ความคิดเห็นที่ 1 ไอ้พวกสกปรก ที่มันหวังให้คนที่นับถือบูชามันไปเป็นทาสรับใช้ของมันเมื่อตายไป มันโกหก... ไอพวกนี้ไม่ต้องก้มหัวให้... แต่ให้อุทิศกุศลให้มัน เดี๋ยวมันก็รู้เองว่าอะไรดีอะไรไม่ดี.. จากคุณ : Mr.Maximum - [ 27 มิ.ย. 52 21:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บางทีก็เข้าจริง  บางทีก็แกล้งทำ หวังลาภสักการะ ถามเรื่องในพระไตรปิฎกสวรรค์มี 6 ชั้น  บอกว่า 7 ชั้นซะงั้น ยังไม่ค่อยรู้เลย จากคุณ : KornM - [ 27 มิ.ย. 52 21:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ก็สวดพาลยักษ์ คือการเอ่ยนาม ของ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ผู้ปกครองสวรรค์จตุมหาราชิกา  พวกนี้ได้ยินก็กลัวดิ จากคุณ : KornM - [ 27 มิ.ย. 52 21:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดิฉันเห็นว่า เป็นธรรมเนียมสากลค่ะ สำหรับการสั่นของร่างทรง อันนี้ดูจากในภาพยนตร์และสารคดีนะคะ ในการเข้าทรง ทุกชาติ ทุกภาษาเลย ต้องสั่น สั่นมาก สั่นน้อยต่างกัน   ส่วนลีลาการแสดงออก เป็นไปตามวัฒนธรรมใคร วัฒนธรรมมันค่ะ จากคุณ : oDaineo - [ 27 มิ.ย. 52 22:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเป็นการเข้าทรงด้วยการย้อมจิต หรือสร้างอุปาทานไปเอง ก็จะทำให้มีการสั่นค่ะ ส่วนพวกรำไทย จริงๆ แล้วรำกันไม่เป็นซักคน ร่างทรงมีทั้งของจริงของปลอม ของจริง คือมีเจ้ามาประทับร่างจริงนั้น เจ้าที่มาประทับ เป็นได้แค่ผี แล้วก็มักจะเป็นผีเร่ร่อนพวกสัมภเวสี หรือเจ้าไม่มีศาล ไม่ใช่ผีที่มีฤทธิ์เดช หรือผีชั้นสูง และไม่มีทางที่จะเป็นเทพ ดวงพระวิญญาณอดีตกษัตริย์ หรือวิญญาณวีรชนในอดีตก็เช่นกัน สูงเกินกว่าจะมาประทับทรงค่ะ ร่างทรงบางคน เป็นเหมือนเมืองท่า ร่างเดียวทรงได้หมด ตั้งแต่กุมาร เทพ วีรสตรี สมเด็จโต บางคน ทรงเทวสตรีได้ทั่วโลก ทรงเทพอียิปต์เธอก็แต่งตัวเลียนแบบคลีโอตรา วงการร่างทรง เป็นวงการของพวกจิตอ่อนผีสิง กับคนวิกลจริต ปัญหาก็คือ พวกนี้มีอิทธิพลครอบงำสังคมไทย โดยเฉพาะเป็นพวกที่สร้างมาตรฐานหลอกลวงว่า การบูชาเทพต้องเกี่ยวข้องกับการมีองค์ ต้องรับขันธ์ ต้องเป็นร่างทรง แล้วก็เอาเทพนิยาย+หนังอินเดียมาล้างสมองกัน จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 27 มิ.ย. 52 23:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอ้ออออออออ..   เห็นด้วยกะ คห.1 ก็คราวนี้เอง จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ - [ 28 มิ.ย. 52 03:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่เห็นด้วยกะคุณหนอนฯ ครึ่งเดียว  สำหรับประโยคนี้ "ดวงพระวิญญาณอดีตกษัตริย์ หรือวิญญาณวีรชนในอดีตก็เช่นกัน สูงเกินกว่าจะมาประทับทรงค่ะ" คือ  เห็นด้วย ตรงที่ ไม่มีทาง ที่จะมาประทับทรงแน่นอน แต่ที่ว่า สูงเกิน  นี่ไม่เห็นด้วยหรอก  สงสัยว่าทำไมถึงบอกว่าสูง  อย่างเช่น พวกที่ว่าเป็นวีรชน  คนจะเป็นได้แสดงว่า  ตอนมีชีวิตอยู่ต้องฆ่าคนเป็นเบือ   เรือนหมื่น เรือนแสน   แบบนี้ขึ้นสวรรค์ หรือ ลงนรก อ่ะ?   ต้องมาพิจารณาดูว่า  ที่มาประทับทรงไม่ได้ นี่ เพราะสูงเกิน  หรือขึ้นมาไม่ได้กันแน่ กฎแห่งกรรม  รู้จักคำว่า  ประเทศชาติด้วยเหรอ?  