ความคิดเห็นที่ 1   วิธีอ่านในคู่มือครับ ข้อระวังคือ อย่าใช้ในสถาพถนนที่ ขึ้นเขา ลงเขา รถเยอะ ทางโค้ง จากคุณ : F22 & Be There เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 11:48:07

ความคิดเห็นที่ 2   อ้าว ในคู่มือมีหรอครับ หาไม่เจอน่ะครับ ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปดูใหม่ สรุปคือควรใช้ในที่ระนาบใช่มั้ยครับ ขอบคุณคร้าบ จากคุณ : TiGai Hood เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 12:24:34

ความคิดเห็นที่ 3   เอางี้ 1. กด ON ให้ไฟ CRUISE ติดก่อนเลยครับ 2. อยากล็อคความเร็ว ก็กด SET จะมีไฟสีเขียวอีกดวง โชว์ที่หน้าปัทม์ครับ 3. ยกเท้าออกจากคันเร่งได้เลย 4. อยากเพิ่มความเร็ว กด ACC เบาๆ 1 ครั้งแล้วปล่อย มันจะเพิ่มครั้งละ 1.6 กม./ชม. 5. อยากลดความเร็ว DECEL (มั้ง) เบาๆ 1 ครั้ง มันจะลดความเร็วครั้งละ 1.6 กม./ชม. -- ถ้าอยากแซง ทำได้ 2 แบบคือ 1. กดคันเร่งลงไปเลย พอแซงพ้น ยกคันเร่ง ความเร็วจะตกลงมาเท่าเดิม 2. กด ACCEL รถจะเร่งขึ้นเอง แต่มันเร่งแบบเต็มที่ เปลืองน้ำมันน่ะครับ พอปล่อย ความเร็วก็เท่าเดิม -- ถ้าอยากปลดล็อค 1. กด CANCEL 2. กด OFF 3. เหยียบเบรค การใช้งาน ควรใช้บนทางราบ ทางชันเช่นสะพานชันๆ แนะนำว่า ให้ปลด CRUISE ก่อน ไม่งั้น มันจะเร่งเครื่องเต็มที่ กินน้ำมันนะครับ จากคุณ : เด็กบูรพา เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 14:16:20

ความคิดเห็นที่ 4   ทุกอย่างมีในคู่มือหมดครับ ครั้งก่อนเคยมีเพื่อนสมาชิกท่านนึงถามว่า  ทำไมกระโปรงหน้าถึงกดปิดไม่สนิท  เลยเอามือกดลงไปตรงๆ  ฝายุบลงไปเลย ทั้งๆที่ในคู่มือบอกไว้ชัดเจน  ว่าวิธีปิด  คือ "ต้อง" ยกไว้สูงๆ ราวๆ 1 ฟุต  แล้วปล่อยให้ตกลงมาเลย   ซึ่งก็มีเขียนไว้ในคู่มือครับ ^_^ ปล. แต่บางอย่างอ่านแล้วงงนะ -_- จากคุณ : ผู้พิทักษ์กาลเวลา เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 14:18:16

