอยฟันเลื่อยไปไว้ไหน ผมว่า ควรลองครับ ดีที่สุด >>>>>>>> ผมเคยทำ repower รถ รพช ที่ลำปาง เป็นรถหัวแตงโม เดิมเป็นเครื่องเบนซิน ยี่ห้อ Continental ผมเอาดีเซลลงแทน เครื่อง Hino รุ่น EK-100 มาลง สมัยนั้นเครื่องรุ่นนี้เมืองไทยยังไม่มีใช้ (แสดงว่าผมตาแหลมนะนี่) ตอนนี้รถเมล์แอร์รถร่วมสาย 113 เอา EK100 มาแปลงใส่หัวเทียน ใช้เป็น NGV ครับ ตอนแรกคนหัวเราะผม ที่บริษัทผมมีคนค่อนขอดว่า .... จะใช้ไห้ เร้ออ ?? ผมทำโจทย์คำนวณเขียนกราฟ Traction VS rolling resistant  ออกมา ส่งให้ราชการ approve ก่อน สมัยนั้นผมเล่น PC ไม่เป็นหรอก แต่ลูกน้องผมเก่ง ผมบอกความต้องการให้เขาเขียนกราฟออกมา สมัยนั้เนเป็นยุค 8088 ยังไม่ใช้ Harddisk ใส่แผ่น 5.25" บูตดอส ใช้ Lotus 123 ทำงาน ค่า total Rolling resistant ผมเล่นทดลองจริงๆ ทำแบบ ย้อนศร คือ วิ่งสัก 100 แล้วปล่อยไหล จับเวลา คิดกลับออกมาเป็น resistant ส่วนค่า traction ที่ rpm ต่างๆ   ก็คิดจาก HP@rpm + อัตราทดเกียร์ ได้กราฟออกมา เอาไปเสนออธิบายเป็นจุดๆ ก็ได้งาน ทำเสร็จผมลองขับ เป็นที่พอใจทั้งคนทำและเจ้าของรถครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 21:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พอถึงเกียร์ต่อไป จะมีปัญหา เพราะจะเลยช่วงแรงบิดสูงสุดไปแล้ว อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ >>>>>>>> คุณเข้าใจถูกแล้ว พอเลย peak ไปแล้วแรงบิดจะค่อยๆตก แรงบิดลด ==> อัตราเร่ง a ลดลง แต่ a > 0    (มากกว่า 0 ) รถยังเพิ่มความเร็วได้เรื่อยๆ คือ เร็วขึ้นได้ จนไปสุดที่ความเร็ว=หยุดเพิ่ม ...ที่ "รอบ-ของเกียร์นี้" @ max-HP เมื่อถึงทางตันที่รอบนี้ @ เกียร์นี้ เราสับเกียร์ต่อไป รอบจะหล่นลงที่จุด x  คือ ก่อน peak torque เร่งต่อไป .... เรื่อยๆ จนสุดที่เกียร์สุดท้าย ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 22:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พอเลย peak ไปแล้วแรงบิดจะค่อยๆตก >>>>>>> curve torque ทางด้านขวา ที่มันโค้งลงนี้ เขาเรียก Torque rise Torque rise มีประโยชน์ในกลุ่มรถงานหนัก พวกรถบรรทุก เวลาทำงานเขาวิ่งในช่วงปลายๆ กราฟแรงบิด พอรถเจอเนินเขาทางชัน รอบเครื่องจะตก ... ใช่ไหม ? พอรอบตก ===> แรงบิดจะเพิ่ม มันเกิด torque rise (ลองหากราฟแรงบิดมาดูจะง่ายกว่า) แรงบิดเพิ่ม ก็เหมือนเรามีเกียร์พิเศษอีกเกียร์ รถก็มีแรงขึ้นเนินได้ดี คนขับรถบรรทุกจึงสนใจ torque rise เป็นพิเศษ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 22:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณท่านสยึมกึ๋ย จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 18 ก.พ. 52 22:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่อง Mechanic นี่บอกได้ว่า เจอแค่ตอนเรียนวิชาฟิสิกส์ กับกลศาสตร์วิศวกรรม ตอน ป.