ความคิดเห็นที่ 1 ลืมบอก...ขอสงวนสิทธิ์ให้กิ๊ฟแก่คนที่โหวต 2 เท่านั้นนะครับ ไม่ได้ลำเอียงนะ จากคุณ : จันทร์เย็น เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:14:57

ความคิดเห็นที่ 2 ซ้าย จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:18:41

ความคิดเห็นที่ 3 ครับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตราที่ 71-74 :: ลักษณะ 6 การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกหรือวงเวียน มาตรา 71 ภายใต้บังคับ มาตรา 21 และ มาตรา 26 เมื่อผู้ขับขี่ขับรถ มาถึงทางร่วมทางแยก ให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติดังนี้ (1) ถ้ามีรถอื่นอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถในทางร่วมทาง แยกนั้นผ่านไปก่อน (2) ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน และไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทาง แยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน เว้นแต่ในทางร่วม ทางแยกใดมีทางเดินรถทางเอกตัดผ่านทางเดินรถทางโท ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถ ในทางเอกมีสิทธิขับผ่านไปก่อน (3) ถ้าสัญญาณจราจรไฟสีเขียวปรากฏข้างหน้า แต่ในทางร่วมทางแยก มีรถอื่นหยุดขวางอยู่จนไม่สามารถผ่านพ้นทางร่วมทางแยกไปได้ ผู้ขับขี่จะต้อง หยุดรถที่หลังเส้น ให้รถหยุดจนกว่าจะสามารถเคลื่อนรถผ่านพ้นทางร่วมทาง แยกไปได้ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 53 17:20:59 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 53 17:20:05 จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:19:33

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นผม ผมจะหยุด แล้วให้เค้าไปก่อน แบบไม่มีเงื่อนใข จากคุณ : toutoune เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:20:16

ความคิดเห็นที่ 5 เหตุผลที่ให้กิ๊ฟเฉพาะคนที่โหวต 2 ครับ มาตรา 71 ภายใต้บังคับมาตรา 21 และมาตรา 26 เมื่อผู้ขับขี่ขับรถมาถึงทางร่วมทางแยก ให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติดังนี้ (1) ถ้ามีรถอื่นอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถในทางร่วมทางแยกนั้นผ่านไปก่อน (2) ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน เว้นแต่ในทางร่วมทางแยกใดมีทางเดินรถทางเอกตัดผ่านทางเดินรถทางโท ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางเอกมีสิทธิขับผ่านไปก่อน (3)(1) ถ้าสัญญาณจราจรไฟสีเขียวปรากฏข้างหน้า แต่ในทางร่วมทางแยกมีรถอื่นหยุดขวางอยู่จนไม่สามารถผ่านพ้นทางร่วมทาง แยกไปได้ ผู้ขับขี่จะต้องหยุดรถที่หลังเส้นให้รถหยุดจนกว่าจะสามารถเคลื่อนรถผ่านพ้นทาง ร่วมทางแยกไปได้ จากคุณ : จันทร์เย็น เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:20:54

ความคิดเห็นที่ 6 แต่ไม่ได้มีเจตนาตำหนิคนที่เข้าใจผิดนะครับ แต่อยากจะบอกข้อมูลที่ถูกต้องเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ถ้ามาจะเอ๋กันแล้วท่านให้รถทางอื่นไปก่อนโดยไม่มัวนึกว่าเราอยู่ซ้ายหรือขวา การมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทางก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเช่นกันครับ จากคุณ : จันทร์เย็น เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:24:52

ความคิดเห็นที่ 7 ผมอ่านข้อความของจขกท. และเข้าใจแล้วครับ แต่ผมให้รถทางขวาไปก่อนครับ  เหตุผลเพราะคนขับเค้าน่ารักอ่ะครับ  พี่น้องงงง.. จากคุณ : ทำใจนิ่งๆ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:28:58

ความคิดเห็นที่ 8 พึ่งไปสอบใบขับขี่มาครับ จำติดตา ให้ซ้ายไปก่อน จากคุณ : aoni เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:37:37

