ความคิดเห็นที่ 1 เฮ้อ..... จากคุณ : DJC - [ 6 มิ.ย. 51 20:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โห...  คุณคนแรกเข้ามาก็ถอนหายใจซะยาวเลย หมดกำลังใจเลยค่ะ จากคุณ : ลำยองน้องลำไย - [ 6 มิ.ย. 51 20:30:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่รู้สิครับ ผมมองเห็นว่า จะลงเรือลำเดียวกันน่าจะมีเข็มทิศชี้ไปทางเดียวกัน แต่นี่เข็มทิศก็ถือคนละอัน ท่าทางเข็มทิศอีกอันดูชี้ไปผิดทางเสียด้วย กว่าจะร่วมกันพายเรือฝ่าคลื่นไปได้ ก็คงต้องเหนื่อยพอสมควรไม่รู้จะมองเข็มทิศอันไหน ไม่แน่อีกคนอาจทิ้งเข็มทิศที่เสีย เอาอีกอันนำทางก็ได้ ก็ดีครับมีเข็มทิศอันเดียว แต่ไม่รู้ว่าผู้โดยสารในอนาคตจะได้รับเข็มทิศไหนเป็นมรดก ปล. วันนี้ผมเปรียบอะไรกับเข็มทิศบ่อยเหลือเกิน จากคุณ : DJC - [ 6 มิ.ย. 51 21:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรียน จขกท. ส่วนของศาสนาพุทธไม่มีปัญหา เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาแบบเปิด แต่ส่วนของศาสนาอิสลามนี่สิจะยุ่ง ท่านเข้าได้แต่ออกไม่ได้นะ และถ้าทำผิดกฏก็มีโทษรุนแรงมาก ๆ ด้วย ขอแสดงความเห็นใจอย่างยิ่ง ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม จากคุณ : kongsilp2000 - [ 6 มิ.ย. 51 21:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พิจารณาด้วย รับอิสลามแล้ว 1.ห้ามทำกิจกรรมใดๆ ของพุทธศาสนา ใส่บาตร เข้าวัดฟังธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ 2.ห้ามมีพระพุทธรูป หรือรูปพระโพธิสัตว์ใดๆ ในบ้าน 3.ห้ามไปกิจกรรมงานบุญของญาติ ทั้งงานบวช งานศพ พิจารณาดูนะครับ จากคุณ : hollowpig - [ 6 มิ.ย. 51 21:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อย่างเพิ่งกังวลว่าเป็นมุสลิมจะทำอะไรได้หรือไม่ได้ พิจารณาย่อหน้านี้ก่อนดีกว่าครับ.... "จึงอยากขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆ หน่อยค่ะ  ว่าถ้าเราเข้าพิธีแต่งงานแบบอิสลามแล้ว  (เพื่อให้ผู้ใหญ่เห็น  แล้วก็ออกมาอยู่กันเองสองคน)  ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติตาม  เราใช้ชีวิตของเราเหมือนเดิม  ไหว้พระ เข้าวัด ทำบุญ สวดมนต์เหมือนเดิม    เราจะทำได้ไหม  ส่วนตัวเราคิดว่าของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจนะคะ  เพื่อนๆ คิดเห็นว่าอย่างไร" นี่คือการ "โกหก หลอกลวง" ไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : DJC - [ 6 มิ.ย. 51 21:25:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เฮ้อ....ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  อย่าโกรธนะถ้าผมจะบอกว่าคุณกำลังหาเรื่องใส่ตัวหาเหาใส่หัวแล้วล่ะ พยายามไปศึกษาแนวปฏิบัติของศาสนาเค้าให้ดีก่อนเถิด  ค่อยตัดสินใจ ไม่งั้นน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าเอานะ  เช่นผู้ชายมีสิทธ์มีเมียได้ถึง 4 คน / เมื่อเข้าศาสนาเค้าแล้วห้ามทำบุญตักบาตร / ห้ามไหว้พระพุทธรูป - พระสงฆ์/ไปนอกบ้านต้องเอาผ้าคลุมตัวให้มิดชิด /พร้อมพลีชีพเพื่อศาสนา/ละหมาดวันละ 5 ครั้งตลอดชีวิต และมีอื่นๆอีก จากคุณ : rxkku - [ 6 มิ.ย. 51 21:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณเจ้าของกระทู้และคนรัก กำลังจะหลอกลวงคนกลุ่มหนึ่งไปทั้งชีวิตเลยล่ะครับ สิ่งที่ตามมาคือความไม่สบายใจ รับภาระตรงนี้ไหวมั้ยล่ะครับ การโกหกเนี้ย พิจารณาดี ๆ นะครับ จากคุณ : DJC - [ 6 มิ.ย. 51 21:29:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในพระดำรัสแห่งพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาอิสลาม กล่าวว่า(ความหมายในภาษาไทย) "ศาสนาของพวกท่าน(ทุกศาสนา)ก็เป็นของพวกท่าน ศาสนาของพวกเรา(อิสลาม) ก็เป็นของพวกเรา"  อันความรักความใคร่มันก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อกาลเวลามันผ่านไป ความคิดใคร่ครวญก็จะตามมาเหลียวหลังแลหน้าถึงอนาคตกาล อิสลามศรัทธาอย่างแน่นแฟ้นว่าโลกนี้คือทางผ่านนิรันดร์กาลคือโลกหน้าโลกแห่งการตอบแทน เมื่อมีครอบครัวก็คงต้องมีบุตรแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร จะดำเนินตามรอยของใคร แต่ถ้าไม่ใส่ใจอยู่ไปอย่างไร้ศรัทธา ก็ตามอัธยาศัย....อิสลามไม่ประสงค์ให้ใช้กุศโลบายในการเชิญชวนให้ศรัทธาแต่ให้ไตร่ตรองและศรัทธาด้วยหัวใจและความรู้สึกของตนเอง จากคุณ : ali (ali binismael) - [ 6 มิ.ย. 51 21:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่า คุณ DJC เปรียบเทียบเหมือนเข็มทิศ ตามคห.3 ก็น่าจะรับฟังไว้นะครับ.. จากคุณ : Nazed (Nazed) - [ 6 มิ.