ตรี นอกนั้นไม่ได้เจอเลยครับ ผมเรียนมาทาง วิศวฯคอม รถผม CBR150R : Max Torque@8,500RPM ทีนี้เรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันว่ากันตามหลักการน่าจะเป็นตอนขับขี่ที่มีการเผาไหม้ดีที่สุด จะว่าอย่างนี้ก็ถูกใช่ไหมครับ อย่างใน Vigo ใหม่นี่มีมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองขณะใดๆ มันมีหลักการอย่างไรครับ เป็นการวัดน้ำมันที่พร่องไปเทียบกับระยะทางเป็นระยะๆ (Delta) หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนี้มาตรวัดระดับน้ำมันต้องละเอียดและแม่นยำพอสมควร ถ้าไอเสียบอกถึงการเผาไหม้ที่ดีได้ ถ้าวัดปริมาณไอเสียขณะใดๆ ขณะขับที่ความเร็วต่างๆ อย่างนี้ก็จะพอวัดอัตราการกินน้ำมันที่ความเร็วต่างๆ ได้ใช่ไหมครับ ผมว่าถ้าได้ graph อัตราการกินน้ำมันที่ความเร็วต่างๆ ของรถแต่ละคันด้วยก็น่าจะดีนะครับ ผู้ใช้จะได้เลือกได้ว่า จะขับที่ความเร็วเท่าไหร่ดี แลกกับอัตราการบริโภคน้ำมันที่ต้องการ จากคุณ : TSY - [ 18 ก.พ. 52 22:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ มาขอบคุณผมทำไมเนี่ยะ เดี๋ยวก็จุ๊บซะเลย แบบว่าผมใช้แต่รถรอบต่ำๆ ซะเคยมั้ง รถไถด้วย เน้น รอบต่ำเป็นหลัก แรงบิดหนีไปอยู่รอบสูงเอามาใช้งาน เต็มๆ ก็แหลกน้ำมันจนพอดี จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 18 ก.พ. 52 22:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รถสมัยใหม่  วัด mass air flow  รู้ a/f ที่ใช้ ก็จะรู้ปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในขณะนั้น ถ้าเอาความเร็วมาคิดเทียบ ก็จะได้อัตราสิ้นเปลือง แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 22:59:12 จากคุณ : ton99 - [ 18 ก.พ. 52 22:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าคิดตั้งแต่หลักการเริ่มแรกเลยก็คือพลังงานไม่สูญหายไปไหน แต่จะเปลี่ยนรูปไปได้ การทำให้ได้อัตตราเร่งที่ดีที่สุดก็คือการเอาพลังงานใส่เข้าไปให้วัตถุให้มากที่สุด(ในรูปของแรงที่กระทำต่อวัตถุ) คนก็จะเริ่มเข้าใจผิดตรงจุดนี้ว่า แรงบิดสูงสุดนั้น น่าจะเกิดแรงกระทำต่อรถสูงที่สุด ความจริงเราลืมมองอัตราทดเกียร์เข้าไปด้วย เมื่อคำนึงถึงอัตราทดเกียร์ของรถด้วยแล้วจะพบว่าจุดที่ให้แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์จะเกิดแรงกระทำกับรถมากกว่าจุดที่ให้แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ นั่นก็คือยิ่งใส่กำลังเข้าไปมากเท่าไหร่ รถก็ยิ่งมีอัตราเร่งมากขึ้นเท่านั้น ถ้ายอมรับและเข้าใจตรงจุดนี้ก็จะสามารถตอบคำถามต่อไปได้ว่า ควรจะเปลี่ยนเกียร์ตรงไหน จึงจะได้อัตราเร่งดีที่สุด คำตอบสั้นที่สุดก็คือ ควรจะเปลี่ยนเกียร์ให้เครื่องยนต์ได้ใช้ช่วงที่มีกำลังมากที่สุด จากเหตุผลข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว ถ้าตอบแบบยาวหน่อยก็คือ ให้สังเกตุพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงม้ากับรอบของเครื่องยนต์ ซึ่งปกติมักมีรูปร่างเป็นโค้งพาราโบล่าคว่ำ ถ้าพิจารณารอบเครื่องยนต์ ณ จุดใดจุดนึงจะเห็นว่าจุดที่ให้แรงม้าสูงสุดนั้นจะเกิดพื้นที่ใต้กราฟที่มากที่สุด