ความคิดเห็นที่ 1 ต่อมาทางคริสต์ศาสนา ใช้ดาวห้าแฉกเป็นตัวแทนของพระเยซุ คือแต่ละแฉกแทนบาดแผลทั้งห้าแห่งบนร่างกายพระเยซูเมื่อโดนตรึงบนไม้กางเขน และเมื่อทางคริสต์ใช้เป็นตัวแทนของพระเยซู ฝ่ายมารนอกรีตเลยจัดการนำดาวห้าแฉกมากลับหัวทิ่มลง เหมือนกับที่จับไม้กางเขนกลับหัว และใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของพลังด้านมืด นั่นก็คือที่มาของดาวห้าแฉกกลับหัว  ดังนั้น ถ้าหากกล่าวถึงดาวห้าแฉกที่ชี้ขึ้น โดยทั่วไปจะหมายถึงพลังความคุ้มครองในด้านดี แต่ถ้าหากเป็นดาวห้าแฉกกลับหัว มันจะหมายถึงลัทธิซาตานไปโดยปริยาย จากคุณ : อับราม - [ 14 ธ.ค. 50 02:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับหัวแพะ Baphomet นี้เป็นปิศาจตัวหนึ่งที่ Knight of Templer หรือเหล่าอัศวินผู้พิทักษ์ถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องต่อสู้เพื่อรักษาคริสตจักรเอาไว้ (แบบเดียวกับสมาคมลับใน Davinci Code)  ซึ่งตามตำนานของ Knight of Templer   จะพรรณนาลักษณะของ Bephomet ไว้แตกต่างกันมาก รูปร่างไม่มีความแน่นอน คือมีทั้งเป็นกะโหลกมนุษย์  เป็นภาพกึ่งปิศาจแมว เป็นคนไว้หนวดเครา เป็นปิศาจมีเขาและมีปิก   แถมยังมีที่มาไม่เหมือนกันอีกต่างหาก (เพราะตำนานเกี่ยวกับ Baphomet มีมานานจนรุ่นหลังๆ ต้องมาตีความกันเอง) จนกระทั่งในปี 1854 Eliphas Levi  ผู้นำสูงสุดของ  Church of Satan ในฝรั่งเศสได้เขียนตำรำเล่มหนึ่งชื่อว่า Dogme et rituel de la haute magie   ซึ่งในเล่มนี้ Levi ได้วาดรูป Baphomet เอาไว้ โดยใช้แพะเป็นเค้าโครง และมีลำตัวช่วงบนเป็นผู้หญิง  ประทับสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก(ชี้ขึ้น) ไว้บนหน้าผา หลังจากนั้นทั้งโลกก็เชื่อกันว่า Baphomet ตามแบบที่ Levi วาดเอาไว้คือรูปของ Baphomet ต่อมา Stanislas de Guaita กวีฝรั่งเศส (แน่นอน เป็นพวกนิยมเวทมนต์และศาสตร์เร้นลับ)   เขาคือผู้รื้นฟื้นสมาคม Rosicrucian Orderขึ้นมาอีกครั้ง ในปี 1888   สมาคมนี้เป็นสมาคมลับเกี่ยวกับเรื่องนอกรีต  ที่ไม่แน่ใจว่าเกิดมาในช่วงไหน แต่มีการเผยแพร่หนังสือที่บ่งบอกแนวความคิดและปรัชญาของตัวเองในปี 1614 เป็นต้นมา   และสมาคมก็ค่อยๆ เลือนหายไปเนื่องจากจำกัดจำนวนสมาชิกเอาไว้เพียงไม่กี่คน จนกระทั่ง de Guaita กลับมาสร้างสมาคมลับนี้ขึ้นอีกครั้งในช่วง ปีค.