ความคิดเห็นที่ 9 แปลกแฮ๊ะ ... รถทางซ้าย เราต้องหลบด้วยเหรอ ... ? ก็มันเลยแยกไปแล้ว ต่อให้อยากหลบ ก็ไม่รู้จะหลบ อย่างไง ! จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:57:41

ความคิดเห็นที่ 10   พี่9 ก็ถ้าถึงแยกพร้อมกัน พี่ก็ให้รถที่อยู่ทางซ้ายมือเขาไปก่อนสิครับ เรื่องทางเอกทางโท บางแยกเขามีเส้นทึบ กับเส้นประน่ะครับดูง่ายหน่อย แต่ไม่ทุกแยกแปลกดี จากคุณ : ลองดู เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 18:58:56 A:202.139.223.18 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 11 กฏเมืองไทยแปลกดีแฮ๊ะ ของเราต้องให้ขวาไปก่อนหง่ะ หากเจอป้าย Give Way หรือไม่ว่าจะทางแยก วงเวียน ต้องให้รถทางขวาไปก่อนเสมอ จากคุณ : cyber-ta เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 19:34:47

ความคิดเห็นที่ 12 เอ่อ ผมก็ ให้ขวาไปก่อนแฮะ ส่วนซ้าย ที่มา ต้องรอเรา เพราะเราเป็นขวาของเค้า ปล. ผมคิดเอาเองจาก รถวิ่งเข้า/ออก วงเวียน ว่าให้รถในวงเวียน(ขวามือ) ไปก่อน จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 20:26:45

ความคิดเห็นที่ 13 ตามกฏหมายต้องให้รถทางซ้ายไปก่อนครับ หากไม่มีทางเอกทางโท แต่เชื่อไหมครับว่าแม้แต่ทางเอกทางโท ก็ยังมีผู้ไม่เข้าใจกฏหรือแกล้งไม่ เข้าใจก็ไม่ทราบครับ พยายามจะไปก่อนให้ได้เสมอ จากคุณ : mywish เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 20:59:19

ความคิดเห็นที่ 14 ใช่ครับท่าน ในวงเวียนให้รถซ้ายไปก่อน เพราะ นั่นหมายความว่า เราวนในวงเวียน ทางซ้ายมือเรา คือทางหลักครับ ให้เขาไปก่อนนั้น ถือเป็นเรื่องถูกต้อง และสมควร ครับผม แต่ ... หากเป็นสี่แยก ... จะให้รถซ้ายไปก่อน ผมว่า ไม่ทันแล้ว ครับ มันไปก่อนที่เราจะให้ทางเขาอีกครับ รถที่จะมา ก็มีแต่ทาง ขวาเท่านั้นแหละครับ ถ้ามีทางซ้ายมา แปลว่า ขับรถย้อนศรชัวร์ จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 22:30:06

ความคิดเห็นที่ 15 ููู^^^^^ ถ้าเป็นถนน 2 เลน ก็มีรถมาจากทางซ้ายได้เหมือนกันนี่ครับ จากคุณ : NJ THE KOP เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 22:39:50

ความคิดเห็นที่ 16 :) จากคุณ : น้องใหม่ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 23:03:52

ความคิดเห็นที่ 17 การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถทุกเส้นทางที่มาบรรจบทางร่วมทางแยกจะต้องลดความเร็วลง ให้อยู่ในอัตราความเร็วต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายอันอาจเกิดจากการชนกันระหว่างรถที่กำลังแล่นผ่าน หาใช่ว่าผู้ที่ขับมาในทางเอกจะใช้ความเร็วในอัตราสูง โดยขับผ่านทางร่วมทางแยกไปโดยปราศจากความรั้งรอ ไม่ว่าจะมีรถในทางเดินรถทางโทแล่นมาถึงพร้อมกันหรือไม่เมื่อจำเลยที่1 ได้ขับรถแล่นเข้าไปในทางร่วมที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ทั้งที่ควรลดความเร็วลงเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้น ทำให้ชนกับรถคันที่จำเลยที่ 2 ขับมา เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ ย่อมถือได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ด้วย แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 53 06:34:34 จากคุณ : พสธร เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 23:30:58

