ความคิดเห็นที่ 1 บวชไปเถอะครับ  แล้วตั้งใจปฎิบัติดีๆ   อย่าทำอะไรให้พุทธศาสนาเสื่อมเสีย แม่คุณก็ปลื้มใจ  คุณก็ได้บุญ  ดีกว่าไม่บวชครับ จากคุณ : yariv_80 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:12:30

ความคิดเห็นที่ 2 ไปอ่านเรื่อง อริยศีล นะครับ (ถ้าจำชื่อหนังสือไม่ผิด) เป็นเล่มที่พระอาจารย์ดัง ๆ เช่น ท่าน ป ปยุตโต ... ท่านที่อยู่วัดนาป่าพง ท่านทั้งหลายได้นำเอาพระไตรปิฎกมารจนาความให้ละเอียดมากขึ้น อ่านง่าย มีคำอธิบายเรื่อง กระเทย 5 จำพวกด้วย ตรงจุดหนึ่งจะบอกว่า "เกย์" "ไบ" บวชได้ แต่ต้องปฏิบัติตนให้ดี อย่ายอมให้อำนาจฝ่ายต่ำมาครอบ เพราะที่วัด สภาพจิตใจพระหลายรูปก็เหมือนอยู่ในคุก เห็นพระเพื่อนเป็นที่ระบายอารมณ์ทางเพศ จากคุณ : apextopia เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:28:25

ความคิดเห็นที่ 3 บวชได้ครับ ไม่เป็นไรหรอก เจริญในธรรมนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:26:10

ความคิดเห็นที่ 4 เกย์บวชได้คับ ที่ห้ามคือบัณเฑาะว์ (คนที่มีอวัยวะเพศหญิงและชายในร่างเดียว) จากคุณ : โอ่อี๊โอ๊ (oiooo) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:39:27

ความคิดเห็นที่ 5 คห.4 บัณเฑาะก์ คือ ชายชอบชาย อุภโตพยัญชนก คือ กระเทยแท้ (คนที่มีอวัยวะเพศหญิงและชายในร่างเดียว) ไม่ใช่หรือครับ เทียบเคียง "มรรค" (สำหรับเสพเมถุน) ของหญิง ชาย บัณเฑาะก์ กับอุภโตพยัญชนก http://84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=1&A=1254&Z=1349&pagebreak=0 จากคุณ : ปล่อย เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:25:04

ความคิดเห็นที่ 6 เอ้ยยย..  บวชได้หรอ  ไม่ได้มั๊งงงง เคยมีกระทู้เรื่องนี้แล้ว  สรุปมาว่าบวชไม่ได้นี่นา  ยิ่งถ้าบวชหมู่นะ เห็นว่า ล่มหมดทั้งคณะเรยล่ะ  โมฆะเรย ต้องไปศึกษาดูให้ดีก่อนนะ  ถ้าฝืนคำสั่งพระพุทธเจ้า  แทนที่จะได้บุญใหญ่  จะกลายเป็นกรรมหนักไปซะฉิบ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:35:04

ความคิดเห็นที่ 7 บัณเฑาะก์ ได้แก่บุคคล ๓ จำพวก คือ ๑.ชายผู้ประพฤตินอกรีตในทางเสพกาม (ผู้มีราคะกล้า) คือเป็นผู้ชายมีอวัยวะเพศเป็นชายโดยสมบูรณ์ แต่เสพกามกับผู้ชายด้วยกัน ทางเวจมรรค และทางปาก บุคคลจำพวกนี้ มีจิตใจและการแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่กิริยาอ่อนช้อยคล้ายผู้หญิง ปัจจุบันมีศัพท์เรียกเป็นภาษาสแลงว่า "เกย์" เมื่อเสพกาม คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นชาย คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นหญิง ๒.ชายผู้ถูกตอน (จีนเรียกขันที) คือ ผู้ชายที่ถูกตัดอวัยวะเพศออกหมด ทั้งส่วนที่เป็นองคชาตและอัณฑะ บุคคลจำพวกนี้ขาดฮอร์โมนเพศชาย จึงไม่มีความรู้สึกทางเพศ แต่ความสำนึกและจิตใจรวมทั้งความแข็งแรงยังเหมือนผู้ชายโดยสมบูรณ์ และ ๓.กะเทย คือ คนหรือสัตว์ที่ไม่ปรากฏว่า เป็นชายหรือหญิง มีหลายอย่าง เช่น บางคนมีตัวบังคับ (ยีน) เป็นผู้ชาย บุคคลนั้นก็เป็นผู้ชาย แต่ผิดปกติที่อวัยวะเพศ ทำให้มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศของสตรี บางคนมีตัวบังคับ (ยีน) เป็นผู้หญิง บุคคลนั้นก็เป็นผู้หญิง แต่อวัยวะเพศบางส่วนมีขนาดใหญ่ จึงทำให้ดูคล้ายองคชาตของผู้ชาย จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:38:20

ความคิดเห็นที่ 8 หรือถ้าอยากจะลองเสี่ยงบวชดู  ก็บวชเดี่ยว  อย่าไปบวชหมู่ เพราะถ้าเกิดเป็นโมฆะทั้งคณะ  ทีนี้ล่ะแย่เรย  กรรมหนักรับกันไม่ไหวเรยแหละ เอ้อ..  เอางี้สิ ไปถามพระผู้ใหญ่ ที่ท่านมีความรู้จริงๆ  และต้องทันสมัยหน่อย  ที่ท่านรู้จักว่าเกย์คืออะไรน่ะ  ถามท่านดู ว่าบวชได้มั๊ย  แต่ถึงอย่างไร ก็อย่างเสี่ยงไปบวชหมู่ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:46:23

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าตาม คห.7  ก็คือ บวชไม่ได้แระล่ะ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:48:45

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อคุณจขกท.รู้อยู่แก่ใจว่าแท้จริงแล้วตนเป็นเช่นไร และตอนบวชพระท่านก็จะถามว่าจขกท.เป็น บัณเฑาะก์หรือไม่ เพราะพระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้ไม่ให้บวช ถ้าจะโกหกพระกันตั้งแต่ตอนบวช  ยังไม่ทันได้บุญสักนิด ก็ได้บาปแล้ว แถมบาปหนักด้วย อนุโมทนาในจิตกุศลของจขกท.ที่อยากบวช  แต่ควรจะยอมรับความจริงดีกว่านะครับ  กรรมหนักอย่างนี้ต้องใช้กรรมกันยาวนานทีเดียว   เพราะคุณจะต้องโกหกเพื่อฝ่าฝืนวินัยที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้ทีเดียว มันไม่คุ้มหรอกครับ จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:51:45

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนนี้ความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย ผมยังไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงขอร้องท่านอื่นๆ โปรดให้ข้อมูลความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกครับ จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 01:02:48

ความคิดเห็นที่ 15 ถึงไม่บวชแต่ก็ไปปฏิบัติธรรมได้นะครับ :) จากคุณ : EvaAngelion เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 02:14:13

ความคิดเห็นที่ 16 มีอีกวิธีนึง  น่าจะใช้ได้  คือ เลิกเป็นเกย์ซะเรย  แต่ต้องเลิกจริงๆ นะ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 03:39:16

ความคิดเห็นที่ 17 จักรพรรดิ ... งี้ที่บวช ๆ กันที่จานบินนั่น ก็ไม่มีใครเป็นพระแท้จริงสักองค์เดียวสิ . . . ก่อนตอบ ช่วยไปทำการบ้านหน่อย ... อย่างที่ผมว่า "พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิพโล" ท่านแปลและอธิบายความในพระไตรปิฎก ผ่านทางหนังสือ "อริยะวินัย" ที่บ้านอารีย์ มีวางให้อ่าน 1 เล่มครับ ไป search หาทางอินเตอร์เน็ตก็ได้ 22 Mb เท่านั้น โดยหนังสือเล่มนี้ "ผ่านการตรวจสอบจากพระปฏิบัติดีหลายท่าน" รวมถึงพระอาจารย์สงบของใครหลายคนในที่นี้ด้วย "แต่ไม่มีพระธัมมชโยนะจ๊ะ" ไปดาวน์โหลดจากหน้านี้เลยนะครับ http://www.watnongpahpong.org/ariyavinay.php จากคุณ : apextopia เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:32:32