ความคิดเห็นที่ 5   ถูกต้องครับ คู่มือนั้นมีมีรายละเอียดครบ แต่ผมอยากจะบอกว่า บางครั้ง คู่มือนั้น แปลแบบที่ใช้ภาษายากต่อการเข้าใจนครับ ผมยอมรับว่า ภาษาที่เขียนในคู่มือนั้น มันค่อนข้างเป็นภาษาที่ยากครับ และมันยากเกินไปสำหรับ มือใหม่ที่เพิ่งจะซื้อรถคันแรกในชีวิตมาใช้งานครับ จริง ๆ ระบบ Cruise ผมเองแทบไม่ค่อยได้ใช้เลยครับ ทั้ง ๆ ที่ผมใช้รถต่างจังหวัดค่อนข้างเยอะ แต่ผมรู้สึกว่า มันไม่เป็นธรรมชาติครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลามีรถที่วิ่งช้ากว่าอยู่ข้างหน้า หรือ เข้าทางโค้ง นอกเสียจากว่า เป็นทางที่ ตรงจริง ๆ รถน้อยจริง ๆ ถึงจะค่อยใช้ครับ ความเห็นส่วนตัว ผมว่า บ้านเรามันไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้นะ เพราะ มันมีทั้ง ทางโค้ง สะพาน รถบรรทุก รถวิ่งแช่ขวา เยอะแยะ เพราะ การที่ Set ระบบไว้ เจอรถคันหน้าขับแช่อยู่ ก็ต้องคิดว่า จะเอายังไง จะแซงดีหรือ เบรกดี หรือ เจอสะพานจะทำยังไง เพราะ อัตราเร่งจะเพิ่มขึ้นคล้ายกับเรา KICK DOWN เนื่องจาก ระบบจะต้องรักษาความเร็วที่เราตั้งไว้ เพราะฉะนั้น อย่างที่ คห 1 บอกครับ ระบบ Cruise ไม่ควรใช้ในสภาพ - ถนนมีความลาดชัน - ถนนมีทางโค้งเยอะ - ถนนมีลมแรง - ขณะฝนตก หรือ ถนนลื่น - ฯลฯ และที่น่าแปลกใจคือ ผมขับด้วยการใช้คันเร่งปกติ ประหยัดกว่าการใช้ ระบบCruise สาเหตุก็เพราะ อย่างตอนขึ้นสะพาน หรือ เจอทางโค้ง ถ้าเป็นเราขับเอง ก็จะปล่อยคันเร่ง แต่ถ้าเป็น Cruise มันใส่เต็ม ๆ ให้ความเร็วไม่ลดลงขณะขึ้นสะพานหรือทางลาดเพียงนิดเดียว ระบบ Cruise Control ของ CRV หรือ HONDA รุ่นอื่น ๆ  นั้นสามารถใช้ได้เมื่อความเร็วสูงกว่าหรือเท่ากับ 40 กม/ชม ครับ (แต่กับรถยี่ห้ออื่น อาจจะเริ่มที่ความเร็วต่ำกว่านี้ ซึ่งบางรุ่นสามารถตั้งได้ที่ 20 กม/ชม ด้วยซ้ำ) ขอเสริม จาก คห คุณ เด็กบูรพา หน่อยนะครับ ขณะใช้ Crise อยู่นั้น เมื่อต้องการเพิ่มความเร็ว สามารถทำได้ ดังนี้ครับ 1. กด ACCEL 1 ครั้ง อย่างที่คุณเด็กบูรพาบอกครับ ในแต่ละครั้ง ความเร็วจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.6 กม/ชม 2. กด ACCEL ค้างไว้ จนถึงความเร็วที่ต้องการ แล้วปล่อย ซึ่งเมื่อปล่อย ความเร็วค่าใหม่จะถูกจำเอาไว้ 3. เหยียบคันเร่ง จนถึงความเร็วที่เราต้องการแล้วกดปุ่ม SET เพื่อให้ระบจดจำความเร็วค่าใหม่ ในการลดความเร็วก็เช่นกันครับ 1. กด DECEL 1 ครั้ง ความเร็วจะลดลงประมาณ 1.6 กม/ชม อย่างที่คุณเด็กบูรพาบอกไว้ 2. กด DECEL ค้างไว้ ความเร็วจะลดลงเรื่อย ๆ และ เมื่อปล่อย ความเร็วใหม่จะถูกตั้งค่าโดยอัตโนมัติ 3. เหยียบเบรก จนความเร็วถึงระดับที่เราต้องการแล้วกด SET เพื่อตั้งค่าให้ระบบจำความเร็วใหม่ ทั้งนี้ ในขณะใช้ Cruise Control เราสามารถเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วได้ตามปกติ และเมื่อเราปล่อยคันเร่ง จนความเร็วลดลงเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่เราได้ตั้งไว้ ระบบ Cruise ก็จะเข้ามาทำงานตามปกติ ส่วนในการยกเลิกระบบนั้น มีหลัก ๆ 2 วิธีครับ ยกเลิก ชั่วคราว นั่นก็คือ ความเร็วยังคงอยู่ในระบบความจำ ซึ่ง การยกเลิกชั่วคราว สามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1. เหยียบเบรก ซึ่งถือเป็นการยกเลิกชั่วคราว 2. กด CANCEL ซึ่งเป็นการยกเลิกชั่วคราวเช่นกัน เมื่อใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง ไฟ Cruise Control บนหน้าปัดจะดับ 1 ดวง แต่ไฟ Cruise Main ยังคงติดอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ การยกเลิกชั่วคราว และหากเราต้องการกลับมาใช้ความเร็วครั้งสุดท้าย ที่เราตั้งไว้ คือ ให้กด RES 1 ครั้ง ความเร็วล่าสุดก็จะไปถึงระดับที่เราเคยตั้งไว้ ก่อนจะเหยียบเบรกหรือ กด CANCEL ส่วน วิธียกเลิกระบบถาวร ก็คือ กด CRUISE MAIN 1 ครั้ง ไฟระบบจะดับทั้งหมด นั่นก็คือ การยกเลิกระบบถาวรครับ จากคุณ : Mr.VTEC เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 17:30:59