ย. 51 21:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ในพระดำรัสของพุทธองค์ก่อนจะปรินิพพาน ตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตน และประโยชน์ของผู้อื่น ให้บริบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด" * * * บุคคลผู้กำหนัด อันความกำหนัดครอบงำรึงรัดจิตใจไว้ ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ตน ตามความเป็นจริง ย่อมรู้แม้ซึ่งประโยชน์ผู้อื่น ตามความเป็นจริง ย่อมไม่รู้แม้ซึ่งประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น ทั้ง ๒ ฝ่ายตามความเป็นจริง .... ความกำหนัดแล ทำให้เป็นคนมืด ทำให้เป็นคนไร้จักษุ ทำให้ไม่รู้อะไร ทำให้ปัญญาดับ เป็นไปในฝ่ายความคับแค้นไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน จากคุณ : hollowpig - [ 6 มิ.ย. 51 21:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 "ถึงปากเราบอกว่าอยู่ที่ใจ  แต่ใจมันก็ดันกลัวอยู่อ่ะค่ะ  เพราะเราเป็นคนรักอิสระมาก  ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ (แฟนเราก็มีนิสัยข้อนี้เหมือนกันกับเรา)  ความหมายคือ  กลัวว่าพอถึงเวลาแต่งไปจริงๆ  แล้วครอบครัวญาติพี่น้องเขาจะมายุ่มย่ามกับเรา" แน่นอนครับ เพราะเราไม่สามารถอยู่กันลำพัง ได้ตลอดจนแก่ โดยไม่เข้างานสังคมเลย เอาง่ายๆ งานศพพุทธ งานทำบุญญาติฝ่ายพุทธ คิดว่าลำบากใจกันทั้งสองฝ่ายแน่ๆ ถ้าญาติฝ่ายเขา ญาติฝ่ายเรา เห็นด้วยก็โอเค จากคุณ : ตะวันดับ - [ 6 มิ.ย. 51 22:12:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขออภัยเจ้าของกระทู้นะคะถ้าความเห็นของคนไม่สวยแต่จนจะไปทำร้ายความรู้สึกของคุณ คุณรักผู้ชาย(ที่คุณคิดว่าเป็น)ของคุณ..(ทั้งที่คุณเองก็น่าจะรู้ว่าไม่มีใครเกิดมาเพื่อใคร ไม่มีใครเป็นของใคร หากคุณเคร่งครัดและเข้าใจศาสนาพุทธมากพอตามที่คุณกล่าวอ้าง) คิดว่าไม่น่ามีปัญหาค่ะ เพราะความรักเป็นสิ่งดีงาม และการปรารถนาดีต่อคนที่เรารักปรารถนาที่จะเห็นเขาเป็นสุข ย่อมไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าคิดไปไกลถึงว่าจะแต่งงานกันนี่ท่าจะไม่รอดค่ะ การแต่งงานไม่ได้หมายความว่าคุณจะอยู่ จะสร้างครอบครัวใหม่กันเองลำพังแค่ 2 คนโดยไม่เกี่ยวพันกับญาติพี่น้องเลย หากแต่การแต่งงานหมายความถึงทั้งคุณและเขาต่างต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่ขึ้น คุณเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวเขา และเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวคุณ การจะปิดบังอำพราง หลอกลวงนั้น ในระยะสั้นๆ กับคุณที่ไกลห่างตัวคุณอาจทำได้ หากแต่กับคนในครอบครัวแล้วคุณจะปกปิดได้นานแค่ไหน? ตัวคุณเองก็คงทราบคำตอบดีแล้ว อีกทั้งการที่จะแกล้งๆ รับอิสลามเพียงเพื่อจะไห้ได้แต่งงานแล้วไม่ได้ปฏิบัติตามวิถีของอิสลาม และไม่ได้ศรัทธาเลยนั้น คุณไม่คิดว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจของครอบครัวว่าที่สามีคุณหรือคะ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อคุณแม่ของเขา ท่านจะรู้สึกอย่างไรเมื่อทราบว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือท่านถูกลูกสะใภ้หลอกโดยความเห็นชอบของลูกชายตัวเอง (ซึ่งเป็นการไม่ให้เกียรติพวกท่านเป็นอย่างมาก) แล้วคุณคาดหวังว่าท่านจะยอมรับพฤติกรรมของคุณได้หรือไม่? กับลูกชายเขาอย่างไรเสียเขาก็พ่อแม่ลูกกัน ถูกผิดยังไงก็ให้อภัยกันได้ แต่สำหรับคุณที่เป็นสะใภ้ต่างศาสนิก หากเมื่อความจริงเปิดเผยแล้วคุณไม่เป็นที่ยอมรับของครอบครัวเขาคุณจะทำอย่างไร? คุณจะเรียกร้องว่าไม่ยุติธรรมได้หรือเปล่า? แล้วคุณจะยอมรับสภาพนั้นได้หรือไม่? อย่าแต่งงานกับเขาเลยค่ะ อย่าทำร้ายทั้งตัวเรา และผู้อื่น ด้วยความเห็นแก่ตัวของเราเลย ขออภัยหากความเห็นไม่เป็นไปในทิศทางที่เจ้าของกระทู้ต้องการจะเห็น แต่ห่วงใยด้วยใจจริงค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 23:15:23 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 22:52:59 จากคุณ : คนไม่สวยแต่จน - [ 6 มิ.ย. 51 22:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ให้คนมุสลิมเขาแต่งงานกับคนมุสลิมด้วยกันเถอะครับชีวิตจะได้ไม่มีปัญหา    การที่คุณจะแต่งงานกับเขานั้น  ชีวิตคุณจะต้องเปลื่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ  ซึ่งข้อห้ามต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตคุณคือ 1.  ห้ามเล่นสงกรานตร์   2.  ห้ามไปลอยกระทง 3.  ห้ามไปเวียนเทียนที่วัดในสำคัญทางศาสนาพุทธ 4.  ห้ามเกี่ยวข้องหรือไปงานผ้าป่า  กฐินทุกรูปแบบ 5.  ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมท้องถิ่นท่มีรากเง้าจากความเชื่อในเจตคติ  เช่น  งานไหลเรือไฟ   งานแห่ปราสาทผึ้ง    งานแผ่ผีตาโขน 6.  ห้ามไปงานสวดศพพ่อแม่ตัวเองรวมถึงงานสวดศพญาติพี่น้องเพื่อนฝูง  หมายถึง  ห้ามให้คุณไปนั่งพนมมือสวดกับคนอื่นเขา   7.  ห้ามไปงานบุญขึ้นบ้านใหม่ของใครทั้งนั้น  รวมถึงบ้านตัวเองก็ห้ามจัดงานบุญขึ้นบ้านใหม่ 8.  ห้ามไหว้พระพุทธรูปทุกชนิด  เช่นหลวงพ่อโสธร   ห้ามไหว้พระธาตุต่างๆ  เช่นพระธาตุพนม 9.  ห้ามนับถือสิ่งใดนอกจากอัลเลอะห์  ห้ามนับถือเจ้าแม่กวนอิม   ห้ามนับถือพระนารายย์  และอื่น ๆ   10.  