ความคิดเห็นที่ 1 คำกล่าวของคุณ campaign ทำให้ผู้อื่นเข้าใจไขว้เขวได้อีก จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 15 ก.ย. 50 08:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การทำลายล้างของ โมฮัมหวัด เบนกาซิม       ปลายพุทธศตวรรษที่ 12 ขุนพลมุสลิมชื่อ โมฮัมหวัด เบนกาซิม ได้ยกทัพเข้ามาทางด้านตะวันตก เฉียงเหนือของอินเดีย โจมตีแคว้นสินธุ และแคว้นมลตานได้ แล้วยึดครองตั้งราชวงค์มุสลิมขึ้น        ตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 3 ศตวรรษ ที่พระพุทธศาสนาที่อยู่ในบริเวณนี้ถูกพวกมุสลิมทำลายลงจนหมอสิ้น ซึ่งในบริเวณนี้มีวัดวาอารามในพระพุทธศาสนาเป็นเรืองหมื่น ได้ถูกเผาผลาญอย่างย่อยยับ ปล้นสะดมภ์เอาทรัพย์สมบัติไป ส่วนพระภิกษุสงฆ์ต่างพากันหนีอพยพไปยังแคว้นมคธและ แคว้นเบงกอลเป็นจำนวนแสน -------------------- การทำลายล้างของมหหมุด      ได้ยกทัพรุกรานอินเดีย 17 ครั้ง และได้ออกคำสั่งว่า " จงไปลงโทษพวกที่บูชารูปเคารพ จงทำลายโบสถ์วิหารของมัน จงให้มันกลับใจมานับถือพระอัลลาห์"      กองทัพมุสลิมไปถึงที่ไหน พระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ก็ย่อยยับที่นั้น ประชาชนถูกบังคับให้ยอมรับนับถือศาสนาอิสลาม ถ้าไม่ยอมก็ถูกประหารทิ้งสิ้น      ฆาตกรรมครั้งที่ใหญ่ที่สุดคือ เมื่อมหหมุดโจมตีเมืองกัญญากุพชะ ได้ฆ่าคนไปประมาณแสนคน จับ เอาไปเป็นเฉลย 8 หมื่นคน เชลยเหล่านี้มหหมุดสั่งให้เอาไปขายเป็นทาสราคาคนละ 2 รูปีเท่านั้น นครกาบูลในอาฟกานิสถานของมหหมุดจึงเป็นตลาดค้าทาสที่ใหญ่ที่สุด ------------------ การทำลายล้างของ บักตยาร์ ขัลจิ       ราชวงศ์ปาละในแคว้นมคธและเบงกอล เป็นราชวงศ์สุดท้ายในอินเดียที่นับถือพระพุทธศาสนา ในช่วง ที่พุทธศตวรรษที่ 12-17 ซึ่งในขณะนั้นได้มีมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา ในมคธและเบงกอลหลายแห่ง คือ นาลันทาวิกรมศิลา โสมบุรี และอุทันตบุรี        ครั้นต่อมา เมื่อมุสลิมเข้ารุกรานจนได้ยึดอินเดียแล้ว ก็มักจะทำลายล้างศาสนาอื่น ๆ จนสิ้น ดังกรณีของขุนทัพบักตยาร์ ขัลจิ เข้าบุกเข้าทำลายมหาวิทยาลัยนาลันทาที่ใหญ่ที่สุด เก่าแก่ที่สุด มีชื่อเสียงมากที่สุด มีนักศึกษาเป็นจำนวนหมื่น มีพระอาจารย์บรรยาย 1500 รูป มีห้องประชุมขนาดใหญ่ซึ่งบรรจุผู้ฟังได้ถึงพันคนขึ้นไป มี 8 ห้อง มีห้องเรียนกว่า 300 ห้อง มีหอพักนักศึกษาในหมาวิทยาลัยพร้อมได้เผาตำราทั้งหมดทิ้ง ได้ฆ่าฟันทำลายชีวิตพระภิกษุสงฆ์ไปเป็นจำนวนมากส่วนพระสงฆ์ที่รอดตายได้หนีเข้าในเนปาลและธิเบตไป แล้วมุสลิมได้ปล้นสดมภ์ขนเอาทรัพย์สมบัติอันมหาศาลของชาวพุทธไป         นอกจากนี้ มุสลิมยังได้ยกทัพทำลายมหาวิทยาลัยวิกรมศิลาซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา เป็นที่รวมของวัด 108 วัด มีอาจารย์บรรยาย 800 ท่านมีนักศึกษาจำนวนหมื่น ยังมีตอนอินโดนีเซีย ครบรอบแผนการ 100 ปี กับ ในแอฟริกา  อีกนะ เรื่องที่ผ่านนนมาแล้วทิ้งมันไป เถอะครับ ลองหาประวัติศาสตร์ของมุสลิมก่อน คริสตวรรษที่ 11-12 อ่านดูสิครับ ว่าทำไมสมัยนั้นเค้าถึงคิดเลขอารบิก คิดกล้องดูดาว คิดปืนใหญ่ ได้ทั้งที่เป็นเรื่องนอกคัมภีร์อัลกุรอาน .... ขออนุญาตเผยแพร่ประวัติศาสตร์  นี่ไม่ใช่เรื่องศาสนาแล้วก็ไม่ได้ชวนทะเลาะ และขอจบแค่นี้ จากคุณ : หมูมันเยิ้ม - [ 15 ก.ย. 50 09:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สรุปว่าต้นตำหรับโจรกบฏคือใครกันแน่ครับ ขอข้อสรุปอีกนิดครับ - โมฮัมหมัด เบนกาซิม - บักตยาร์ ขัลจิ จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 15 ก.ย. 50 09:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 * เหอะๆๆๆ จนถึงป่านนี้แล้วแคมฯยังไม่ยอมรับเลยครับว่าคือนาย งง อวตารมาใหม่ ถ้ายอมรับก็เข้าตัวอีก เพราะ งง ลวงโลกไปว่าไม่นับถือศาสนาอะไร แต่แคมฯเป็นชาวพุทธแน่นอน . . . เรื่องความจริงจาก งง อย่าคาดหวังมากครับ * จากคุณ : ...ปรงๆ... (jordanKNIGHT) - [ 15 ก.ย. 50 10:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5 00000 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 50 11:26:07 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 50 11:25:50 จากคุณ : muk_22 - [ 15 ก.ย. 50 11:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านมีโองการที่ถูกประทานลงมาว่า [6.108]  และพวกเจ้าจงอย่าด่าว่า บรรดาที่พวกเขาวิงวอนขอ อื่นจากอัลลอฮ์ แล้วพวกเขาก็จะด่าว่าอัลลอฮ์เป็นการละเมิด โดยปราศจากความรู้ ในทำนองนั้นแหละ เราได้ให้สวยงามแก่ทุกชาติ ซึ่งการงานของพวกเขา และยังพระเจ้าของพวกเขานั้น คือการกลับไปของพวกเขา แล้วพระองค์ก็จะทรงบอกแก่พวกเขาในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน [6.109]  และพวกเขาได้สาบานต่ออัลลอฮ์หนักแน่นอย่างยิ่งว่า ถ้าหากมีสัญญาณหนึ่ง มายังพวกเขา แน่นอนพวกเขาจะศรัทธา เนื่องด้วยสัญญาณนั้น จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงสัญญาณทั้งหลายนั้นอยู่ที่อัลลอฮ์เท่านั้น ซึ่งการงานของพวกเขาและยังพระเจ้าของพวกเขานั้น คือการกลับไปของพวกเขา แล้วพระองค์ก็จะทรงบอกแก่พวกเขาในสิ่งที่พวกเขาจะทำกัน [6.110]  และเราจะพลิกหัวใจของพวกเขา และตาของพวกเขา เช่นเดียวกับที่พวกเขามิได้ศรัทธาต่อสิ่งนั้น ในครั้งแรก และเราจะปล่อยพวกเขาให้ระเหเร่ร่อนอยู่ในความละเมิดของพวกเขาต่อไป เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ให้ทำร้ายคนต่างศาสนา และผมยังอยาบทราบคำตอบจากคุณ campaign ว่า ต้นตำหรับโจรกบฏในความหมายของคุณ campaign คือใคร ลูกผู้ชายที่แท้จริง กล้าทำก็ย่อมกล้ารับครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 50 11:32:57 จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 15 ก.ย. 50 11:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 http://www.raknabee.com/index.php?option=com_content&task=view&id=5&Itemid=26&limit=1&limitstart=13 http://www.raknabee.com/index.php?option=com_content&task=view&id=5&Itemid=26&limit=1&limitstart=15 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%8D%E0%B9%8C http://www.google.co.th/search?hl=th&client=firefox-a&channel=s&rls=org.mozilla%3Aen-US%3Aofficial&hs=gll&q=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%94&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2&meta= จากคุณ : campaign - [ 15 ก.ย. 50 13:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ จากคุณ : pigX4 - [ 15 ก.ย. 50 17:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ก็ยังไม่มีหลักฐานอยู่เหมือนเดิม จากคุณ : Carroth - [ 15 ก.ย. 50 18:17:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นบีมูฮัมหมัดยังทำสงครามฆ่าคนเลย ใช่หรือเปล่า จากคุณ : tomotomo (tomotomo) - [ 15 ก.