ความคิดเห็นที่ 6   5555 เราก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยใช้ระบบนี้เลย ยังสงสัยอยู่ว่าติดตั้งมาทำไมเนี่ย ให้รถแพงเล่นซะงั้น  อิอิ ขอบคุณ คุณเด็กบูรพา กับ Mr.VTEC ที่อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ แต่สงสัยว่า....เราคงจะไม่ใช้อยู่ดี  ขับเองนี่แหละ ชัวร์ อิอิ ^___^ จากคุณ : มดสีเพลิง เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:06:58

ความคิดเห็นที่ 7   เชื่อไหมว่า -- วันศุกร์ ที่ผ่านมา ผมลางานครึ่งวัน ออกจาก บางนา กม.22 ตอนบ่ายสอง ขึ้นทางด่วนลงพระราม 2 ยิงยาวเพื่อไประนองครับ -- ตั้งแต่เลย มหาชัย มา ผมใช้ Cruise control เกือบตลอดทางครับ ล็อคที่ 110 กม./ชม. วิ่งเลนกลาง ไปเรื่อยๆ มีปลดบ้าง เวลาขึ้นสะพาน (ไม่งั้นมันซด เพราะเครื่องมันเร่งเอง) หรือ เวลาแซงรถช้าครับ  ขับจนถึง กุยบุรี ... เพื่อนจากระนอง โทร.มายกเลิก ก็เลยตัดสินใจยูเทิร์นรถกลับกทม.ทันที !!! -- ยูเทิร์นตอนสัก 5 โมงเศษแล้ว พอเริ่มมืด ลดความเร็วเหลือ 100 - 105 กม./ชม. ขากลับนี่ ใช้ Cruise control ได้ยาวกว่าขามาอีก เพราะรถน้อยกว่า ปล่อยมันวิ่งไปเรื่อยๆครับ -- ขับแบบนี้แหละ 523.3 กม. เติมน้ำมันไป 26.26 ลิตร จ่ายเงินค่าโซฮอลล์ 95 ไป 860 บาทเองครับ ... คิดแล้วก็ 19.93 กม./ลิตร น่ะครับ เห็นตัวเลขแล้วขนลุก รถตรูมันทำได้ยังไงหว่า รถ Civic นะครับ -- ส่วนหนึ่งยกให้ Cruise control ครับ เพราะถ้าใช้เท้าคุมเอง ไม่มีทางรักษาความเร็วได้นิ่งๆแบบนี้หรอก ... อย่างที่บอกครับ ขึ้นทางชัน ผมปลด Cruise เพื่อไม่ให้รถ Kick down ให้เปลืองน้ำมัน พอลงมา ก็เติมคันเร่งอีกนิด ให้ได้ความเร็วที่ต้องการ แล้วกด set ใหม่อีกทีครับ (จะไม่กด reset เรียกความเร็วเดิมคืนนะ เพราะมันจะ kick down อีก) จากคุณ : เด็กบูรพา เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 21:31:23

