ความคิดเห็นที่ 1 ระดับ หลวงพี่  นี่.. ไม่น่าจะเป็นพระอรหันต์นะครับ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 03:22:48

ความคิดเห็นที่ 2 มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่จะรู้ว่าท่านใดคือพระอรหันต์ และท่านเหล่านั้นก็ไม่เที่ยวป่าวประกาศว่าใครเป็นพระอรหันต์ จึงไม่จำเป็น ที่ต้องเที่ยวไปแสวงหาพระอรหันต์ เพื่อกราบ เพราะมันเกินปัญญา ของคนที่ไม่ใช่พระอรหันต์ว่าท่านใดเป็น มีแต่ว่าทำตัวเราให้เป็นพระอริยะ เป็นพระอรหันต์ อย่างนี้เป็นสิ่งที่ควรทำ และเป็นไปได้มากกว่าครับ แล้วเราก็กราบตัวเรานี้แหละ จากคุณ : Poonoi เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 06:48:43

ความคิดเห็นที่ 3 ได้ไปกราบก็เป็นบุญนะครับ ดีไปอีกแบบหนึ่งเลย แต่ผมก็ไม่ได้เสาะแสวงหานะครับ  ได้ไปกราบก็เป็นบุญ แต่ไม่ได้นึกอยากจะดั้นด้นไป นึกแต่ดีใจ และปีติ ที่ทราบว่ามี พระอรหันต์ยังอยู่ และอนุโมทนาคนที่ไปกราบไปทำบุญครับ ทำไมผมถึงไม่เสาะแสวง เพราะ หนึ่ง ถ้าในด้านเนื้อนาบุญ การถวายสังฆทาน มีอานิสงส์กว่าถวายพระอรหันต์อย่างนับประมาณไม่ได้ อันนี้เป็นพุทธพจน์ เลยนะครับ ถ้าเทียบสัดส่วน ผมว่า ประมาณ เกินหมื่นเท่านะครับ จาก เวลามสูตร พุทธพจน์ เป็นหนึ่งไม่มีสอง พระพุทธองค์กำหนดไว้ต้องเป็นตามนั้น เพราะนี่เป็นพระศาสนาของท่าน การรักษาพระภิกษุสงฆ์อาพาธ เสมือน ด้วยรักษาพระพุทธองค์ นี้ก็ เป็นพุทธพจน์ที่มีความหมายประมาณนี้ สอง ถ้าในแง่ หวังธรรมะจากพระอรหันต์   บางทีพระสงฆ์ท่านที่เราไปกราบและคนนับถือว่าเป็นพระอรหันต์นั้น ท่านจะไม่ได้ให้ธรรมแก่เราได้มาก เพราะ คนเยอะ หรือไม่ก็ท่าน อายุมาก ไม่มีแรงแล้ว และพระธรรม  เรายังหา ได้จากการอ่านพระไตรปิฏก หรือธรรมะ จากครูบาอาจารย์ที่ท่านศึกษา และปฏิบัติมาแล้วและสอนง่ายๆ เช่น ธรรมะพระสังฆราช หรือแสงส่องใจ หรือ จากพระอาจารย์ที่มั่นใจกันว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ ในสังคมไทยมีหลายองค์เลยครับ ที่ยอมรับกว้าวขวาง และท่านก็ล่วงลับไปแล้ว ได้แก่ พระภิกษุสงฆ์ศิษย์โดยตรง จากพระอาจารย์ มั่น เช่น หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ขาว หลวงปู่ สิม เป็นต้นครับ ดังนั้น สำหรับผม จึงไม่ได้เสาะแสวง หรืออยากไป กราบไปพบมากมายนัก  ถือว่าได้ไป ก็เป็นบุญน่ะครับ ไม่ได้ไป เราก็ทำทาน สังฆทาน วิหารทาน ถือศีล เจริญภาวนา เจริญสติ ในที่สงบ หรือในตลอดเวลาแห่งชีวิตประจำวันก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 08:08:25 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 08:06:32 จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 07:51:48

ความคิดเห็นที่ 4 วันที่ 12 สิงหาคม อย่าลืมกราบพระอรหันต์... จากคุณ : นัยนะ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 08:00:55