ห้ามตั้งศาลพระภูมิในบ้าน   11.   ห้าม....ผมขี้เกียจพิมพ์ครับมันเยอะจัด จากคุณ : ชญาณัตถภัทร์ - [ 6 มิ.ย. 51 22:52:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อย่างแรกคือ  ถามว่าคุณยอมเปลี่ยนศาสนาไหม เมื่อฝ่ายพ่อแฟนเคร่ง จากคุณ : ชกใต้เข็มขัด - [ 6 มิ.ย. 51 22:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าตายจะให้ญาติแฟนฝัง หรือจะให้ญาติคุณเผา แล้วลูกคุณทั้งสองล่ะ จะฝัง หรือจะเผา คิดว่าถ้าเข้าพิธีหลอกๆ แล้วต่อไปความแตก คิดไว้หรือไม่ ว่าจะทำอย่างไร เลือกเอาเถอะครับจะพุทธก็พุทธ จะอิสลามก็อิสลาม ทั้ง 2 คน เลือกทางอื่นนั้นเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย จากคุณ : 1001 (พันหนึ่งทิวาราตรี) - [ 6 มิ.ย. 51 23:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราเข้าใจมาว่า  ถ้าเราเป็นคนของเค้าแล้ว เราก็ต้องปฏิบัติตามเค้า จากคุณ : ดาญาณ - [ 6 มิ.ย. 51 23:12:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณต้องเข้าใจนะครับว่า  ว่า อิสลาม คืออิสลาม  เขาจะไม่ยอมเปลื่ยนมานับถือพุทธเมื่อเขาแต่งงาน  และเขาจะไม่ยอมให้คุณนับถือพุทธตามเดิม  คุณต้องมาเป็นอิสลามด้วยกันทั้งนั้น   เฮ้ย......ปล่อยเขาไปตามวิถีชีวิตอิสลามของเขาเหมือนเดิมเถอะครับ   อย่าให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามาเปลื่ยนชีวิตคุณเลยครับ   เลือกเดินในสิ่งที่เป็นวิถีชิวิตของคุณเป็นเถอะครับ    คุณจำใว้นะครับ ว่าคนที่ตายแทนคุณได้ในโลกนี้ มี 2 คนเท่านั้น  คือ บิดา  มารดา   ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น... จากคุณ : ชญาณัตถภัทร์ - [ 6 มิ.ย. 51 23:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอความสันติมีแด่ทุกท่าน และทางนำประสบแด่ผู้ค้นหา ในความเห็นของผมนะครับ ท่าน จขก. ผมว่าเรื่องการสร้างครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่เรื่องแค่คนสองคน สมมตินะครับ ถ้าแต่งไปแล้ว เอาละ ถ้าตัดประเด็น ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายออกไป อยู่กันแค่สองคน แรกอาจจะไม่มีปัญหาอะไร ศาสนาใครก็ปฏิบัติไป ไม่ก้าวก่าย แต่ถ้าเกิดมีลูกละครับ การอบรม การสั่งสอนจะเป็นแบบไหน ลูกจะไม่สับสนเอาเหรอครับ ปัญหาก็จะเกิดเอาตอนนี้ มีลูกยังไงผู้ใหญ่ก็มาเกี่ยวอยู่แล้ว อย่างที่คุณ DJC ว่าไว้ เหมือนเข็มทิศคนละอัน อิสลามเป็นศาสนาที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องพิธีกรรม งานบวช งานบุญ งานศพ นะสิครับ มันมีเรื่อง การใช้ชีวิต ตั้งแต่ตื่นเช้า เข้าห้องน้ำ จนเรื่องความตาย ผมแนะนำนะครับ ให้คุยกับแฟนคุณให้ดี จะเอาอย่างไร เรื่องความรัก มันไม่ใช่แค่ ความรู้สึกดีๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน แค่นั้น แต่ความรัก เป็นเรื่องที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ และความรับผิดชอบนี้แหละ ที่อิสลามสอนว่าทุกคนต้องถูกสอบสวนในวันสุดท้าย ครอบครัวเป็นสถาบันหนึ่งที่สำคัญที่สุดในสังคมครับ หากไม่ได้ไปทางเดียวกันแล้ว มันจะลำบากภายหลังครับ จากคุณ : dinar - [ 6 มิ.ย. 51 23:23:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ...ชีวิตมีหนึ่งชีวิต .. ความรักมีขม..มีหวาน.. ....  ตอนเด็กๆ แม่ตี ..หนูร้องไห้  แต่ก็ยังผวาเข้ากอดแม่ ตอนโต.. หนูโดนคนอื่นตี .. หนูร้องไห้ ...  หนูมองหน้า .. แค้นค่ะแค้น หนูรักแม่ใช่ไหมคะ ... ถึงแม่จะตีหนู แต่หนูก็ยังอยากเข้ามากอดแม่ ... ค่ะ ...  นั่นคือ คำตอบว่า หนูรักแม่ค่ะ ... แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 23:29:31 จากคุณ : มองตะวัน - [ 6 มิ.ย. 51 23:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมไม่เคยเห็นพุทธกะอิสลามแต่งงานกันได้เลย (จริงๆ นะไม่ได้ล้อเล่น) เป็นแฟนกันสุดท้ายก้อเลิกกันทุกที อิสลามคืออิสลาม มีข้อกำนหนดตายตัว ในทางกลับกัน ทำไมไม่ให้แฟนคุณเปลี่ยนเป็นพุทธละครับ ผมว่าปล่อยให้เขาไปในทางที่อิสลามกำหนดเหอะครับ จากคุณ : gouppa - [ 6 มิ.ย. 51 23:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอความสันติจงมีแด่ท่าน ของขุดคลังกระทู้เก่าดูก็ได้ค่้ะ แรกๆอาจจะเพราะรักจึงยอมทุกอย่าง แต่พอหมดรัก สิ่งที่เคยมองข้ามเพราะอารมณ์รักก็จะผุดงอกเงยขึ้นมาทันตา หรือ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=narok&date=04-11-2007&group=11&gblog=22 ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : นะ(รก) - [ 6 มิ.ย. 51 23:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 น่าเห็นใจครับ แต่ต้องเลือกครับ พุทธทั้งสองหรืออิสลามทั้งสอง จากคุณ : usaimeen - [ 6 มิ.