ความคิดเห็นที่ 18 ในความเห็นผม น่าจะบวชได้เพราะ บัณเฑาะก์ เป็นกะเทย หมายถึง รูปร่างและอวัยวะ การเป็นเกย์ เป็นที่ใจ เมื่อเราละตอนบวช ก็ทำได้ เหมือนคนที่มักมากในกามคุณ มีภรรยาหลายสิบคน ก็บวชได้ อย่าไปผิดประเวณีตอนบวชเท่านั้นเองนี่ครับ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน บัณเฑาะก์ ความหมาย [บันเดาะ] น. กะเทย. (ป., ส. ปณฺฑก อภิธาน ว่า กะเทย, ชิลเดอร์ และมอร์เนียร์ วิลเลียม ว่า ขันที). พจนานุกรม ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร บัณเฑาะก์ คำแปล [บัน-เดาะ] (มค. ปณฺฑก) น. กะเทย, ขันที, คนที่ถูกตอน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน กะเทย ความหมาย น. คนที่มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง, คนที่มีจิตใจและกิริยาอาการตรงข้ามกับเพศของตน; ผลไม้ที่เมล็ดลีบ เช่น ลําไยกะเทย. (อะหม ว่า เทย). พจนานุกรม ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร กะเทย คำแปล น. คนและสัตว์ที่ไม่ปรากฏว่าเป็นชายหรือหญิง; ผลไม้ที่มีเมล็ดลีบ. จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:34:15

ความคิดเห็นที่ 19 กดโหลดจากตรงนี้เลยก็ได้นะครับ http://www.watnongpahpong.org/ebooks/ariyavinay.pdf จากคุณ : apextopia เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:34:22

ความคิดเห็นที่ 20 Abstract ของบทความที่นักวิจัยเขาเอาเรื่องนี้มาศึกษา ลองอ่านดู ... อย่างน้อยเขาก็ให้คำอธิบายจากการที่ศึกษามา หาใช่เล่าตาม ๆ กันมา http://www.sexualityconferencethailand.net/download/12.pdf จากคุณ : apextopia เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:39:30

ความคิดเห็นที่ 21 กะเทย -กะเทย คือ อะไร มีชื่อว่ากระไรบ้าง? -กะเทย มีกี่อย่าง อะไรบ้าง ? -ทำไมชาตินี้ บางคนจึงเกิดมาเป็นกะเทย? ทำกรรมไม่ดีอะไรไว้? -คนที่ไม่เป็นกะเทยชาตินี้ ชาติหน้าจะเป็นกะเทยได้ไหม เพราะอะไร? -กะเทย มีในคน สัตว์ มาร อสูร หรือไม่ ประการใด? -กะเทย รับแสงทิพย์+พระ 7 พระองค์ได้หรือไม่ แล้วจะปฏิบัติไปสู่อริยมรรค อริยผล พระนิพพานในชาตินี้ได้หรือไม่ อย่างไร? ผู้ตั้งกระทู้ ชาวกรุง :: วันที่ลงประกาศ 2009-03-31 22:18:02 จากคุณ : apextopia เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:41:42

ความคิดเห็นที่ 22 ความเห็นที่ 2 (2991889) 1.กะเทย -คือ บัณเฑาะ ผู้ผิดปกติในทางเพศ เนื่องจากการทำผิดศีลข้อ 3 ในอดีตที่ผ่านมา(เศษกรรม หลังจากตกนรกแล้ว) มีชื่อเรียกกันมากมาย ตามยุคตามสมัย เช่น เกย์ ทอม ดี้ แต๋ว ตุ๊ด เสือไบ รักร่วมเพศ ฯลฯ 2.กะเทย มี 5 อย่าง 1)ปักขบัณเฑาะ-ความกระวนกระวายทางเพศในข้างแรม ครั้นถึงข้างขึ้นก็หายกระวนกระวาย หรือมีความกระวนกระวายข้างขึ้น ครั้นถึงข้างแรมก็หายไป   2)โอปักกมิกบัณเฑาะ-ต้องตอนเหมือนสัตว์จึงจะหายกระวนกระวาย 3)อุสสุยบัณเฑาะ-ต้องได้ดูดกิน"น้ำอสุจิ"ของผู้อื่น จึงจะระงับความกระวนกระวายได้ 4)นปุงสกบัณเฑาะ-ไม่มีเพศหญิงเพศชาย ทางโลก เรียกว่า กะเทย 5)อุภโตพยัญชนกบัณเฑาะ-มีทั้งเพศหญิงเพศชายในคนเดียวกัน(เสือไบ-Bisexual) 3.ตอบไปแล้วในข้อ 1. 4.มีสิทธิ์ โดยเฉพาะผู้ชายที่มำผิดศีลข้อ 3 ตายตกนรก แล้วมาเกิดเป็นผู้หญิง ยังทำผิดอีกก็เป็นกะเทยไปเลยในชาติต่อไป บางคนเกิดมาไม่เป็นกะเทย แต่ก็กลายเป็นกะเทยไปได้ในชาตินี้ ซึ่งเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม กรรมตามทันเมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ 5.มีเหมือนกันทั้งนั้นในชั้นกามาวจร 6.กะเทยก็เป็นคนธรรมดา ถ้าจิดเปิดก็รับแสงทิพย์ได้(ไม่ใช่รับได้ทุกคนอย่างที่เข้าใจนะ อยู่ที่บุญบารมี) บรรลุธรรมได้เหมือนทุกๆคน ถ้าทำจริงๆ แต่ก็ยากลำบากกว่าคนธรรมดาปกติทั่วไป กะเทยบางคนเห็นทุกข์ที่เกิดมาเป็นกะเทยชัดเจนอยู่แล้ว กลับมีมุมานะฝึกจิตตนเองและสามารถทำได้ดีกว่าคนปกติทั่วไปเสียด้วย เมื่อก่อนที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ไม่รับกะเทยเข้าฝึกวิปัสสนากรรมฐาน เดี๋ยวนี้รับแล้วเพราะหลวงพ่อจนรัญฯ ท่านทดลองฝึกสอนดู ปรากฏว่าหลายคนทำได้ดีกว่าคนปกติ...... ผู้แสดงความคิดเห็น ชัย แสงทิพย์ 085-1637455 (ChaiSangthip-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-04-04 20:05:38 จากคุณ : apextopia เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:42:35

ความคิดเห็นที่ 23 ดวงจิต ไม่เคยแยกหญิงแยกชาย หรือกระเทย คุณบอกว่าคุณเป็นกระเทย และมีสติดูแลตัวเองได้ นั้นแหละค่ะสำคัญ ผู้ชายบางคนบวช แล้วควบคุมตัวเองไม่ได้เสียหายยิ่งกว่า                 ช่วงบวช ก็ประพฤติปฎบัติตน ให้ครบถ้วนในศีล ในธรรม การบวช                 เป็นการแสดงความกตัญญู ต่อบิดามารดาทางหนึ่ง เมือ่คุณมั่นใจ                 ในตนเองว่าบวชได้ ก็บวชเถอะค่ะ จากคุณ : หญ้าสีเขียว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 08:12:27