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับท่านที่ไม่ได้ไปถวายทานแด่พระอรหันต์ ควรทราบพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า สังฆทานมีอานิสงส์ไม่น้อยกว่าถวายพระพุทธองค์เองเลยด้วยซ้ำ  ดังนี้นะครับ เวลามสูตร ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยท่านบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค มีผลมากกว่าทาน ที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ร้อยรูปบริโภค ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค มีผลมากกว่าทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าร้อยรูปบริโภค             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓  บรรทัดที่ ๘๓๓๖ - ๘๔๑๖.  หน้าที่  ๓๖๐ - ๓๖๓. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=8336&Z=8416&pagebreak=0 ทักขิณาวิภังคสูตร เราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่า มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ เลย ฯ แปลง่ายๆก่อนว่า ไม่อาจกล่าวได้ว่าการให้ทานแก่บุคคลมีอานิสงส์มากกว่า แก่ภิกษุโดยรวม ในทุกกรณี http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=9161&Z=9310&pagebreak=0             รายละเอียด ขยายเพิ่มเติม พระพุทธองค์ไม่กล่าวว่า การให้ทานแก่บุคคลใดๆ คือ ปาฏิปุคคลิกทาน (จำแนกได้ 14 ประเภท ตั้งแต่อานิสงส์มากที่สุด คือแก่พระพุทธองค์เอง จนต่ำสุด คือ เดรัจฉาน )  มีอานิสงส์มากกว่า การให้ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ ( มี 7 ประเภท และสังฆทานในปัจจุบันนี้ เป็นหนึ่งใน 7 นั้น แม้พระสงฆ์ที่รับสังฆทาน มีศีลไม่บริสุทธิ์ก็ตาม ) รายละเอียดศึกษาในพระสูตรนะครับ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 08:05:18 จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 08:02:33

ความคิดเห็นที่ 6 ขณะบวชผมเคยศรัทธาพระที่เอาแต่นั่งหลับตานิ่ง..วาดหวังเอาเองว่าท่านน่าจะช่วยให้การปฏิบัติของผมรุดหน้าได้บ้าง..แต่เมื่อได้พูดคุย..ท่านคุยแต่เรื่องผู้หญิงที่มาปฏิบัติธรรม..วิเคราะห์วิจารณ์แยกแยะได้ละเอียดกว่าปุถุชนอย่างผมหลายเท่า ตั้งแต่วันนั้น..ผมก็เลิกให้ความสำคัญกับเปลือกนอกที่ดูดี..เพราะของดีไม่จำเป็นจะต้องหีบห่อสวยงาม..และวางขายอยู่บนห้างเสมอไป พระผู้ปฏิบัติดี..ปฏิปทางดงาม..มีอยู่มากครับ หากจะนำท่านมาเป็นแรงบันดาลใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมของเรา..คงหาได้ไม่ยาก..แต่หากต้องการพระอรหันต์ไว้เพื่อยึดติดเพียงอย่างเดียว..เกรงว่าเราจะสูญเสียเวลาเปล่า..เพราะเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครมีสภาวะจิตระดับไหน..เราใช้อะไรมาเป็นมาตรวัด..มาตรวัดเที่ยงตรงเชื่อถือได้หรือไม่..และเราจะเชื่ออย่างหมดใจโดยไร้การหวาดระแวงหรือเปล่า..ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนก็ย่อมหวั่นไหวโอนเอนตามแต่ลมแห่งสถานการณ์ภายนอกจะพัดพาไป.. สำหรับผมพระพุทธเจ้าเป็นแรงบันดาลใจและที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่ดีที่สุด.. ยามนั่งหลับตาพนมมือสวดมนต์พร้อมกับท่องคำแปลไปด้วย..เสมือนว่าท่านกำลังนั่งและเทศน์กล่าวสั่งสอนผมอยู่ตรงหน้า..คำทุกคำที่ผมท่องสวดออกไปคือสัจจะ..คือความจริง..เราเพียงน้อมใจเข้าไปไตร่ตรองตาม..และซาบซึ้งจนเกิดปิติ ส่วนอรหันต์หลายองค์ที่ถูกชาวบ้านยกให้เป็น..บางองค์ก็ได้รับเกียรติให้ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มาแล้ว..หากตั้งความหวังไว้สูงยามร่วงหล่นก็บาดเจ็บสาหัสปางตาย สำหรับผู้ที่เข้าใจแล้วว่าอะไรคือพระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์..ที่แท้จริง จะมองพระสงฆ์ทุกองค์ที่พบ..แม้จะเดินอยู่บนท้องถนน..ไปในทิศทางเดียวกัน เพราะเราไม่ได้มองเห็นพระ ก...หรือพระ ข...อันเป็นนามสมมติ แต่เรามองเห็นจีวรสีเหลืองเป็นสัญญลักษณ์อันน้อมนำใจไปสู่สภาวะที่สูงกว่า.. ผู้ใดเห็นธรรม..ผู้นั้นเห็นตถาคต ธรรมอยู่ที่ใด..พระพุทธเจ้าอยู่ที่นั่น เราสามารถพบเจอพระพุทธเจ้าได้ทุกหนทุกแห่ง..สภาวะแห่งการหลุดพ้นแทรกซึมอยู่ในทุกสิ่งที่เกิดดับ..อยู่ภายในกายและใจของเราเอง..ไม่ใช่ที่อื่น หากใครคนใดสามารถเข้าไปสัมผัสเห็นและรับรู้ถึงความจริงของสรรพสิ่งต่อหน้าต่อตา..ต่อใจ..เขาผู้นั้นสามารถเข้าถึงความหลุดพ้นได้ด้วยตัวเอง..ไม่ต้องเสียเวลาไปเที่ยวค้นหาความบริสุทธิ์ภายนอกโดยไม่จำเป็น.. ทุ่มเทวันเวลาที่ยังพอมีเหลือ..เร่งสร้างกายและใจของเราให้เป็นอรหันต์..ให้บริสุทธิ์..จะดีกว่า..เมื่อสร้างตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตนได้แล้ว..เราจะสามารถปล่อยวางที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวภายนอกได้ทั้งหมด..วิธีนี้น่าจะได้ผลดีและปลอดภัยที่สุด..ไม่เคยทำให้ใครต้องผิดหวังหรือต้องเสียใจ..เสียน้ำตา..และเสียความรู้สึก..??? จากคุณ : อารยัน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 08:11:56

