ความคิดเห็นที่ 1 พุทธรรม ของพระ นิชิเร็นไดโชนิน สอนว่า การบรรลุพุทธภาวะใน  ช่วงชีวิตนี้ จะเกิดขึ้นได้ ในโอกาสทีได้มีปัจจัยสัมพันธ์ที่ดี มาปลุกเร้าชีวิตพุทธ ของเราให้ตื่นและปรากฏออกมาในชีวิตเรา ซึ่งเป็นไปตามะรรมดาของกฏจักรวาล ยกตัวอย่างว่า  ชีวิตอสุระ ในชีวิตเรานั้น  จะปรากฏออกมาก็ต่อเมื่อได้สัมพันธ์กับ  ปัจจัยภายนอกที่ไม่ดี  ทำให้เราโกรธ และถ้าโกรธมากเป็นเวลานานๆ  ก็จะส่งผลไปยังสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราทำให้ ดูเหมือนว่าเราตกอยู่ในสภาพ ของขุมนรกแห่งอสุรภูมิ ชีวิตพระพุทธก็เหมือนกัน จะปรากฏออกมาได้ก็ต่อเมื่อ ได้สัมพันธ์กับสิ่ง ศักการะบูชา และปฏิบัติธรรมต่อเนื่องไป. จากคุณ : boon-m1 เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 14:40:32

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ามีอินทรีย์แก่กล้าก็สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้ครับไม่จำเป็นต้องได้พระโสดาบัน พระสกิทา ทีละชาติครับ ถามว่าต้องผ่านพระโสดาบันก่อนแล้วเป็นขั้นถึงพระอรหันต์ ไหม และข้ามขั้นได้ไหม ก็ต้องตอบว่าเหมือนบันได มี 4 ขั้น คนที่เหยียบทั้ง 4 ขั้นก็มี คนที่กระโดดไปเหยียบขั้นสุดท้ายเลยก็มี ถามว่าทุกคนต้องผ่านทั้ง 4ขั้นไหม ก็คือต้องผ่านหมดล่ะครับ แต่จะเร็วจนไม่ทันรู้ตัวหรือเปล่าเท่านั้นเอง จากคุณ : ศาลาลอยน้ำ เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 15:29:36

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องเป็นขั้นครับ เพราะในการบรรลุธรรม คือการตัดสังโยชน์ที่ร้อยรัดจิตอยู่ มี 10 อย่าง ลองหาอ่านดูครับ พระอรหัตหลายๆองค์ท่านก็ไม่ได้โสดาบันมาแต่ชาติก่อนนะครับ ส่วนมากก็ทำชาติเดียวนี่แหละ ไล่ตั้งแต่โสดาบันจนถึงอรหัตเลย ม้วนเดียวจบ ท่านที่ยังไม่จบแต่ดับขันธ์ก่อนก็มีครับ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 53 15:32:47 จากคุณ : Oz(OB) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 15:30:36

ความคิดเห็นที่ 4 (๑) หนึ่งภพชาติ ---> ตาม ศาสนาฮินดู หนึ่งภพชาติ ---> ตาม ศาสนาไชน์ หนึ่งภพชาติ ---> ตาม ที่อ้าง วิสุทธิมรรค หนึ่งภพชาติ ---> ตาม พระ นิชิเร็นไดโชนิน สอนว่า ฯ หนึ่งภพชาติ ---> ตาม กรรมแบบ แม่ชีนั่น นี่ หนึ่งภพชาติ ---> ตาม แบบ ของชาวพุทธท่านนั้น ท่านนี้ อ้าง หลวงพ่อนั่นหลวงพ่อนี้ หนึ่งภพชาติ ---> ตาม ที่ผมอ้าง "พระพุทธวจนะแปลไทย ที่ตรัส ปฏิจจฯสายเกิด (สมุทโย)" ท่าน จขกท กำหนดได้ นะครับ ว่า แตกต่างกับ ภพ - ความมี ความเป็น ตามที่ตรัสพระบรมศาสดา ว่า เพราะมี อวิชชา เป็น ปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย ฯลฯ ---ฯลฯ เพราะมีภพ เป็น ปัจจัย จึงมี ชาติ ฯลฯ   ฯลฯ --- ฯลฯ --ความเกิดขึ้นแห่ง กองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ (อวิชชา ภพ ชาติ ฯลฯ นั่นแหละ) ย่อมมี ด้วย อาการ อย่างนี้ อย่างไร? โดยสรุป  นะครับ ความเกิดขึ้นแห่ง กองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ (อวิชชา ภพ ชาติ ฯลฯ นั่นแหละ) ย่อมมี ด้วย อาการ อย่างนี้ ครั้งหนึ่งๆ = ภพ ชาติ หนึ่งๆ สามารถ ตามรู้ ตามเห็นได้ ตามที่ตรัสไว้ว่า ศาสดาและสาวกย่อมมีการกล่าวตรงกัน ในเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท (๒) ผู้ที่ มีทิฏฐิสมบูรณ์ ใน  อวิชชา -  ตัณหา - อุปาทาน - ภพ - ชาติ (ปฏิจจฯ สายเกิด) คือ พระโสดาบัน อริยสาวก แรกสุด ในพระพุทธศาสนา (๓) ถามเรื่องระดับของการบรรลุธรรมในหนึ่งภพชาติ ยกตัวอย่าง อุปติสสะ พอได้ฟัง คาถาพระอัสสชิ เกิด ดวงตาเห็นธรรม เกิด ภพ คือ  ภาวะ โสดาบัน เพราะมี ภพ แบบนี้ เป็น ปัจจัย จึงมี ชาติ ความเกิดแห่ง ภาวะคือโสดาบันนั้น ทีนี้ ที่เสนอว่า ..โสดาบันขึ้นไป จะเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ ยกพระพุทธวจนะแปลไทย สำนวนแปลใดนั้น ซิครับ จะได้ ให้ ท่านสมาชิก ช่วยกัน พิจารณา--- จะได้ "ถูกฝาถูกตัว" คือ ตาม พยัญชนะ นั้นๆ เช่น กำหนด พระโสดาสบัน อนุพุทธสาวกของพระพุทธเจ้า ใน ครั้ง พุทะกาล เป็น เหตุ เพื่อ กำหนด พระโสดาบัน ในสมัยนี้ ให้ สอดคล้องกับ พุทะปัญญา ที่อยู่ในรูป พระพุทธวจนะแปลไทย --เป็นไปตามลำดับ ฯลฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 15:45:18