จะสังเกตุได้ว่า ถ้าเปลี่ยนเกียร์ที่รอบแรงม้าสูงสุด ช่วงการทำงานที่ได้ใช้ของเครื่องยนต์คือช่วงซีกซ้ายของพาราโบล่าเท่านั้น และเมื่อเลื่อนการเปลี่ยนเกียร์มาทางด้านขวามือของพาราโบล่ามากขึ้นเรื่อยๆ จะพบว่าพื้นที่ใต้กราฟจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เพราะพื้นที่ใต้กราฟที่มากที่สุดของพาราโบล่านั้น เกิดจากจุดยอดเป็นจุดกึ่งกลาง อย่างไรก็ตาม กราฟของแรงม้าในเครื่องยนต์ปกติหลังจุดที่ให้แรงม้าสูงสุดมักจะตกลงเร็ว ดังนั้นการหาจุดเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสมควรจะยึดจากหน้าตาของกราฟแรงม้าและอัตราทดเกียร์เป็นหลัก แต่โดยทั่วไปควรเปลี่ยนเกียร์เลยจากรอบที่ให้แรงม้าสูงสุดไปเล็กน้อย จึงจะสามารถทำอัตราเร่งได้ดีที่สุด ยกตัวอย่างจากรูป สมมุติว่าถ้าเปลี่ยนเกียร์แล้วรอบตกไป 1000rpm จะเห็นได้ว่าพื้นที่ใต้กราฟจากช่วง 5000-6000rpm(เปลี่ยนเกียร์ที่รอบแรงม้าสูงสุด) จะน้อยกว่า ในช่วง 5500-6500rpm (เปลี่ยนเกียร์ที่รอบเลยแรงม้าสูงสุดออกไป) จากคุณ : S(2) - [ 19 ก.พ. 52 07:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าต้องการทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำสุด ให้ทำ lean burn + EGR - Exhaust Gas Recirculation ใช้รอบเครื่องต่ำสุดเท่าที่ทำได้ ใช้เกียร์สูงสุดเท่าที่ทำได้ ให้ได้ความเร็วตามที่ต้องการ จากคุณ : S(2) - [ 19 ก.พ. 52 07:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ลองหาอ่านเรื่อง brake specific fuel consumption ดูด้วยครับ จากคุณ : S(2) - [ 19 ก.พ. 52 08:25:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ป๋าหยึมสีตกนะครับ อิอิ แหม จะจุ๊บ สีตกเลย ยังดี ที่ฟ้า..ไม่ผ่า ! จากคุณ : ^^" (AVSystem) - [ 19 ก.พ. 52 08:55:57 ]

ความคิดเห็นที่ 28 น่าจะเป็น การเอาพลังงานส่งไปยัง load ให้ได้มากที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุดหรือเปล่าครับ อย่างนี้ถือว่าได้ acceleration ที่ดี (ถ้ารถยนต์ก็หมายถึงการเปลี่ยนแปลงความเร็วล้อก็คือความเร็วรถนั่นเอง) ตามความเข้าใจของผม มันก็น่าจะเป็น Torque มากกว่า Power อยู่ดีนะครับ ว่าแล้วใครเข้ามาอ่าน ผมจะหาซื้อ วัดรอบของ Phantom ได้ที่ไหนบ้างครับ จากคุณ : TSY - [ 19 ก.พ. 52 09:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 52 11:15:49 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 19 ก.พ. 52 11:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ลองเกียร์ แบบ "ทดห่าง" จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 19 ก.พ. 52 11:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กรณีขับแบบเอาอัตราเร่งสูงสุด ต้องการแรงบิดที่ล้อสูงสุด จะต้องใช้รอบเครื่องอย่างไร/เปลี่ยนเกียร์อย่างไร รอบเกินรอบแรงบิดสูงสุดแล้วแรงบิดก็เริ่มลดลง แต่ถ้าเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นแรงบิดที่ล้อกลับลดลงมากกว่า(ดูรูป) คำตอบคือลากรอบสูงสุดจนถึงขีดแดงซึ่งเครื่องยังรับได้(เลยรอบแรงม้าสูงสุดไปอีก)จึงค่อยเปลี่ยนเกียร์ขึ้น รอบเครื่องที่ใช้ก็จะเป็นรอบเครื่องช่วงปลายเป็นหลัก ตย.