ความคิดเห็นที่ 7 แอร๊ยยยย เข้ามาตกใจ จขกท. รู้จักหลวงพี่ไก่ด้วย .... จากคุณ : Radiant, Archangel เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 09:12:21

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่บอกกกกกกกกกกกกกกกกก 555+ มีกัลยาณมิตร ท่านหนึ่งในห้องนี้หละ เคยบอกไว้ว่า ลองหมั่นอธิษฐาน ว่า ขอให้ได้พบเจอครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยะ แนะนำแนวทางการปฏิบัติ จขกท. ลองเอาไปปฏิบัติดูครับ เผื่อได้ผล จากคุณ : ever rich เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 09:25:07

ความคิดเห็นที่ 9 ... จากคุณ : drstit เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 09:35:07

ความคิดเห็นที่ 10 ดูง่าย ๆ พระอริยะขั้นต้น มีศีลสมบูรณ์ มีศีลที่พระอริยะพึงพอใจ ท่านลองเข้าไปติดตามผู้ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นพระอรหันต์นั้น ว่าเป็นผู้ที่มีศีลสมบูรณ์หรือไม่ เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน การดูพฤติกรรมภายนอก แบบผ่าน ๆ นั้นไม่อาจหาความสมบูรณ์ได้ เอาเป็นว่าเข้าไปสังเกตุการณ์แบบ มีส่วนร่วมระยะยาวนาน เพราะศีลพึงรู้ด้วยการอยู่ร่วมกัน เอาแค่นี้ก่อน สำหรับ วิธีวินิจฉัย จากคุณ : โทมัส (khunz) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 09:58:54

ความคิดเห็นที่ 11 อย่าไปสนใจว่า พระองค์ใดเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ให้สนใจว่า พระองค์ใด ท่านสอนเราได้ ท่านเตือนสติเราได้ ให้เราพ้นจากทุกข์ทางใจได้ เข้าไปหาท่าน เรียนรู้จากท่าน กราบท่าน รับใช้ท่าน จากคุณ : นมสิการ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 10:19:37

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นใครบอกว่า  พระอรหันต์ ต่างจากคนบ้าแค่มีสติ คงจะจริง เพราะไม่ติดในกระแสของ โลภ โกรธ หลง แล้ว    นั่นคือ คนบ้าในสายตาคนสมัยนี้  คิดกันเองครับ  สาธุ จากคุณ : นายทนโท่ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 10:49:19