ย. 51 23:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ใจกว้างและมองพิธีกรรมเป็นเรื่องสมมุติที่ดำเนินไปตามวิถีโลก งานอะไรก็ตาม เพื่อประโยชน์และไม่มีโทษกับใคร พุทธศาสนาสนับสนุนทั้งนั้นครับ เรื่อง การใช้ชีวิต การถือศีล ทำบุญเจือจุน สวดมนต์ภาวนา  ไม่ได้จำกัดบีบคั้นอะไรกับใคร ซึ่งเหมาะกับชีวิตที่อิสระ แต่ก็เพียบำพร้อมด้วยด้วยปัญญาในการพิจารณาสิ่งดี-ชั่ว ต่างๆ เรื่องความรัก นอกจากความรู้สึกดีๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน ต้องประกอบกับการพิจารณา ความเหมาะสมของรูปแบบชีวิตด้วย หากต่างยอมรับและไม่ก้าวก่ายในที่พึ่งทางจิตใจของแต่ละฝ่ายก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งลักษณะนี้ มีอยู่ในน้ำใจและหลักคำสอนพุทธศาสนา แต่ความรัก ต้องประกอบด้วยสถานะของคนรัก และความจริงใจที่จะเกื้อหนุนและเสียสละ เพื่อความสุขของคนรัก ต้องให้อิสระต่อกันในเรื่องที่เป็นความสุขใจของคนรัก เงื่อนไขใดๆ นั้น แท้จริงเป็นสิ่งที่มนุษย์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งยึดถือเท่านั้น หากยึดมากแล้วไม่สบายใจ ก็ขอให้ปล่อยวางลงเสีย จากคุณ : hollowpig - [ 6 มิ.ย. 51 23:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่าจริง ๆ เลยนะครับ สถานการณ์จริงที่เป็นไปได้ เป็นกำลังใจเผื่อเจ้าของกระทู้จะได้อยู่กับคนที่รัก มุสลิมไม่เคร่ง กับพุทธเคร่งครัดเนี้ย ในประเทศไทยอยู่ด้วยกันได้ครับ อยู่ด้วยกันสองคนเลยครับ ก่อนตัดสินใจ ถามคำถามข้อนี้กับคนรักของคุณว่า เชื่ออาคิเราะห์หรือไม่? และคิดว่าเค้าจะเป็นอย่างไร? ถ้าตอบทำนองว่า ไม่สนใจ ก็ขอให้พบกับความสุขในชีวิตนะครับ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 00:02:25 จากคุณ : DJC - [ 6 มิ.ย. 51 23:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ูคนเราเป็นสัตว์สังคมครับ ยิ่งถ้ามาจากครอบครัวที่เคร่งครัด ผมเคยได้รับรู้มาหลายแบบครับ คนพุทธไม่เคยมีขีดจำกัดด้านนี้ แต่บางคนเขามีครับ ... ดังนั้น ถามใจกันดีๆ ทีอยู่เนี่ย รักกัน รึแค่ตัญหา .. คิดได้แล้วค่อยมาถามผมครับ จากคุณ : itoursab (itoursab) - [ 7 มิ.ย. 51 00:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่มีทางและไม่มีวันที่ทุกศาสนาจะดีเหมือนกันหมด จากคุณ : atheist - [ 7 มิ.ย. 51 04:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าอยากจะเป็นเหมือนป้าเราก็เอา... ป้าเราแต่งเข้าอิสลาม ต้องขลิบไอ้นั่นออกแล้วเย็บ (พ่อแม่ของฝ่ายชายเคร่ง)   ปีแรกยังพอกลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง  แต่มาบ้านแล้วแยกจานชามกับพี่น้องพ่อแม่กินปนกันไม่ได้ พอปีที่สอง...จนถึงปีนี้... 25 ปีแล้วป้าไม่ได้กลับบ้านมาดูพ่อกับแม่เลย ยายตายก็ไม่ได้มาเผาผี (ยังไม่รู้ข่าวเลยมั้งป่านนี้)   ป้าเคยเล่าให้แม่ฟังว่าแม่ผัวพ่อผัวไม่ชอบ(ถึงขั้นเกลียด)  ผู้หญิงที่มาจากศาสนาอื่น(ถึงจะเข้าอิสลามแล้วก็ตาม) และเคยขู่ป้าด้วยว่าวันใดที่ป้าเลิกกับลูกชายเขา...เขาจะฆ่าให้ตายยกครอบครัวฐานทำให้ลูกเขามีบาปติดตัว แล้วเท่าที่รู้...ป้าเราหลังจากแต่งงานได้ 6 เดือนสามีพาเมียคนที่สอง(เป็นอิสลามและแม่ผัวหาให้)เข้าบ้าน ป้าบอกกับแม่ก่อนที่จะหายตัวไปว่า...คิดจะรักกับใครก็รักไป...แต่ยกเว้นคนที่นับถือศาสนาอิสลาม ป.ล.ใครรู้จักคนชื่อพร นามสกุลเดิมคือสุยะ ผิวขาว สูงประมาณ 155 - 160 ซ.ม.  มีแผลเป็นคล้ายรอยโดนฟัน  บ้านเดิมอยู่ที่เชียงรายอาศัยอยู่ในมาเลย์บอกเขาด้วย...ติดต่อกลับมาบ้างทางบ้านเป็นห่วง...ตอนนี้ตาย้ายกลับมาอยู่เชียงแสนแล้วไม่ได้อยู่แม่สวยเหมือยเมื่อก่อน จากคุณ : yodaoi - [ 7 มิ.ย. 51 05:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่าน 28 แล้วอึ้งไปเลย เฮ้อ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ จากคุณ : gouppa - [ 7 มิ.ย. 51 08:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่าน คห 28 แล้วพูดอะไรไม่ออกเลย  ได้แต่ปลงเวรกรรมจริงๆ เฮ้อๆๆๆๆ จากคุณ : rxkku - [ 7 มิ.ย. 51 10:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ป้าของคุณ yodaoi ผมคิดว่าเป็นคนไม่ค่อยฉลาด หรือเรียกอีกอย่างว่า "โง่" รู้มั้ยว่านั่นโดนเค้าหลอกเข้าให้แล้ว จากคุณ : DJC - [ 7 มิ.ย. 51 10:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถึงคุณลำยองน้องลำไย ขอบอกจากใจเลยนะ อยากให้คิดให้ดีๆ คิดให้มากๆ ยังไงก็ลองอ่านเรื่องของเราละกันนะ เราเป็นพุทธ ถึงแม้จะไม่ใช่พุทธศาสนิกชนที่ดีนัก แต่ก็ชอบทำบุญตักบาตร ไปวัดไหว้พระตั้งแต่เด็ก พออายุประมาณ24 ก็ได้แฟนมุสลิม แบบครอบครัวเข้าเคร่งมาก โดยเฉพาะพ่อเค้าอ่ะนะ อยากบอกลำยองน้องลำไยว่ามุสลิมผู้ชายบางคน ขอย้ำว่าบางคน อย่างเช่นแฟนเราเนี่ย ตอนที่ยังไม่แต่งงานน่ะ เค้าก็กินเหล้า สูบบุหรี่ มีแฟน เรียกว่าเจ้าชู้ กะล่อนชั้นยอดเลย(แต่ก็ยังละหมาด,ถือศีลอด,จ่ายซะกาต,อุมเราะห์,ฮัจจ์) แต่พอจะแต่งงานที่มันคนละเรื่องกันเลยนะ เรากะแฟนรักกันมาก จนกระทั่งเราตัดสินใจเปลี่ยนศาสนา(หลังจากไปเรียนอิสลามซักระยะ) จากนั้นก็แต่งงานกัน