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ผมกลับคิดว่าเป็นหรือไม่ มันเป็นที่กาย วาจา ใจ ตอนนี้ กายคุณ O.K. เป็นผู้ชาย ไม่มีปัญหา วาจาผูกอยู่กับใจ ใจคุณคิดว่าเป็น คุณก็เป็น ถ้าคิดว่าไม่ก็ไม่ ผมเคยมีเพื่อนเกือบเป็น แต่กลับใจ มีครอบครัว ตอนนี้ก็มีความสุขดี จะบวชได้หรือไม่ ยังไม่สำคัญ เพราะเป็นแค่สมมุติสงฆ์ ลองเริ่มต้นปฏิบัติตัวเสียใหม่ ด้วยการถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด ถ้าทำได้ก็ขยับเป็นศีล 8....ซึ่งต้องถือพรหมจรรย์ด้วย ถ้าถือข้อนี้ได้แน่นๆ จนแน่ใจว่า ไม่ละเมิดศีลข้อนี้แน่นอน ค่อยเข้าวัดไปปรึกษาพระอุปัชฌาย์ก็ได้ครับ ปล...ต้องทำให้ได้ทั้งกาย วาจา ใจ...คิดก็ไม่ได้นะครับ เพราะยังเสี่ยงอยู่ จากคุณ : norapob เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 08:40:39

ความคิดเห็นที่ 25 http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=4&A=3481&Z=3608 จากคุณ : ปล่อย เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 08:49:54

ความคิดเห็นที่ 26 คห.ส่วนตัว เหตุที่ท่านห้ามบวช ไม่ใช่เพราะรังเกียจ หรือเพราะกระเทยทั้งแท้และเทียมนั้นปฏิบัติไม่ได้... ปฏิบัติได้ แต่ท่านคงคิดถึงภาพรวมของการอยู่ร่วมของภิกษุสงฆ์อย่างหนึ่ง และนึกถึงสายตาของคนนอกที่จะเลื่อมใสหรือเสื่อมศรัทธาอีกอย่างหนึ่ง อันแรกก็คือ ภิกษุที่บวชอยู่ ท่านที่เป็นชายแท้ และยังไม่ใช่อริยะ ความระแวงอะไรพวกนี้ คงยังมี อาจจะอยู่ร่วมกันไม่สนิทใจ ไม่กลมเกลียว อย่างที่บอก คือ ท่านที่ยังละกิเลสได้ไม่หมดก็มีมาก ด้านกระเทยแท้และเทียมที่บวชเข้าไป ที่เคร่งในศีลและวัตรก็มี แต่ที่ไม่สำรวมก็คงมีอีก ที่ละได้แล้วก็มี ที่ละไม่ได้ก็คงมีอีก พูดเป็นสำนวนก็ว่า ร้อยพ่อพันแม่ ความวุ่นวายก็อาจเกิด ทั้งสองประการนี้ อาจทำให้สังคมสงฆ์ในวัดนั้นๆ ไม่สงบ บรรยากาศไม่เอื้อต่อการปฏิบัติธรรม ทีนี้ ภาพที่ปรากฎจะมีอย่างไร ภาพภิกษุมีหน้าอก(กระเทยแท้)เดินบิณฑบาต ภาพภิกษุพูดคุยเยื้องย่างมีกิริยาอ่อนช้อย(กระเทยเทียม) ปนรวมในหมู่ภิกษุ คนนอกเห็นคงคิดอกุศลมากกว่ากุศล เกิดคำซุบซิบนินทา ที่เลื่อมใสอาจเสื่อมความเลื่อมใสลง ที่จะเลื่อมใสก็ลดโอกาสลง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ โดยที่ภิกษุกระเทยท่านนั้นๆ ยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ แล้วถ้าในร้อยคน มีเหตุจริงๆ เกิดขึ้นสักคน ปรากฏเป็นเรื่องอื้อฉาว ภาพวงการภิกษุสงฆ์จะยิ่งย่ำแย่เท่าไร การระวังไม่ให้เกิดเหตุที่ทำให้คนที่เลื่อมใสอยู๋แล้ว เลื่อมใสน้อยลง หรือเพิ่มโอกาสที่คนยังไม่เลื่อมใส ก็ไม่เลื่อมใส ก็เป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของการบัญญัติวินัยแต่ละข้อแต่ละหน ด้านหนึ่งเพื่อธำรงศาสนาให้สืบต่อยืนนาน ด้านหนึ่งก็เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนที่จะได้ประโยชน์จากธรรมในพระศาสนา สองด้านนี้เป็นเรื่องเดียวกัน -------------------------------------------------------- ปล.เห็นด้วยกับคห.24 จากคุณ : ปล่อย เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:16:57

ความคิดเห็นที่ 27 ตอนนี้จะเรียกว่าผมถือพรหมจรรย์อยู่ได้หรือเปล่าครับ เพราะยัง virgin อยู่ ทั้งที่อายุก็เลยเบญจเพสมาแล้ว และหน้าตานิสัยใจคอก็ไม่ได้ขี้ริ้วมาก จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:20:19

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้ามองจากสภาพภายนอก ผมก็เหมือนชายแท้ทั่วไป ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยครับ แม้แต่เพื่อนสนิททีเรียนด้วยกันมา 5-6 ปีก็ยังไม่รู้ (แต่อาจสงสัยก็ได้นะ) นอกจากคนในครอบครัวและในสังคมหมู่บ้านเล็กๆ เท่านั้น ที่อาจเห็นผมมาตั้งแต่เด็ก แต่ทุกคนก็เชื่อว่าโตขึ้นก็จะหายไปเอง เหมือนเกย์จำนวนมากที่แอ๊บแมนกัน ซึ่งจริงๆ แล้วมันแก้ไม่ได้หรอกครับ คอนเฟิร์ม หมายเหตุ ผมไม่ได้มีลักษณะของ ตุ๊ด แต๋ว กะเทย ในความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจเลยครับ แต่ถ้าเรียกแบบฝรั่งผมอาจจะเป็น gay man อะไรประมาณนั้นน่ะ จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:30:59

ความคิดเห็นที่ 29 มีคนในห้องนี้ส่งลิงค์ให้ผม hทีทีp://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16073 บอกว่าโพสต์แล้ว 3 ครั้ง แต่ถูกลบหมดครับ จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:08:53