ความคิดเห็นที่ 18 เอ่อ...ผมก็งงป๋าหยึมแฮะ??? รถในวงเวียนสมควรได้ไปก่อนสิครับ ถ้ารถในวงเวียนให้รถนอกวงเวียนไปก่อน รถมันก็อัดกันเต็มวงเวียนพอดีและรถที่อยู่ในวงเวียนก็อยู่ดด้านขวา แม่นบ๋? ส่วนรถที่ 4 แยกให้ทางซ้ายไปก่อน หมายถึงในกรณีที่ต่างคนต่างหยุดที่แยกนะครับ แต่ถ้าเราเข้ามาก่อนแล้ว (และรถที่รออยู่มันตรงกับซ้ายมือเราพอดี นี่คือที่ป๋าหยึมเข้าใจป่ะครับ?) ก็ไม่ต้องหยุด ไปต่อได้เลย ตามกฎจราจรที่ยกมาน่ะครับ คือ 1.ใครมาก่อนไปก่อน 2.มาถึงพร้อมกันให้ทางซ้ายไปก่อน ครับ จากคุณ : จันทร์เย็น เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 23:33:31

ความคิดเห็นที่ 19 คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๔๖๑/๒๕๔๒ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวหรือไม่ และค่าเสียหายมีเพียงใดนายสุนทรและจำเลยต่างเบิกความยันกันว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายประมาทไม่ชะลอความเร็วและดูให้ปลอดภัยก่อนขับรถเข้าสู่สี่แยก แต่ได้ความจากพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นพยานโจทก์ว่าถนนตรงที่เกิดเหตุเป็นทางเอกทั้งคู่ไม่มีป้ายสัญญาณจราจร พยานได้ตรวจที่เกิดเหตุและทำแผนที่เกิดเหตุไว้ตามเอกสารหมาย จ.4 และนายวิโรจน์พนักงานอุบัติเหตุของโจทก์ได้ถ่ายรูปรถทั้งสองในบริเวณที่เกิดเหตุไว้ตามภาพถ่ายหมาย จ.5 โดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้ง ฟังได้ว่ารถทั้งสองคันชนกันในขณะที่รถยนต์เก๋งแล่นเลยจุดสมมุติกึ่งกลางทางแยกไปประมาณ 1.5 เมตร และรถยนต์กระบะแล่นเลยจุดสมมุติดังกล่าวไปประมาณ 0.5 เมตร จุดที่รถชนกันนี้อยู่ในช่องเดินรถของรถยนต์เก๋งซ้อนกับช่องจราจรของรถที่แล่นสวนทางกับรถยนต์กระบะซึ่งอยู่ในสี่แยกตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.4 ส่วนหน้าของรถยนต์กระบะชนที่บริเวณประตูหน้าด้านขวาและล้อหน้าด้านขวาของรถยนต์เก๋งตามภาพถ่ายหมาย จ.5 เห็นว่า บริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุต่างเป็นทางเอกตัดกัน ไม่มีป้ายสัญญาณจราจร ผู้ขับรถทั้งสองทางจึงต้องหยุดรอให้รถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกผ่านไปก่อน แต่พฤติการณ์ที่รถทั้งสองคันชนกันแสดงว่าต่างแล่นมาถึงสี่แยกในเวลาไล่เลี่ยกัน ยังไม่ได้ความชัดว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาถึงสี่แยกก่อนในกรณีเช่นนี้หากทั้งสองฝ่ายใช้ความระมัดระวังดูให้ปลอดภัยก่อนเข้าสี่แยกก็สามารถหยุดให้รถอีกฝ่ายหนึ่งแล่นผ่านสี่แยกไปได้โดยไม่เกิดเหตุชนกันขึ้นการที่รถทั้งสองคันเกิดชนกันเช่นนี้เห็นได้ว่าเกิดจากการที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีส่วนประมาทไม่ใช้ความระมัดระวังดูให้ปลอดภัยก่อนขับรถเข้าสู่สี่แยก และเป็นความประมาทที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ให้ค่าเสียหายของรถทั้งสองคันต่างตกเป็นพับกันไป จากคุณ : พสธร เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 23:43:55

