บางครั้ง ท่านอาจพบว่า(จากประสบการณ์ของตัวเองและการสังเกต) ท่านเองก็เป็นคนมีศีล ถือศีลเคร่งครัด ทำงานสุจริต ควรที่จะได้รับการยกย่อง แต่บางครั้ง ความสงบใจนั้นก็ถูกเขย่าและกระทบกระแทกจนน่าโกรธ เพราะว่า คนบางคน นอกจากจะไม่รู้ว่าเรามีธรรมะแล้ว ยังด่าว่าเราเหมือนเราเป็นปุถุชนอีก น่าโกรธจริง ๆ พอหายโกรธ มีคนมาชมว่าเป็นคนดี มีธรรมะ ก็ปลื้มใจ หวั่นไหวไปมา ขึ้นลง
กิเลสกำลังหลอกเราว่าเราต้องโกรธ เพราะเขาว่าคนดีอย่างเรา กิเลสหลอกเราว่า เราเป็นคนดี เขาควรจะยกย่องเรา เพราะเราเป็นคนดี เรามีความอดทน แต่กิเลส เป็นสิ่งที่ไม่อดทนอะไรเลย เราทำความดี เราเองยังชมตัวเองได้ขนาดนี้ แต่ทำไมเขาไม่เห็นเลยว่าเราดี กลับว่าเรา ทำไมเขาไม่ยอมมองด้านดีของเราแล้วหยิบตรงนั้นมาชมเลย เขาน่ารังเกียจจริง ๆ ที่มองคนดี ๆ อย่างเรานี่ไม่ออก
จิตที่ไม่ได้ฝึกวางใจให้เป็นกลาง พอถูกเขาดูหมิ่นก็คิดร้ายเขา พอเขาชมก็คิดดีกับเขา กิเลสคือ มานะ กำลังคิดยกตัวเอง ไม่ให้มีคนมาว่าได้ และชอบในรอยยิ้มที่เขาชมมา
เมื่อเวลาที่เราไม่ชอบคนมาดูหมิ่น เมื่อนั้น ธรรมะก็หายไปมีแต่กิเลส และการสิ้นธรรมะของเราเอง
ข้ออความใน
มหาโลมหังสจริยา ที่ ๑๕ ใน จริยาปิฎก
แสดงถึง ครั้งหนึ่ง พระมหาโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมีด้วยการฝึกจิตใจ ให้เป็นกลางต่อคำชื่นชม ของคนอื่น ที่มีต่อพระองค์ และการได้รับการดูหมิ่นจากคนอื่น
จากคุณ :
SpiritWithin_HolyStream
- [
21 ก.ค. 51 17:53:25
]