ศ.  1888 อย่างไรก็ตาม สมาคม Rosicrucian Order  ในยุค de Guaita ก็ไม่ได้รับความเชื่อถือเท่าในอดีต   แต่ว่า de Guaita ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ La Clef de la Magie Noire ในปี 1897 ซึ่งภายในมีรูปดาวห้าแฉกกลับหัวโดยมีหัวแพะอยู่ภายใน สัญลักษณ์นี้เรียกว่า Sigil of Baphomet ซึ่งต่อมาทาง Church of Satan นำเอาสัญลักษณ์นี้ไปใช้แพร่หลาย จากคุณ : อับราม - [ 14 ธ.ค. 50 02:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เท่าที่ผมอ่านข้อมูลจากที่อื่นมาด้วย ยังไม่แน่ใจว่า Lucifer คือ satan เพราะบางท่านสัณนิฐานว่า Satan อยู่ในชั้น Seraphim ส่ว Lucifer อยู่ในชั้น Cherubim จากคุณ : taiyo - [ 14 ธ.ค. 50 10:17:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Lucifer คือ satan    คือผู้ใช้อิทธิพลแห่งความมืด  ความไม่รู้  ความไม่จริง  ผู้บิดเบือนความจริง  ให้เกิดความเข้าใจผิดๆ   ถามว่าเรามานมัสการทุกวันอาทิตย์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง   เรามาหาความสว่างหรือความมืด ?    แล้วถ้าเราไม่มาและไม่พัฒนา เราจะอยู่ภายใต้อำนาจของการล่อลวงหรือไม่?     เรามีความเสี่ยงต่อความมืดและการพัฒนาไม่ขึ้น หรือไม่ ? ความมืดไม่ได้อยู่ในโลก ในสมัยอาดัมและอีวาตกเท่านั้น  มันอยู่คงในโลกปัจจุบัน  แม้ในครอบครัวของเรา และตัวเราด้วย   ถ้าเราไม่ระมัดระวังและประมาท อำนาจการล่อลวงก็จะครอบงำ  และระดับความรุนแรง ความเสียหายก็ต้องพิจรณาเป็นกรณี   แต่แน่นอนที่สุดมันเข้ามาเพื่อฆ่าและทำลายเรา เรามองดูที่พระบัญญัติข้อที่1  ว่า อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ถ้าเราขาดศรัทธา ขาดการปฏิบัติไม่เชื่อฟังไม่ติดสนิท  เราก็จะถูกล่อลวง โดยLucifer อำนาจแห่งความมืด พิจรณาบัญญัติข้อ2   อย่าสร้างรูปเคารพสำหรับตัวเอง    จริงๆแล้วเมื่ออำนาจความมืดครอบงำ  แทนที่ศูนย์กลางจะอยู่ที่ดวงอาทิตย์ กลับมาอยู่ที่โลกที่ตัวเรา ด้วยความยึดมั่นถือมั่น และกระทำบาป ด้วยความไม่รู้ ความเข้าใจผิด ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล จะทำอะไร?ก็ได้ และบาปการละเมิดจะขยายอย่างต่อเนื่อง พิจรณาบัญญัติข้อที่ 3 อย่ากล่าวนามพระเจ้าอย่างไม่สมควร   เมื่ออำนาจความมืดเข้าครอบงำดวงวิญญาณ เราจะสูญเสียความเคารพ สูญเสียความสุภาพเรียบร้อย บางคนก็จะกลายเป็นคนกักขฬะ แข็งกระด้าง  ไม่ให้ความเคารพในกฎศีลธรรมที่ดีงาม เขาจะเคารพแต่ความรู้สึกสะใจของตัวเอง จะมีคำด่า คำลามก