ความคิดเห็นที่ 20 ชีวิตประจำวันจะเจอถนนเลียบทางรถไฟซึ่งมีการเดินรถแบบทางเดียวอยู่ 2 ฝั่ง ถ้าเป็นอย่างภาพ คันไหนควรจะได้ไปก่อนอ่ะคะ ตามลำดับน่ะค่ะ ขอมาถามแจมเป็นความรู้ค่ะ จะได้ขับได้ถูกต้องตามกฎ ^^ จากคุณ : เต้าฮวย น้ำขิง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 00:13:19

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นภาพวาดง่อยๆ ของตัวเองแล้วขำ ขออภัยในฝีมืออนุบาลนะคะ ขออธิบายเพิ่มเติมค่ะ คันเขียวจะตรงไป คันเหลืองจะเลี้ยวขวา คันม่วงจะเลี้ยวซ้าย บางวันเจอแบบคันเหลืองเลี้ยวขวามาเพื่อจะยูเทรินไปเลียบทางรถไฟอีก เจออย่างนี้ทีไร จอดนิ่งๆ ให้เค้าไปกันก่อนทุกทีค่ะ ^^" จากคุณ : เต้าฮวย น้ำขิง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 00:16:11

ความคิดเห็นที่ 22 คำพิพากษาฎีกาที่ 4151/2536 ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเลี้ยวตัดหน้ารถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับในระยะกระชั้นชิดขณะจำเลยขับรถแซงขึ้นหน้ารถของผู้ตายนั้น เห็นว่า การที่จำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงตามหลังรถผู้ตายโดยไม่เว้นระยะให้ห่างพอที่จะหยุดหรือหลบหลีกได้ทันเมื่อมีเหตุจำเป็น และขณะแซงก็มิได้ให้สัญญาณ จนเป็นเหตุให้รถจำเลยพุ่งเข้าชนรถผู้ตายขณะเลี้ยวขวาข้ามถนนตัดหน้ารถจำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในฐานะจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จำเลยจึงมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายดังฟ้อง จากคุณ : พสธร เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 00:32:06

ความคิดเห็นที่ 23 #20 ขอออกตัวว่าผมไม่ได้เชี่ยวชาญการตีความกฎหมายนะครับ แต่เปิดกระทู้นี้ขึ้นเพราะเห็นว่ามีการเข้าใจผิดเรื่องนี้เยอะมาก (ดูผลโหวตโลด) เท่าที่ดูภาพที่วาดมานะครับ รถสีแดงไปได้เลยหากมีป้ายเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด อย่างไรก็ดี ก่อนเลี้ยวต้องดูรถจากทิศอื่นๆ ก่อน หากเห็นว่าปลอดภัยจึงเลี้ยว คันสีเขียวและเหลือง ใครมาถึงจุดร่วมแยกก่อนก็สมควรให้ฝั่งนั้นไปก่อน หากเป็นตามภาพนี้จริง รถสีเหลืองสมควรได้ไปก่อน แต่หากรถสีเขียวข้ามทางรถไฟไปยังจุดร่วมแยกอีกฝั่ง ก็สมควรให้รถสีเขียวไปก่อนครับ ผมถือว่าข้ามมาอยู่ตรงกลางแยกแล้วและหากมีรถตามรถคันสีเขียวหลายคัน ก็จะทำให้กีดขวางเลนสีแดงไปด้วย ผมก็งงๆ นะ คิดตามที่จินตนาการเองว่าหากผมอยู่ ณ จุดนั้น ตนเองสมควรจะทำยังไง แต่ถ้าว่าด้วยกฎหมายแล้ว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารถที่วิ่งข้ามแยกเลียบทางรถไฟต้องให้ใครไปก่อน อ้อ! แต่ถ้าเลนที่รถสีเขียวอยู่เป็นทางเอกก็ไปก่อนเลย ถ้าไม่ใช่ก็รอครับ จากคุณ : จันทร์เย็น เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 03:29:11