ย. 50 18:34:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่คุณ campaign ยกมานั้นคือ ประวัติของศาสนทูตมฺูฮัมมัดซึ่งไม่มีข้อความใดที่เขียนว่า "โจรกบฎ" ดังนั้น คำกล่าวหาท่านศาสนทูตนี้มาจากไหนครับคุณ campaign หรือว่ามาจากอคติของตัวคุณเอง คำกล่าวหาที่สุดท้ายแล้วก็ยังเลื่อนลอยเป็นปกติเช่นเคยนะครับ จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 15 ก.ย. 50 21:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จนกระทั่ง มาถึงสมัยของศาสดามุฮัมมัด สิ่งแรกที่ท่านปฏิบัติก็คือการทุบทำลายเทวรูปและเจว็ดรอบข้างกะอฺบะหฺจนหมดสิ้น และท่านก็ได้แสดงแบบอย่างของการทำฮัจย์ที่ถูกต้องให้บรรดาผู้ศรัทธาได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงวันนี้ ความชัดเจน คืออาคารกะอฺบะฮฺ ไม่ใช่ที่ประดิษฐานเทวรูป และบรรดาเจว็ดน้อยใหญ่ตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งแล้ว เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา ก็ต้องจัดการทำความสะอาดเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือครับ [2.125]  และจงรำลึกถึงขณะที่เรา ได้ให้บ้านหลังนั้นเป็นที่กลับมาสำหรับมนุษย์ และเป็นที่ปลอดภัยและพวกเจ้าจงยึดเอาที่ยืนของอิบรอฮีม เป็นที่ละหมาดเถิด และเราได้สั่งเสียแก่อิบรอฮีม และ อิสมาอีลว่า เจ้าทั้งสองจงทำความสะอาดบ้านของข้า เพื่อบรรดาผู้ทำการเฏาะวาฟ (เวียนรอบ) และบรรดาผู้ทำการ เอียติกาฟ (วิงวอนในมัสยิด) และบรรดาผู้ที่ทำรุกัวะ (โค้งคำนับ) และสุยูด (กราบ) [2.126]  และจงรำลึกถึงขณะที่อิบรอฮีมได้วิงวอนว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดทรงให้ที่นี้เป็นเมืองที่ปลอดภัย และโปรดประทานบรรดาผลไม้ให้เป็นปัจจัยยังชีพ แก่ชาวเมืองนั้นด้วย คือ ผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลกจากพวกเขา พระองค์ตรัสว่า ผู้ใดที่ปฏิเสธการศรัทธา ข้าจะให้เขาได้รับความสำราญชั่วเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ภายหลังข้าจะบีบบังคับให้เขาไปสู่การทรมานแห่งขุมนรก และเป็นจุดหมายปลายทางอันชั่วช้ายิ่ง [2.127]  และจงรำลึกถึงขณะที่อิบรอฮีมและอิสมาอีล ได้ก่อฐานของบ้านหลังนั้นให้สูงขึ้น (ทั้งสองได้กล่าววิงวอนว่า) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของ พวกข้าพระองค์โปรดรับ (งาน) จากพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้นทรงได้ยิน และทรงรอบรู้ จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 15 ก.ย. 50 21:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การกระทำชัดเจนอยู่แล้วตามลิงค์ แต่ลูกหลานโจรย่อมเข้าข้างหัวหน้าโจรอยู่ดี เปล่าประโยชน์จะทำให้โจรเข้าใจความเป็นโจรว่ามันชั่ว จากคุณ : campaign - [ 15 ก.ย. 50 23:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นโจรอย่างไรครับ กรุณาพิมพ์แจกแจงและอธิบาย เพราะดูเหมือนว่าไม่กล้าพิมพ์ขยายความออกมาเท่าไหร่ เพราะ link ที่ให้มามีแต่สรรเสริญในการกระทำที่ควรยกย่องและถูกต้องชอบธรรมครับ Battle of Badr Prior to the battle, the Muslims and Meccans had fought several smaller skirmishes in late 623 and early 624, as the Muslim ghazawāt had become more frequent. Badr, however was the first large-scale engagement between the two forces. http://en.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Badr สงครามบัดร์ สาเหตุของสงคราม ตอนนี่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้เป็นผู้ปกครองที่มีอำนาจสิทธ์ขาดของมะดีนะฮ์แล้ว ในระหว่างหกเดือนแรกที่อยู่ที่มะดีนะฮ์ท่านอยู่โดยสงบโดยไม่ถูกรบกวนแต่เมื่อท่านมีอำนาจมากขึ้นพวกกุร็อยช์ก็มีความอิจฉาริษยาและมีความเป็นปรปักษ์ต่อท่านมากขึ้นทุกทีจนถึงกับพยายามที่จะทำอันตรายท่านและสานุศิษย์ของท่านรวมทั้งชาวมะดีนะฮ์ที่ให้ที่พักอาศัยแก่ท่านและบรรดามุสลิมทั้งหลายในเมืองนั้นด้วย โดยถือว่าคนเหล่านั้นเป็นคนทรยศ ควรถูกลงโทษพร้อมกับท่านศาสดา ถึงแม้ว่าประชาชนชาวมะดีนะฮ์จะยอมรับว่าท่านเป็นศาสดาผู้เผยแพร่ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่มีความระแวงสงสัยและริษยา พวกนี้ไม่อาจทนเห็นศาสดามีอำนาจขึ้นมาได้จึงทำงานกันอย่างลับๆที่จะขับไล่ท่านออกจากเมือง คนพวกนี้ได้ร่วมมือกับพวกกุร็อยช์ ภายใต้การนำของอัดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัยยะฮฺ (Abdullah Umayyah) ผู้หวังว่าจะตั้งตัวเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ความหวังของเขาลดน้อยลงเมื่อท่านศาสดามาถึง ความร่วมมือของพวกมุสลิมแต่ในนามในเมืองนั้นได้ช่วยทำให้ฝ่ายศัตรูมีกำลังเข้มแข็งยิ่งขึ้น พวกยิวก็ได้เริ่มคบคิดกับพวกกุร็อยช์อย่างลับๆเหมือนกันในอันที่จะคอยขัดขวางมิให้ท่านศาสดามีอำนาจมากขึ้นได้ พวกกุร็อยช์ มักจะคอยดักปล้นสะดมคนเดินทางอยู่ที่นอกเมืองมะดีนะฮ์บ่อยๆ ท่านศาสดาได้ส่งกลุ่มคนเก้าคนโดยมีอับดุลลอฮ อิบนุ ญะฮฺช์ (Abdullah ibn Jahsh) ออกไปคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายศัตรู คนกลุ่มนั้นได้เข้าโจมตีกองคาราวานของพวกกุร็อยช์ที่นัคละฮ์ (Nakhlah) ใกล้เมืองมักกะฮ์ และฆ่าอัมร์ บิน ฮัฎรอมี (Amr bin Hazrami) หัวหน้าพวกกุร็อยช์ตาย เหตุการณ์ที่นัคละฮ์นี้ทำให้ความเป็นปรปักษ์ของสองฝ่ายทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 16 ก.ย. 50 00:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่เชื่อว่าคนที่มีจิตใจคิดอาฆาต หาเรื่องไม่หยุดหย่อน ผูกพยาบาทได้แม้แต่กับผู้เป็นศาสดา ซึ่งตัวเองก็ไม่เคยเจอ และไม่รู้จักจริง และที่สำคัญผู้เป็นศาสดาก็ไม่เคยมาตอบโต้ให้ร้ายอะไรเลย จะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความดีงามและเป็นสุขได้ ผมไม่คิดว่าการแสดงออกเช่นนี้ จะเกิดขึ้นจากผู้แสดงตนว่าเป็นผู้รู้ในศาสนา ไม่ว่าศาสนาใดทั้งสิ้น เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ ยังห่างไกลจากการเป็นศาสนิกชน คนผู้ปฏิบัติตนตามแบบอย่างของบรรดาศาสดาผู้มีคุณธรรมอันสูงส่ง ประโยชน์อันใดเล่าที่จะก่นด่าและให้ร้ายผู้เป็นศาสดาฝ่ายเดียวโดยไม่ละอาย และโทษทัณฑ์อันใดเล่าที่จะละเลิกความคิดที่ชั่วร้ายด้วยคุณธรรมความดีตามแบบอย่างแห่งศาสดาของท่าน ผู้ซึ่งท่านสรรเสริญ และว่าได้ถือปฏิบัติตาม จากคุณ : เจ้าชายเย็นชา - [ 16 ก.ย. 50 03:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 น้องดับบี้ครับ ในรูป คห 11 นั้น พี่มีความเห็นว่า............... แต่เดิมมีเหลืองอยู่ก็ดีสงบอยู่แล้ว ส่วนขั้นตอนจนมาถึงเขียวทั้งคู่ในรูปสุดท้ายนั้น เป็นเพราะเขียวเป็นผู้เขียนบันทึกในฐานะผู้ชนะหรือเปล่าครับ? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 16 ก.