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาอีกรอบ เพื่อ เสริม ท่าน คห. 10 กับ 11 ครับว่า ยิ่งใกล้ชิดครูบาอาจารย์ ยิ่งต้องระวังตัวเอง มีสติ อย่าพึ่งเผลอเพ่งโทษ หรือปรามาส ท่าน ให้ทำใจเป็นกลางเวลาที่เห็นท่านทำอะไรที่ ไม่เหมือนที่เราเคยทราบมา แล้วลองค้นหาคำตอบว่าเหตุใดท่านจึงทำแบบนั้น มองให้กว้าง ๆ แล้วจะรู้ในที่สุดว่า อ้อเพราะเหตุนี้เอง หรือถ้าใกล้ชิดท่านมาก ก็สอบถามจากท่านตรง ๆ ได้ครับ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง จากการสร้างกรรมที่ไม่ดีครับ ส่วนเรื่องอธิษฐาน ที่ผมแนะนำไว้นั้น ตัวเราเองก็ต้องปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบด้วยนะครับ ถึงจะมีวาสนาได้เจอท่าน :) ขออภัยที่ไม่ได้ช่วยแจ้งยอด แค่แนะนำวิธีที่จะได้พบเจอท่านครับ จากคุณ : ever rich เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 10:53:29

ความคิดเห็นที่ 14 การยกย่องตามกันว่าพระองค์นั้นองค์นี้เป็น "พระอรหันต์ "เป็นเรื่องไม่ควร ถือว่าเป็นการปรามาสพระอรหันต์  เพราะพระอรหันต์ท่านเป็นผู้สิ้นกิเลสแล้ว แล้วจะไปมีค่าเท่าหลวงพี่ หลวงตาขี้โมโหได้อย่างไร  ระวังให้ดีเถอะชอบยกย่องใครต่อใครเป็นพระอรหันต์กันง่ายๆตามความรู้สึกนึกเอาเอง นรกจะกินหัว  เห็นพระท่านดีก็ว่าดี  อย่างนี้ทำถูกต้อง  แต่ไปยกท่านเกินควรเทียบเท่าพระผู้สิ้นกิเลสเป็นอรหันต์แล้ว  เป็นเรื่องไม่ควรทำอย่างยิ่ง จากคุณ : คนกรุงธน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 11:18:50

ความคิดเห็นที่ 15 พระอรหันต์ที่เห็นแท้ๆ ตอนนี้ ก็คุณพ่อกับคุณแม่  ที่บ้านแน่นอนครับ จากคุณ : NotUndo เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 11:53:35

ความคิดเห็นที่ 16 Inquirerท่านก็เป็น พระอรหันต์ ได้ ถ้าจิตท่านเป็น จากคุณ : ดาญาณ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 11:59:10

ความคิดเห็นที่ 17 ผมไม่รู้นะว่าเป็นพระอรหันต์หรือไม่ แต่เป็นพระผู้มีคุณวิเศษ ก็มี หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงบุรี พระป่าสายหลวงปู่มั่น หลายๆองค์ จำชื่อไม่ได้ ครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 12:29:41

ความคิดเห็นที่ 18 ที่เอ่ยมานั้น ผมไม่เชื่อเลยสักรูป... เน้น....ผมไม่เชื่อ..... เพราะผมยังไม่เป็นอรหันต์เลย ยิ่งสายวัดป่าด้วย ผมยิ่งไม่เชื่อใหญ่ เน้น...ผมไม่เชื่อ ส่วนมากที่เห็นมีแต่ "อรหันต์ตั้ง" คือลูกศิษย์ตั้งให้ ผมสังเกตเอาจากพฤติกรรม เห็นแล้วไม่เชื่อเลย มีทั้งอรหันต์ติดหมาก อรหันต์เจ้าน้ำตา อรหันต์วาจาหยาบ อรหันต์ติดขี้โย อรหันต์ขี้โม้ อรหันต์คุยโต อรหันต์คุยเขื่อง เยอะแยะไปหมด เมื่อไหร่ผมเป็นอรหันต์แล้วจะมาบอกนะ ว่าใครเป็นอรหันต์บ้าง เออแต่ว่า... คุณจะเชื่อว่าผมเป็นอรหันต์หรือเปล่า ในเมื่อคุณไม่เป็นอรหันต์ งั้นคุณต้องรีบเป็นอรหันต์ด้วย คุณจึงจะเชื่อผมและสิ่งที่ผมพูด อ้าว...ถ้าคุณเป็นอรหันต์ คุณก็ต้องรู้เองว่าใครเป็นอรหันต์บ้าง ก็ไม่ต้องรอให้ผมบอกน่ะสิ ว้า...มั่วดีแฮะ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 13:53:05 จากคุณ : เตาเผาผี (เตาฟืน) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 13:51:37