ความคิดเห็นที่ 30 ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ ------------------------ ตอบความเห็นที่ 7 "พระเทพวิสุทธิกวี ได้ยกคำจำกัดความ "บัณเฑาะก์-กะเทย" ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงให้ไว้ในวินัยมุข เล่ม ๑ และอคฺคโรจโน ภิกฺขุ นวกะ (นพ.วิโรจน์ เหวียนระวี)" ได้ขยายความคำว่า บัณเฑาะก์ ไว้ครับ (สำหรับความเห็นส่วนตัวคิดว่า เป็นการขยายความร่วมสมัยครับ) ที่ท่านพระเทพวิสุทธิกวี บอกไว้มี 3 แบบคือ 1.ชายผู้ประพฤตินอกรีตในทางเสพกาม 2.ชายผู้ถูกตอน 3.กะเทย ------------------------ ตอบความเห็นที่ 2 หนังสือสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย มหาวรรค ตอน ๑ ของมหามกุฏราชวิทยาลัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๗/๒๕๐๕ หน้า ๑๓๖ วินิจฉัยคำว่า บัณเฑาะก์ นั้น มีอยู่ ๕ ชนิด คือ ๑. อาสิตตบัณเฑาะก์ คือ กะเทยผู้มีน้ำอสุจิเป็นรสอาหาร หมายถึง กะเทยผู้มีรสนิยมในการอมของลับผู้อื่น แล้วก็ดื่มกินน้ำอสุจิของเขาเป็นรสอาหาร แล้วความกระวนกระวายทางอารมณ์จึงสงบลง (ส่วนตัวผมเข้าใจว่า ก็คือ เกย์ทุกแบบ ที่พอใจในรสนิยมชาย-ชายครับ) ๒. อุสุยยบัณเฑาะก์ คือ กะเทยที่มีความริษยา ขึ้งเคียด ผูกโกรธ ชิงชัง  หมายถึง กะเทยผู้มีอุปนิสัยใจคอโหดเหี้ยม เมื่อมีอารมณ์ใด ๆ เกิดขึ้นในใจ (อารมณ์เสีย) แต่ถ้าเห็นผู้อื่นประพฤติอัชฌาจาร (ประพฤติชั่วทางเพศ)  แล้วความกระวนกระวายทางอารมณ์จึงสงบระงับลง (อันนี้อ่านแล้วไม่เข้าใจครับ ไม่เคยเห็นมนุษย์ลักษณะนี้มาก่อน หรือจะเป็นเข้าข่ายคนโรคจิตครับ?) ๓. โอปักกมิยบัณเฑาะก์ คือ กะเทยผู้ยอมเจ็บปวดด้วยการถอนพืช หมายถึง กะเทยหญิงหรือชายก็ตาม ที่ไม่พอใจในอวัยวะเพศของตนที่ถือกำเนิดมาตามธรรมชาติ จึงยอมเจ็บปวดด้วยความเพียรพยายามตัดทิ้งไปเสีย (ตัดทิ้งหรือตอนหมัน) หรือดัดแปลง (ผ่าตัดแปลงเพศ) นี่ก็กะเทยหนึ่ง (พอเข้าใจตรงตัว คือ คนที่แปลงเพศ) ๔. ปักขบัณเฑาะก์ คือ กะเทยเขยกหรือกะเทยปักษ์ หมายถึง สิ่งแวดล้อมที่โลกบัญญัติว่าเดือนหนึ่งมีอยู่ ๒ ปักษ์ ได้แก่ ปักษ์ข้างขึ้น ๑๕ วัน โดยนับตั้งแต่ขึ้น ๑ ค่ำถึงขึ้น ๑๕ ค่ำของทุก ๆ เดือน เรียกว่าปักษ์ข้างขึ้นหรือปักษ์แรก และนับตั้งแต่แรม ๑ ค่ำถึงแรม ๑๔ ค่ำหรือแรม ๑๕ ค่ำของทุก ๆ เดือน เรียกว่าปักษ์ข้างแรมหรือปักษ์หลัง ในทางปฏิบัติจริงของกะเทยเขยกหรือกะเทยปักษ์นี้นั้น ได้แก่ กะเทยที่มีอารมณ์ดีหรืออารมณ์ร้ายก็ดี หรือมีอารมณ์ทางเพศก็ดี จะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งระหว่างเดือนข้างขึ้นกับข้างแรม หรือระหว่างกลาง วันกับกลางคืน หรือระหว่างอยู่ในที่มืดกับอยู่ในที่สว่าง ดังนั้น อารมณ์เขาจึงเป็นเช่นคนขาพิการในขณะเดินก็เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ฉันใด เหมือนกัน ปักขบัณเฑาะก์หรือกะเทยเขยกก็เป็นเช่นนั้น คือ เดือนข้างแรม  (กลางคืนหรือกลางวันแต่อยู่ในที่มืด) จะ เกิดมีอารมณ์ทางเพศอย่างแรง ทำให้อารมณ์เร่าร้อนกระวนกระวายปรากฏขึ้น เพราะอำนาจแห่งอกุศลวิบากของเขาบันดาลให้เป็น แต่เมื่อถึงเวลาข้างขึ้น  (กลางวันหรือกลางคืนแต่อยู่ในที่มีแสงสว่าง) อารมณ์อันเร่าร้อนกระวนกระวายก็สงบลงเป็นปรกติ (ประเภทนี้ ก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนครับ) ๕. นปุงสกบัณเฑาะก์ คือ กะเทยไม่มีนิมิตของเพศ หมายถึง เครื่องหมายเพศของเขาไม่ชัดเจนในคราวปฏิสนธิ คือ ไม่ปรากฏว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิงจริง ๆ ดังนั้น จึงเรียกว่า นปุงสกบัณเฑาะก์ (อันนี้เป็นรูปธรรมเห็นๆ ว่าไม่สามารถบ่งบอกเพศ) แต่อีกเวปไซต์หนึ่ง ได้อธิบายไว้ดังนี้ครับ "บัณเฑาะก์" มาจากคำว่า "ปณฺฑก" หมายถึง ผู้ที่มีเครื่องหมายของบุรุษหรือสตรีเพศขาดตกบกพร่องไป หรือที่เราท่านทั้งหลายเรียกบุคคลประเภทนี้ว่า “กะเทย" แบ่งออกเป็น 5 จำพวก ได้แก่ 1.อาสิตตกะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่เมื่อมีความกระวนกระวายด้วยอำนาจกามราคะขึ้นแล้ว กระทำโอษฐ์กามกับบุรุษอื่น ครั้นดูดกินซึ่งน้ำอสุจินั้นแล้ว จึงระงับความกระวนกระวายลงได้ (ส่วนตัวผมเข้าใจว่า ก็คือ เกย์ทุกแบบ ที่พอใจในรสนิยมชาย-ชายครับ) 2.อุสสูยบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อได้โอกาสแอบดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน (ถ้าตีความว่ากะเทย คือ พวกวิปริตในเรื่องเพศ อุสสูยบัณเฑาะก์ คือ พวกวิปริตในเรื่องเพศที่คลายความกำหนัดโดยการดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน แสดงว่า ผู้ชายที่ชอบดูหนังโป๊ ก็เข้าข่ายด้วยสิครับ??? อันนี้ตามความเข้าใจของผมนะ) 3.โอปักกะมิกะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่เป็นโดยการถูกตอน เพื่อไม่ให้เกิดความกำหนัดยินดี อาทิ พวกขันทีในสมัยโบราณ (กะเทยจำพวกนี้ มิได้เป็นมาแต่กำเนิด) (น่าจะหมายถึงคนที่แปลงเพศแล้ว) 4.ปักขะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อเวลาข้างแรม (กาฬปักษ์) มาถึง มักเกิดความยินดี และกระวนกระวายในกามด้วยอำนาจอกุศลกรรม (กรณีนี้ก็ยังสงสัยอยู่ครับ) 5.นปุงสกบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่ไม่ปรากฏเพศ (คือ มีรูปร่างลักษณะสัณฐานเป็นชาย แต่ไม่มีอวัยวะเพศ) มีเพียงแต่ช่องปัสสาวะเท่านั้น อีกทั้งไม่สามารถประกอบกิจได้ดั่งบุรุษเพศโดยทั่วไป   (ตามนั้นครับ) เมื่อผมอ่านก็เลยเกิดข้อสงสัยครับว่าตกลง กะเทย กับ บัณเฑาะก์ ต่างกันอย่างไร??? เพราะตามข้างบนจะบอกว่า บัณเฑาะก์ คือ กะเทยซึ่งมีลักษณะอย่างงั้นอย่างงี้.... ------------------------ ต้องบอกก่อนว่าผมก็เป็นเกย์ครับ ปีนี้ก็อายุ 21 แล้ว ไม่นานมานี้ได้เริ่มปฎิบัติธรรม ตามแนวสติปัฎฐาน 4 มาได้สักพักแล้ว ก็เลยมีความตั้งใจอยากบวชเรียน รวมทั้งตอบแทนคุณพ่อแม่ครับ ตั้งใจไว้ว่าจะบวชเรียนสัก 1 เดือน (ตอนปิดเทอมที่จะถึงนี้) พอมาอ่านกระทู้นี้ก็เลยเกิดความไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ผมคุณสมบัติครบหรือเปล่า ตอนแรกคิดว่า แค่ไม่ใช่คนที่มีอวัยวะเพศ 2 เพศ ในคนเดียวกัน แล้วเป็นผู้ชายก็น่าจะใช้ได้แล้ว แต่พอมาอ่านกระทู้นี้แล้วคิดทบทวนละเอียด พบว่าประเด็นนี้ละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิดไว้มากเลยครับ พอหาข้อมูลไปเรื่อยก็มาสะดุดตรง รายละเอียดในพิธีอุปสมบทตอนหนึ่งที่ว่า           "ในพิธีบวช จะมีการถาม “อันตรายิกธรรม” ใน “ธรรมวินัย” กำหนดให้สอนซ้อม ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วจึงถามอันตรายิกธรรมในท่ามกลางสงฆ์ อันตรายิกธรรมมีทั้งหมด 13 ข้อ ข้อหนึ่งที่ต้องยืนยันความเป็น “ผู้ชาย” คือ ปุริโสสิ (หมายถึง เธอเป็นผู้ชายใช่ไหม) ผู้บวชใหม่ต้องกล่าวตอบว่า - อามะ ภันเต (ใช่ครับ)             ปุริโสสิ กินความหมายถึง 1. ร่างกายเป็นผู้ชาย 2. ความรู้สึก นึกคิด และพฤติกรรมเป็นผู้ชาย"       ลองๆอ่าน คุณอาจจะคิดว่านี่ไง ถึงแม้ว่าคุณเป็นเกย์ก็ ไม่ใช่ ปุริโสสิแล้ว เพราะ        1. ร่ายกายเป็นผู้ชาย อันนี้ผ่าน        2. ความรู้สึก นึกคิด พฤติกรรมเป็นผู้ชาย อันนี้ผมว่ามันไม่ค่อยกระจ่างอ่ะครับ ถ้าผมเป็นเพศชายที่ "ความรู้สึก นึกคิด พฤติกรรม" เป็นผู้ชาย เข้มแข็ง อยากดูแลคนที่อ่อนแอกว่า ฯลฯ เหมือนผู้ชายปกติล่ะ แต่เพียงแค่รสนิยมทางเพศที่ชอบผู้ชาย ผมยังอยู่ในข่าย ปุริโสสิ หรือเปล่า คุณอาจจะบอกว่า ก็นั่นไง คำว่าพฤติกรรมเป็นผู้ชาย ก็กำชับไว้แล้วว่าต้องมีอารมณ์ทางเพศกับผู้หญิง แสดงว่าคนที่ไม่มีอารมณ์ทางเพศกับผู้หญิงก็หมดสิทธิ์บวชเลยหรือเปล่าครับ???       ข้อมูลในบางเวปไซต์ บอกไว้ว่า "ในอรรถกถาชื่อกุรุนทีแก้ว่า ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ ไม่ห้ามบรรพชา,  ๓  ชนิดนอกนี้ห้าม" (ซึ่งผมก็ตีความได้ว่า เกย์ (อาสิตตบัณเฑาะก์) หรือ ชายที่ดูหนังโป๊ที่ผมคิดว่าเข้าข่ายพวก อุสุยยบัณเฑาะก์  ก็บวชได้ อันนี้ตามความเข้าใจผมนะ)       ผมไม่ได้พยายามเลี่ยงบาลีนะครับ เพียงแต่อยากได้คำแนะนำ + ชี้แนะ เพราะว่าผมไม่รู้จริงๆ ความรู้ทางปริยัติผมอาจจะมีไม่มาก        ผมเชื่อนะครับว่าเราเป็นอะไรเราก็รู้อยู่แก่ใจ แล้วผมมีความมั่นใจ+ตั้งใจว่าจะไม่ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ อยู่ในกรอบของสงฆ์ทุกประการ ผมมีคุณสมบัติพอที่จะบวชหรือไม่? แหล่งข้อมูลอ้างอิงครับ http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16073 http://larndham.net/index.php?showtopic=12911&st=25 http://www.med-kku.com/index.php?topic=8655241.0 http://www.oknation.net/blog/print.php?id=321238 http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9520000013146 http://main.dou.us/view_content.php?s_id=283&page=5 http://larndham.net/index.php?showtopic=31314&st=36 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 10:13:05 จากคุณ : chromephi เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:11:54