ย. 50 11:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอหลักฐานการบันทึกของพวกสีแดงหน่อยครับ คุณความคิดเห็นที่ 16 ผมก็อยากฟังความสองข้างเหมือนกันครับ จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 16 ก.ย. 50 11:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ท่านนบี ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนร่วมกับชาวอรับมักกะฮฺอยู่ถึง 40 ปี โดยไม่มีใครได้เคยเห็นว่าท่านนบี มีความสามารถทางด้านการปกครอง หรือเป็นนักพูด นักปรัชญา ไม่เคยมีใครรู้จักว่าท่านมีความรู้พิเศษในเรื่องใด ๆ อย่าว่าแต่จะคิดว่าท่านนบี จะเป็นนายพลได้ แม้แต่พลทหารก็ยังไม่เคยมีใครสงสัยว่าท่านจะเป็นได้ นอกจากจะเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่ท่านมีลักษณะนิสัยที่เป็นเลิศ มีบุคลลิกภาพที่ดึงดูด มีความซื่อสัตย์ และเป็นผู้ที่รักษาคำพูดเท่านั้น บรรดาผู้ที่รู้จักท่านนบี  ในสมัยนั้นรู้เพียงแต่ว่าท่านเป็นคนสงบเสงี่ยม สุภาพ รักความสงบ และดำรงตนอยู่ในความดีอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากที่ท่านนบี ได้ออกจากถ้ำครั้งสุดท้าย ท่านได้ออกมาพร้อมพระดำรัสจากพระผู้เป็นเจ้า หลังจากนั้นจึงจะมีผู้สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวท่านนบี ท่านเริ่มเทศนา ท่านกลายเป็นนักเทศน์ เป็นผู้สั่งสอน เป็นผู้สั่งการ และเป็นผู้เปลี่ยนแปลงสังคมที่ฟอนเฟะด้วยความชั่วร้าย เปี่ยมด้วยการทะเลาะวิวาท ชิงดีชิงเด่น ให้กลายมาเป็นประชาชาติตัวอย่างที่ทุกชาติต้องตะลึงในอัจฉริยภาพของท่านนบี เมื่อครั้งที่ท่านนบี เริ่มเทศนาใหม่ ๆ นั้น ชาวอรับต่างก็ประหลาดใจในความสามารถที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พวกเขามองเห็นท่านนบี เป็นนักเทศน์ที่มีโวหารเสนาะ ประทับใจ และน่าเชื่อถือ จนพวกเขาคิดว่าท่านนบี  กำลังใช้เวทย์มนต์คาถาแก่พวกเขา (เพราะพวกเขาเคยชินกับเรื่องภูติผีปีศาจ จึงคิดว่าท่านนบี  คงใช้วิธีการที่พวกเขากำลังนิยมกันอยู่ตามความเคยชิน) กล่าวกันว่าการพูดของท่านนบี  นั้นประทับใจ กินใจ และมีเสน่ห์ประหลาด จนผู้ที่เก่งในสำนวนโวหารในสมัยนั้นไม่กล้ายืนฟัง เพราะเกรงว่านิยมที่ตนเคยได้รับจะดับลง และเกรงว่าการพูดจาแบบท่านนบี  จะทำให้บัลลังก์ของเทวรูปที่เคยเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในแถบนั้นต้องพังทลาย กวีเอกหลายคนที่คิดจะเทียบรัศมีต้องหลบลี้หนีหน้าไปด้วยความอัปยศ ท่านนบี  ยังยืนกรานท้าทายให้พวกเขารวมหัวกันขึ้นมาแต่งบทกลอนที่คิดว่าประทับใจเข้ามาประชันกับท่าน แต่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิด และด้วยบารมีแห่งอัลกุรอ่านนี้เองที่ทำให้ท่านนบี ปรากฏตนอย่างสง่างามต่อหน้าฝูงชน โดยพวกเขายอมรับถึงความเป็นนักปรัชญา เป็นผู้ปฏิรูปสังคม และเป็นผู้ก่อกำเนิดวัฒนธรรมอันสูงส่งในแผ่นดินที่เคยมีแต่ความชั่วร้าย พวกอรับมักกะฮฺประหลาดใจในความสามารถของท่านมาก พวกเขาเคยรู้จักท่านนบี ว่าเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีแต่ความสุภาพ ไม่เคยแม้จะได้เรียนหนังสือ แต่กลับมาแสดงโวหารที่เปี่ยมไปด้วยวิทยปัญญา ท่านนบี  ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตได้ดีกว่านักประวัติศาสตร์เคยบันทึกไว้ แม้นผู้เรียนวิชานี้ก็ยังรู้น้อยกว่า ท่านนบี ได้เล่าถึงสาเหตุแห่งการล่มสลายของอาณาจักรต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ได้ดีกว่าผู้ที่เคยไปเรียนจากอียิปต์ ท่านนบี ได้กล่าวถึงการปฏิวัติสังคมในอดีต ท่านได้ยืนยันความถูกต้องของศาสนาต่าง ๆ ก่อนหน้าท่าน และได้เล่าถึงการแก้ไขบทบัญญัติในศาสนาเหล่านั้น ด้วยน้ำมือของมนุษย์เอง ท่านได้แยกแยะให้เห็นว่า ความถูกต้องอยู่ตรงไหน และอะไรเป็นความหลงผิด และใครเป็นสาเหตุแห่งความหลงผิดเหล่านั้น ท่านได้เป็นผู้ก่อตั้งกฏระเบียบสังคมด้วยกฏหมายจากอัลกุรอ่าน ท่านพูดถึงการจัดการ การจัดระบบเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์กับนานาประชาชาติ และกลายมาเป็นผู้นำที่สามารถนำประชาชาติที่ระเหเร่ร่อนในทะเลทรายให้มารวมตัวเป็นประชาชาติเดียวกันได้ในที่สุด ใครบ้างในสมัยนั้นจะคิดออกว่า คนธรรมดาที่รักความสงบ ที่เคยเป็นเพียงคนเลี้ยงสัตว์ และพ่อค้า ผู้ไม่เคยออกรบ (นอกจากเคยออกสังเกตุการณ์การรบของพวกเบดูอินเพียงครั้งเดียว) จะกลับกลายมาเป็นนักรบผู้กล้าหาญที่สามารถนำกองทัพเล็ก ๆ ไปสู่ชัยชนะเหนือพลพรรคที่มากกว่าหลายเท่าตัวได้ และใช้เวลาเพียง 9 ปี รวบรวมอรับเร่ร่อนทั้งหลายให้กลายมาเป็นประเทศอรับที่มีชื่อเสียงเป็นที่เกรงกลัวต่ออาณาจักรอื่น ๆ ทั่วโลกได้ เมื่ออายุ 40 ปี เป็นที่รู้จักกันว่า ท่านนบี  เป็นคนหนุ่มที่เก็บตัวไม่เคยสนใจกับการเมืองและการทหารมาก่อน แล้วจู่ ๆ ก็กลายมาเป็นแม่ทัพ เป็นนักการเมือง การปกครองระดับโลก ท่านนบี  สามารถเปลี่ยนแปลงความคิด ทัศนคติ และแนวทางการดำเนินชีวิตของชาวอรับไปสู่คุณธรรมความดี จากการบูชาเจว็ด พวกอรับกลายมาเป็นผู้ที่รู้จักพระเจ้าดีกว่าประชาชาติใด ๆ ในโลก จากความป่าเถื่อนกลายมาเป็นชนชาติที่มีอารยธรรม จากความตระหนี่เห็นแก่ตัวได้กลายมาเป็นผู้เสียสละ เป็นผู้ก่อตั้งไบตุลมานขึ้นแห่งแรกในโลก ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ปกครองประเทศชั้นนำในสมัยนั้น ท่านนบี  ก็มิได้ทำตัวเป็นเจ้านาย ไม่มีบัลลังก์ ไม่มีผู้อารักขา ใช้ชีวิตแบบคนจนอยู่กระท่อมดินมุงด้วยใบอินทผลัม นอนบนเสื่อ ยืนละหมาดเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเกือบตลอดทั้งคืน ให้เกียรติคนอื่น ช่วยเหลือคนทุกคน ท่านเป็นทั้งจักรพรรดิ์และกรรมกรในเวลาเดียวกัน ท่านขุดสนามเพลาะด้วยมือของท่านเอง ปะชุนเสื้อผ้าเอง ท่านไม่เคยอายที่จะยอมรับสภาพความเป็นคนจนจนถึงวาระสุดท้าย และท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเป็นผู้นำคนไม่ว่าจะระดับไหน ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนมีเงิน เพราะอำนาจอยู่ที่อัลลอฮ์ ศุบหฯ ไม่ใช่อยู่ที่เงินอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ ท่านนบี  เป็นแบบฉบับของผู้นำที่อัลลอฮ์ ศุบหฯ ทรงประทานมาให้เป็นตัวอย่าง และกลายเป็นความเมตตาแก่มวลมนุษย์ ดังอายะห์ ต่อไปนี้ ซึ่งมีความหมายว่า “และเรามิได้ส่งเจ้ามาเป็นศาสนทูต (เพื่ออื่นใดทั้งสิ้น) นอกจากเพื่อเป็นเมตตาธรรมแก่ชาวโลก (ทั้งมวล) ” 21:107 จากความเดือดร้อนและลำบากกว่าจะประกาศศาสนาของอัลลอฮ์ ศุบหฯ ได้สำเร็จ มุสลิมไม่มีวันจะตอบแทนบุญคุณของท่านได้เลย ขอเพียงให้ระลึกถึงท่าน ปฏิบัติตามที่ท่านสอน ประพฤติตนตามอัลกุรอ่าน และยกย่องสรรเสริญท่านนบี  ในทุกแห่งหน ก็น่าจะพอเพียงสำหรับผู้ตามอย่างพวกเรา จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 16 ก.ย. 50 11:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พวกโจรชั่ว ก็คือ โจรชั่ว แถอย่างไร ก็ลบล้างความจริงไม่ได้หรอก ชั่ว ก็คือ ชั่ว รู้อยู่แก่ใจ จากคุณ : yod_envi - [ 16 ก.