ลากเกียร์2ถึงขีดแดงที่6400รอบเปลี่ยนขึ้นเกียร์3-รอบลงมาที่~4500 ซึ่งโดยทั่วไปก็สูงเลยรอบที่แรงบิดสูงสุดไปแล้ว ฉะนั้นแรงบิดที่มีผลต่อการให้อัตราเร่งสูงสุดคือแรงบิดที่รอบเครื่องช่วงปลาย จากคุณ : akeb - [ 19 ก.พ. 52 20:03:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ทีนี้ลองมามองแรงขับในมุมมองแบบ แรงม้า = แรงบิด x รอบเครื่อง ดู ตามรูปเป็นกราฟแรงม้า ที่ได้จากกราฟแรงบิดข้างบน สังเกตุข้อแตกต่างจากกราฟแรงบิด >> ค่าแรงม้าที่ล้อที่รอบเครื่องหนึ่งๆไม่ได้เปลี่ยนตามอัตราทดเกียร์ ในขณะที่แรงบิดที่ล้อที่รอบเครื่องหนึ่งๆแปรเป็นสัดส่วนตามอัตราทดเกียร์ ความสูงของเส้นแรงม้าที่เกียร์ต่างๆบอกถึงอัตราเร่งที่ให้ รอบเครื่องที่ใช้ในการทำอัตราเร่งสูงสุดคือรอบเครื่องช่วงปลายซึ่งก็เป็นช่วงที่ให้แรงม้าสูงสุดนั่นเอง หรืออีกนัยยะหนึ่งคือแรงม้าสูงสุดและความกว้างของช่วงรอบเครื่องที่ให้แรงม้าสูงสุด(power band) บอกถึงอัตราเร่งที่เครื่องจะสามารถให้ได้ นี่เป็นที่มาของการใช้ค่าแรงม้าสูงสุดต่อนน.เป็นตัวบอกแนวโน้มของอัตราเร่งสูงสุดของรถ จากคุณ : akeb - [ 19 ก.พ. 52 20:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จากข้อความของคุณ S(2) การทำให้ได้อัตตราเร่งที่ดีที่สุดก็คือการเอาพลังงานใส่เข้าไปให้วัตถุให้มาก ที่สุด(ในรูปของแรงที่กระทำต่อวัตถุ) น่าจะเพิ่มคำอธิบายว่า เอาพลังงานเข้าไปใส่วัตถุให้ได้มากที่สุด ในเวลาเข้าใกล้ 0 หรือเปล่าครับ การที่วัตถุรับพลังงานไปอย่างรวดเร็วมาก วัตถุนั้นก็จะต้องเอาพลังงานไปทำอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นรถก็จะเอาไปเปลี่ยนเป็นพลังงานกล ขยายการอธิบายของผมใน คห. ที่ 28 จากคุณ : TSY - [ 19 ก.พ. 52 20:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ต้องยอมรับว่า พอทราบการคำนวณพื้นฐาน แต่พอเอามา apply ผมยังไม่ get idea จากคำว่า แรงบิดกับแรงม้าเท่าใดนัก จากที่คุณ akeb อธิบาย หมายความว่า ต้องดูแรงบิดที่ลงถึงล้อจริงๆ ใช่ไหมครับ ถ้าผิดพลาดช่วยแก้ไขด้วยครับ ว่าไปถ้าตั้งคำถามว่า การ shift gear ที่แรงบิดหรือแรงม้าสูงสุดจะให้ acceleration ที่ดีที่สุด และ prove คำตอบนั้น นักศึกษา Automotive จะต้องตอบว่าอย่างไรครับ จากคุณ : TSY - [ 19 ก.พ. 52 20:46:36 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ^ "ต้องดูแรงบิดที่ลงถึงล้อจริงๆ ใช่ไหมครับ" >>>ใช่ครับ เพิ่มเติมว่าแรงบิดจากเครื่องถูกทดสูงขึ้นจากอัตราทดเกียร์และอัตราทดเฟืองท้ายจนมาถึงล้อ ในขณะที่ถ้าคิดเป็นกำลัง กำลังตั้งแต่เครื่องผ่านเกียร์ผ่านเฟืองท้ายเท่าเดิม(ไม่นับความสูญเสียจากแรงเสียดทาน)เนื่องจากการอัตราทดทำให้แรงบิดสูงขึ้นในขณะที่รอบของการหมุนลดลงในอัตราส่วนเดียวกัน