แน่นอนครอบครัวฝ่ายชายรับไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะแฟนเรายืนกราน เราอยากให้ลำยองน้องลำไยคิดดีๆนะ อย่างตัวเราเองถ้ามองด้านพุทธ เราก็ถือว่าเป็นคนดีคนนึง แต่ถ้ามองทางด้านมุสลิม เค้าถือว่าเราเป็นคนเลวคนนึง ทำไมรู้ไม๊ เพราะเราเป็นแฟนลูกชายเค้า มันผิดหลักศาสนา ผู้หญิงที่เป็นแฟนกะผู้ชายโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกันน่ะ มันผิดมากนะ แน่นอนครอบครัวแฟนเรารับไม่ได้ที่ลูกชายเค้าจะมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นแฟนกันมาก่อน แถมเพิ่งจะรับอิสลาม(เค้ามองว่าไม่มีความรู้ด้านศาสนาดีพอ แถมอ่านอัลกุลอ่านไม่ได้ มันเรื่องใหญ่มากนะ) ตอนนี้เราแต่งงานกับสามีมาได้จะสี่ปีแล้ว สามีหลังจากแต่งงานก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เคร่งศาสนามาก เพราะเค้ากลัวพระเจ้าจะไม่คุ้มครองครอบครัว กลัวพระเจ้าจะไม่คุ้มครองลูกๆ ตัวเรากะครอบครัวสามีก็รักกันดี แต่ก็ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงจุดนี้ เราต้องเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง ขอย้ำว่าทุกอย่าง ลำยองน้องลำไยก็ถามตัวเองว่าทนได้ไม๊ถ้า:             ละหมาด ห้า เวลา             ถือศีลอดประมาณหนึ่งเดือนในเทศกาล             วันนึง แฟนของลำยองน้องลำไย จะเริ่มถามว่าทำไมเธอไม่คลุมผม แต่งตัวมิดชิด(มิดชิดจริงๆนะ ขอย้ำ)             นั่งเรียน หัดอ่าน อัลกุลอ่าน             ห้ามทำบุญ ไหว้พระ ศาสนพิธีใดๆทั้งสิ้น ไหว้เจ้า บนบานศาลกล่าว ห้ามเด็ดขาด             เชื่อฟังสามี ห้ามทำสามีโกรธ             แน่นอนห้ามกินหมู ถึงลำยองน้องลำไยจะบอกว่า แฟนไม่เคร่งศาสนา ขนาดละหมาดยังไม่ค่อยจะทำเลย แต่เท่าที่เราเห็นมานะ ผู้ชายมุสลิมบางคนก่อนมีครอบครัว กะล่อนมาก แต่พอแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เค้าจะกลับมาเคร่งศาสนาโดยอัตโนมัติ มันอยู่ในสายเลือดเค้าอ่ะ มันเป็นคำสอนที่เค้ารับรู้มาตั้งแต่เกิด ผู้หญิงที่เป็นแฟน กับ ผู้หญิงที่จะเป็นแม่ของลูกเค้าน่ะ มันแตกต่างกันมากนะ แล้วรู้ไม๊ อิสลาม สอนให้แต่งงานกับผู้หญิงที่มีศาสนา มาก่อนทุกอย่าง ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะสวยวิลิสมาหราขนาดไหน รวยขนาดไหน ถ้าไม่มีศาสนา(อิสลาม) เค้าก็ไม่ให้แต่ง ที่บอกมาทั้งหมดนี่ก็อยากให้เธอคิดดีๆนะ คิดให้จงหนัก ความรักแบบหนุ่มสาว กับความรักของสามีภรรยามันต่างกันมากนะ ยิ่งถ้ามีเรื่องของศาสนา กับครอบครัว แบบนี้เข้ามาเกี่ยว ก็ขอให้ใคร่ครวญให้ดี เราคงพูดอะไรมากไม่ได้ โชคดีนะ จากคุณ : 3milk2sugar (3milk2sugar) - [ 7 มิ.ย. 51 10:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เอ่อ เราอ่านคห 28 ที่บอกว่าป้าต้องขลิบแล้วเย็บน่ะ เราไม่รู้ว่าผู้เขียนเข้าใจผิด หรือว่า เราอ่านแล้วเข้าใจผิด แต่ในศาสนาอิสลามน่ะ ผู้หญิงไม่ต้องขลิบนะจ๊ะ(เพราะไม่มีอะไรจะให้ขลิบ) จะขลิบแต่มุสลิมชายจ๊ะ แล้วไม่ต้องเย็บนะจ๊ะ(เพราะไม่มีอะไรจะให้เย็บเหมือนกัน) การขลิบของมุสลิม คือ การตัดเยื้อหุ้ม(หรือที่เรียกว่าหนังอ่ะนะ) ปลายอวัยวะเพศออก นึกภาพออกไม๊จ๊ะ ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึงเห็ดฟางอ่ะ อันนี้ไม่ได้ทะลึ่งนะ คือ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออก เพราะถ้าตัดหนังส่วนนั้นออก จะทำให้สิ่งสกปรกไม่สามารถไปหมกอยู่ได้อ่ะ ปกติการขลิบจะทำตั้งแต่เป็นทารก เพิ่งคลอด เพราะหนังยังบางและเล็กอยู่มาก ตรงนี้ไม่เฉพาะมุสลิมที่ทำกันนะ คริสต์ก็ทำ รู้สึกว่าพวกยิวก็ทำด้วยอ่ะ จากคุณ : 3milk2sugar - [ 7 มิ.ย. 51 11:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คห.28 ป้าคุณเข้าเมืองถูกกฎหมายหรือป่าว ถ้าเข้าถูกกฎหมายก็ติดต่อไปทางสถานฑูตดิ น่าจะหาตัวง่ายกว่า แล้วไปทำอีท่าไหนเค้าถึงขู่ฆ่าหล่ะ ถ้าขู่ฆ่าก็ไปแจ้งความไว้นะ  ไมว่าบ้านไหนเมืองไหนเค้าก็มีกฎหมายทั้งนั้นแหละ Royal Thai Embassy 206 Jalan Ampang 50450 Kuala Lumpur Tel. (60-3) 2148-8222, 2148-8350, 2148-8420, 2145-8004 Fax. (60-3) 2148-6527, 2148-6615 E-mail : thaikula@mfa.go.th thaikl2@tm.net.my Website : http://www.thaiembassy.org/kualalumpur อันนี้กงสุลไทยที่โกตาบารู รัฐกลันตัน คนมาเลเชื้อสายไทย(คนพุทธ)อยู่กันเยอะแถมบางหมู่บ้านเค้าพูดภาษาไทยภาคใต้กันเลยแหละ   ถ้าไปอยู่แถวนั้นนึกว่าอยู่ภาคใต้ของไทยเลยแหะ Royal Thai Consulate-General 4426 Jalan Pengkalan Chepa, 15400 Kota Bharu, Kelantan Tel. (609) 744-5266, 744-5934, 748-2545 Fax. (609) 744-9801 E-mail : thaicg@streamyx.com อันนี้ที่ปีนัง Royal Thai Consulate-General No. 1, Jalan Tunku Abdul Rahman, 10350 Penang, Malaysia Tel. (604) 226-8029, 226-9484 Fax. (604) 226-3121,226-2533 ** หากโทรจากประเทศไทยใช้ (007-604) E-mail : thaipg@tm.net.my แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 11:27:00 จากคุณ : Palmyra - [ 7 มิ.