ความคิดเห็นที่ 24 ชัดเจนดีค่ะ มีกรณีศึกษาและได้ความเห็นของคนอื่น ๆ ด้วย แบบว่าสอบใบขับขี่มาแต่ไม่ได้ขับรถจนลืมกฎจราจรหมดแล้วอะ เลยยิ่งไม่อยากขับเข้าไปใหญ่ '- - มีกระทู้ทำนองนี้บ่อย ๆ ก็ดีนะคะ จากคุณ : atihasita เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 04:54:31

ความคิดเห็นที่ 25 ตาม คห 20 ถ้าคันเหลืองจะเลี้ยวกลับรถเข้าทางรถไฟทางซ้ายของคันเขียว จะเป็นการเลี้ยว 2 ครั้ง ไม่ใช่การกลับรถ หลังจากเลี้ยวออกมาแล้วเค้าควรจะจอดรถรอให้คันเขียวไปก่อน เมื่อถนนว่างแล้วจึงค่อยเลี้ยว ส่วนคันน้ำตาล ถ้าไม่มีไฟแดง หรือมีป้ายให้เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดก็ไปได้เมื่อปลอดภัย แต่ที่อยากให้รณรงค์คือ เราควรจะหยุดรถเมื่อถึงทางร่วมทางแยกทุกคัน ทุกวันนี้เราไม่เคยสนใจป้าย "หยุด" ซึ่งจริงๆแล้วเราต้ิองหยุดรถให้สนิทมองซ้าย-ขวา แล้วค่อยออกรถ ถ้ามีรถใช้ทางแยกร่วมกัน ก็ตามกฏ "ซ้ายไปก่อน" ที่ชนกันกลางแยกก็เพราะวิ่งผ่านไปเฉยๆนี่แหละ จากคุณ : Miami_Dolphin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 06:25:23

ความคิดเห็นที่ 26 คำพิพากษาฎีกาที่ 410/2508 ผู้ตายโดยสารรถยนต์สามล้อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับผ่านวงเวียนใหญ่ไปตามถนนอินทรพิทักษ์เลยสะพานลาดหญ้าจะเข้าตรอกวัดใหญ่ศรีสุพรรณซึ่งอยู่ขวามือ ก็มีรถจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับสวนมาโดนกันบนถนนตอนที่อยู่ในตรอกวัดนั้น ขณะเกิดเหตุไม่มีรถอื่นถนนไฟสว่าง รถจำเลยทั้งสองเปิดไฟสว่าง ถนนตอนนั้นเป็นทางตรงย่อมเห็น ย่อมได้ยินกันได้แต่ไกล ไม่มีเส้นแบ่งครึ่งถนน ซึ่งบุคคลในภาวะที่ขับรถมาจะสวนกัน คนหนึ่งจะเลี้ยวเข้าทางแยกทางขวามือตน ซึ่งจะต้องข้ามทางของรถที่จะสวนมา และอีกคนหนึ่งก็จะต้องแล่นผ่านทางแยกนั้น และผ่านรถของคนแรกเช่นนั้น จักต้องมีความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ แต่จำเลยที่ 1และ ที่ 2 หาได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอไม่ กล่าวคือจำเลยที่ 2 จะเลี้ยวขวาเข้าทางแยกมิได้ระมัดระวังหยุดรถอยู่ในทางวิ่งของตน กลับเข้าไปหยุดรออยู่ล้ำเข้าไปในทางวิ่งรถจำเลยที่ 1 กีดขวางแก่การจราจรรถจำเลยที่ 1 เกือบ 1 เมตร จำเลยที่ 1 จะผ่านทางแยกและผ่านรถจำเลยที่ 2 มิได้ลดความเร็วลงให้ช้าพอสมควรให้พอหยุดรถได้ทัน หรือพอให้หักหลบซ้ายให้พ้นและแล่นเร็วมากครั้นจะผ่านตรอกวัดก็ได้เห็นรถจำเลยที่ 2 ตั้งแต่ยังห่าง 3-4 วา หรือ 6-8 เมตร  แต่จำเลยที่ 1 มิได้หยุดรถ มิได้หักรถหลบเพื่อมิให้โดน จนเมื่อมาห่างรถจำเลยที่ 1 สองวา หรือ 4 เมตร เห็นรถจำเลยที่ 2 เปิดไฟเลี้ยว จำเลยที่ 1 เพิ่งเบรค ความเร็วรถจำเลยที่ 1 มากเกินสมควรแก่ที่จะหยุดได้ทัน หรือหลบให้พ้นสำหรับระยะเช่นนั้น ทำให้ด้านขวาพ้น แต่ตอนกลางรถ (กระบะ) จำเลยที่ 1 ไม่พ้นและเฉี่ยวถูกด้านขวารถจำเลยที่ 2 เสียหาย ทำให้ปุ่มเหล็กปิดท้ายกะบะด้านขวารถจำเลยที่ 1 โดนหัวผู้ตายแตกตาย จำเลยที่ 1 และ ที่ 2 จึงเชื่อว่าขับรถประมาทและเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 53 10:39:27 จากคุณ : พสธร เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 06:59:04