ผลลัพธ์ของแรงม้าจึงไม่เปลี่ยนแปลงจากอัตราทด หมายเหตุ ผมใช้คำ"กำลัง"ปนกับ"แรงม้า" ความหมายเดียวกันครับ แรงม้าเป็นหน่วยของกำลัง "การ shift gear ที่แรงบิดหรือแรงม้าสูงสุดจะให้ acceleration ที่ดีที่สุด" >>> ตอบได้หลายคำตอบ โดยผลลัพธ์,รอบเครื่องที่เปลี่ยนเกียร์เหมือนกันทุกคำตอบ :       1.shiftเพื่อให้ได้ช่วงแรงบิดลงล้อสูงสุด -รูปในคคห.31 หรือ  2.shiftเพื่อให้ได้ช่วงแรงม้าลงล้อสูงสุด -รูปในคคห.32 หรือ  3.shiftเพื่อให้ได้ช่วงแรงม้าจากเครื่องสูงสุด -รูปในคคห.32 หรือในทางปฏิบัติ        4.shiftที่redlineทุกเกียร์ แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 52 22:17:28 จากคุณ : akeb - [ 19 ก.พ. 52 21:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 36 #33 ไม่ต้องขนาดถึงเข้าใกล้ศูนย์หรอกครับ เอาง่ายๆดีกว่า ระยะเวลาเท่าๆกันเนี่ย วัตถุที่โดนใส่พลังงานเข้าไปมากกว่า ก็ต้องมีอัตราเร่งดีกว่าวัตถุที่โดนใส่พลังงานเข้าไปน้อยกว่า แสดงว่าอาจจะยังงงๆอยู่ งั้นขออนุญาตให้การบ้านไปลองคิดดูละกันครับ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าที่รอบแรงบิดสูงสุดนั้นเกิดแรงกระทำต่อตัวรถน้อยกว่าที่รอบแรงม้าสูงสุด ก็น่าจะเข้าใจได้ใช่ไหมครับ งั้นลองดูรูปกราฟที่ผมโพสต์ลงใน #24 แล้วช่วยหา maximum torque ให้ผมหน่อย เสร็จแล้วช่วยหา torque ที่จุดที่ให้แรงม้าสูงสุดให้ผมด้วย พอได้ทั้งสองค่านี้แล้วเอามาใช้เทียบกันได้เลยรึเปล่า ถ้าตอบว่าใช่แสดงว่ากำลังลืมอะไรไปอย่างนึง อัตราทดเกียร์ไงครับ ลองทดลงมาให้ความเร็วของรถเท่ากันดู แล้วดูว่าที่ max torque หรือ max power ที่เกิดแรงบิดที่ล้อสูงที่สุด แนวทางการคำนวนประมาณนี้ torque at wheel = engine torque x total gear ratio คาดว่าหลังทอนความเร็วให้มีค่าเท่ากันแล้ว จะพบว่า max torque กับ max power จะอยู่คนละเกียร์กัน เพราะฉนั้นจุดที่จะชี้ชะตาก็คือ total gear ratio จากคุณ : S(2) - [ 20 ก.พ. 52 06:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณอีกครั้งครับ แสดงว่า ค่าแรงบิดที่ทางค่ายรถแสดงไว้นั้น คือ ค่าแรงบิดที่เกิดจากเครื่องไม่ได้เกิดกับล้อใช่ไหมครับ ค่าแรงบิดที่แสดงนั้นจึงบอกออกมาแค่ค่าเดียวที่รอบเครื่องหนึ่ง จากคุณ : TSY - [ 20 ก.พ. 52 07:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอเสริมจากคุณ F = ma จากสูตรพื้นฐานนี้ ขยายการอธิบายจากคุณ S(2) ครับว่า เมื่อเพิ่ม F จะทำให้ a (ความเร่ง) เพิ่ม แต่สูตรนี้สำหรับการเคลื่อนที่แนวเส้นทางผมไม่แน่ใจว่าจะอธิบายได้ชัดเจนแค่ไหนครับ จากคุณ : TSY - [ 20 ก.