ความคิดเห็นที่ 31 ตอนพระอุปัชฌาย์ถามว่า "ปุริโสซิ" ท่านเป็นบุรุษใช่ไหม คุณตอบท่านได้ไหมหล่ะว่า ใช่ (อามะ ภันเต) ตามความเห็นผมนะ เคสของคุณค่อนข้างกำกวม 50-50 ถ้าจะบวชตามความเชื่อคือให้พ่อแม่ขึ้นสวรรค์ ผมว่าอย่าบวชดีกว่าครับ เพราะถ้าถูกก็คงได้บุญแต่ถ้าผิดก็พากันลงนรกได้เหมือนกันนะครับ อย่าเสี่ยงกับพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติครับ ถ้าอยากได้บุญ มีมาให้พิจารณาตั้งหลายทางเลือก ดูสเกลของบุญ (ลอกเขามาอีกที) - ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับคนไม่มีศีลแม้เพียงครั้งเดียว - ทำทานกับคนไม่มีศีล 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับผู้มีศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว - ให้ทานผู้มีศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าให้ทานผู้มีศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว - ให้ทานผู้มีศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานผู้มีศีล 10 แม้เพียงครั้งเดียว - ถวายทานผู้มีศีล 10 มากถึง 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแด่สมมุติสงฆ์แม้เพียงครั้งเดียว - ถวายทานแด่สมมติสงฆ์ 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระโสดาบันแม้เพียงครั้งเดียว - ถวายทานแด่พระโสดาบัน 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้เพียงครั้งเดียว - ถวายทานพระสกิทาคามี 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานพระอานาคามีแม้เพียงครั้งเดียว - ถวายทานพระอนาคามี 100 ครั้ง ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานให้พระอรหันต์ แม้เพียงครั้งเดียว - ถวายทานแก่พระอรหันต์ 100 ครั้ง ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว - ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแด่พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว - ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายเพียงครั้งเดียว - ถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าถวายวิหารทานครั้งเดียว - ถวายวิหารทาน 100 หลัง ยังได้บุญน้อยกว่าให้ธรรมทานครั้งเดียว - ให้ธรรมทาน 100 ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทานครั้งเดียว - อภัยทาน 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว - ถือศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าถือศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว - ถือศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 10 ครั้งเดียว (ถือศีล 10 คือบวชเป็นสามเณร) - บวชเป็นสามเณร รักษาศีลไม่ด่างพร้อย 100 ปี บุญยังน้อยกว่าผู้อุปสมบทเป็นพระ แม้บวชเพียงวันเดียว พระพุทธเจ้าตรัสในเบื้องปลายว่า - แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุ รักษาศีลครบ 227 ข้อ ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อย 100 ปี บุญกุศลยังน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิให้จิตสงบ (ฌาน) แม้นานเพียงไก่กระพือปีก - ผู้ใดเข้าฌาน นาน 100 ปีและไม่เสื่อม บุญยังน้อยกว่าผู้ที่มองเห็นความเป็นจริงว่า สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง มาจากการปรุงแต่ง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิตก็ตาม จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 10:36:27

ความคิดเห็นที่ 32 อย่าบวชเลยครับ  บวชพระต้องสมบูรณ์ทั้ง กาย และใจ ทำแบบนี้ดีกว่าก็ได้บุญมากเหมือนกันนะครับ ตั้งใจ รักษาศีล 8 ไปตลอดชีวิต สิครับ ถ้าทำได้ ชาติต่อไปจะสมบูรณ์ ทั้งกายและใจ ตายไปก็ได้ไปสวรรค์แน่นอนครับ ครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:04:57