ความคิดเห็นที่ 27 รถบ้านเรายึดหลักพวงมาลัยขวา ถึงสี่แยกพร้อมกัน ก็ต้องให้ฝั่งซ้ายมือไปก่อน ส่วนทางเอก หรือ โท นั้น  ใช้ได้จริงเฉพาะถนนหลัก ของกรมการขนส่ง แต่ในเขตที่ดินส่วนบุคคล หรือ หมู่บ้าน  เฉี่ยวชนกันขึ้นไม่พ้นที่จะโดนข้อหา ประมาทร่วม  หรือ ไม่ก็ไปสู้คดีกันเอง จากคุณ : ข้าวก่ำ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 07:01:08

ความคิดเห็นที่ 28 คำพิพากษาฎีกาที่ 722/2508 แม้ตรงสี่แยกในทางของนาวาเอกประยูรจะมีป้ายให้หยุดก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าไม่มีรถยนต์ในทางสายที่ตัดผ่านหน้าหรือหากมีรถยนต์กำลังแล่นมาแต่ยังอยู่ในระยะห่างแล้ว รถในทางของนาวาเอกประยูรก็ไม่มีความจำเป็นต้องรอให้รถนั้นผ่านไปเสียก่อน ในเมื่อเห็นว่าจะผ่านไปได้โดยปลอดภัยข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อรถจำเลยที่ 1เข้าชนรถนาวาเอกประยูรนั้น รถนาวาเอกประยูรได้แล่นพ้นจุดกึ่กลางทางร่วมสี่แยกกำลังจะเข้าถนนศรีอยุธยาอยู่แล้ว จำเลยยังอยู่ห่างสี่แยกชอบที่จะห้ามล้อชลอความเร็วให้รถนาวาเอกประยูรผ่านไปเสียก่อน ซึ่งถ้าหากจำเลยที่ 1 ขับรถมาด้วยความเร็วปกติและใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ก็อาจห้ามล้อได้ทันและไม่อาจชนกันได้ จึงเห็นได้ว่าเหตุที่รถชนกันขึ้นนี้เพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียว จากคุณ : พสธร เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 07:03:59

ความคิดเห็นที่ 29   เอ่อในวงเวียนรถขวาไปก่อนสิครับ หรือภาษาชาวบ้านก็รถในวงเวียนไปก่อน ก็เขามาทางขวาของเรานั่นเอง จากคุณ : ลองดู เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 07:28:01 A:202.139.223.18 X: TicketID:008482

ความคิดเห็นที่ 30 ตามมาอ่านช้าไปหน่อย แต่ก็อยากขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ ^^ จากคุณ : เต้าฮวย น้ำขิง เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 02:06:32

ความคิดเห็นที่ 31 `อเมริกา  ใครมาก่อน ได้ไปก่อน จากคุณ : __เคน (tong_vw) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 18:01:05