ย. 51 11:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ฝาก จขกท ฟังคอมเมนท์แต่ทางด้านดีๆ นะครับ ต้องคอยระวัง พวกแขวะอิสลามไว้ -------- แต่ก็เอาเถอะ จขกท ยังมีอะไรอีกเยอะ ที่ต้องทำ หากเข้าอิสลามจริงๆ อะนะ ขอให้พระเจ้าทรงเมตตาและเปิดทางให้ จขกท ด้วยครับ จากคุณ : danya - [ 7 มิ.ย. 51 20:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 Why? แทนที่จะปล่อยให้เขาชวนเข้าอิสลาม ทำไมคุณไม่ชวนเข้าพุทธละครับ... พุทธไม่ได้มีข้อจำกัดเหมือนอิสลาม อิสระกว่ากันเยอะเลย และที่สำคัญเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปอยู่ใต้อำนาจใคร... หากแฟนคุณอยากเป็นอิสระ ก็ชวนเข้าพุทธเลยครับ หากคุยกันด้วยเหตุผล แล้วเข้าใจ ก็คงจะอยู่ด้วยกันได้ครับ... แต่...แฟนคุณอาจจะต้องตัดญาติขาดมิตรกับญาติๆ เขาไปเลย แต่มันก็ไม่สำคัญ เพราะทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่กับญาติแล้วไม่ใช่เหรอครับ ช่วยให้คนเข้าถึงศาสนา รู้จักธรรม ได้บุญนะครับ ไม่มีผลเสียเลยครับ แต่ถ้าคุณเข้าอิสลาม..คุณอาจจะทุกข์ใจทั้งชีวิตก็ได้ เพราะไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ จากคุณ : ทัชชี่ - [ 7 มิ.ย. 51 23:13:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สวัสดียามดึกค่ะ จขกท. คิดว่าคำแนะนำดีๆ มากมายข้างต้น คงทำให้คุณลำยองฯ ได้ข้อคิดดีๆไปเยอะแล้วเน๊าะ งั้นข้าพเจ้าขอแลกเปลี่ยนในมุมที่เคยประสบมากับตัวเองละกันน๊า เมื่อประมาณ ๑ ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าต้องตั้งโจทย์ให้กับชีวิตว่า "เมื่อบุคคลที่เราประทับใจเป็นมุสลิม และเมื่อเค้าขอเราแต่งงาน เราจะต้องทำอย่างไรต่อไป ?" ข้าพเจ้าเริ่มแก้โจทย์ข้อนี้ ดังนี้ค่ะ ๑. ลองศึกษาแก่นของอิสลามก่อน...ศึกษาให้ลึกซึ้งถึงความหมายของคำว่า "อิสลาม" ว่าแท้ที่จริงแล้วอะไรคือความหมายของคำๆ นี้กันแน่ ๒. ศึกษาวิถีการใช้ชีวิตประจำวันของมุสลิมมะฮ  การวางตัว วิถีชีวิต...หากต้องก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางนี้ เราจะสามารถทำได้หรือเปล่า การเป็นมุสลิมมะฮที่ดีเป็นอย่างไร ๓. มองความเป็นจริง...ซื่อสัตย์กับตัวเองว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ให้เกียรติต่อตัวเราเองในการให้คำตอบกับชีวิต ถ้าทำได้ก็คือได้ ถ้าทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ จขกท. อาจกำลังคิดว่า "จะศึกษาทำไม เพราะชอบอิสระแบบเดิมอยู่แล้ว?" คำตอบคือ "เพราะนั่นคือการให้เกียรติกับบุคคลที่กำลังจะเป็นสามีของเราในอนาคต" ให้เกียรติในตัวเค้าด้วยการให้เกียรติในศาสนาของเค้า...ยอมรับฟังความต่างเพื่อพิจารณาการมีส่วนร่วมต่อไป...สำหรับคำว่า "ชีวิตคู่" เชื่อว่าต้องมีคำถามต่อมาแน่ๆ คือ "แล้วเค้าล่ะ ไม่คิดจะให้เกียรติศาสนาของเราบ้างหรือ?" ใช่มั๊ยเอ่ย? ถ้าใช่ ข้าพเจ้าขอตอบว่า เมื่อเรานำแกงเผ็ดมาผสมกับแกงจืด ถามว่ารสชาดใดจะปรากฎชัดมากกว่ากัน คำตอบคือ รสเผ็ดจะกลบรสจืดในทันทีทันใด เมื่อกฎบัญญัติของศาสนาอิสลามมีไว้อย่างชัดเจนและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้การพิจารณาตรงนี้จึงเป็นมองโลกจากความเป็นจริง ไม่ใช่ศักดิ์ศรี,กำไร,ขาดทุน แต่นี่เป็นเรื่องที่เราไม่อาจมองข้ามมันไปได้เลย ข้าพเจ้าไม่ชอบสนทนากับใครในเรื่องของความเชื่อที่ต่างกัน และไม่ต้องการจะดูหมิ่นหรือก้าวล่วงศาสนาไหนๆ จึงไม่ขอสาธยายถึงคุณและโทษของศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าเข้าใจ จขกท. มากๆ ในประเด็นเรื่องของความต้องการอิสระ  เพราะการเติบโตมาในสังคมพุทธ  ชีวิตมีอิสรภาพเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ สภาวะทางใจ การวางตัว ต่างๆ  เมื่อเปรียบเทียบกับการเข้ามาอยู่ในกรอบของศาสนาอิสลามแล้ว ย่อมต่างกันอย่างลิบลับ แต่โปรดเชื่อเถอะว่า  การใช้ชีวิตคู่แบบที่คุณลำยองฯ กำลังคิดนั้น...เป็นเพียงทางออกในระยะต้นเท่านั้น  ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากเราเริ่มต้นชีวิตคู่โดยไม่จริงใจต่อครอบครัวของอีกฝ่าย เสมือนบ้านที่สร้างโดยไม่คิดจะวางเสาเอก ไม่ตอกเสาเข็ม เมื่อเจอพายุ ลมฝน กระหน่ำแรงๆ ก็คงค่อยๆ พังลงเป็นแน่เลยล่ะ ข้าพเจ้าได้ตอบคำถามให้กับตัวเองไปแล้ว...คำตอบนั้นนำมาซึ่งน้ำตาและความเสียใจ...แต่ข้าพเจ้าก็ดีใจที่อย่างน้อย เราก็ตอบคำถามให้กับตัวเองอย่างซื่อสัตย์และให้เกียรติต่อคนที่เราเคยคิดว่าเค้าน่าจะเป็นสามีที่ดีของเราได้ ขอบคุณเรื่องราวของคุณ 3milk2sugar ที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ในเรื่องการใช้ชีวิตของมุอัลลัฟได้เป็นอย่างดี...