ย. 50 14:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ^ ....ใช่ คนความคิดมันชั่ว คิดอีกกี่ปี หรือคิดจนตาย มันก็ยังคิดได้แต่เรื่องชั่วๆ อยู่นั้นเองงง จากคุณ : เพื่อนร่วมทาง - [ 16 ก.ย. 50 16:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มี campaign 2 คนแล้วเหรอ จากคุณ : Carroth - [ 16 ก.ย. 50 17:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมว่าพี่ มสมด. น่าจะไปตำหนิ คนที่ด่าศาสดาของศาสนาอื่นก่อน มองดูเหตุปัจจัยตามที่ศาสนาพี่สั่งสอนดีกว่านะครับ.....ผมว่าน่าจะดูดีกว่า จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกดุนยา - [ 16 ก.ย. 50 21:55:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พวกที่จะหาหลักฐานโจมตีนะครับ มีมากมายในหลักฐานจากฝ่ายอคติต่ออิสลาม ผมจะบอกให้ว่าเอามาจากนักบูรพาคดี หรือพวกตะวันตกที่ใส่ความคิดเห็นตัวเองบรรยายภาพชาวตะวันออก ซึ่งมาจากอิทธิพลที่หวาดกลัวอิสลาม ยกตัวอย่าง Sir William Muir http://en.wikipedia.org/wiki/William_Muir จากหนังสือ A Life of Mahomet and History of Islam to the Era of the Hegira หรือ The Life of Mahomet จุดประสงค์ของนักบูรพาคดีลึก ๆ แล้วคือ - a great deal of what was considered learned Orientalist scholarship in Europe pressed ideological myths into service, even as knowledge seemed genuinely to be advancing. - impressive collection of false notions about Islam. - These missions "openly" joined the expansion of Europe. - The use of false evidence to attack Islam was all but universal . . . http://www.islamic-awareness.org/Quran/orientalism.html [61.8]  พวกเขาปรารถนาที่จะดับรัศมีของอัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา แต่อัลลอฮ์เป็นผู้ทำให้รัศมีของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าพวกปฏิเสธศรัทธาจะเกลียดชังก็ตาม จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 16 ก.ย. 50 23:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สุดยอดเลยนบีเรา ขอก็อบได้ไหมครับ จขกท. แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 50 11:54:36 จากคุณ : fowleres - [ 17 ก.ย. 50 11:54:05 ]

ความคิดเห็นที่ 26 THE KING OF SEX. Oh....so good จากคุณ : the moon (บุษกรจันทร์) - [ 17 ก.ย. 50 20:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 17   ขอหลักฐานการบันทึกของพวกสีแดงหน่อยครับ คุณความคิดเห็นที่ 16 ผมก็อยากฟังความสองข้างเหมือนกันครับ จากคุณ : 21 25'N 39 49'E  - [ 16 ก.ย. 50 11:49:59 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ก็ในรูปมันไม่เหลือแล้วนี่ครับ จะหาเอกสารจากไหน? ก็ต้องดูจากสิ่งที่เห็นในปัจจุบัน ปกติการรบกันเขาก็ระบุอยู่แล้วนี่ครับ ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ แต่ผมสันนิษฐานจากรูปเอาว่า แต่เดิมก็สงบดีอยู่แล้ว ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ความคิดเห็นที่ 22   ผมว่าพี่ มสมด. น่าจะไปตำหนิ คนที่ด่าศาสดาของศาสนาอื่นก่อน มองดูเหตุปัจจัยตามที่ศาสนาพี่สั่งสอนดีกว่านะครับ.....ผมว่าน่าจะดูดีกว่า จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกดุนยา  - [ 16 ก.ย. 50 21:55:44 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ น้องเข้าใจอะไรผิดไปไหมครับ เห็นน้องดับบี้เอารูปมาโพสก็แสดงความเห็น เข้าใจว่าพี่มาหาเรื่องเหรอครับ? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 17 ก.ย. 50 22:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมอุตส่าห์ไกด์ไลน์ให้ว่าหลักฐานดิสเครดิตอิสลามมีเยอะแยะครับ แต่น่าเสียดายหลักฐานเหล่านั้นมาจากชาวตะวันตกผู้ทีอคติอยู่แล้ว จึงวัดความเป็นกลางยากหน่อย ไม่มีหลักฐานจากอาหรับพื้นถิ่นเลย ขยายความภาพครับ เหลือง เขียว อยู่ด้วยกันสงบดีอยู่แล้วครับ จากคุณ : 21 25'N 39 49'E - [ 18 ก.ย. 50 00:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โห..พี่ มสมด. อย่าดุจิ กัวอะ....... จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกดุนยา - [ 18 ก.ย. 50 05:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 30 Why do you have to delete my comment!!   If you don't agree with me , please give a reason. Or it is something wrong on this word "THE KING OF SEX" Or it is the true that you can not accept. too sad my friend. จากคุณ : He is my hero (X goD) - [ 18 ก.ย. 50 07:02:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Ha..Ha... I am right http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5828698/Y5828698.html จากคุณ : X goD - [ 18 ก.ย. 50 14:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ความคิดเห็นที่ 28   ผมอุตส่าห์ไกด์ไลน์ให้ว่าหลักฐานดิสเครดิตอิสลามมีเยอะแยะครับ แต่น่าเสียดายหลักฐานเหล่านั้นมาจากชาวตะวันตกผู้ทีอคติอยู่แล้ว จึงวัดความเป็นกลางยากหน่อย ไม่มีหลักฐานจากอาหรับพื้นถิ่นเลย ขยายความภาพครับ เหลือง เขียว อยู่ด้วยกันสงบดีอยู่แล้วครับ จากคุณ : 21 25'N 39 49'E  - [ 18 ก.ย. 50 00:10:37 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เห็นผมเป็นพวกกระหายสงครามต้องไปหาเอาจากเว็บที่รังเกียจพวกคุณมาหาเรื่องเหรอไง? คุณก็อยู่ส่วนคุณผมก็อยู่ส่วนผม ส่วนสงบหรือเปล่าก็ดูจากสถานการณ์จริง รูปเองสวยดีนะดับบี้ ข้าแถมให้ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 18 ก.ย. 50 17:27:48 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คนที่ตั้งกระทู้นี้เค้าไม่ได้ต้องการอะไรทั้งสิ้น นอกจากเพื่อให้คุณแคมเปญด่าคนที่เขาตั้งธงเอาไว้ให้ชัดๆ ดังนั้นจะยกหลักฐาน หรือประวัติศาสตร์อะไรมาอ้างก็เสียเวลาเปล่า มุสลิมมักอ้างศาสนาที่ตัวเองนับถือว่าเป็นศาสนาแห่งสันติ แต่พอเอาประวัติศาสตร์มาแผ่ให้เห็นว่า บรรพบุรุษตัวเองไปก่อกรรมทำเข็ญกับศาสนาอื่นเขาไว้ขนาดไหน ก็ไม่ยอมรับ เพราะบรรพบุรุษพวกนั้นทำไปในนามของศาสนาเดียวกับที่อ้างกันอยู่ปาวๆ ว่าเป็นศาสนาแห่งสันติ ไม่ค่อยพิจารณากันว่า จริงๆ แล้วบรรพบุรุษพวกนั้นทำถูกหรือผิดหลักศาสนาที่แท้จริง คิดแต่ว่า อะไรที่ใครก็ตามทำลงไปโดยอ้างศาสนาอิสลาม คนนั้นถูกหมด และสิ่งที่คนคนนั้นทำก็ถูกหมด อย่างงี้ใครจะทำเลวทำชั่วแค่ไหน แค่อ้างนามพระอัลเลาะฮ์ก็ได้งั้นสิ พวกคุณปกป้องศาสนาของพวกคุณด้วยวิธีนี้เหรอ ไม่เคยแยกแยะ อะไรคือบัญญัติของพระเจ้า อะไรคือกิเลสของคน แล้วพอใครมาแหย่ตรงนี้เข้าหน่อย ก็ท้าตีท้าต่อยเหมือนพวกนักเลงข้างถนนเลย "ไหน...