ความคิดเห็นที่ 8   สำหรับผมอายุใกล้ 50 เวลาขับเก๋งทางไกลเกิน 2 ชั่วโมงแล้วจะปวดเส้นประสาทหรือเอ็นอะไรไม่รู้ที่บนลูกสะบ้อเข่าขวาขึ้นมาทุกครั้งเลย แต่พอได้หยุดรถลงเดินกะเพลก 7-8 เก้าก็หายดี บางครั้งเป็นมากผมต้องพยามพับเท้าขวามาใต้เบาะแล้วใช้เท้าซ้ายมาเยียบคันเร่งแทนในช่วงถนนโล่งๆ 2-3 นาที เพื่อให้เท้าขวาได้พักและหายปวด มักพูดกับแม่บ้านเสมอว่า ถ้าเปลี่ยนรถใหม่จะต้องเลือกรถที่มี Cruise control เพื่อขาขวาจะได้พักบ่อยๆได้ Cruise control จึงเป็นออฟชั่นที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้จริงๆ จากคุณ : สมนึก เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 21:36:59 A:118.174.117.114 X:

ความคิดเห็นที่ 9   ขอถามครับ แล้วถ้าเรากด cruise ทิ้งไว้ตลอดเวลา โดยไม่ได้ set เพื่อตั้งความเร็ว จะมีผลเสียอะไรหรือป่าว ตอนแรกก็คิดว่าไม่มีผลเสีย แต่คิดไปคิดมา ถ้าไม่จำเป็นต้องปิด แล้ว Honda จะให้เรากดสองทีทำไม ก็ให้อยู่ mode นี้ตลอด แล้วพอเราต้องการวิ่งความเร็วไหนก็กด set ทีเดียว ไม่ง่ายกว่าเหรอครับ สงสัยๆ จากคุณ : mk096 เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 23:24:21

ความคิดเห็นที่ 10   ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้มากมาย บ้านนี้อบอุ่นเสมอครับ เหตุผลที่ถามเรื่องนี้มีอยู่ 2 ประการ ได้แก่ ... 1. บ้านผมอยู่ ม.สาริน มหาชัยไปทำงานสุวรรณภูมิ วิ่งเส้นพระราม 2 วงแหวนอุตสาหกรรม กาญจนา มอเตอร์เวย์ เข้าสนามบิน ซึ่งเส้นนี้ตอนออกจากบ้านและกลับบ้านนั้น โล่งมาาาาาาาาาก เลยรู้สึกว่าถ้าใช้ cruise ช่วยควบคุมระดับความเร็วน่าจะประหยัดน้ำมันได้ อันนี้ก็ตรงกับข้อมูลของคุณเด็กบูรพาเลยครับ 2. ระยะทางประมาณ 72 กม. ต่อเที่ยวใช้เวลาขับประมาณ 45 นาที เลยรู้สึกว่าไหนๆก็มี auto pilot กรายๆแล้วก็ .. เอาซะหน่อย .. จะได้พักขาด้วย ขอบคุณสำหรับข้อมูลเรื่องทางชันเพราะสะพานข้ามแม่น้ำเส้นนี้ (จำชื่อสะพานไม่ได้) ชันมากจริงๆ ถ้าใช้ cruise ขึ้นสะพานนี้สงสัยซดน้ำมันน่าดูเลย ขอบคุณทุกท่านครับพ้ม จากคุณ : TiGai Hood เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 08:32:18