ความคิดเห็นที่ 33 2.อุสสูยบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อได้โอกาสแอบดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน (ถ้าตีความว่ากะเทย คือ พวกวิปริตในเรื่องเพศ อุสสูยบัณเฑาะก์ คือ พวกวิปริตในเรื่องเพศที่คลายความกำหนัดโดยการดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน แสดงว่า ผู้ชายที่ชอบดูหนังโป๊ ก็เข้าข่ายด้วยสิครับ??? อันนี้ตามความเข้าใจของผมนะ) ผมว่าไม่เข้าข่ายครับ เพราะผู้ชายปกติไม่ได้ คลาย กำหนัดจากการดูสิ่งเหล่านี้มีแต่เพิ่ม จริงๆแล้วผู้ชายเหล่านั้นสามารถ ลด ละ เลิก จากการดูหนังโป๊ได้ก่อนบวช ผู้ชายปกติเลิกได้ตัดได้ครับแค่หนังโป๊ แต่ถ้าเลิกไม่ได้ก็คงต้องจัดว่าผิดปรกติครับ จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:27:50

ความคิดเห็นที่ 34 ต้องดูที่ใจของคุณแล้วมั้งคะ ว่าใจคุณมั่นคงและแน่วแน่ในการบวชมากแค่ไหน ถ้าคุณมีจิตที่เด็ดเดี่ยว บวชเพื่อศึกษาธรรม เพื่อสร้างบุญกุศล เพื่ออุทิศบุญบารมีให้แม่ โดยที่คุณมั่นใจอย่างแน่นหนา ว่าจะไม่ปฏิบัตินอกลู่นอกทาง ทั้งทางกาย จิต วาจา เช่น ไม่คิดอะไรอกุศลกับพระรูปอื่น หรือไม่แสดงออกในเชิงที่สำอางเกินชายทั่วไป ถ้าคุณมั่นใจ เราว่าคุณก็น่าจะบวชได้ค่ะ ขออนุโมทนาสาธุุด้วยนะคะ ปล - คุณเป็นคนกล้าหาญค่ะ ที่กล้ายอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ และได้นำข้อสงสัยมาปรึกษาเพื่อนๆ ก่อนบวช เพราะเกรงจะเสียหายต่อศาสนา อนุโมทนาจริงๆ ค่ะ :) จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:33:55

ความคิดเห็นที่ 35 ตรงๆเลย บวชไม่ได้ บาปหนักเชียว เผลอทำให้พระอัปัชฌาย์ติดบาปไปด้วยอีกต่างหาก ปุริสโสสิ๊ จะตอบแบบละอายใจมั้ย จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:41:18

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ จะอายทำไม ผมก็ตอบว่า No สิ ถ้าผมคิดจะโกหกแล้ว ผมจะมาตั้งกระทู้นี้หาหอกอะไร สู้แอ๊บแมนง่ายๆ เหมือนคนอื่นๆ ไม่ดีกว่าหรือ ผมเพิ่งเข้ามาในห้องนี้นะ แต่ผิดหวังกับตรรกะของหลายคนจัง ทั้งๆ ที่เคยคิดว่า ณ ที่ที่แห่งนี้น่าจะอุดมไปด้วยนักปราชญ์ผู้รู้มากกว่าที่อื่นๆ จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:45:59

ความคิดเห็นที่ 37 ตอบ no ท่านก็หยุดแค่นั้น จบพิธี การบวชเป็นโมฆะ ตอบ yes ก็โกหกทั้งที่พึ่งรับศีล 10 ตอนบวชเณรก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที สรุป ถ้าใจคุณบอกว่าไม่ใช่อย่าบวชครับ คุณอาจจะมาหากำลังใจจากในนี้ แต่ผมเชื่อว่าที่ถูกต้องมันมีอยู่ในใจคุณอยู่แล้วครับ จำไว้อย่างหนึ่ง พระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ศักดิ์สิทธิ์มาก พึงระวังเหมือนดาบสองคม ถูกก็ดีไปแต่ถ้าผิดแล้วเสียหายหลายแสน มีแก้ไข ... แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 13:34:33 จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 12:09:53

ความคิดเห็นที่ 38 เอาเป็นว่า ถ้าถึงเวลาที่ผมต้องบวชจริง ผมจะสอบถามไปยังสำนักพระอุปัชฌาย์ว่า ผมเป็นเกย์ ท่านจะรับบวชให้ไหม จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 12:56:06

ความคิดเห็นที่ 39 นี้ขนาดยังไม่บวช  ท่านลำปาว ก็ไม่สบายใจ ขนาดนี้แล้วน่ะ  ถ้าบวชแล้ว จะไม่สบายใจขนาดไหนหนอ มีอ่านเจอเรื่องถือพรหมจรรย์  ถ้าไม่ได้สมาทาน  ไม่ว่า จะสมาทานกับพระ  หรือสมาทาน ด้วยตัวตัวเอง  แต่ถือแบบโดยบังเอิญ  ที่ว่า ยัง vergin อยู่  ก็ไม่ถือว่า ถือพรหมจรรย์น่ะครับ   ส่วนเรื่องบวช นี้ แนะนำว่า อย่าบวชเลยน่ะขอรับ  แนะนำตามประสาคนเคยบวชมาก่อน ไม่งามด้วยประการทั้งปวง ------------------------------------------------------ เจริญธรรมครับ จากคุณ : สารนาถ (XeRaMos) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 13:03:51

ความคิดเห็นที่ 40 ^ ^ จะได้เป็นกรณีตัวอย่างไงครับ ดีซะอีก จะได้รู้กันว่าผิดถูกเป็นอย่างไร และถ้าถึงวันนั้นผมจะทำหนังสือไปเรียนถามพระผู้ใหญ่หรือคณะสงฆ์เลยทีเลย จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 13:14:13

ความคิดเห็นที่ 41 ทดลองบวชผ้าขาวซักเดือนก่อนไหมว่าจะคุมได้ป่าว คุมได้ ณขณะนั้นจิตใจเราไม่มีกาม ก็คือชายแท้ บวชได้จ้า จากคุณ : ไขมันอิ่มตัว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 13:24:56

ความคิดเห็นที่ 42 ^ ^ แม้แต่ชายแท้เองผมก็คิดว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกครับที่คุมได้ จากคุณ : ลำปาว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 13:47:15

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าคุณบวช คุณจะไม่ใช่เกย์ คุณจะเป็นเพศใหม่ที่เรียกว่า ที่ไม่สนเรื่องเพศทางใจ อีก ถ้าเกิดยังเป็นเกย์ด้วย เป็นพระด้วย จะอยู่ลำบากเสียป่าวๆ จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 15:20:15

