ความคิดเห็นที่ 1 ขอแสดงความคิดเห็นน่ะครับ ในฐานะที่เคยบวชเรียนมาแล้ว ผมว่าขนรักแร้น่าจะโกนน่ะครับ เวลาใส่อังสะและห่มจีวรแล้ว มันจะเห็นขนรักแร้น่ะครับ(จะเห็นด้านขวา) ส่วนขนในบริเวณที่ลับไม่จำเป็นครับ และมีพระวินัย(ถ้าจำไม่ผิดน่ะครับ)บอก ว่าห้ามโกนน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 22:08:59 จากคุณ : gusta - [ 1 เม.ย. 52 22:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อะไรที่เราคิดว่า ทำให้ดูเรียบร้อย ก็ทำได้ แต่ไม่ให้ทำเพราะคิดว่า จะงาม จะหล่อ จะเท่ห์นะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 1 เม.ย. 52 22:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 บวชพระ เค้าห้ามไว้ขนหน้าอกกับขนรักแร้ไหมครับ? ไว้ได้นะ หากออกจากพื้นที่ประเทศไทยแล้ว จะไว้ คิ้ว ก็ได้ จะโกนเสียก็ได้ - กรณี รักแร้ หากมีกลิ่น ก็ โกนทิ้ง แล้วใช้ ก้อนสารส้ม ถูหลังสงฆ์น้ำก็ได้ ใช้สัก2-3 วัน ก็ สงบจากกลิ่นได้ ถึงกายจะเป็นของสกปรก แต่ก็พึงชำระเสียให้สะอาด อันเรียกว่า กายบริหาร (อัปปนาธิโกศล10-วิสุทธิมรรค) จากคุณ : เทพแมว - [ 1 เม.ย. 52 22:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พระวินัยมีเฉพาะห้ามโกนขนในที่ลับเช่นทวารหนัก ทวารเบาไม่แน่ใจ ที่อื่น ๆโกนได้แต่ขึ้นใหม่จขนะเป็นภาระมาก เช่น แข็ง หรือคนอื่นมองแล้วจะรู้เลยว่าขนถูกโกนเช่นรักแร้ หน้าแข้ง จากคุณ : พุทธจิต - [ 1 เม.ย. 52 23:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขนจมูก ล่ะเออ จากคุณ : Panda-baker - [ 1 เม.ย. 52 23:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขนรักแร้ก็ห้ามโกน  ขนจมูกก็ควรตัดมิให้ยาว จากคุณ : kekzo - [ 2 เม.ย. 52 07:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แนะนำให้โกนขนหัวเหน่าด้วย และขนรักแร้ จ้ะ ส่วนหัว คิ้ว หนวด เครา โกนปกติอยู่แล้ว ที่แนะนำ เพราะจะได้สบายๆ จากคุณ : จิ้งจอกเงิน - [ 2 เม.ย. 52 09:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การบวชนอกจากโกนผมและคิ้วแล้ว นอกนั้นควรเป็นธรรมชาติ ของบุคคลนั้น สิ่งใดที่ทำเพื่อความสวยงาม ท่านห้ามไม่ให้ทำ เช่นหนวด หรือจอนผม ถ้าภายในสิบห้าวัน จะยาวเท่าไรก็ปล่อยไปตามนั้น ถ้าจะขลิบหนวด หรือกันจอน ไม่ควรทำครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 2 เม.ย. 52 10:05:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 #7เห็นด้วยกับท่านจิ้งจกเงิน  นอกจากจะโกนแล้วควรทำให้เป็นรูปข้าวหลามตัด หรือไม่ก็ใบโพธิ์  จะได้ดูเซ็กซี่ ส่วนเรื่องสบาย ๆ เป็นกิเลสแค่เล็กน้อย ไม่ควรใส่ใจหรอก จากคุณ : kekzo - [ 2 เม.ย. 52 12:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จริง ๆ แล้วมีแค่ปลงผม โกนหนวด ตัดเล็บ การโกนคิ้วนี่มีเฉพาะประเทศไทยหรือเปล่า? เคยเห็นข้อมูลว่าเริ่มโกนคิ้วในสมัยรัชกาลที่ 1 เหตุเพราะศึกสงคราม เพื่อให้เป็นจุดแตกต่างจากพระพม่า จากคุณ : Nobody I am - [ 2 เม.