คุณทำให้ข้าพเจ้าเริ่มไม่แน่ใจว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ ข้าพเจ้าอาจคิดทบทวนคำตอบใหม่อีกครั้ง ปล. ความต่างของ จขกท. กับข้าพเจ้าอยู่ตรงที่ ข้าพเจ้าไม่ได้คบมุสลิมท่านนั้นในฐานะแฟน เรารู้จักกันในฐานะผู้ศึกษาศาสนากับผู้สอนศาสนาเท่านั้น ปล.สุดท้าย  ไม่ว่าท่านจะได้คำตอบแบบใด ข้าพเจ้าขอให้คำตอบนั้นดำรงอยู่บนความถูกต้องบนความเป็นจริงและจริงใจต่อทุกฝ่าย  อวยพรให้ท่านสามารถฟันฝ่าอุปสรรคตรงนี้ไปให้ได้น๊า ^^" จากคุณ : ดอกคูณที่จากไป - [ 8 มิ.ย. 51 01:07:26 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เอ่อ ขอเพิ่มอีกนิดนะ เพราะคิดว่าลำยองฯน่าจะรู้ไว้ เด็กที่เกิดจากการทำซินาร์(พ่อแม่ไม่ได้แต่งงานกันในทางอิสลามให้ถูกต้อง) นั้นน่าสงสารมากนะ เพราะทางญาติที่เป็นมุสลิมจะรับไม่ได้เลย ยิ่งกว่าการอยู่โดยไม่แต่งพ่อของแม่เด็กอีกนะ มันถือเป็นความละอายอย่างมากที่สุดเลยนะ มันจะเป็นการไปลงที่เด็ก(ถ้าเกิดมีอ่ะนะ) เพราะฉะนั้น ลำยองคิดดีๆนะ ตัดสินใจดีๆ โชคดีนะ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 51 09:17:23 จากคุณ : 3milk2sugar (3milk2sugar) - [ 8 มิ.ย. 51 03:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่รู้หรอกนะว่าอะไร "ผิด" อะไร "ถูก" ในเรื่องนี้ แต่บอกตามตรงว่าอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกเศร้าใจ สะเทือนใจ ปวดใจ และเห็นใจจขกท. คนเรารักกันตามปกติวิสัยของมนุษย์ แต่ดันมีศาสนาเป็นอุปสรรคขัดขวาง ถ้าจะมีอุปสรรคอะไรสักอย่าง มันก็ควรเป็นอย่างอื่น ไม่ควรเป็นศาสนาเลย ถ้าดูจากว่าศาสนามีไว้เพื่ออะไร อย่างนี้ก็ไม่รู้จะมีศาสนาไว้เพื่ออะไร ศาสนาไม่ได้ดำรงอยู่เพื่อสอนให้คนรักกันหรอกหรือ ศาสนามีไว้เพื่อให้คนรักกันเฉพาะศาสนาใดศาสนาหนึ่งเท่านั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นถือเป็นความรักแล้วหรือ แทนที่ศาสนาจะเรียกร้องการเคารพอย่างไม่ลืมหูลืมตา ศาสนาควรเริ่มตั้งคำถามวิธีคิดของตัวเองบ้างได้แล้ว ผ่านมากี่พันปีแล้ว จริงๆ แล้วความถูกผิดหลายอย่างที่ศาสนาบัญญัติไว้ ได้รับอิทธิพลจากขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ถิ่นฐาน รวมถึงความจำเป็น ปัญหา ประวัติศาตร์ ในช่วงเวลานั้นๆ ที่ศาสนานั้นๆ ได้ก่อตัวขึ้นมา ไม่ได้ลอยมาจาก "เบื้องบน" เพื่อให้ใช้อย่างไร้กาลเวลา-ตลอดเวลา อย่างที่เข้าใจกัน สังคมไหนที่ยึดแต่ศีลธรรมโดยขาดปัญญาและความเข้าใจรองรับ สังคมนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่สิ้นสุด จะพบความสุข ความเบิกบานผ่อนคลาย และสันติสุขได้ยากมากๆ   การโจมตี ทำร้าย และการ "ลงโทษ" กันสารพัดรูปแบบคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่พ้น ศีลที่ขาดสภาวะจิตรองรับมักนำไปสู่ความยึดมั่นอย่างมืดบอดและพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ทั้งแบบชัดแจ้งและแฝงเร้น รวมถึงก่อให้เกิดพฤติกรรมอื่นๆ ที่มักสร้างความทุกข์มากกว่าความสุข ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น จากคุณ : havana - [ 9 มิ.ย. 51 07:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้ามองจากมุมว่าความรักที่ไร้กติกา เหมือนพฤติกรรมโคถึกเมื่อถึงเวลาก็ต้องสมสู่โดย ไม่ต้องแสวงหาสัจธรรม จะผสมพันธุ์ซะอย่างใครจะทำอารายมุมมองคุณก็ถูกครับคุณ havana   อิสลามไม่ใช่เรื่องของหลักจริยธรรมทางจิตใจ อย่างเดียวแต่อิสลามเป็นวิถีชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ด้วย เป็นกฎหมายด้วย  เพราะอิสลามได้วางระเบียบไว้หมดตั้งแต่เขาเกิด จนตายดังนั้น ถ้าจะเป็นมุสลิมต้องเป็นทั้งศรัทธา และปฏิบัติครับ กรณี จขกท. ครอบครัวมุสลิมจะโดนหลอกซะมากกว่า ^^ รักไม่มีพรหมแดนแต่รักต้องมีศาสนา http://www.muslimthai.com/contentFront.php?option=content&category=12&id=129 จากคุณ : Palmyra - [ 9 มิ.ย. 51 12:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 41 รัก นะมีหลายแบบ รักพ่อแม่ รักพี่น้อง รักเพื่อนฝูง รักสิ่งแวดล้อม รักโลก รักเพื่อนมนุษย์ ศาสนาอิสลามไม่ได้ห้ามเรื่องความรักเลย กลับสนับสนุนด้วยซ้ำ แต่ทว่าคนที่จะมาเป็นสามีภรรยากัน อย่าว่าแต่เรื่องศาสนาเลย เรื่องอื่นก็มีมากมายที่จะต้องพิจารณา นิสัยส่วนตัวเข้ากันได้หรือเปล่า ลักษณะการใช้ชีวิต ฐานะทางสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี พื้นฐานครอบครัว อายุและวัย ทัศนคติ ความสัมพันธ์กับครอบครัวของเขาที่เราจะเข้าได้หรือไม่ ความสัมพันธ์กับครอบครัวของเราที่จะเขาจะเข้าได้หรือไม่ ถึงแม้ไม่มีเรื่องศาสนาก็มีเรื่องอื่นต้องพิจารณาอีกมากมายนี่ครับ เพราะเราจะแต่งงานกับไครเราก็อยากให้มั่นใจว่ามีปัญหาน้อยที่สุด อยู่กันจนตายจากกัน ดังนั้นการที่อิสลามไห้แต่งกับคนที่มีศรัทธา เดียวกัน นั้นถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะอิสลามวางบทบาทหน้าที่ของสามี และภรรยาไว้ชัดเจน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า ชีวิตครอบครัวสามารถไปด้วยกันได้ ตามบทบาทที่ได้วางไว้นะครับ ส่วนเจ้าของกระทู้ครับสิ่งสำคัญที่สุด มองความเป็นจริงอย่าหลอกตัวเองครับ หวังว่าคงได้พบแนวทางที่ถูกต้องและเหมาสมกับตนเองนะครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 14:48:31 จากคุณ : ghanee.s - [ 9 มิ.ย. 51 14:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คำเดียวสั้น ๆ" สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม "  เวลาพบเห็นเคราะห้กรรม ของใคร เราชอบคิดถึงประโยค นี้แล้วก้ วางความคิดนั้นเสีย   วันเวลาผ่านไป  ถ้าคิดจะย้อนเวลากลับมาแก้ใขเหตุการณ์ต่าง ๆ มันทำไม่ได้นะคะ จากคุณ : Kpetcharat - [ 9 มิ.ย. 51 22:12:17 ]