ความคิดเห็นที่ 44 ผมอ่านเรื่องที่คนนึงเขาเขียนลงในบอร์ดไว้ กระเทยบนเส้นทางธรรม เขาประกาศตัวชัดเจน ว่าตัวเป็นชาย แต่ใจเป็นหญิง เขาต้องการพิสูจน์ว่า เป็นกระเทยสามารถบรรลุธรรมได้หรือไม่ ว่าแล้วก็จัดแจง บวชทั้งกายและใจของตนเอง เป็นเวลา 2 พรรษา อยู่ที่บ้าน ดำรงชีวิตตามปกติ แต่รักษาศีล 5 และศีล 8 ในวันพระ สวดมนต์เช้า เย็นทุกวัน จึงจะบอกว่าถ้าไม่ได้บวชที่วัด ก็บวชที่บ้านเลยครับ ขออนุโมทนาด้วยเลย ส่วนผมคิดว่าบวชไม่ได้ครับ พระเทพวิสุทธิกวี บอกว่า บุรุษที่มีความผิดปกติทางเพศ เข้ามาบวชในสังฆมณฑล ย่อมทำให้สังฆมณฑลเกิดความวิบัติ ดังเพศสัมพันธ์วิปริตที่พรรณนาไว้ใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ ปฐมปาราชิกสิกขาบท (ว่าด้วยเมถุนธรรม) ควรที่พระอุปัชฌาย์ต้องเข้มงวดในตัวผู้ขอบวชให้มากขึ้น เพียงแค่เสียงที่เพี้ยนจากปกติ ก็ควรขอใบรับรองจากแพทย์ เพื่อยืนยันความเป็นบุรุษของผู้นั้น การที่ให้ผู้ขอบวชมาอยู่วัดก่อนบวชระยะหนึ่ง ก็เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บวชว่า มีความผิดปกติทางเพศหรือไม่ ถ้าพบเหตุชวนสงสัย ก็ต้องงดการบวชของผู้นั้นไว้ก่อน ทั้งนี้ พระเทพวิสุทธิกวี ได้ยกคำจำกัดความ "บัณเฑาะก์-กะเทย" ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงให้ไว้ในวินัยมุข เล่ม ๑ และอคฺคโรจโน ภิกฺขุ นวกะ (นพ.วิโรจน์ เหวียนระวี) ได้ขยายความดังนี้ บัณเฑาะก์ ได้แก่บุคคล ๓ จำพวก คือ ๑.ชายผู้ประพฤตินอกรีตในทางเสพกาม (ผู้มีราคะกล้า) คือเป็นผู้ชายมีอวัยวะเพศเป็นชายโดยสมบูรณ์ แต่เสพกามกับผู้ชายด้วยกัน ทางเวจมรรค และทางปาก บุคคลจำพวกนี้ มีจิตใจและการแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่กิริยาอ่อนช้อยคล้ายผู้หญิง ปัจจุบันมีศัพท์เรียกเป็นภาษาสแลงว่า "เกย์" เมื่อเสพกาม คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นชาย คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นหญิง ๒.ชายผู้ถูกตอน (จีนเรียกขันที) คือ ผู้ชายที่ถูกตัดอวัยวะเพศออกหมด ทั้งส่วนที่เป็นองคชาตและอัณฑะ บุคคลจำพวกนี้ขาดฮอร์โมนเพศชาย จึงไม่มีความรู้สึกทางเพศ แต่ความสำนึกและจิตใจรวมทั้งความแข็งแรงยังเหมือนผู้ชายโดยสมบูรณ์ และ ๓.กะเทย คือ คนหรือสัตว์ที่ไม่ปรากฏว่า เป็นชายหรือหญิง มีหลายอย่าง เช่น บางคนมีตัวบังคับ (ยีน) เป็นผู้ชาย บุคคลนั้นก็เป็นผู้ชาย แต่ผิดปกติที่อวัยวะเพศ ทำให้มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศของสตรี บางคนมีตัวบังคับ (ยีน) เป็นผู้หญิง บุคคลนั้นก็เป็นผู้หญิง แต่อวัยวะเพศบางส่วนมีขนาดใหญ่ จึงทำให้ดูคล้ายองคชาตของผู้ชาย ในทางพระพุทธศาสนา คำว่า บัณเฑาะก์-กะเทย-อุภโตพยัญชนกะ หมายเอาบุคคลในข้อ ๓ นี้เอง "ภิกษุรูปใดคิดว่าตัวเองมีความเบี่ยงเบนทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นเกย์ ตุ๊ด กะเทย ซึ่งถือว่าเป็นบัณเฑาะก์ พึงเห็นแก่คณะสงฆ์ ลาสิขาไปเถิด อย่าอยู่ในสมณเพศจนผู้อื่นต้องเดือดร้อน หรือต้องรอการพิสูจน์ว่าเป็นบัณเฑาะก์เลย นอกจากจะทำให้ตระกูลเสื่อมเสียแล้ว ยังทำให้สังฆมณฑลเสื่อมเสียเกิดความวิบัติในสังฆกรรมอีกด้วย เป็นตัวอย่างที่เลวทรามแก่เยาวชนผู้ไม่รู้ความ ถือว่าเป็นวิบากกรรมติดตัวไปตลอดชีวิต ทั้งในภพนี้และชาติหน้า" แต่อย่างที่คุณว่า ถ้ายังไม่มั่นใจจะถามไปที่คณะสงฆ์เลยก็ดีครับ จากคุณ : kungfuloma เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 16:18:25

ความคิดเห็นที่ 45 เอ...แล้วแบบนี้ถ้าเคยบวชมาแล้ว ก็ต้องรับ กรรม อีกต่อไปไหมครับ เพราะตอนบวชไม่ได้ศึกษาอะไรมาก่อน แต่ก้ไ ม่ได้ทำไร เสื่อมเสียนะครับ อีกอย่างบวชแค่ 20 กว่าวันเอง ครับ งี้ ก็แย่เลยนะครับ...อุดส่าห์ อยากบวชโดยสุจริต ใจ ถามหน่อย ถ้าเกย์ บวชแต่ประพฤติ ชอบ แต่พวกพระผู้ชายจริง ๆ บวข แต่ทำตัวไม่ดี อย่างที่เห็นกันในข่าว อะไร บาปหนักกว่ากัน จากคุณ : หมอยา ณ เมืองช้าง เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 16:55:24

ความคิดเห็นที่ 46 คคห 45 ผมว่าบาปทั้งสองอย่าง ต่างกรรมต่างวาระครับ แต่พระพุทธเจ้าให้บุรุษเพศบวชได้ครับ เรื่องพวกนี้เป็นดาบสองคม เหมือนคนที่ถวิลหาอยากเจอพระพุทธองค์ โดยคาดว่าตัวเองจะบรรลุธรรมได้ง่ายๆเหมือนพระสาวก แต่ลืมนึกไปว่าคนยุคนั้นโดนธรณีสูบและตกนรกเป็นเบือก็มี อยู่ใกล้พระอริยะเจ้าก็เหมือนกัน ถ้าทำดีก็เป็นบวกแบบทวีคูณแต่ถ้าพลาดพลั้งก็ติดลบมหาศาลเหมือนกัน ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าบวชถูกพระธรรมวินัยก็ได้บุญมาก แต่ถ้าผิดพระวินัยก็บาปหนักเหมือนกันครับ จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 17:44:58

ความคิดเห็นที่ 47 เรื่องนี้สำคัญมากนะครับ ควรต้องให้ชัดเจน  ผิดก็บาป ตีความผิดมากไป ก็ตัดโอกาสอีกบาปอีก ประเด็นคือ เกย์เป็นบัณเฑาะก์ ตามความหมายพุทธพจน์หรือไม่ครับ ที่พระพุทธองค์ตรัสนะครับ เอาตอนจะเริ่มบวช แค่นี้แหละจะบวชได้ไหม ถ้าเขาสัญญาสาบานว่าบวชแล้วเลิก คนมักมากในกามคุณ เจอใครข่มขืนผู้หญิงดะ บวชได้ไหม ตอบว่าได้สิ ถ้าเขาเลิก ตอนบวช ไปข่มขืนได้ไหม ตอบว่าไม่ได้ ปาราชิกเลย และเกย์ ซึ่ง ก็ชอบกามคุณ เช่นกัน แต่กับชายด้วยกัน แน่นอน ตอนบวชแล้วทำผิดไม่ได้ ทำก็ปาราชิกเหมือนกัน แต่จะบวชได้ไหมถ้าเขาเลิกช่วงนั้น หรือเลิกตลอดไป ประเด็นอยู่ตรงนี้ คือ เท่าที่ผมอ่าน พุทธพจน์หมายถึง พิการ มีเพศไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่เรื่องกามคุณทางใจ ผมเข้าใจอย่างนั้น ผมจึงคิดว่าบวชได้ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ยังให้หลานท่านที่เป็นเกย์ ชอบแต่งตัวเป็นหญิงบวชเลยครับ เพราะเขามีเพศเป็นชายบริสุทธิ์ ส่วนใจนั้น เมื่อเข้ามาบวชก็ต้องสำรวมจากกามอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายธรรมดา หรือเกย์ธรรมดา หลานหลวงพ่อ เท่าที่ผมอ่าน พอบวชเขาก็ธรรมดา อย่างนี้เขาจะบวชได้ไหม ผิดไหมได้อานิสงสไหม ผมเองก็ไม่รู้ชัดนะครับ แต่อยากให้เคลียร์ประเด็นตรงนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ชัด ก็บอกเขาว่า ถือศีลห้าไปละกัน  ถ้าเขาจะเลิก และเขามีสิทธิจะบวชได้ ทำไม จะไปตัดโอกาสครับ ดังนั้นตรงนี้ควรชัดเจนนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 17:55:08