ฆ่าคนเพื่อปกป้องประเทศชาติไม่ต้องตกนรกเหรอ เราคิดว่า  สำหรับกฎแห่งกรรมเนี่ย..  การ"ฆ่าคนเพื่อปกป้องประเทศชาติ"  หรือ "ฆ่าเพื่อรุกราน"  หรือ "ฆ่าเพื่อปกป้องอำนาจ"  หรือ "ฆ่าเพื่อลงโทษ" หรือ "ฆ่าเพื่อความสะใจ"  มันก็บาปไม่ได้หนีกันมากนักหรอก  เพราะมันก็คือการ ฆ่า เหมือนกัน คุณหนอนฯ คิดว่า  คนที่อยู่เบื้องสูง เช่น  เจงกีสข่าน , จักรพรรดินโปเลียน  หรือ ท่านผู้นำสูงสุด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์   ท่านเหล่านั้น ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ไหน? จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ - [ 28 มิ.ย. 52 04:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดูร่างทรงจีน ไต้หวัน ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ น่าเชื่อถือกว่าร่างทรงไทยครับ อีกอย่างนะ ในอินเดียไม่มีร่างทรง และในอินเดียมีเฉพาะอินเดียใต้เท่านั้น มีเฉพาะงานเทศกาลเท่านั้น จากคุณ : คุณฟิน - [ 28 มิ.ย. 52 08:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การทรงจะมีแบบร่างทรงและญาณทรงแต่ธรรมดาทั่วไปไม่เห็นมีการสั่นหรือรำเลยเห็นเพียงว่าอธิษฐานจิตก็ทรงเท่านั้นครับ  ส่วนเรื่องเชื่อรึไม่นั้นไม่ทราบ  เพราะเรื่องนี้เป็นปัจจัตตังคือรู้ได้เฉพราะตน  พิจารณาเอาครับ จากคุณ : ลูกซองผู้ใหญ่บ้าน - [ 28 มิ.ย. 52 09:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ก็นี่เมืองไทยน่ะครับ ถ้าเป็นแถวบร็อง คงเต้นแรบไปด้วยนะ แง่บๆ ... เคยสัมผัสคนพวกนี้มาเยอะพอควร บางคนบอกเลี้ยงกุมาร นั่งคุยคนเดียวได้ ส่วนมากสุดท้าย เหอะๆ เลอะเทอะอ่ะ แง่บๆ (แต่เก็บๆ เรื่องพวกนี้ไว้มาอำคนเล่นก็ใช้ได้นะครับ เคยเอามาหลอกให้ผัวเมียดีกันมาแล้ว ได้ผล) จากคุณ : itoursab (itoursab) - [ 28 มิ.ย. 52 13:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบคุณ จักรพรรดิสัมมาทิฐิ ค่ะ ที่เราบอกว่า สูงเกิน คือเราอาจจะใช้คำที่กำกวมเกินไป จริงๆ คือ ระดับจิตของดวงวิญญาณวีรชนเหล่านั้น มีกำลังมากกว่าหรือสูงเกินกว่าจะเข้ากันได้กับร่างทรงซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดา (และจิตค่อนข้างผิดปกติ) เหตุที่จิตมีกำลังมากกว่า เพราะ ๑) การที่จะเป็นวีรบุรุษ วีรสตรีได้นั้น ต้องมีจิตใจที่กล้าแข็งกว่ามนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาอยู่แล้ว คนที่จะได้รับการยกย่องถึงกับเป็นวีรชน ไม่ใช่คนแบบชาวบ้านร้านตลาดทั่วไปจะเป็นได้ค่ะ ๒) ไม่เพียงเท่านั้น พอวีรชนเหล่านี้ตายไปแล้ว มีผู้นับถือกราบไหว้บูชาต่อเนื่อง ดวงจิตของคนที่นับถือบูชาเข้าไปรวมกับจิตของวีรชนเหล่านั้น นานเข้าๆ ยิ่งทำให้กำลังจิตของวีรชนเหล่านั้นเลื่อนระดับสูงขึ้นไปอีก การวัดระดับสูงต่ำของวิญญาณ เค้าวัดกันที่กำลังจิต หรือกำลังของวิญญาณนั้นค่ะ ส่วนบาปที่ทำไปเพื่อการปกป้องประเทศชาติ เป็นอีกเรื่องนึง วีรชนทุกคนนั้นล้วนแต่อยู่ในสถานการณ์ที่เลือกได้แค่สองอย่าง คือต้องสู้ หรือไม่ก็ตาย และถ้าเค้าเลือกอย่างหลัง อาจหมายถึงคนเรือนหมื่นเรือนแสนเช่นกันที่ต้องตายเพราะการตัดสินใจของเค้า เค้าไม่สามารถเลือกที่จะไปปฏิบัติธรรม