ความคิดเห็นที่ 43 มีแต่ความเห็นไปทางนั้นทั้งนั้นเลย ผมเป็นกำลังใจให้แล้วกัน เล่าเรื่องเพื่อนให้ฟังแล้วกันครับ เพื่อนผมอิสลามผู้ชาย แต่งงานกันแฟน แฟนเป็นพุทธ พอแต่งงานแฟนก็มาเข้าอิสลาม แต่มันดีตรงที่ พ่อกับแม่ของเพื่อนผมไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากนัก ตอนนี้มีลูกสาวคนนึงแล้ว ผมถามเพื่อน ว่าแฟนกินหมูรึป่าว เพื่อนก็บอกว่า เวลาอยู่บ้านก็ไม่ิกิน เวลาไปทำงานก็ไม่รู้ แต่ถ้าแฟนกินก็ไม่เป็นไร มันบอกผมว่ามันจะไปห้ามได้ไงถ้าเขาไปกิินก็ไม่มาบอกหรอก ผมเลยถามว่า อ้าวถ้ามารู้ทีหลังล่ะ มันบอกมันไม่เคยถามและไม่เคยสนใจด้วย เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า คือในความคิดผม ผมไม่ได้มองว่ามันจะวุ่นวายอะไรขนาดนั้นน่ะครับ เพราะเพื่อนผม ก็ลักษณะเดียวกับแฟน จขกท ที่บอกมา คือไม่เคร่งอะไรมากมายนัก เหล้า เบียร์กิน ไม่กินหมู งานศพ งานบวชเพื่อนก็ไป แต่ไม่ได้ยกมือไหว้พระหรืออะไร เวลาพระสวด ก็นั่งเฉยๆ เวลาเขาแห่นาค ก็เดินตามห่างแต่ไม่ได้ไปส่งเข้าโบสถ์หรืออะไร การที่จะบอกว่าอย่าไปแต่งกับอิสลาม ผมมองว่า มันตัดสินเร็วไปหน่อยครับ ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ที่เหลือแล้วแต่ จขกท. ละครับ ขอให้โชคดีครับ บุญรักษาครับ จากคุณ : CKN - [ 10 มิ.ย. 51 01:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 44 "ส่วนตัวคิดว่าอยู่ที่ใจ" ส่วนใจคุณคิดว่า  อยู่กับตัวหรือเปล่า ? ความรักแค่ชาติเดียว ไม่สำคัญกว่า  การพ้นทุกข์  ทุกชาติ   ชาติหน้าคุณจะมานั่งแต่งงานกับคนศาสนาอะไรอีก  ? จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 10 มิ.ย. 51 10:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อยากรู้ไหมว่าอัลกุรอานว่าไง [2:221]Do not marry unbelieving women (idolaters), until they believe: A slave woman who believes is better than an unbelieving woman, even though she allures you. Nor marry (your girls) to unbelievers until they believe: A man slave who believes is better than an unbeliever, even though he allures you. Unbelievers do (but) beckon you to the Fire. But Allah beckons by His Grace to the Garden (of bliss) and forgiveness, and makes His Signs clear to mankind: That they may celebrate His praise. [2:221]และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก จนกว่านางจะศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้น ดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นมุชริก แม้ว่านาง ได้ทำให้พกเจ้าพึงใจก็ตาม และพวกเจ้าจงอย่าให้แต่งงาน กับบรรดาชายมุชริก จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา และทาสชายที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่า ชายมุชริก และแม้ว่าเขาได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม ชนเหล่านี้แหละจะชักชวนไปสู่ไฟนรก และอัลลอฮ์ นั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์ และไปสู่การอภัยโทษ ด้วยอนุมัติของพระองค์ และพระองค์จะทรงแจกแจงบรรดาโองการของพระองค์ แก่มนุษย์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึกกันได้ ................................. ตามความเห็นของผมนะ ถ้าคุณจะแต่งงานเพียงเพื่อแค่หลอกสายตาคนอื่นว่าคุณคือมุสลิมน่ะ ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และต้องมีเรื่องที่ลำบากเกิดขึ้นมาภายหลังแน่นอน ถ้าจะให้ดี คุณและคนที่คุณจะแต่งงาน ควรศึกษาอิสลามให้ดีๆเสียก่อน เพราะหากเข้าอิสลามแล้ว เหมือนกับว่าได้เข้ามาสู่สัจธรรมแล้ว อันจะออกจากสัจธรรมสู่เท็จนั้น ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง และโทษของมันนั้น ก็รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ หากยังไม่รู้ก็ถามผู้รู้ในบอร์ดนี้ก็ได้ เพราะเห็นมีกันอยู่หลายท่าน จากคุณ : Hafis - [ 23 มิ.ย. 51 10:54:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ความรักศักดิ์ศรี รักไม่มีพรหมแดน รักไม่มีศาสนา แม้นใครบุญญาได้ครองกันมา พรหมลิขิตพาชื่นใจ จากคุณ : ดาญาณ - [ 9 ก.ค. 51 15:48:39 ]