ความคิดเห็นที่ 11   ผมทำงาน บางนา กม.22 เวลาไปหาแฟน ที่เพชรเกษม 81 ก็วิ่งวงแหวน นี่แหละครับ ส่วนมากก็เปิด cruise ตลอด จะปิดอยู่ 2 ช่วงคือ 1. ช่วงช้างสามเศียร (ช่วงนี้ทางชันหน่อยๆ) 2. ช่วงขึ้นสะพานแขวน (นี่ชันมาก) ถ้าใช้ Cruise ขึ้น อันตรายครับ มันจะ kick down เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วทางชันแบบนี้คันหน้าชอบเบรค เกิดคันหน้าเบรค ตอนรถเราเร่ง เดี๋ยวมีอุบัติเหตุครับ ทางที่ดี ปิดก่อนดีกว่าครับ พอเจอทางราบ ค่อยเปิดครับ จากคุณ : เด็กบูรพา เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 16:32:00

ความคิดเห็นที่ 12   คุณ mk096 ตอนแรก ที่ผมเพิ่งใช้รถที่มีระบบ Cruise Control ก่อนที่จะอ่านคู่มือ ผมเคยเข้าใจว่า พอความเร็วถึงที่เราต้องการ แล้วกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว มันก็จะทำงานเลย แต่จริง ๆ มันไม่เป็นเช่นนั้นครับ อย่างข้อมูลทั้งหมดข้างต้น มันต้องเปิด ปุ่มหลักก่อน ถึงจะ Set ความเร็วได้ ผมเข้าใจว่า คงเป็นเหตุผลเรื่องความปลอดภัยครับ เพราะ หากมีเพียงปุ่มเดียว หรือกดเพียงครั้งเดียว มันอาจจะมีการพลาดพลั้งไปโดนปุ่มโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจครับ การจับพวงมาลัยแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ บางคนจับที่ 10 และ 2 นาฬิกา บางคนจับบริเวณ 3 และ 9 นาฬิกา บางคนจับที่ 11 และ 1 นาฬืกา บางคนจับมือเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาวิ่งทางไกล เราอาจจะเปลี่ยนลักษณะการจับพวงมาลัยได้บ่อยกว่าปกติ ส่วนผม เวลาวิ่งทางไกล ชอบจับแบบ โอบปิดไปบริเวณ ปุ่มปรับเครื่องเสียง และ ปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ไม่รู้นะครับ โดยส่วนตัวเห็นว่า การจำแบบนี้ มันสะดวกดี ไมว่าจะ ควบคุมเครื่องเสียง ก็แทบไม่ต้องละมือ หรือ แม้แต่การจะกดแตร ก็แทบไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย แต่ การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องและควบคุมรถได้มั่นคงที่สุด คือ การจับที่ 10 และ 2 นาฬิกา ครับ จากคุณ : Mr.VTEC เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:00:03

ความคิดเห็นที่ 13   ใช้เส้นทางใกล้เคียงกัน แต่ของเราสั้นกว่า จากช้างสามเศียร ไปออกถนนร่มเกล้า เข้าลาดกระบัง ไปกลับวันละ 90 km จากคุณ : jintin (jintinin) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 22:20:03

ความคิดเห็นที่ 14   ใช้บ่อยนะ แต่ว่า ที่คุณ Mr.VTEC บอกเรื่อง การเพิ่มหรือลดความเร็ว ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันมีวิธีแบบนั้นด้วย แหะ ๆ ต้องไปหาที่ลอง ซะหน่อย ปกติขับทางไกล เราถึงจะใช้ รู้สึกว่าประหยัดน้ำมันกว่านะคะ แต่เราใช้เวลาทางราบ ๆ อย่างคุณข้างบนว่าอ่ะค่ะ เคยใช้เวลาทางที่มีทางชันบางช่วง แล้ว มันไม่ชอบ เพราะว่าเสียงเครื่องยนต์ มันจะค่อนข้างดังมาก จนทนไม่ไหว กระทู้นี้ได้ความรู้จริง ๆ จากคุณ : @มะตูม@ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 01:23:20