พ. 52 07:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คห 34 ถ้าตั้งคำถามว่า การ shift gear ที่แรงบิดหรือแรงม้าสูงสุดจะให้ acceleration ที่ดีที่สุด และ prove คำตอบนั้น นักศึกษา Automotive จะต้องตอบว่าอย่างไรครับ >>>>>>>> เป็นคำถามที่ดี ถ้ามีเกียร์เพียง 1 เกียร์ gear ratio = ? ที่จะให้ the best acceleration the best acceleration  เมื่อ tan a = 0 แต่ทำอย่างนั้นไม่ได้ เหตุที่ ไม่ได้ เพราะ traction @ rpm ต่ำ -- rpm สูงสุด == ไม่เท่ากัน traction@รอบต่ำ มันต่ำกว่า total rolling resistant ====> ไม่ใช่เร่งไม่ดี แต่มันวิ่งไม่ออก .... เชียวครับ ดังนั้น โจทย์นี้จะต้องหา 2 อย่าง 1) gear ratio ที่จะให้ traction พอขับเคลื่อนให้ออกตัว 2) แบ่ง gear ratio ออกเป็นหลายเกียร์ .... แล้วทดให้ชิด เข้าไว้ เพื่อจะใช้ประโยชน์จาก HP band ได้ดีที่สุด ..... นี่คือคำตอบที่คุณต้น ตอบข้างบน .... แต่ผมเพิ่ง get .... แบบว่า ผมคิดช้า นะ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ก.พ. 52 08:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ในทางปฏิบัติ เมื่อหาเซตของชุดเกียร์ทด แบบ close-ratio ออกมา ถามว่า shift ยังไง ?? ตอบ ลากจนสุดๆๆๆๆ แล้วสับเกียร์ แต่ละเกียร์ที่สับ ..... เสียงเครื่องแทบจะไม่เปลี่ยน --->เสียงราบลื่น ..... ต้องได้อย่างนี้ เพราะ เป็นเกียร์ที่มีอัตราทดแบบ close ratio shift pattern การเปลี่ยนเกียร์จะเป็นแบบในรูปนี้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ก.พ. 52 08:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จะเห็นได้ว่า 1) รถจะวิ่งได้ด้วย traction > แรงต้านทั้งหมด 2) เจ้า traction นี่เราได้มาจาก = แรงบิด@รอบ 3) ที่รอบต่ำ เจ้า traction มีไม่พอ เราจึงต้องทดเกียร์เพื่อเพิ่ม "แรงบิด" .....นี่คือความจำเป็นต้องมีเกียร์ทดต่ำ 4) แต่ละเกียร์ ==> รถจะวิ่งได้เร็วสุดเท่าไร ? พอพูดถึงความเร็ว เจ้า Time ก็เข้ามาเอี่ยว จากข้อ 3) มีแรงบิดพอ ==> มี traction พอ ... มันจะเร่งความเร็วเพิ่ม = ไม่สิ้นสุดหรือ ??? ไม่ใช่ครับ อะไรคือ limit ความเร็ว ??? คำตอบคือ งาน ต่อ เวลา นั่นคือ HP @ rpm ที่จุดต่างๆ ดังนั้น ถ้าเราเซตเกียร์ทดพยายามให้มันทำงาน "ในย่าน optimum HP" โดยมี traction ที่เพียงพอให้รถไปได้จนสุด peak HP เราจะได้ acceleration ดีที่สุด ครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 08:46:23 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ก.พ. 52 08:43:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 Traction เป็นอย่างไร ภาพนี้ gear ratio = 1 ต่อ 1 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ก.พ. 52 09:08:08 ]

ความคิดเห็นที่ 43 gear ratio =  a / b traction จะเป็นอย่างนี้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ก.พ. 52 09:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 44 #37 #38 ปกติแรงบิดที่แสดงไว้เป็นแรงบิดสูงสุดที่เครื่องยนต์ทำได้ครับ สมมุติว่า max torque = 50kg-m ออกตัวเกียร์หนึ่งอัตราทด 4:1 เฟืองท้ายอีก 4:1 แรงบิดที่ล้อจริงๆจะเป็น 50x4x4 = 800kg-m ครับ ถ้าล้อมีรัศมี 25cm ก็จะเกิดแรงผลักรวมที่ล้อ 3200kg สมมุติรถหนัก 1000kg ก็จะได้อัตราเร่งตรงจุดนั้นคือ a = F/m = 3200*9.81/1000 = 31.392m/sec^2 แต่ในทางปฏิบัติ traction ระหว่างยางกับถนนมันอาจจะไม่ดีขนาด hold 800kg-m ไว้ได้ ก็ส่วนใหญ่จะล้อฟรีกัน อัตราเร่งก็จะไม่ดีขนาดที่คำนวนกันไว้ มีตัวอย่างง่ายๆอีกอันนึง เวลาเราอยู่ที่รอบ max torque แล้วเราขับรถขึ้นเขาแล้วรถเริ่มวิ่งไม่ไป ปกติเราทำไงครับ เรา shift เกียร์ต่ำลง รอบกลับขึ้นไปอยู่ที่ max power แต่รถกลับวิ่งขึ้นเขาได้ดีขึ้น ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าที่ max power มีแรงฉุดรถเกิดขึ้นมากกว่าที่ max torque ครับ พูดต่อไปอีกนิดก็คืออัตราการลดของ torque น้อยกว่าอัตราการเพิ่มของ gear ratio ทำให้ผลคูณระหว่าง torque กับ total gear ratio ที่รอบ max power ยังมีค่าสูงกว่าที่รอบ max torque จากคุณ : S(2) - [ 20 ก.พ. 52 17:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 45 งง กันไปเลย ไม่มีความรู้ เรื่องเครื่องยนต์ อ่านไป  สิบกว่า REP... ตาลาย งง พยายามจะเข้าใจอยู่ มีใครพี่ อธิบายแบบ ชาวบ้านได้ไหมคราบ !! ???? จากคุณ : RiKi _ ACT - [ 20 ก.พ. 52 20:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เอา graph แรงม้า แรงบิด และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ NSR150 มาให้ดูกันครับ http://khairulfikri0.tripod.com/nsr_graf.jpg จาก graph ทำให้ผมแปลกใจว่าทำไมค่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไปตกอยู่ที่รอบเดียวกับรอบที่แรงม้าสูงสุด จากคุณ : TSY - [ 22 ก.พ. 52 07:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 กราฟไม่ออกอ่ะครับ เอามาโพสต์ในนี้ก็ได้ครับ #45 มีตัวอย่างง่ายๆอีกอันนึง เวลาเราอยู่ที่รอบ max torque แล้วเราขับรถขึ้นเขาแล้วรถเริ่มวิ่งไม่ไป ปกติเราทำไงครับ เรา shift เกียร์ต่ำลง รอบกลับขึ้นไปอยู่ที่ max power แต่รถกลับวิ่งขึ้นเขาได้ดีขึ้น ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าที่ max power มีแรงฉุดรถเกิดขึ้นมากกว่าที่ max torque ครับ อันนีผมว่าชาวบ้านสุดแล้วล่ะ ใครๆก็ทำกันมั้ง ผมด้วยคนนึง จากคุณ : S(2) - [ 22 ก.พ. 52 07:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 48 Post รูปอีกครั้ง จากคุณ : TSY - [ 22 ก.พ. 52 11:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เรียนถามคุณช่างกล-หนุ่ม..ในระบบเกียร์อัตโนมัติ จะพบปุ่มข้างคันเกียร์รูป..."หิมะ6แฉก"...มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง ใช้ในกรณีใดบ้าง ผมสงสัยว่ารถที่ใช้อยู่..กลไกมันยังทำงานได้หรือไม่ หรือถูกถอดออกไปแล้วแต่เหลือปุ่มไว้ดูเล่นเท่ๆ..ให้เจ้าของได้ปลื้มว่าใช้รถ"อิมปอร์ตจากยุโรป.." นับถือ จากคุณ : ARBUNG_GM - [ 22 ก.พ. 52 15:19:03 A:124.121.246.100 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 ^ ^ คำถามนี้ ควรแยกประเด็นตั้งกระทู้ใหม่ครับ แล้วผมจะบอกวิธี test ด้วย ผมเกรงใจว่าประเด็นกระทู้นี้จะเปลี่ยนไปครับ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 52 06:22:24 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ก.