คุณว่าใครนะ พูดให้ชัดๆ ซิ!" พอเค้าพูดให้ชัดๆ แล้วจะทำยังไงกับเค้าเหรอ แล้วพวกตัวเองที่เที่ยวไปโพสต์ด่าศาสดาของศาสนาอื่นไว้ล่ะ จะว่ายังไง คนนับถืออิสลามทำอะไรกับศาสนาอื่นไว้แค่ไหนก็ไม่ผิด นึกจะระเบิดพระพุทธรูปของศาสนาอื่นเล่นก็ได้ตามใจชอบ ฆ่าพระฆ่านักบวชของศาสนาอื่นได้ตามความอำเภอใจ แต่คนที่นับถือศาสนาอื่นอย่าได้บังอาจมาแตะคนที่นับถืออิสลามพวกนั้นเชียวนะ แม้ว่า เค้าจะตั้งข้อสงสัยหรือประณาม "คนบางพวกบางกลุ่มที่นับถืออิสลาม" ไม่ใช่ "ศาสนาอิสลาม" ก็ตาม เราไม่รู้นะว่า ศาสนาของพวกคุณสอนกันยังไง พวกคุณถึงชอบคิดแบบนี้ แต่ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และอีกหลายๆ ศาสนาทั่วโลก เป็นที่รับรู้กันว่า หลักศาสนาและสรณะสูงสุดในศาสนานั้น เป็นคนละส่วนกับคนที่นับถือศาสนานั้น การที่คนนับถือศาสนาเหล่านั้นไปทำความเลวความชั่วใดๆ ไม่ว่าจะโดยอ้างศาสนานั้นหรือไม่ก็ตาม ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าศาสนานั้นไม่ดี ในขณะเดียวกัน คนที่รู้หลักการของศาสนานั้นๆ เป็นอย่างดี เมื่อเห็นคนอื่นทำชั่วโดยเอาศาสนานั้นๆ ไปอ้าง ย่อมประณามคนเหล่านั้นว่าทำให้ศาสนามัวหมอง มุสลิมทำแบบนี้เป็นหรือไม่ จากคุณ : หนอนดาวเรือง (หนอนดาวเรือง) - [ 20 ก.ย. 50 00:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มุสลิมทำแบบนี้เป็นหรือไม่ ?? ไม่เป็นคับท่าน จากคุณ : X goD - [ 20 ก.ย. 50 18:29:00 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่ามันกลับกันนะครับ คุณหนอนดาวเรือง ลองอ่านดูซิ ในกระดานสนทนานี้ มุสลิม หรือใครที่หาเรื่อง? ตั้งแต่การระเบิดพระพุทธรูปหรือการก่อการร้ายภาคใต้ หรือแม้แต่ในกระดานสนทนานี้ เมื่อมีการทำผิดก็จะมีการตักเตือนกันเสมอ และดูเหมือนว่า จะมีพยายามรวมการกระทำผิดๆของคนในศาสนา มาเพื่อโจมตีศาสนา ทั้งๆที่ก็ไม่เกี่ยวกับแบบที่คุณว่า ลองไปดูการกระทำของเพื่อน ร่วมศาสนาของคุณ ในกระทู้นี้ สิ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5837413/Y5837413.html แล้วยังมีอีกหลายกระทู้ ที่ลามปามถึงศาสนา ศาสดา พระเจ้าอยู่เนืองๆ เหตุผลไม่มี หลักการไม่ต้อง ตั้งจะโจมตี พอตอบก็หายไป แล้วก็ทำใหม่ ผิดก็คือผิดถูกก็คือถูก ความจริงคือความจริงนะครับ พิจารณาเอาเอง จากคุณ : Carroth - [ 21 ก.ย. 50 10:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านแล้ว ชอบการอธิบายของคุณแมทท์ คุณ kheedes แม้จะไม่ทราบว่าผิดหรือถูกอย่างไร เพราะไม่ได้เป็นมุสลิม และยอมรับว่าไม่ชอบการประชดประชันของเพื่อนร่วมศาสนาของเราในห้องนั้น แต่เข้าใจ ว่ามันมีต้นสายปลายเหตุมาจากอะไร ไม่แปลกที่แต่ละคนจะมีสไตล์ที่แตกต่างกัน เราเองก็ไม่ใช่คนสุภาพ แม้ว่าเราจะชอบความสุภาพ ที่จริงแล้ว เราขอประณามคนทุกคนที่ทำเลวโดยอ้างศาสนา หรืออ้างหลักการของศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนิกของศาสนาไหนเราก็พร้อมที่จะประณาม ไม่มีใครในโลกนี้ที่ควรจะกร่างอยู่ได้ด้วยการอ้างสิ่งที่ดีงามอย่างศาสนามาสนองความเพ้อเจ้อของตนเอง มันพูดยากนะคุณ Carroth ในเมื่อคุณเองก็เข้ามาในห้องศาสนานี้ก่อนเราตั้งนาน คุณก็คงเห็นอยู่ว่า คนพุทธด้วยกัน เวลาที่มีใครพยายามบิดเบือนหลักการ หรือพยายามทำความไม่ชอบมาพากลให้เกิดแก่ศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ หรือแม้แต่การเอาศาสนาพุทธมาอ้างเพื่อจะข่มเหงคนอื่น (อย่างเรื่องการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ) เขา fight กันจะตายไป ดังนั้น ถ้าสมมุตินะคุณ Carroth ว่าเกิดมีใครอ้างศาสนาพุทธไปเบียดเบียน ฆ่าคนมุสลิม ระเบิดทำลายมัสยิดเล่นตามอำเภอใจ ก็คงมีคนพุทธด้วยกันไม่น้อยหรอกที่พร้อมจะต่อต้านและประณาม เพียงแต่เรื่องแบบนั้นมันไม่เกิดขึ้น เพราะศาสนาพุทธไม่เปิดช่องให้ แต่กรณีตาลีบันระเบิดพระพุทธรูป คุณว่ามีมุสลิมกี่ท่านในห้องศาสนานี้ที่โผล่ออกมาประณาม กรณีโจรก่อการร้ายภาคใต้ พี่น้องมุสลิมก็เลือกที่จะเงียบมากกว่าแสดงความคิดเห็น หรือไม่ก็บอกว่า ฉันไม่เกี่ยว ใช่หรือไม่ ตรงกันข้าม คนที่ออกมาประณามมุสลิมด้วยกันที่กระทำชั่วโดยอ้างศาสนา พวกคุณกลับถือว่าเค้าเป็นคนนอกศาสนา ใช่หรือไม่ คุณคิดว่า พี่น้องมุสลิมของคุณมีส่วนมากน้อยแค่ไหน ในการทำให้คนศาสนาอื่นเข้าใจพวกคุณผิด ในเมื่อการทำชั่วทำเลวทุกอย่างที่เป็นข่าวออกมา เขาอ้างว่าทำเพื่อศาสนาตลอด กลุ่มก่อการร้ายหลายๆ กลุ่มก็ตั้งชื่อที่อิงกับศาสนา ที่ไปฆ่าผู้หญิง ชาวบ้านที่ไม่มีทางสู้ ลองถูกจับได้สิ ก็ไม่พ้นอ้างศาสนาอีก แล้วแนวความคิดแบบนี้มาจากไหน ก็โรงเรียนปอเนาะ ถ้ามุสลิมพร้อมที่จะแสดงพลังในการต่อต้านสิ่งเหล่านี้อย่างชัดเจนและเป็นทางการเพียงพอ คนศาสนาอื่นที่คอยมาจับผิดพวกคุณก็จะเป็นแค่คนบ้า แต่ถ้าพวกคุณยังคงอธิบายอย่างนุ่มนวล มีเหตุผล แต่ไม่เคยยอมรับความจริงและไม่เคยมองเห็นสิ่งที่ผิดในการกระทำของพวกคุณเอง ก็พูดกันลำบาก ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ความจริงคือความจริงนะ ลองพิจารณาดู จากคุณ : หนอนดาวเรือง (หนอนดาวเรือง) - [ 22 ก.ย. 50 03:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 37 กรณีโจรก่อการร้ายภาคใต้ พี่น้องมุสลิมก็เลือกที่จะเงียบมากกว่าแสดงความคิดเห็น หรือไม่ก็บอกว่า ฉันไม่เกี่ยว ใช่หรือไม่ - ออกมาประณามครับ และถึงขั้น ตั้งกระทู้ประณามกันเลยทีเดียว เพียงแต่คนเลือกที่จะไม่อ่านซะมากกว่า ลองถามคุณ kala99 ดูได้นะครับ เพราะผมจำได้กระทู้ ประณามโจรที่ว่า คุณkala99 ตั้งเองเลย ไม่ใช่เพียงคนในห้องศาสนา ผู้รู้ของอิสลามในประเทศต่างๆ ออกมาประณามหรือแม้แต่ประกาศว่า ผู้ก่อการร้ายนั้นนอกศาสนากันเลยทีเดียว ก็อีกเช่นกัน เรื่องเหล่านี้กลับไม่มีคนสนใจ ผมเองก็เอาบทความ ที่ผู้รู้ได้ประณามการก่อการร้ายมาลงแล้ว หลายครั้ง ไม่เงียบครับ แต่ไม่ได้รับการสนใจมากกว่า ตรงกันข้าม คนที่ออกมาประณามมุสลิมด้วยกันที่กระทำชั่วโดยอ้างศาสนา พวกคุณกลับถือว่าเค้าเป็นคนนอกศาสนา ใช่หรือไม่ - คนที่ออกมาประณามมุสลิมที่ทำชั่วนั้น ก็ได้รับกสนับสนุนสิครับ ไม่มีใครมีสิทธิไปว่ามุสลิมด้วยกันว่านอกศาสนานะครับ น่าจะมีตัวอย่างสักกระทู้นะครับ แต่กรณีตาลีบันระเบิดพระพุทธรูป คุณว่ามีมุสลิมกี่ท่านในห้องศาสนานี้ที่โผล่ออกมาประณาม - เรื่องนี้มันเป็นความเห็นส่วนบุคคลนะครับ เพราะผมเองก็เป็นคนนึงที่รู้สึกว่ามันเป็นสิทธิของตาลีบันที่ทำได้เพราะมันเป็นของของเขา คุณเคยเห็นใครในห้องศาสนา ประณามพวกที่เอารูปศาสดามุฮัมมัดมาล้อเลียนบ้างหรือไม่? นั่นแหละครับ มันไม่ใช่เรื่องใกล้ตัวพวกคุณ พระพุทธรูปนั่นก็เช่นกัน ดังนั้นจะให้มุสลิมออกมาพร้อมใจประณาม มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องครับ เพราะถ้าวันนึง รัฐบาล ทุบทำลายมัสยิดที่ไม่มีคนใช้แล้วในประเทศไทย แน่นอนว่าคนพุทธทั่วไปก็คงไม่มีใครสนใจ เพราะขนาดสุสานมุสลิมเก่าหลายแห่งก็ถูกปรับเปลี่ยนกลายเป็น สถานที่อื่นก็มีขึ้นนี่ครับ มันพูดยากนะคุณ Carroth ในเมื่อคุณเองก็เข้ามาในห้องศาสนานี้ก่อนเราตั้งนาน คุณก็คงเห็นอยู่ว่า