อย่างเช่นสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร หรือขุนหลวงหาวัด ที่มีฝีมือในการป้องกันบ้านเมือง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจบวชไม่สึก แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือเสียกรุงครั้งที่ ๒ วัดวาอาราม ๔๐๐ กว่าแห่ง ถูกเผาย่อยยับ แบบนี้ก็ไม่เรียกว่า วีรชน วีรชนเค้าไม่ทำอะไรเพื่อตัวเองหรอกค่ะ เค้าทำเพื่อคนอื่น เพื่อแผ่นดินของเค้าทั้งนั้น ส่วน  เจงกีสข่าน , จักรพรรดินโปเลียน  หรือ ท่านผู้นำสูงสุด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์  แบบนั้นก็ไม่เรียกว่า วีรชน ค่ะ สองพระองค์แรก เรียกว่า จอมจักรพรรดิ หรือ มหาราช ส่วน ฮิตเลอร์ เรียกว่าทรราชย์ จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 28 มิ.ย. 52 22:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จากที่ว่า.. ๒) ไม่เพียงเท่านั้น พอวีรชนเหล่านี้ตายไปแล้ว มีผู้นับถือกราบไหว้บูชาต่อเนื่อง ดวงจิตของคนที่นับถือบูชาเข้าไปรวมกับจิตของวีรชนเหล่านั้น นานเข้าๆ ยิ่งทำให้กำลังจิตของวีรชนเหล่านั้นเลื่อนระดับสูงขึ้นไปอีก แสดงว่า  วีรชน  ทำบาปแล้วไม่ต้องตกนรกน่ะสิครับ  ไม่งั้นจะมีการรวมจิต หรือเลื่อนระดับได้ไง  เพราะถ้าอยู่ในนรกมันเป็นแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ - [ 28 มิ.ย. 52 22:51:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมืองไทยต้องรำไทย ไปเต้นแบบ SJ ,Dong Bang ,Shinee ไรงี้ ใครจะไปเชื่อ จากคุณ : MonoEye - [ 29 มิ.ย. 52 11:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบ คุณจักรพรรดิสัมมาทิฐิ มันก็ขึ้นอยู่กับคุณว่า คุณตีความคำว่า "นรก" ยังไงน่ะค่ะ ในพระไตรปิฎก บรรยายลักษณะของนรกไว้ยังไงบ้างล่ะคะ เรื่องรายละเอียดของนรก การลงทัณฑ์ต่างๆ ที่คนไทยเรารู้จักกันอยู่ในปัจจุบันนี้ ส่วนมากเอามาจากไตรภูมิพระร่วง ซึ่งเป็นวรรณกรรมทางศาสนานะคะ ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้านะ คนที่ตายแล้วฟื้น แล้วอ้างว่าไปเห็นนรกมา ก็เห็นไม่เหมือนกันซักคน ถ้านรก เป็นอย่างที่ไตรภูมิพระร่วงบอกไว้ ก็น่าจะมีคนที่เห็นตรงกันบ้าง ว่าแต่ว่า ถ้าทำบาปแล้วต้องลงไปชดใช้กรรมในนรกหมดแล้ว ถ้าทำบุญแล้วได้ไปเสวยสุขในสวรรค์หมดแล้ว คุณจะเอากรรมดีกรรมชั่วที่ไหนเป็นปัจจัยให้คุณมาเกิด เพื่อชดใช้อีกในชาตินี้ล่ะคะ^ ^ แล้วถ้าทุกคนต้องลงนรก หรือไปสวรรค์ตามแบบที่ไตรภูมิพระร่วงบอกไว้กันหมด คุณจะอธิบายยังไงกับเรื่องผีที่มาประทับทรง ตามหัวข้อกระทู้นี้ล่ะคะ จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 29 มิ.ย. 52 22:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอ..  คุณหนอนพูดราวกับว่า  ไม่เคยได้ฟังคำสอนเรื่องนรก-สวรรค์ จากพระอริยสงฆ์ในยุคนี้ อย่างนั้นอ่ะครับ ความเห็นของผม เรื่องนรก-สวรรค์ หรือการมาเกิด ก็เหมือนกับที่ได้รู้มาจากครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์ทั้งหลายนั่นแหละครับ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ - [ 30 มิ.ย. 52 00:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราเกิดมาทำไม..??   