อนาจาร มากมาย  เขาสูญเสียสายตาทางวิญญาณคือศรัทธา  และไม่ยอมฟังเสียงทางวิญญาณคือการเชื่อฟัง   และนี่คือ ภาพของการขาดการพัฒนาทางวิญญาณที่เห็นได้ชัดเจน ในเยาวชน ที่ถูกsatan ครอบงำ นี่คือผลของการพัฒนาที่ผิดพลาด  เราอย่าโทษเด็กอย่างเดียว เราต้องโทษกระบวนการขาดทักษะการพัฒนาทั้งองค์รวม ทั้งในสังคมและครอบครัว เรามาพิจรณาพระบัญญัติข้อ4 รักษาวันซาบัธให้ศักดิ์สิทธิ์   เรารักษาวิญญาณ รักษาความจริงได้เราก็ศักดิ์สิทธิ   ถ้าพวกเราโกหกล่อลวง ถูกความมืดครอบงำมันก็ไม่ศักดิ์สิทธิ  มันไม่จริง มันลวง มันเป็นสิ่งที่ไร้สาระลมๆแล้งๆ มาพิจรณาพระบัญญัติข้อ 5 จงให้เกียรติบิดามารดา   เด็กเมื่อมีพระเจ้าอื่นก็จะแข็งกระด้าง หลายครั้งเราจะเห็นการไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพ ไม่เชื่อฟังบิดามารดา แต่เชื่อฟังคนอื่นที่ล่อลวง มาพิจรณาพระบัญญัติข้อ 6  อย่าฆ่าคน  คนก็คือบุตรมนุษย์  คนฆ่าคนก็เหมือนคนฆ่า ความจริง แล้วหลบๆซ่อนๆ         คนฆ่าคน ก็คือคนฆ่าสัจจะ ความจริง ก็เหมือน คนที่ฆ่าพระคริสต์ กลุ่มคนที่ตรึงพระคริสต์   กลุ่มคนโกหก หลอกลวง มาพิจรณา ที่ต่อเนื่อง เมื่อ สัจจะความจริง ถูกฆ่า ถูกทำลาย ความมั่นคง สวัสดิภาพของมนุษย์ถูกบั่นทอน   การโกหกพกลมแพร่กระจาย อะไร? ที่ไม่ดีไม่งามก็เกิดขึ้นได้   พระบัญยัติข้อที่7 ก็คือ อย่าลักทรัพย์  เราก้เห็นการลักทรัพย์  ในหลายๆระดับ ลักทรัพย์แบบโจรกระจอก ฉกชิงวิ่งราว หรือลักทรัพย์แบบโจรมหาลัย  โจรมีดีกรี คือการคอรับชั่น มีให้เห็นมากมายในหลายประเทศ มาพิจรณาต่อเนื่อง เมื่อมันลักทรัพย์ สมบัติ เงินทองของนอกกายยังทำได้ มันก็กำเริบเสิบสาน ขโมยของในกายก็คือ พรหมจรรย์ ก็คือ บัญญัติข้อที่ 8 อย่าผิดลูกผิดเมีย ผู้อื่น วิญญาณการล่อลวง พรหมจรรย์ การผิดลูกผิดเมียแพร่กระจายไปทั่วโลก จนคนบางคนมองว่าเป็นเรื่องปกติ   วิญญาณsatanทำงาน ปิดตา ปิดหูผู้คนมานานทั่วโลก มีแหล่งเสื่อมโทรมจำนวนมาก เหยื่อก็นับไม่ถ้วน ผลก็คือโลกอยู่ในความมืด ความบอด มีพยานเท็จเกิดขึ้นมากมาย มีการล่อลวง ในหลายรูปแบบ  พระบัญญัติข้อที่9 ก็คือ อย่าเป็นพยานเท็จ เมื่อมีพยานเท็จเกิดขึ้นมากมาย โลกอยู่ในความมืด อยู่ในอิทธิพลของการครอบงำ อย่างสิ้นเชิง หรือยัง?   ความโลภ  ความเมา ความมั่ว ความโกลาหล มีให้เห็นในหลายระดับ ตั้งแต่บุคคล ครอบครัว จนถึงสังคมมหาภาค   บัญญัติข้อที่ 10  อย่า โลภ จากคุณ : anuwat5 - [ 15 ธ.ค. 50 05:46:27 ]