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบพระคุณทุกท่านมากครับตอนนี้คิดว่าเข้าใจชัดเจนแล้วครับ แต่ก่อนเคยสงสัยเหมือนกันว่า  การบรรลุธรรมในแต่ละขั้นมีความแยกต่างกันอย่างไร ตอนนี้เข้าใจแล้วว่ายิ่งได้บรรลุขั้นสูงขึ้นไปยิ่งสามารถตัดสังโยชน์ใน 10 ข้อได้มากขึ้น พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้ พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 ให้เบาบางลงด้วย พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อต้นได้หมด พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ อย่างนี้แสดงว่าการละสังโยชน์คือปัจจัยหลักในการจัดลำดับขั้นว่าบุคคลผู้นั้นบรรลุธรรมในระดับใด คิดว่าผมคงเข้าใจถูกนะครับ จากคุณ : t_nine เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 16:00:14

ความคิดเห็นที่ 6 ขอตอบว่า บางคนปฏิบัติธรรมตลอดชีวิต แต่ไม่บรรลุอะไรเลยก็มี แต่บางคนก็บรรลุรวดเดียวต่อเนื่อง เป็นพระอรหันต์ไปเลยก็มี บางคนก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน หรือระดับอื่น ๆ ระดับใดระดับหนึ่งก็มี แล้วก็หยุดต้องรอไปชาตินต่อไป ถ้าเป็นพระโสดาบันแล้ว อย่างช้านะก็เกิดอีกไม่เกินเจ็ดชาติ ก็เป็นพระอรหันต์ คนที่บรรลุธรรมนั้้น เป็นเพศชายก็มาก เป็นเพศหญิงก็เยอะ คนอายุ 7 ขวบ ยังอ่านหนังสือไม่ออก ก็บรรลุธรรมได้ เป็นพระอรหันต์เลยก็ยังมี ถ้าเป็นระดับต้นคือ พระโสดาบันละก็ ยังไม่ต้องออกบวช ยังมีครอบครัว มีลูกได้ ทำอาชีพปกติได้ สวัสดี จากคุณ : kongsilp2000 เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 16:01:05