ย. 52 15:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่า แล้วแต่เจตนานะครับ   เพราะหากดู พระในประเทศต่างๆ ก็จะแตกต่างกันไป   แต่อย่างไรก็ตาม หากเจตนาเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเรียบร้อยก็แล้วแต่นะครับ   แต่เพื่อความสวยงาม เพื่อกามะก็ควรพิจารณาเสียใหม่นะครับ ว่า เจตนาของเรานั้นคือสิ่งใด จากคุณ : neptune_poseidon - [ 2 เม.ย. 52 15:41:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #9 จิ้งจอก ครับ ท่าน !! บ่ใช่จิ้งจก จากคุณ : Panda-baker - [ 2 เม.ย. 52 16:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ศึกษาได้ที่ http://www.vinaya.mbu.ac.th/sec3/page2.htm ตัวอย่างครับ 1. อย่าพึงไว้ผมยาว จะไว้ได้เพียง 2 เดือนหรือ 2 นิ้ว 2. อย่าพึงไว้หนวดเครายาว พึงโกนเสีย 3. อย่าพึงไว้เล็บยาว 4. อย่าพึงไว้ขนจมูกยาว 5. อย่าพึงให้นำซึ่งขนในที่แคบออก คือ ในร่มผ้าและรักแร้ เว้นไว้แต่อาพาธ จากคุณ : ทิดมีน (mean2523) - [ 2 เม.ย. 52 18:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ่อ...คือผมเน้นเฉพาะที่ หน้าอก กับรักแร้อ่ะครับ หน้าอกผม ก็ประมาณน้องๆวูฟล์เวอรีน รอบหัวนมก็มีขน รักแร้ยาวราวๆ 4-5 ซม เวลากางแขน มันจะเหยียดตรงในลักษณะหงิกงอ ผมเลยว่ามันคงไม่น่าดูสักเท่าไหร่น่ะครับ ส่วนตรงอื่นๆ ผมไม่ได้สนใจหรอกครับ เพราะมันเป็นธรรมชาติ จากคุณ : Moonui - [ 3 เม.ย. 52 00:34:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อย่าพึงให้นำซึ่งขนในที่แคบออก คือ ในร่มผ้าและรักแร้ เว้นไว้แต่อาพาธ - สาธุ (แต่หากมีกลิ่นรักแร้แรง ไม่อาจแก้ได้ ... ก็พึ่งโกนเสีย) ------------------------------------------------------ อย่าพึงไว้ผมยาว จะไว้ได้เพียง 2 เดือนหรือ 2 นิ้ว (ในไทยไม่ใช่ได้ใช้จริงทั้งสองนิกาย) -ในประเทศไทยนิยม ต้องโกน ทุกเดือน วันพระใหญ่ (หากบวช แม้ 2-3 วันก็ควร โกนใหม่ เพื่อ ความพร้อมใจในหมู่สงฆ์) ------------------------------------------------------ เรื่องพระเจ้าพิมพิสาร [๖๑๐] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็น สถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์. ครั้งนั้นภิกษุพากันสรงน้ำอยู่ในแม่น้ำ ตโปทา ขณะนั้นแล พระเจ้าพิมพิสารจอมทัพแห่งมคธรัฐเสด็จไปสู่แม่น้ำตโปทา ด้วยพระราช- ประสงค์จะทรงสนานพระเศียรเกล้า แล้วประทับพักรออยู่ในที่ควรแห่งหนึ่ง ด้วยตั้งพระทัยว่า จักทรงสนานต่อเมื่อพระคุณเจ้าสรงน้ำเสร็จ ภิกษุทั้งหลายได้สรงน้ำอยู่จนถึงเวลาพลบ ดังนั้น ท้าวเธอจึงสรงสนานพระเศียรเกล้าในเวลาพลบค่ำ เมื่อประตูพระนครปิด จำต้องประทับแรมอยู่ นอกพระนคร แล้วเสด็จเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคแต่เช้า ทั้งๆ ที่เครื่องประทิ่นทรงยังคงปรากฏอยู่ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค แล้วประทับเหนือพระราชอาสน์อันสมควรส่วนข้างหนึ่ง. พระผู้มีพระภาคตรัสถามท้าวเธอผู้นั่งประทับเรียบร้อยแล้วว่า ดูกรมหาบพิตร พระองค์ เสด็จมาแต่เช้า ทั้งเครื่องวิเลปนะที่ทรงยังคงปรากฏอยู่ เพื่อพระราชประสงค์อะไร? จึงท้าวเธอกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจ้งให้ท้าวเธอ ทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา. ครั้นท้าวเธออันพระผู้มีพระภาคทรง