ความคิดเห็นที่ 19 พระอรหันต์มีเป็นล้าน ... บ้านคุณก็มีครับ อย่าไปนับเลยครับ แต่แปลกจริง ที่เจ้าของกระทู้รู้จักพระอาจารย์ไก่ ที่ราชบุรีด้วย ผมไปกราบท่าน ขอคำแนะนำในการปฏิบัติมาตั้งหลายครั้ง พึ่งทราบว่าท่านเป็นใครไม่นานนี้เอง ... แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 14:29:15 จากคุณ : ปันน้ำใจ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 14:26:44

ความคิดเห็นที่ 20 และแล้วก็มีการปรามาสกันอีกจนได้ คุณเตาเผาผี ไม่เชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ก้อย่าเพิ่งด่วนปรามาสท่านเลยค่ะ เสียดายวาจา มีคนบอกว่า คำพูดน่ะ "ก่อนพูด เราเป็นนายมัน แต่พอพูดแล้ว มันเป็นนายเรา" เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านค่ะ จากคุณ : zaza (nannicha) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 16:51:35

ความคิดเห็นที่ 21 พวกหมาขี้เรื้อนสะเออะเยี่ยวรดภูเขาสูง กรรมใครกรรมมัน อนิจจา จากคุณ : เด็กอุทัย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 18:06:10

ความคิดเห็นที่ 22 ... พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกนักบวชเหล่านั้น คงเป็นพระ- *อรหันต์ หรือท่านผู้บรรลุพระอรหัตมรรคเหล่าใดเหล่าหนึ่งในโลก ฯ             [๓๕๖] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมหาบพิตร พระองค์เป็นคฤหัสถ์ บริโภคกาม ครอบครองเรือน บรรทมเบียดพระโอรสและพระชายา ทาจุรณจันทน์ อันมาแต่แคว้นกาสี ทรงมาลาของหอมและเครื่องลูบไล้ ยินดีเงินและทอง ยากที่ จะรู้เรื่องนี้ว่า คนพวกนี้เป็นพระอรหันต์ หรือคนพวกนี้บรรลุอรหัตมรรค ฯ             ดูกรมหาบพิตร ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน ก็ศีลนั้นจะพึงรู้ได้โดย กาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อย ผู้สนใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่สนใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญา จึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้ ฯ             ดูกรมหาบพิตร ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยการงาน ก็ความสะอาดนั้นจะพึง รู้ได้ด้วยกาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อย ผู้สนใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่สนใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้ ฯ             ดูกรมหาบพิตร กำลังใจพึงรู้ได้ในคราวมีอันตราย ก็กำลังใจนั้น จะพึงรู้ ได้ด้วยกาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อย ผู้สนใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่สนใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้ ฯ             ดูกรมหาบพิตร ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา ก็ปัญญานั้นจะพึงรู้ได้ด้วย กาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อย ผู้สนใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่สนใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญา จึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้ ฯ             [๓๕๗] พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่า- *อัศจรรย์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องไม่เคยมีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เท่าที่ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมหาบพิตร พระองค์เป็นคฤหัสถ์ บริโภคกาม... ยากที่จะรู้เรื่องนี้... ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้ ดังนี้ เป็นอันตรัส ดีแล้ว ฯ ... เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  บรรทัดที่ ๒๕๑๕ - ๒๕๗๔.  หน้าที่  ๑๑๒ - ๑๑๔.(บางส่วน) http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=2515&Z=2574&pagebreak=0 จากคุณ : Rionia เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 18:49:30

ความคิดเห็นที่ 23 ขออนุญาตคัดลอกพุทธพจน์และนำมาให้เพื่อนๆอ่าน  เกี่ยวกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงให้พุทธศาสนิกชนบูชาพระพุทธองค์ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค   มหาปรินิพพานสูตร ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ ไม้สาละทั้งคู่ เผล็จดอกบานสพรั่งนอกฤดูกาล ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของ  ตถาคตเพื่อบูชา แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ ดอกมณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา แม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ จุณแห่งจันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่าก็ประโคมอยู่ในอากาศ เพื่อบูชาตถาคต แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศเพื่อบูชาตถาคตดูกรอานนท์ ตถาคตจะชื่อว่าอันบริษัทสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อมด้วยเครื่องสักการะประมาณเท่านี้หามิได้      ผู้ใดแล จะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกหรืออุบาสิกาก็ตาม เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ  ปฏิบัติตามธรรมอยู่ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าสักการะ เคารพ นับถือ บูชาตถาคตด้วยการบูชาอย่างยอดเพราะเหตุนั้นแหละอานนท์ พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมอยู่ ดังนี้ ฯ เอื้อเฟื้อข้อมูลจาก http://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=10&A=1888&Z=3915#129 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 52 19:36:59 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 19:36:26