คนพุทธด้วยกัน เวลาที่มีใครพยายามบิดเบือนหลักการ หรือพยายามทำความไม่ชอบมาพากลให้เกิดแก่ศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ หรือแม้แต่การเอาศาสนาพุทธมาอ้างเพื่อจะข่มเหงคนอื่น (อย่างเรื่องการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ) เขา fight กันจะตายไป - ไม่ว่าใครถ้าเกิดมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นกับศาสนา ก็ย่อมมีการโจมตีและปกป้องหลักการเดิมของตัวเองทั้งนั้นครับ มุสลิมก็เช่นกัน กรณีแมทท์ก็เป็นตัวอย่าง ของการพยายามบิดเบือนอิสลาม และมุสลิมก็ออกมาปกป้อง ก่อการร้ายก็เช่นกัน มุสลิมก็ออกมาชี้แจงหลักการเดิมอยู่เสมอ แต่ที่คุณไม่พบว่ามันเกิดขึ้นบ่อย เพราะไม่มีพวกก่อการร้ายเข้ามาพยายามบิดเบือนศาสนาในเน็ตน่ะสิครับเลยไม่มีการตอบโต้กัน เหมือนกรณีที่มีสองฝ่าย ในศาสนาคุณเองตอบโต้กันอยู่ขณะนี้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครจะอ้างอะไร ก็แล้วแต่นั้น มันต้องพิจารณาจากคำสอนของศาสนานะครับว่า ศาสนาสอนเรื่องเหล่านี้ หรือศาสนาห้ามเรื่องเหล่านี้ บรรดาพวกก่อการหรือพวกที่อาศัยศาสนาเพื่อหาประโยชน์ ก็ย่อมมีความพยายาม ปิดบังอำพราง และอ้างสิ่งต่างๆ เพื่อทำผิดกันทั้งนั้น จะบอกว่าศาสนา หรือมุสลิมดีๆ คนอื่น มารับผิดชอบได้อย่างไร ในเมื่อการต่อต้าน และการชี้แจงสิ่งที่ถูกต้องมีอยู่เสมอ และมีอยู่เนืองๆ ด้วย เพียงแต่ไม่ได้รับความสนใจเท่านั้นเอง มุสลิมในห้องศาสนา แสดงพลัง ในการต่อต้านสิ่งผิดอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว และไม่เพียงแค่นั้น ในที่อื่นๆ มุสลิมก็ต่อต้านเรื่องเหล่านี้อยู่ แต่ไม่รู้ทำไมไม่มีใครสนใจ หรือจะต้องให้ออกมาประท้วง ถามว่าสถานฑูตของการก่อการร้ายอยู่ไหน? แล้วการชุมนุม รัฐจะให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่า จะปลอดภัย เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอด และนอกจากต้องพยายามชี้แจงและนำเสนอหลักคำสอนให้มุสลิม และผู้ไม่ใช่มุสลิมเข้าใจแล้ว ยังต้องมา ชี้แจงและตอบโต้พวกคนที่คอยมาโจมตีและจับผิดอิสลามอยู่เนืองๆ อีก คุณเองก็น่าจะเห็นอยู่บ่อยๆ ว่าคนประเภทนี้ เคยหลาบจำ หรือเคยอ่านความเห็นใดบ้าง เรียกได้ว่า พอระบายความใคร่เสร็จก็ออกจากกระทู้ไป กระทู้โจมตีของคนพวกนี้ก็กลบกระทู้ชี้แจงของมุสลิมไปเกือบหมดแล้วนะครับ หน้าที่ที่ทำได้ของมุสลิมในห้องนี้คือการต้องอธิบาย และชี้แจงหลักการต่างๆ นะครับ ส่วนการกระทำผิดของพวกที่ชอบอ้างศาสนา นั้น ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบก็ทำกันอยู่แล้ว แล้วก็ตายกันอยู่เนืองๆ ทั้งอิหม่ามทั้งครูมุสลิมก็โดนพวกนี้ ทำร้ายอยู่เรื่อยๆ ข่าวก็ออกอยู่เสมอๆ นี่ครับ มุสลิมในที่นี้ไม่เคยบอกว่าพวกที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ สังหารคนไม่เกี่ยวข้องไม่ผิด นะครับ ก็ประณามกันอยู่ แต่ที่บอกไม่ผิดคือศาสนานะครับ เพราะศาสนาไม่ได้สอนให้คนพวกนี้ทำ ไม่เคยเปิดช่องให้เกิดเรื่องเลวๆ แต่ เมื่อคนมันฝ่าฝืนไปทำ จะให้ผมบอกว่าศาสนาผิดได้อย่างไร ลองดูเองสิครับว่าห้องนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากคุณ : Carroth - [ 22 ก.ย. 50 14:14:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอแย้งอีกสองข้อนะ "ผมเองก็เป็นคนนึงที่รู้สึกว่ามันเป็นสิทธิของตาลีบันที่ทำได้เพราะมันเป็นของของเขา" มันเป็นของของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะคุณ Carroth การที่มีพระพุทธรูปอยู่ที่นั่น แสดงว่าพื้นที่แถบนั้นเป็นของพุทธมาก่อน มุสลิมเข้าไปยึดครองพื้นที่นั้นได้ภายหลัง แน่นอนว่าเขาจะอ้างยังไงก็อ้างได้ว่าเมื่อเขายึดได้แล้ว ทุกอย่างในที่นั้นก็ต้องเป็นของเค้า แต่ในความเป็นจริงคือ เขาควรอ้างความเป็นเจ้าของได้เฉพาะสิ่งที่มุสลิมด้วยกันสร้างขึ้นมา สิ่งที่เป็นของศาสนาอื่น และเป็นโบราณวัตถุ อันนั้นควรเป็นสมบัติของคนทั้งโลก นี่เป็นเรื่องของสามัญสำนึกและสติปัญญาของบุคคล ไม่ใช่เรื่องศาสนา คนพวกนั้นที่ระเบิดพระพุทธรูปทิ้งก็เพราะเขาโง่และบ้า แต่ที่เขาทำอย่างงั้น เขาอ้างศาสนา ถ้าคุณ Carroth สามารถยืนยันได้ว่าในศาสนาของคุณไม่มีหลักการให้มุสลิมคนไหนทำแบบนี้ คุณก็คงต้องยืนยันอย่างต่อเนื่องไปเป็นร้อยๆ ปี เพราะเพื่อนร่วมศาสนาของคุณทำแบบนี้โดยอ้างศาสนามาตลอดในประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม ปัญหาก็คือ ในศาสนาอิสลามมีหลักการที่ให้ทำลายรูปเคารพของศาสนาอื่น หรือฆ่านักบวชของศาสนาอื่นอยู่หรือเปล่า? เราไม่รู้ตรงนี้นะ อยากให้คุณตอบชัดๆ อีกที ถ้าคุณเคยตอบคำถามนี้จากคนอื่นไปหลายครั้งแล้วก็ขออภัย เราเพิ่งเข้ามาห้องนี้ไม่กี่เดือนเท่านั้น "ถ้าวันนึง รัฐบาล ทุบทำลายมัสยิดที่ไม่มีคนใช้แล้วในประเทศไทย แน่นอนว่าคนพุทธทั่วไปก็คงไม่มีใครสนใจ เพราะขนาดสุสานมุสลิมเก่าหลายแห่งก็ถูกปรับเปลี่ยนกลายเป็น สถานที่อื่นก็มีขึ้นนี่ครับ" มัสยิดที่ไม่มีการใช้งานแล้ว ถ้ามีคุณค่าทางศิลปกรรมเค้าก็อนุรักษ์ไว้ อย่างกรือเซะ ก็อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีไม่ใช่เหรอคะ ถ้าจะมีมัสยิดที่ไม่ใช้งานแล้วถูกทุบทิ้ง ก็ต้องเป็น case เดียวกับวัดร้างของพุทธ หรือโบสถ์ร้างของคริสต์ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน แล้วนายทุนก็ไปทุบทิ้ง นั่นเป็นเรื่องของธุรกิจซึ่งเกิดมาจากความละโมบของมนุษย์ ไม่ใช่ประเด็นทางศาสนา นายทุนทุกคนที่ทุบทำลายศาสนสถานเก่า เขาคิดแต่เรื่องเงิน เขาไม่เคยคิดว่าในหลักทางศาสนาของเขาต้องไม่ให้มีรูปเคารพหรือศาสนสถานของศาสนาอื่น ดังนั้นเขาไม่เคยอ้างศาสนาในการทุบวัดร้าง โบสถ์ร้าง หรือมัสยิดร้าง คนละประเด็นกันค่ะคุณ Carroth ส่วนสุสานมุสลิมเก่า ไม่มีคุณค่าอันใดเหนือกว่าสุสานจีนหรือสุสานคริสต์เก่าที่ถนนสีลม หรือสุสานชาวพุทธเก่าที่มีการปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่อื่น นี่เป็นสิ่งที่โดนทุกศาสนาเช่นกัน เสมอภาคกัน ในศาสนาที่ไม่มีรูปเคารพ สุสานจะสำคัญมากแค่ไหน เราไม่ทราบ แต่ในศาสนาพุทธ ยังไงพระพุทธรูปก็สำคัญกว่าสุสาน เปรียบเทียบกันยากมากนะ คุณ Carroth แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 50 23:39:03 จากคุณ : หนอนดาวเรือง (หนอนดาวเรือง) - [ 22 ก.ย. 50 23:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เพิ่งนึกได้อีกข้อนึง "กรณีแมทท์ก็เป็นตัวอย่าง ของการพยายามบิดเบือนอิสลาม และมุสลิมก็ออกมาปกป้อง" เราไม่ใช่มุสลิม เพราะฉะนั้นเราไม่รู้ว่าที่คุณแมทท์ออกมาอธิบายแต่ละสิ่งแต่ละอย่างนั้น เป็นการพยายามบิดเบือนศาสนาอิสลามหรือไม่ แต่มองจากมุมของเรา ซึ่งไม่เกี่ยวกับศาสนานะ เราคิดว่าถ้าสิ่งที่คุณแมทท์พูดไว้ทั้งหมด เป็นการบิดเบือนศาสนาอิสลาม ก็แสดงว่า หลักการที่แท้จริงของอิสลามนั้นเป็นตรงกันข้ามกับที่คุณแมทท์นำเสนอ ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงนะ มันก็เป็นความจริงที่น่ากลัวมาก และช่วยไม่ได้เลยนะคุณ Carroth ที่คนศาสนาอื่นส่วนใหญ่ในโลกนี้มองศาสนาอิสลามด้วยความรู้สึกอย่างที่คุณก็รู้ๆ อยู่ ขอย้ำตรงจุดนี้นะ ถ้าสิ่งที่คุณแมทท์พูดเป็นความจริง เราและอีกหลายๆ คนจะมองอิสลามและมุสลิมด้วยความสบายใจขึ้นมาก (คุณสามารถเช็คได้จากค.