PANTIP.COM : V12317985 จะเอาจักรยานขึ้นรถไฟไปปั่นเชียงใหม่ ... ขอคำแนะนำครับ [จักรยาน]

ความคิดเห็นที่ 13

มาแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ เคยนำจักรยานขึ้นรถไฟสายเหนือและสายอีสานหลายครั้ง ทั้งเสือหมอบและเสือภูเขา

1. ก่อนซื้อตั๋ว ต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่า รถไฟขบวนนั้นมีตู้สัมภาระ
2. ซื้อตั๋วให้คนแล้ว นำจักรยานไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สัมภาระ จะได้ตั๋วนำไปติดที่รถ และตั๋วสำหรับให้เจ้าหน้าที่ตรวจ

หากเจ้าหน้าที่ออกตั๋วสัมภาระถามว่าจักรยานหนักเท่าไหร่ ให้ตอบว่า 10 กก. หรือน้อยกว่า เพราะหากเกิน 10 กก. จะเสียค่าระวางเพิ่มขึ้น

ค่าระวางก็ประมาณนั้นแหละค่ะ คันละ 80-90 บาท
3. ถ้าไม่ได้ขึ้นจากต้นทาง (สถานีกรุงเทพ) ให้ถามเจ้าหน้าที่ว่าเวลารถไฟมา ตู้สัมภาระจะจอดตรงไหน ให้ไปยืนรอตรงนั้น เพราะรถไฟจะจอดแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น หากรอผิดที่ กว่าจะเข็นไป กว่าจะยกขึ้น อาจไม่ทัน
4. การนำจักรยานขึ้นไปผูกเอง เป็นการมั่นใจว่าจักรยานจะได้รับการดูแลอย่างดีด้วยตนเอง หากทิ้งให้เจ้าหน้าที่นำขึ้นไปให้ นอกจากจะเสียค่าบริการมากขึ้นแล้ว อาจจะต้องเจ็บใจภายหลัง
5. เชือกที่เตรียมไปผูกควรเป็นเชือกนิ่ม ๆ เพื่อป้องกันจักรยานเป็นรอย ปกติแล้วจะใช้ผ้า (คล้าย ๆ ที่ผูกเอวกางเกงกีฬา แต่เส้นใหญ่กว่า) นอกจากนั้นอาจเตรียมผ้าไปห่อหุ้มป้องกันรอยบริเวณอื่น ๆ ด้วยก็ได้
6. ถ้าตู้สัมภาระว่าง ก็จะได้จอดพิงข้างฝา (เป็นไม้) มีราวสเตนเลสให้ผูก ถ้าโชคไม่ดีตู้สัมภาระมีของมาก ก็ต้องหาที่อื่นแทน ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะชี้จุดให้ ไม่เกะกะสัมภาระอื่น ๆ ที่อาจต้องขนลงก่อน
7. เมื่อผูกจักรยานแน่นหนาดีแล้ว เก็บอุปกรณ์ที่ถอดได้ง่าย เช่น ไมล์ ไฟ กระติกน้ำติดตัวไปด้วย
8. หากลงก่อนถึงสถานีสุดท้าย (แต่ในกรณีนี้เป็นเชียงใหม่ คงเป็นสถานีสุดท้ายปลายทาง) ต้องไปที่ตู้สัมภาระก่อนถึงสถานีปลายทางที่จะลง เพื่อแกะเชือกและนำจักรยานลง เหตุผลก็เช่นเดียวกับตอนขึ้น รถไฟจอดสถานีละ 1-2 นาทีเท่านั้น หากรอจนถึงปลายทางแล้วค่อยเดินไป ก็ได้ลงสถานีหน้าแน่นอน

ของแถม: ถ้าเป็นตู้สัมภาระแบบประตูใหญ่เปิดข้าง ให้คนหนึ่งกระโดดขึ้นไปข้างบนก่อน แล้วคอยรับจักรยานทีละคัน (รวมกระเป๋าด้วย) แล้วคนหลังค่อยกระโดดขึ้นตาม แล้วค่อยขึ้นไปช่วยกันผูกจักรยานหลังจากขึ้นครบแล้ว ทั้งคน ทั้งรถ ทั้งกระเป๋า

ถ้าเป็นตู้สัมภาระแบบประตูตู้โดยสาร ให้ต่างคนต่างแบกจักรยานตัวเองขึ้น

ของแถมทั้งหมดนี้ หากขึ้นที่สถานีต้นทางก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีเวลาเหลือเฟือ

ต่อด้วยการเดินทางโดยรถทัวร์
1. ต้องไปดูถึงตัวรถ เลือกรถคันที่มีช่องเก็บสัมภาระประตูใหญ่ ซึ่งรถรุ่นใหม่ ๆ จะหายาก เพราะจะแบ่งครึ่งช่องสัมภาระเป็นประตูเล็ก และบางรุ่นให้ NGV ก็จะไม่เหลือช่องเก็บที่ใหญ่พอ
2. เมื่อได้รถคันที่ช่องเก็บสัมภาระใหญ่ ก็นำจักรยานไปที่รถ ถอดล้อหน้าล้อหลังให้พนักงาน ดูแลการจัดวาง (ตั้ง หรือ นอน แล้วแต่สัมภาระอื่น ๆ ด้วย) หรืออาจจะต้องจัดวางเอง
3. จากประสบการณ์ไม่เคยโดยบริษัทรถทัวร์ เรียกเก็บค่าระวาง แต่ให้ทิปพนักงานขับรถ หรือพนักงานติดรถ 100 บาท (2 คัน) แต่มีเพื่อน ๆ นักปั่นบ่นเรื่องค่าระวางรถทัวร์อยู่มาก เรียกได้ว่ายังไม่มีมาตรฐานสำหรับรถทัวร์
4. อุปกรณ์อื่น ๆ ที่อาจหลุดได้ง่าย เช่นกระติกน้ำ ไมล์ ไฟ ให้ถอดออก

ขอให้สนุกกับการเดินทางค่ะ

จากคุณ : Jamie_jtt

เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 21:43:16