พ. 52 06:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คห 46 จาก graph ทำให้ผมแปลกใจว่าทำไมค่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไปตกอยู่ที่รอบเดียวกับรอบที่แรงม้าสูงสุด >>>>>>>>> (รูปของคุณไม่ขึ้นครับ) ไม่เห็นรูป แต่ผมเดาว่า จขกท จะถามว่า << ทำไมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำสุด "ไม่"ไปตกอยู่ที่รอบเดียวกับรอบที่แรงม้าสูงสุด ?? >> จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ก.พ. 52 06:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คห 47 เวลาเราอยู่ที่รอบ max torque แล้วเราขับรถขึ้นเขาแล้วรถเริ่มวิ่งไม่ไป ปกติเราทำไงครับ เรา shift เกียร์ต่ำลง รอบกลับขึ้นไปอยู่ที่ max power แต่รถกลับวิ่งขึ้นเขาได้ดีขึ้น ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าที่ max power มีแรงฉุดรถเกิดขึ้นมากกว่าที่ max torque ครับ >>>>>>>>>> อธิบายแบบชาวบ้านตามคำเรียกร้องไปแล้ว  ไม่รู้ว่าชาวบ้านจะสนใจอ่านไหม อ่านแล้วเข้าใจไหม ช่วยแจ้งผลการรับฟังให้ด้วยก็ดีนะครับ (ฮา) ผมเสริมคำอธิบายแบบชาวเทคฯ(นิค) ลงในรายละเอียดบ้าง จะเป็นไรไหม (ฮา) ในที่นี้ แรงฉุด คือ traction power คือ HP ***  HP เป็น function ของ (แรงบิด กับ โอเมก้า) -------- (1) โอเมก้า = 2Pi  x  n n คือ ความเร็วรอบต่อนาที เขียนเป็น สมการ  ดังนี้ HP = Mt x 2Pi x n  ......... (2) หรือ HP เป็นผลจาก "แรงบิด" และ "ความเร็วรอบ"  ..........(3) ดังนั้น เมื่อจะหาว่ามี traction ที่ rpm ใดๆ เราจะเอา "แรงบิด" @ specific -rpm  มาคิด ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแรงฉุด traction = F    ....... (4) ข้อสังเกต ที่รอบ max-HP ===> "แรงบิด" จะต่ำกว่า max-torque กรณีตัวอย่าง ขับรถขึ้นเขาที่รอบ max-torque  ---> ขึ้นไม่ไหว เรา shift เกียร์ต่ำ รอบเครื่องก็กระโดดไปถึง max-power ----> ขึ้นไหว เหตุที่รถขึ้นไหวหรือไม่ไหว เป็นผลมาจาก output-torque ที่ "เพิ่มขึ้น" ไม่ได้มาจาก max-power ให้แรงฉุดมากขึ้นครับ output-torque ที่เพิ่มขึ้น มาจาก อัตราทดเกียร์ต่ำ มีอัตราทดมากกว่า ====> ทำให้เราได้ แรงบิดเพิ่มขึ้น ครับ ดูภาพ คห. 42 และ 43 F = เท่ากัน แต่ Traction ที่ล้อไม่เท่ากัน .... เพราะอัตราทด หรือ คาดดีด ช่วยให้แรงเพิ่มขึ้น จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ก.พ. 52 06:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผมไม่แนะนำให้คุยกันด้วยตัวเลข ควรอธิบายด้วยสมการแบบพิชคณิต ไม่ต้องแทนค่าตัวเลขดีกว่าครับ   เราจะอธิบายได้ทุกจุดในรูปแบบนี้ HP = f (แรงบิด และ รอบ) อยากได้ตัวเลขละเอียด จะได้จาก ... สมการ-สุดท้าย หรือ  End-Form อย่างนี้   HP = T x n x const ถ้าเราอยากจะพล๊อตกราฟ ก็แทนค่าตัวเลขลงไปจะเขียนกราฟได้ทันที จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ก.พ. 52 07:10:58 ]