ห.ของคนในศาสนาอื่นที่มีต่อคุณแมทท์) แต่ถ้าสิ่งที่คุณแมทท์พูดเป็นเรื่องของการบิดเบือน นั่นคือไม่ใช่เรื่องจริง ก็ช่วยไม่ได้ที่มุสลิมจะต้องถูกมองด้วยความหวาดระแวง และถูกขนานนามว่าเป็น "ตัวปัญหา" ตลอดไป เพราะหลักการของศาสนาคุณมันเอื้อให้คนทั่วไปคิดอย่างงั้น ถ้าเป็นอย่างงั้น จะโกรธคนทั่วไปดี รึว่าจะลองคิดทบทวนในหมู่ผู้รู้ทางหลักศาสนาอิสลามด้วยกันเองว่า อะไรที่ไม่มีการสังคายนาเลยมาตลอดนับตั้งแต่องค์ศาสดาได้ประกาศศาสนาไว้นั้น น่าภาคภูมิใจหรือน่าเปลี่ยนมุมมองกันแน่ จากคุณ : หนอนดาวเรือง (หนอนดาวเรือง) - [ 22 ก.ย. 50 23:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 การมีพระพุทธรูปอยู่ในบริเวณนั้น ก็คือในประเทศของพวกเขาเอง ประเทศของบรรพบุรุษเขาเองครับ เพราะบริเวณนี้ผู้คนเข้ารับอิสลาม ไม่ใช่ถูกฆ่าทั้งหมดแล้ว มีคนเข้ามาอาศัยใหม่ พูดถึงมัสยิดกรือเซะก็น่าสนใจนะครับ เพราะมัสยิดนี้เป็น มัสยิดของคนที่นั่น คนเขาอยากจะบูรณะ เพื่อให้เป็นมัสยิดของเขา แล้วกรมศิลปากรหรือรัฐทำไมไม่ให้สร้างเป้นมัสยิดเหมือนเดิม นั่นแสดงว่ามันเป็นสิทธิของรัฐบาล ที่จะทำอะไรก็ได้ กับสิ่งของในประเทศ นี่คือสิทธิพื้นฐานที่ประเทศต่างๆ มีไม่ใช่เหรอครับ จะควรหรือไม่นั่นอีกเรื่อง แต่ถ้าถามว่ามีสิทธิมั๊ยย่อมมีสิทธิแน่นอน เพราะพระพุทธรูปนั้นไม่มีคนในพื้นที่เคารพหรือใช้เป็นสถานที่เคารพสักการะอีกต่อไปแล้ว เรื่องคุณค่าทางประวัติศาสตร์หรืออะไรนั่น มันเป็นเรื่องที่คนภายนอกกำหนดกันเอง ไม่จำเป็นต้องรัฐบาล หรือคนประเทศอัฟกันจะต้องคล้อยตามในเรื่องนี้ การที่จะอ้างว่านั่นเป็นสมบัติคนทั้งโลก ก็เป็นเพีนงคำอ้างของคนนอกประเทศนะครับ ไม่ใช่ใบเบิกทางหรือใบอนุญาตให้คนนอกประเทศไปมีสิทธิก้าวก่ายการตัดสินใจของคนอัฟกันได้ ส่วนเรื่องการทุบเพราจะเอาไปทำเป็นที่อย่างอื่นหรือทุบเพราะไม่ชอบในรูปปั้นรูปเคารพนั้น มันเป็นเรื่องการตัดสินใจของแต่ละคน ครับ แต่ผมกำลังพูดถึงสิทธิในการจะเก็บไว้หรือทำลายมันไปต่างหาก เรื่องสุสานหรือ พระพุทธรูปยิ่งแล้วใหญ่ มันแสดงให้เห็นสิ่งที่อยู่ในความคิดคุณ นั่นแหละครับ นั่นคือสุสานมีค่าน้อยกว่าพระพุทธรูป ก็เช่นเดียวกัน ตาลีบันก็ไม่ได้สนใจคุณค่ารูปสลักนั้นแต่อย่างใด เมื่อเขาคิดเช่นนี้ มีสิทธิอะไรไปบังคับเขา ให้คิดแบบเดียวกับคุณล่ะครับ มันเป็นตัวเปรียบเทียบได้ดีทีเดียว มันแสดงให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า ในขณะที่คุณมองพระพุทธรูปสำคัญกว่าสุสาน เขาก็มองพระพุทธรูปสำคัญน้อยกว่า ข้อเรียกร้องของเขานั่นเอง ส่วนเรื่อง รูปเคารพ วัด หรือนักบวชของคนนอกศาสนานั้น มีดังนี้ครับ ชัยคฺ  มุฮัมหมัด อัลมุคต้าร อัลชินกิฏียฺ  ผู้อำนวยการของ   ศูนย์กลางอิสลามของเซาท์เพลน ลับบอก เท็กซัส ได้กล่าวเกี่ยวกับหลักการอิสลามในเรื่องนี้ว่า “หนึ่งในกฎในการทำญิฮาดในอิสลามที่ท่านนบี ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวัสัลลัม ได้เน้นย้ำไว้อย่างมากคือ อย่าฆ่าสตรี เด็ก คนแก่ หรือนักบวชที่อยู่ ในโบสถ์ของเขา และห้ามตัดต้นไม้  อีกสำนวนหนึ่งของฮะดิษ ที่มีรายงานท่านได้กล่าวไว้ว่า..   อย่าฆ่าพ่อค้าและเกษตรกร ฮะดิษทั้งหมดข้างต้นนั้น ได้ห้ามอย่างเข้มงวด ในการฆ่า ลักพาตัว จับเป็นตัวประกัน ทรมานด้วยวิธีการใดๆ ต่อผู้ที่ไม่ใช่ศัตรู ในทางตรงกันข้าม มีกฎอื่นๆในการจัดการต่อศัตรูและนักรบ หากมุสลิมป้องกันตนเอง หรือป้องกันดินแดนของเขา เขาก็จะถือได้ว่าเป็นนักรบที่มีเกียรติ ซึ่งประกอบไปด้วยทั้งความกล้าหาญและความเมตตา และรักสิทธิของเชลยสงคราม และ แต่การนำโองการต่างๆ ในกุรอานไปปรับใช้และก่อให้เกิดความเสียหายนั้นถือเป็นคนละกรณีกัน เช่น กรณีการสังหารพระและเณรที่ผ่านมาในเดือนมกราคม 2547 และตุลาคม 2548 นั้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ยึดตามแนวของเบอร์ญิฮาดฯ หรือไม่ก็ตาม ก็ถือเป็นการละเมิดหลักการหรือบทบัญญัติโองการในบทอัลฮัจญ์ (22:40) อย่างชัดเจน ดังความว่า  “...และหากว่าอัลลอฮฺทรงขัดขวาง 'มิให้' มนุษย์ต่อสู้กันและกันแล้ว บรรดาหอสวดและโบสถ์ (ของพวกคริสต์) และสถานที่สวด (ของพวกยิว) และมัสยิดทั้งหลายที่พระนามของอัลลอฮฺถูกกล่าวระลึกอย่างมากมายต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน” จากโองการนี้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัรฺ อาทิ ดร.อับดุสซัสตาร์ ซาอีด และเชคมุฮัมมัด อับดุลลอฮฺ อัล-กอติบอธิบายว่า “บรรดานักบวชและศาสนสถานของชนต่างศาสนานั้นต้องได้รับความคุ้มครองจากมุสลิม ห้ามมิให้มีการทำร้ายหรือทำลายเป็นอันขาด” อ่านซะนะครับ มันชัดเจน ที่สุดแล้ว จากคุณ : Carroth - [ 23 ก.ย. 50 01:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณได้ศึกษา หรือเปล่าล่ะครับ ว่าอิสลามสอนอะไร แล้วแมทท์ บอกอะไร สิ่งใดที่ตรงกับอิสลาม และสิ่งใดที่บิดเบือนไป มันไม่ใช่แค่ที่คุณอ่านเมื่อไม่นานมานี้หรอกครับ การทำตัวเป็นที่น่าสนใจหรือ ทำตัวให้คนอื่น เชียร์นั้นทำได้ไม่ยาก แต่มันถูกหลักศาสนาหรือไม่นั่นมันอีกเรื่อง มันต้องอยู่ที่ว่าตรงไหนที่คุณว่า ตรงกันข้ามแล้วจะน่ากลัว ผมบอกแล้วครับว่าบิดเบือน ไม่ใช่ตรงกันข้าม ยกตัวอย่าง ครูบอกว่า 1+1=3 มันผิด แต่มีคนเอาไปบิดเบือนว่า 1+1=3 มันผิด แล้วเติมไปว่าอีกว่า 1+1=3 มันผิด เพราะครูสอนว่า 1+1=4 นี่คือตัวอย่างการบิดเบือนนะครับ ผมไม่ได้สนใจว่าจะมองอิสลามว่าเป็นตัวปัญหา เพราะคนที่มองแบบนี้มีไม่มาก อธิบายนิดหน่อยก็เข้าใจ และคนที่พยายามจะยัดเยียดว่าอิสลามคือตัวปัญหา ก็ยิ่งไม่น่าวิตก เพราะมักจะหมดสภาพไปเองเนื่องด้วยจำนนต่อหลักฐาน แหละเหตุผล ตั้งแต่ผมคุยในห้องศาสนามา คนที่บอกว่าอิสลามมีช่องโหว่ อิสลามเอื้อให้เกิดปัญหา หรืออิสลาม สมควรสังคายนาใหม่เพราะคำสอนไม่ดี ก็ไม่ปรากฎว่า มีคนไหนบอกได้ซะทีว่าที่มีปัญหาคืออะไร คำสอนตรงไหน อย่างไร เพราะอิสลามชัดเจนอยู่แล้ว ถึงไม่ต้องมีการสังคายนาอะไรทั้งสิ้นมาเป็นเวลาพันกว่าปี จากคุณ : Carroth - [ 23 ก.