ความคิดเห็นที่ 48 ขอแสดงความคิดเห็นครับ จากความเห็นของคุณลำปาวในความเห็นที่ 36 ผมเข้าใจครับว่าคุณมีความบริสุทธิ์ใจ และตั้งใจที่จะบวช (เพราะตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกสับสนไม่ต่างจากคุณครับ) แต่ถ้าคุณบอกว่า No การอุปสมบทก็จะเป็นโมฆะอย่างที่ความเห็นที่ 37 บอกครับ ผมกลับคิดว่า อะไรคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า ปุริโสสิล่ะ ??? จำได้ไหมครับผมเขียนไว้ในความคิดเห็นที่ 30 ตอนหนึ่งว่า "ในอรรถกถาชื่อกุรุนทีแก้ว่า ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ ไม่ห้ามบรรพชา,  ๓  ชนิดนอกนี้ห้าม" ตามตรรกะของผมนะครับ ถ้ามีการบัญญัติว่า ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ ไม่ห้ามบรรพชา แสดงว่า ผู้ที่เป็นอาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ เวลาบวชก็ต้องถูกถามว่า Q: ปุริโสสิ (หมายถึง เธอเป็นผู้ชายใช่ไหม) แล้วเขาเหล่านั้นก็ตอบว่า A: อามะ ภันเต (ใช่ครับ) อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ถึงบวชได้ใช่ไหมครับ แสดงว่าอาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์มีความเป็น ปุริสะ(บุรุษ) เพราะฉะนั้นถ้าผมเป็น อาสิตตบัณเฑาะก์ เวลาถูกถามว่า Q: ปุริโสสิ ผมก็พึงตอบว่า A: อามะ ภันเต (ใช่ครับ) ตรรกะผมถูกหรือเปล่าเอ่ย? ปล.เห็นด้วยอย่างยิ่งในความคิดเห็นที่ 47 ครับที่ว่า "ผิดก็บาป ตีความผิดมากไป ก็ตัดโอกาสอีก บาปอีก" ปล.2 ลองเข้าไปอ่านในกระทูแนวนี้เพิ่มเติมได้ครับ น่าจะมีประโยชน์มากขึ้น http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/06/Y6716877/Y6716877.html แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 22:10:14 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 20:22:05 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 19:21:39 จากคุณ : chromephi เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 19:18:44

ความคิดเห็นที่ 49 เพื่อนเราทุกคนที่เป็นเกย์ (ไม่ต่ำกว่า5 คน) เคยบวชมาแล้วทั้งนั้น เราก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าได้ไหม จากคุณ : TaKe A DaY oFF เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 19:41:33

ความคิดเห็นที่ 50 เอ แล้วถ้าสมมติว่าเราเป็นชายทั้แท่ง   แต่เกิดเมาแล้วเคยๆไปมีอะไรกับกระเทยสวย(ยังไม่เฉาะ) นี่เราจะบวชได้มั้ย จากคุณ : ปฏิบัติดี เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 13:05:24

ความคิดเห็นที่ 51 ^ ^ มีอะไรได้ยังไงอ่ะ??  ก็เพศเดียวกัน จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 14:52:50

ความคิดเห็นที่ 52 ^ ^ ^ เล่นข้างหลังมั้ง ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเคสที่น่าสนใจนะครับ แต่หลายๆท่านก็ให้ความเห็นประกอบข้อมูลไปเยอะแล้ว ความเห็นของผมนะ ผมว่าถึงแม้คุณจะเป็นเกย์ แต่คุณไม่ได้แสดงอาการตุ้งติ้งออกมา น้ำเสียง จริตต่างๆก็ดูเป็นผู้ชายทั่วไป เพราะฉะนั้นเหลืออีกเพียงอย่างเดียวก็คือ คุณต้องสามารถข่มใจได้ในการบวชตลอดระยะที่พ่อแม่ต้องการ ไม่มีจิตใจที่ฝักใฝ่ในเพศเดียวกัน  ไม่มีความรู้สึกทางเพศ ต่อเพศเดียวกัน (หรือแม้ต่อเพศตรงข้าม) ตลอดเวลาที่บวช ผมว่าคุณบวชได้ครับ เพราะพระพุทธเจ้าทรงห้ามการบวชแก่กระเทยที่มีองค์อวัยวะแบบคนสองเพศ และ พวกกระเทยที่แสดงอาการและท่าทางผิดจากผู้ชายทั่วไปจนผิดสังเกต และที่สำคัญ ถ้าคุณสามารถยืนยันได้ด้วยใจจริง โดยไม่ได้แสดงอาการเสแสร้ง ว่า "อามะ ภันเต" เมื่อยามที่พระคู่สวดท่านถาม "ปุริโสสิ" คุณก็บวชได้ครับ แต่ถ้าจะเอาให้ชัวร์กว่านี้ ก็ไปเรียนถามพระอุปัชฌาย์ที่คุณคิดจะฝากตัวเป็นอุปสัมปทาเปกขะ (ผู้ประสงค์จะบวช) ว่า สามารถบวชได้ไหม เพื่อความแน่นอน ชัดเจน ยิ่งขึ้นนะครับ จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 21:02:56

ความคิดเห็นที่ 53 สมัยก่อนตอนที่เคยบวช ผมก็เห็นและรู้จักพระที่เป็นเกย์เหมือนกันครับ แต่พวกเค้าก็สามารถปฏิบัติได้ปกติ เหมือนพระอื่นๆ รู้สึกว่าตอนก่อนจะบวช จะถามก่อนว่าจะรักษาศีลได้ไหวหรือไม่ และเมื่อบวชอยู่จะไม่ทำอาการที่ทำให้โลกติเตียน และเมื่อคุณแม่อยากให้คุณบวช ก็คงไม่มีใครห้ามได้ แต่คงขอร้องว่าเมื่อขณะที่คุณบวชเป็นพระ พยายามรักษาศีลให้ดีที่สุด ทำกิจกรรมตามที่วัดกำหนดไว้ เช่น บิณฑบาตรทุกเช้า ทำวัตรเช้าเย็น และภาวนา ผมเชื่อว่าคุณและคุณแม่ได้บุญครับ ผมขออนุโมทนาและขอให้ตั้งใจจริงครับ จากคุณ : Five Precepts เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 10:40:44

ความคิดเห็นที่ 54 แต่เกย์ก็เสพกามกับผู้ชายด้วยกันนะครับ ผิดอยู่แล้วเต็มๆอย่าโกหกตัวเองเลย จากคุณ : ผีเสื้อสมุทรประเภท2 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 21:35:31

ความคิดเห็นที่ 55 ขอเสริม เสพย์เมถุน ไม่ว่าจะกับเพศชายหรือเพศหญิง หรือ กับสัตว์ ก็ต้องปาราชิก ถือว่าขาดจากความเป็นพระเลยทันที ไม่สามารถบวชเป็นพระได้อีก จากคุณ : locomotion เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 00:27:35

ความคิดเห็นที่ 56 ตอนบวชเลิกเป็นเกย์ได้มัยละ ง่ายๆ ลองไปอยู่วัดที่จะบวชดูถ้าไม่หมายตาต้องใจใครหรือคิดว่า ต้องแน่จะแบบว่ากล้าสาบาน ว่าไม่หลงใคร หรือมีมารรบกวนก็อยู่ใด้ จริงๆแล้วนักบวชไม่มีเพศหรอกเพราะไม่มีกามเข้ามายุ่ง จากคุณ : พรานดง เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 20:35:09

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ =] จากคุณ : chromephi เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 01:14:34