คำตอบ คือ  เกิดมาเพื่อสร้างบารมี  โดยมีเศษกรรม ทั้งดี และไม่ดี มาเป็นตัวกำหนดความเป็นอยู่  ความเป็นไปในชาติปัจจุบัน ไม่ได้เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมนะครับ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ - [ 30 มิ.ย. 52 01:30:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราได้ยินเรื่องนรกสวรรค์ จากพระอริยสงฆ์มาเยอะค่ะ แต่ มันไม่ตรงกันในรายละเอียด แล้วถ้าตัวเราเองเคยลงนรกมากี่ขุมเราก็ลืมไปหมดแล้วเช่นกัน เรานึกไม่ออก ว่าสภาวะของมันเป็นยังไง เพราะงั้น เราต้องฟังหูไว้หูค่ะ ส่วนคนที่ตายไปแล้ว วิญญาณยังล่องลอยอยู่ เป็นสัมภเวสีสิงอยู่ตามที่ต่างๆ เราสัมผัสมาเยอะแยะ มากมายค่ะ เป็นประสบการณ์ตรงที่ปฏิเสธไม่ได้ แล้วก็รู้หลักที่จะแยกว่าอันไหนของจริง อันไหนอุปาทานด้วย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกที่เป็นของจริงนั้นทำไมไม่ได้ไปนรก ที่แน่ๆ เรื่องไสยศาสตร์ การทำร้ายกันด้วยอาคมต่างๆ ตั้งแต่โบราณกาลนั้น ต้องใช้เรื่องผีสางเป็นหลักเลยทีเดียว ยายของเราเอง ท่านก็เสียชีวิตด้วยคุณไสย มีทั้งตัวเราและพยานบุคคลมากมายที่ยืนยันได้ คุณไสยที่ทำให้ท่านเสียชีวิต ก็มีผีมาเกี่ยวข้องอีกน่ะค่ะ ก็ต้องถามเหมือนกันว่า ถ้านรกมีจริง ผีพวกนี้ได้สิทธิ์พิเศษอะไร ถึงไม่ต้องไปลงนรก หรือว่าแค่คาถาอาคมของหมอผีบนโลก จะมีอำนาจห้ามนรกสวรรค์ได้ สามารถฉุดรั้งวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว ไม่ให้ต้องไปชดใช้บาปกรรมในนรกได้ ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ ส่วนเรื่องเศษกรรม เป็นเครื่องกำหนดความเป็นไปในชาติภพปัจจุบัน อันนั้นเราเห็นด้วยค่ะ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่า เป็นเพียงเศษกรรม หรือ วิบากกรรมที่สั่งสมกันมาแต่ละภพแต่ละชาติ ทยอยกันส่งผลเป็นลำดับไปเท่านั้น เพราะไม่ได้มีญาณพอจะรู้เห็นประจักษ์แจ้งได้ในเรื่องนั้น แต่ถ้าแค่อ่านน่ะอ่านมาเยอะค่ะ อ่านแล้วจะเชื่อได้แค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ฟันธงทั้งนั้นว่า เป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้, มี หรือไม่มี เรื่องเกิดมาเพื่อสร้างบารมี ถ้าการสร้างบารมีของคุณจักรพรรดิสัมมาทิฐิ คือการสร้างบารมีเพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นในบั้นปลาย อันนั้นเราเห็นด้วยอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 52 02:35:26 จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 30 มิ.ย. 52 02:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องสัมภเวสี นั่นก็เป็นอีกกรณีนึงครับ  แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร  แต่ที่ยังคงต้องวนเวียนอยู่นั่น  มันมีเหตุอยู่ครับ  แต่ผมลืมไปแระ ส่วนเรื่องคุณไสย  เค้าก็จับเอาพวกสัมภเวสีที่วนเวียนผ่านไปผ่านมาแถวนั้นแหละมาใช้งาน  อย่างที่คุณหนอนฯ บอกมาก็ใช่แหละครับ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ - [ 30 มิ.ย. 52 02:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แสดงว่าคุณไสยมีจริง? จากคุณ : nr (Narin-nar) - [ 1 ก.ค. 52 15:23:06 ]