ความคิดเห็นที่ 24 ผมกราบหลวงตามหาบัวท่านได้ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องใสเลยครับ ผมไม่สามารถทราบได้ว่าหลวงตามหาบัวท่านเป็นพระอรหันต์หรือไม่ และก็ไม่ทราบด้วยว่าพระท่านใด้เป็นพระอรหันต์หรือไม่ ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ก็ไม่ต้องเคารพนับถือ ไม่ต้องกราบไว้บูชาเลยหรือ อยากเตือนคุณเตาเผาผี (เตาฟืน)นิดนึงนะครับ ด้วยความหวังดีจริงๆ การจะพูดจาอะไร สักแต่ว่าเอาความสะใจ ความคะนองตนเป็นที่ตั้ง เมื่อมาถึงตอนที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แค่ความเสียใจ แค่ความสำนึกผิด คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะผลของกรรมมันเกิดขึ้นแล้ว คนที่จะต้องยอมรับมันก็คือคนที่ก่อไว้นั่นเอง มันไม่คุ้มกันเลยจริงๆนะครับ จากคุณ : รวดเดียว เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 00:33:17

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ เพียงแค่อยากได้คำแนะนำจากท่านในการปฎิบัติธรรม ปรโตโฆสะ เป็นวิถีทางเบื้องต้นแห่งปัญญาและสัมมาทิฐิ ปรโตโฆสะ มี 2 ประเภท คือ ที่เป็นจริง มีเหตุผล เป็นประโยชน์ ประกอบด้วยความหวังดี และที่เป็นเท็จ ไม่มีเหตุผล ไม่เป็นประโยชน์ มุ่งทำลาย หากได้ปรโตโฆสะ ที่มาจาก พระอรหันต์ ปัญญาและสัมมาทิฐิ น่าจะเกิดขึ้นได้โดยง่าย เหมือนกับสมัยพุทธกาล ที่พระสาวกได้ฟังธรรมกับพระพุทธองค์โดยตรง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแล้วแก่สุภัททะว่า 'ดูก่อนสุภัททะ ถ้าภิกษุทั้งหลายเหล่านี้พึงปฏิบัติอยู่โดยชอบในกาลทั้งปวง, โลกพึงเป็นของไม่ว่างเปล่าจากพระอรหันต์ทั้งหลาย' สักวัน คงได้มีวาสนาพบกับท่านเหล่านั้น จากคุณ : Inquirer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 52 01:28:44

ความคิดเห็นที่ 26 ดาญาณก็เป็น พระอรหันต์ ได้ ถ้าจิต ดาญาณ เป็น พระอรหันต์ จากคุณ : ดาญาณ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 07:54:30

ความคิดเห็นที่ 27 มี 2 องค์ไม่ต้องไปกราบไกลเลย อยู่หลังบ้านเรานี่เอง วันนี้เราพ่อแม่เราแค่ไหน เรารักพระอรหันต์แค่ไหน ถ้าเลือกได้จะให้ใครอยู่กับเรานานที่สุด ดูแลท่านได้ดีพอหรือยัง อรหันต์นำพาท่านไปนิพาน แต่พอแม่ทำให้ท่านได้เกิดมาเพื่อไปนิพาน ไม่มีอรหันต์ท่านก็ไปนิพานได้ ไม่มีพ่อแม่ท่านไปนิพานไม่ได้ จากคุณ : ไขมันอิ่มตัว เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 14:18:53

ความคิดเห็นที่ 28 ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ www.mahaphotitaam.com จากคุณ : ฟ้ามีตา (seneenu) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 18:01:14

ความคิดเห็นที่ 29 นี่ก็เป็นพระอรหันต์แท้ อีกองค์ค่ะ .....    http://www.pakeong.toptestcenter.com/ จากคุณ : GooDa เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 22:16:59

ความคิดเห็นที่ 30 สักขีพยานอรหันต์ธาตุ น่าจะไปดูไปอ่าน ลองไปที่วัดป่าบ้านตาด แล้วดูพระธาตุ ครูบาอาจารย์ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ว่าทำไม พระธาตุ ..ที่เป็นลูกศิษย์จึงกลายเป็นพระธาตุแทบจักทั้งนั้นมากขนาดนั้น .. แล้วแต่ว่าคุณเชื่อ พระสารีกธาตุ-อรหันต์สาวก มากเพียงใด จากคุณ : เทพแมว เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 52 23:24:08