ชี้แจ้ง ให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้วเสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วเสด็จกลับ. ประชุมสงฆ์ทรงบัญญัติสิกขาบท ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ใน เพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกภิกษุ แม้พบพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ก็ยังอาบน้ำอยู่ไม่รู้จักประมาณจริงหรือ? ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า. ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉน ภิกษุโฆษบุรุษเหล่านั้น แม้เห็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว จึงยังอาบน้ำอยู่ ไม่รู้จักประมาณเล่า การกระทำของภิกษุโมฆบุรุษ เหล่านั้นนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่ง ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ ๑๐๖. ๗. อนึ่ง ภิกษุใด ยังหย่อนกึ่งเดือน อาบน้ำ เป็นปาจิตตีย์. - ครึ่งเดือน อาบน้ำได้หนเดียว ก็ ให้ใช้ใน บ้านเมืองที่ขาดแคลนน้ำ ในประเทศไทย อนุโลมให้สรงน้ำได้ไม่ต้องอาบัติ (อันนี้ อ้างอิง วัดบวรนิเวศ) ------------------------------------------------------------------------------------- ประโยชน์ของการเคี้ยวไม้ชำระฟัน ดังนี้ 1. ฟันดูไม่สกปรก 2. ปากไม่เหม็น 3. เส้นประสาทรับรสหมดจดดี 4. เสมหะไม่หุ้มอาหาร 5. ฉันอาหารมีรส ** หากผิด ณ ตรงส่วนใด ยินดี น้อมรับฟังโดยดี จากคุณ : เทพแมว - [ 3 เม.ย. 52 02:12:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถูหลังสงฆ์น้ำก็ได้ ....สรงค่ะ จากคุณ : คุณอ่อง - [ 3 เม.ย. 52 08:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=7&A=1148&Z=1193&pagebreak=0 อันนี้ดูจากพระไตรปิฎกโดยตรงครับ ทั้งขนหน้าอก รักแร้ หน้าแข้ง และใต้สะดือไม่ต้องไปโกนครับ ขึ้นมาใหม่จะคันและแข็ง เว้นแต่จะเป็นแผลต้องแปะพลาสเตอร์ หรือ ทายาครับ หลวงพี่ที่วัดญาณเวศกวันที่ผมเคยบวช ก็มีขนเยอะท่านก็ไม่ได้โกนครับ โกนเฉพาะศีรษะ คิ้ว หนวด และใช้กรรไกรเล็มขนจมูกก็พอครับ ปรึกษาพระพี่เลี้ยงวัดที่คุณจะบวชได้ครับ เวลาออกไปบิณฑบาต หรือ อยู่นอกเขตวัด ห่มคลุมมิดชิดครับ ญาติโยมเขาเห็นแค่ส่วนศีรษะครับ ใต้ร่มผ้าไม่ต้องไปกังวลอะไรหรอกครับ ข้อมือ ข้อเ้ท้า ตัดเล็บให้สะอาด ก็งามแล้วครับ จากคุณ : mean2523 - [ 3 เม.ย. 52 16:49:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 . แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 52 17:29:12 จากคุณ : mean2523 - [ 3 เม.ย. 52 17:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่มเติมรูปครับ จากคุณ : mean2523 - [ 3 เม.ย. 52 17:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แนะนำช่วงบวช ช่วงเข้าพรรษา และพอออกพรรษาอย่าพึ่งสึก เรียนรู้พร้อมปฎิบัติไปเรื่อยเข้าใจโลกเรื่อยๆพยายามหากัลยาณมิตร(ครูบาอาจารย์ที่สามารถสอนได้ทั้งปริยัติ คัณถธุระ และปฎิบัติ วิปัสสนาธุระ)  ที่ดี แล้วจะทำให้เข้าใจการบวชมากขึ้น จากคุณ : mana (mana) - [ 3 เม.ย. 52 18:23:50 ]