ย. 50 01:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 42 “บรรดานักบวชและศาสนสถานของชนต่างศาสนานั้นต้องได้รับความคุ้มครองจากมุสลิม ห้ามมิให้มีการทำร้ายหรือทำลายเป็นอันขาด” เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างงั้นพวกตาลีบันที่ระเบิดพระพุทธรูป หรือกองทัพมุสลิมที่ล้างผลาญมหาวิทยาลัยนาลันทาในอดีต รวมทั้งที่ก่อกรรมทำเข็ญกับคนต่างศาสนามาตลอดนั้น ก็เป็นผู้ละเมิดกฎบัญญัติของศาสนาอิสลาม เราเข้าใจถูกหรือไม่ ทีนี้ปัญหาต่อไปที่ขอความรู้จากคุณ ก็คือ การที่มุสลิมละเมิดกฎบัญญัติดังกล่าว มีความผิดมากน้อยเพียงใดในทางศาสนา เป็นความผิดเบาบาง เป็นสิ่งที่ควรได้รับการตำหนิอย่างยิ่ง หรือไม่สำคัญเท่าใดนัก เรียกว่าเป็น "บาป" ได้มั้ย ในหลักของศาสนาอิสลาม เพราะนี่จะเป็นข้อนึงที่ชัดเจนพอสมควรเลยหละว่ามุสลิมให้เกียรติต่อศาสนาอื่นมากน้อยแค่ไหน "ตั้งแต่ผมคุยในห้องศาสนามา คนที่บอกว่าอิสลามมีช่องโหว่ อิสลามเอื้อให้เกิดปัญหา หรืออิสลาม สมควรสังคายนาใหม่เพราะคำสอนไม่ดี ก็ไม่ปรากฎว่า มีคนไหนบอกได้ซะทีว่าที่มีปัญหาคืออะไร คำสอนตรงไหน อย่างไร เพราะอิสลามชัดเจนอยู่แล้ว ถึงไม่ต้องมีการสังคายนาอะไรทั้งสิ้นมาเป็นเวลาพันกว่าปี" ถ้าชัดเจนจริงยิ่งต้องนำเสนอให้มากๆ ใครเขาสงสัยอะไรก็เอาหลักการไปตอบเค้าให้ชัดๆ ในจุดนั้น เหมือนอย่างที่คุณตอบเรามา ซึ่งขอขอบคุณมาก แต่เราอ่านการตอบของมุสลิมหลายท่านนอกเหนือจากคุณ อ่านแล้วไม่เข้าใจ เขาตอบไม่ตรงคำถาม แล้วสรุปว่า อิสลามดีอยู่แล้ว เขาพร้อมที่จะแสดงความมั่นใจตรงนี้ แม้ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายกำลังโมโหโกรธาเขาสุดๆ case แบบนี้มีมาก จะให้ยกตัวอย่างก็พอได้ แต่เรามีเวลาเล่นเน็ตคืนหนึ่งๆ ไม่นานนัก ค่อนข้างขี้เกียจไปค้นเหมือนกัน สำหรับที่ผ่านมา เรายอมรับว่า อ่านการตอบของคุณ (ในกระทู้นี้) คุณ palmyra คุณ kheedes และคุณแมทท์แล้วเราเข้าใจ ถึงไม่ถูกใจก็เข้าใจ ถ้ามุสลิมมีวิธีการตอบคำถามต่อสังคมที่ดีกว่าที่ผ่านมา คืออย่างน้อยก็ตอบให้เคลียร์ได้ตามสื่อต่างๆ เหมือนที่คุณตอบเรา บรรยากาศของการอยู่ร่วมกันก็คงดีกว่านี้ จากคุณ : หนอนดาวเรือง (หนอนดาวเรือง) - [ 23 ก.ย. 50 02:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าฝ่าฝืนคือทำผิดมีบาปโทษนะครับ ความเป็นจริงการฆ่าผู้หนึ่งผู้ใดโดยปราศจากความผิดเป็นถือเป็นบาปใหญ่ในอัลกุรอานไม่อนุญาตให้ฆ่าคนบริสุทธิ์โดยไม่คำนึงว่าเขาหรือเธอจะนับถือศาสนาใดชีวิตของมนุษย์ทุกคนมีค่าตามคำสอนของกุรอานและทางนำของศาสดามุฮัมมัดคัมภีร์กุรอานกล่าวถึงเรื่องการห้ามฆ่าไว้ความว่า " และจงอย่าฆ่าชีวิตที่อัลลอฮฺทรงห้ามไว้ นอกจากด้วยสิทธิอันชอบธรรมเท่านั้นที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่สูเจ้านั้นก็เพื่อสูเจ้าจะได้ใช้สติปัญญา (กุรอาน6:151) และอัลลอฮฺยังได้ตรัสไว้อีกความว่าและจงอย่าฆ่าชีวิตที่อัลลอฮฺทรงห้ามไว้เว้นแต่เพื่อความยุติธรรมและผู้ใดถูกฆ่าอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้น เราได้ให้อำนาจแก่ผู้ปกครอง(ที่จะลงโทษอย่างเท่าเทียมกันหรือให้อภัย) ดังนั้นจงอย่าได้ล่วงเกินขอบเขตในเรื่องการฆ่า เพราะเขา (ผู้ถูกอธรรม) จะได้รับความช่วยเหลือ (กุรอาน17:33)และการฆ่าผู้หนึ่งผู้ใดโดยปราศจากความผิดเป็นถือเป็นบาปใหญ่เหมือนกับการฆ่ามนุษยชาติทั้งหมดและการไว้ชีวิตใครคนหนึ่งถือเป็นความดีเหมือนกับการไว้ชีวิตมนุษย์ทั้งหมด(ดูกุรอาน  5:32) เป็นบาปใหญ่ครับ จากคุณ : Carroth - [ 23 ก.ย. 50 03:14:55 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เคลียร์แล้วค่ะ ขอบคุณมาก ที่เคยทำให้คุณโกรธ (?) ในกระทู้กินหมู ขออภัยนะ จากคุณ : หนอนดาวเรือง (หนอนดาวเรือง) - [ 24 ก.ย. 50 00:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ครับไม่เป็นไรครับ และผมเองก็ขอโทษด้วยนะครับถ้าผมได้พิมพ์อะไรไม่ดีไป จากคุณ : Carroth - [ 24 ก.ย. 50 01:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าเรื่องกระทู้นั่น ส่วนนึงมันเป็นความเข้าใจผิดกับความบกพร่องของเราเอง ดังนั้นคุณไม่มีอะไรที่จะต้องขอโทษเรา ขอบคุณมากค่ะ คุณทำให้ภาพดีๆ เกี่ยวกับมุสลิมที่เราจำได้ตอนเป็นเด็กกลับมาอีกครั้ง แต่เราจะแหย่คุณอีก ถ้าหากว่าเราเจออะไรที่เราคิดว่าน่าสงสัยเกี่ยวกับอิสลามในกระทู้อื่นๆ เพราะยังมีอีกหลายประเด็นที่เราไม่เคลียร์เท่าไหร่ ขออนุญาตแหย่ล่วงหน้าก็แล้วกันนะ จากคุณ : หนอนดาวเรือง (หนอนดาวเรือง) - [ 24 ก.ย. 50 01:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ : Carroth คุณตำหนิและกล่าวร้ายว่าผมบิดเบือนอิสลาม ผมไม่เห็นมีมุสลิมผู้ใดในที่นี้ และสมาคมนักเรียนเกา่อรับ ทั้งโขยง  อธิบายให้ ชาวพุทธศาสนิกชน เข้าใจ อายะจากอัลกุรอานได้อย่างถูกต้อง ในเรื่อง "xxxคุยกับตัวอสุจิ"  คุณเองก็ไม่เข้าใจ  ปล่อยให้เขาล้อเลียนมาเป็นปีีๆ คุณมีหลักการอะไรว่าผมบิดเบือนอิสลาม  ยกตัวอย่างมาให้ผมเห็นสักข้อ ผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจ คุณคุยกับคุณหนอนดาวเรือง  แต่อย่าลามปามถึงผม โดยไม่มีเหตุผล  ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายเรื่อง การระเบิดพระพุทธรูป ให้คุณหนอนดาวเรือง  เข้าใจได้ ผมจะ อธิบายให้จะได้ไหม?   คุณหนอนดาวเรือง ครับ ลืมเรื่องประวัติศาสตร์ไปเลยครับ และผมต้องขออภัยด้วยถ้าการอธิบายผมไปขัดกับหลักศรัทธาทางพุทธศาสนา   เรื่องนี้ เป้นการเสียดายและศูนย์เสียปูชนียสถานของชาวพุทธศ่าสนิกชน ในแถบนี้   รูปปั้นหรือพระพุทธรุปเก่าแก่เช่นนั้น  เปรียบเทียบ ก็ คล้ายกับ ปีระมิด และ สฟิ้งค์ ของอียิปต์ และรูปปั้นใหญ่ๆ ในอียิปต์ ที่ ชาวอรับกราบไหว้บูชามาก่อน  แต่ชาวอียิปต์มีความรู้ดีมีการศึกษาทางโลก และการสมาคมกับโลกภายนอก  ดีกว่าสังคม ตอลิบาน    จึงเก็บปูชนีย์สถานเหล่านั้น ไว้เป็นสมบัติของชาติ  ไม่ใช่ไว้เคารพบูชา   เช่นเดียวกับมุสลิมในสมัยนี้ บางท่า่น ยัง นิยมดาวกับเดือนเสี้ยว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของผู้บูชารูปปั้นมาก่อน มาใช้เป้น สัญลักษณ์ ของศาสนาอิสลาม เรื่องนี้เป็นเหตุผลของความเจริญ ทางสังคม การเมือง และการศึกษา  ถ้าจะอธิบายในเรื่องความศรัทธา  ตอลิบาลนับถือศาสนาอิสลาม ตามประเพณีของชาวอรัยสมัยก่อนอิสลามรวมกับสมัยท่านศาสนฑูตมูฮัมมัด(ซุนนะห์)  ถ้าเราไม่เอาประวัติศาสตร์มาเกี่ยวข้องว่า ที่ตรงนั้นเป็นของใครมา่ ก่อน ชาวตอลิบาล   เปรียบก็เหมือนมุสลิมไปซื้อบ้านทีเป็นของเจ้าของที่เป็นพุทธศาสนิกชนมาก่อน  และในบริเวณบ้านนั้น มี พระพุทธรูป และศาลพระภูมิ  เมิ่อมุสลิม เป็นเจ้าของบ้านหลังน้นแล้ว  เขาจำเป็นต้องรื้อถอนศาลพระภูมิ และพระพุทธรูปออกท้งไป เพราะ ขัดกับหลักการศรัทธาของอิสลามทั้งนี้ เจ้าของบ้าน ปัจจุบันมีสิทธิใน การครอบครองบ้านหลังนั้น และสามารถจะรื้อถอนสิ่งใดภายในบริเวณบ้านได้ตามกฏหมาย   ชาวตอลิบาลนับถือศาสนาอิสลามอย่างไม่เอาสังคมภายนอกเลย จึงต่างจากชาวอียิปต์  ชาวตอลิบาล นับถือศาสนาอิสลามคล้ายๆ กับมุสลิมบางท่านในที่นี้ คือยึดอยู่กับประวัติศาสตร์สมัย1400กว่าปี และยังนิยมวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเขา  เรื่องการระเบิด พระพุทธรูปนั้นเป็นทั้งเรื่องการเมืองและศาสนาปนกัน ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจ และทำใจ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ชาวไทยเราเสียเขาพระวิหารให้กับเขมร ด้วยความนับถือ จากคุณ : แมทท์ - [ 9 ต.ค. 50 16:41:35 ]