ความคิดเห็นที่ 7 คำถามหลายคำถามมาก เริ่มแรก ปกติเราจะเข้าใจว่า บุคคลที่เป็นติเหตุกบุคคล คือบุคคลที่เกิดมาหรือปฎิสนธิด้วยเหตุ 3 อันประกอบด้วยอโลภะ อโทสะ และ อโมหะ(ปัญญา)สามารถบรรลุธรรมได้ นับตั้งแต่ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามีและอรหันต์ เป็นไปตามลำดับไม่มีข้ามขั้นว่า บรรลุอนาคามี ก่อนที่จะได้พระโสดาบัน ต้องเป็นไปตามลำดับ เพราะความสามาถในการละสังโยชน์หรือการละกิเลสมันจะมากขึ้นและเบาบางไปตามลำดับ แต่ในครั้งหนึ่งๆ การบรรลุธรรมอาจจะเกิดครั้งเดียวติดต่อกันได้ ตั้งแต่โสดาบันจนถึงอรหันต์ ดังในสมัยพุทธกาลพระพาหิยะ ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าหลังจากที่เสร็จจากบิณฑบาตในหมู่บ้าน พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเพียงประโยคสั้น ๆก็บรรลุธรรมได้เลยตั้งแต่โสดาบันจนถึงอรหันต์ภายในชั่วเวลาเดียว จนได้รับการยกย่อง ว่าเป็นเอตทัคคะด้านการรู้เร็ว    แต่บางท่านอาจจะบรรลุทีละขั้นโดยการทำวิปัสสนาตามรู้ไตรลักษณ์ของรูปนามต่อไปการบรรลุธรรมก็จะขึ้นไปตามลำดับอาจในชาติเดียวกันหรือชาติหน้าก็ได้ขึ้นกับบารมี ความเพียรที่บำเพ็ญ ส่วนผู้ที่บรรลุโสดาบันจะเกิดไม่อีก 7ชาติเป็นอย่างมากเป็นตามตำรา แต่ถ้าใครได้พระอนาคามืนั้นจะขึ้นไปเกิดเป็นพรหมชั้นสุทธาวาสแล้วบรรลุนิพพานในชั้นเหล่านั้น สาเหตุเพราะว่า พระอนาคามีตัดกามราคะได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีอายตนะอื่นคือ หู จมูก ลิ้น กาย เหมือนกับมนุษย์ จากคุณ : ธรรมจักษุ (ธรรมจักษุ) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 16:13:20

ความคิดเห็นที่ 8 ไร้ขั้นไปเลยครับ  ถ้ายังมีขั้นอยู่ใจก็ไม่วายที่จะไปยึดขั้น สละให้หมดทุกขั้น จะได้ไม่ต้องติดกับขั้นไหน ขอให้ไม่ติดไม่ขัดในธรรมกันถ้วนหน้านะครับ จากคุณ : LiuBang เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 16:18:45

ความคิดเห็นที่ 9 พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้ ช่วยอ้างหลักฐานด้วยครับ เพื่อความถูกต้อง ตามที่ตรัสไว้ (ช่วยกันสอบทาน) ********************************************* -จตุกฺก อํ ๒๑/๑๘๑/๑๓๑ ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย พระสกิทาคามี นี้แล เป็น ผู้ ยัง ละ สังดยชน์ส่วน เบื้องต่ำทั้งหลายได้ไม่หมด (มี ๕) ละสังโยชน์ ตัวเหตุ ให้เกิดอีก  ยังไม่ได้ และ ยังละสังโยชน์ ตัวเหตุให้ต้องมี ภพ  ยังไม่ได้ ผลแห่งความเป็นโสดาบัน ๖ ประการ (ฉกฺก อํ ๒๒/๔๙๐/๓๖๘) เป็นบุคคล ผู้เที่ยงแท้ต่อพระสัทธรรม (สทฺธมฺมนิยโต) เป็นบุคคลผู้มีธรรมอันไม่รู้เสื่อม (อปริหานธมฺโม) ทุกข์ดับไป ทุกขั้นตอน แห่งการกระทำ ที่กระทำแล้ว เป็นบุคคลผู้ประกอบด้วย อสาธารณญาณ เป็นบุคคลผู้เห็นธรรม ที่เป็นเหตุ เห็นธรรมทั้งหลาย เกิดมาแต่เหตุ ภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้แล อานิสงส์ ๖ ประการ แห่งการทำให้แจ้งซึ่ง โสดาปัตติผล จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 16:26:44

ความคิดเห็นที่ 10 สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมในวัฏฏะ มี 10 อย่าง คือ • ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่ o 1. สักกายทิฏฐิ - หมดความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา หมดความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง o 2. วิจิกิจฉา - หมดความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ o 3. สีลัพพตปรามาส - ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น ซึ่งรวมถึงการหมดความเชื่อถือในพิธีกรรมที่งมงายด้วย o 4. กามราคะ - หมดความติดใจในกามคุณ o 5. ปฏิฆะ - ไม่มีความกระทบกระทั่งในใจ • ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่ o 6. รูปราคะ - ไม่มีความติดใจในวัตถุหรือรูปฌาน o 7. อรูปราคะ - ไม่มีความติดใจในอรูปฌานหรือความพอใจในนามธรรมทั้งหลาย o 8. มานะ - หมดความยึดมั่นถือมั่น o 9. อุทธัจจะ - ไม่มีความฟุ้งซ่าน o 10. อวิชชา - ไม่มีความไม่รู้ พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้ พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 ให้เบาบางลงด้วย พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อต้นได้หมด พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ ที่มา   http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C ขอโทษด้วยนะครับที่ผมไม่ได้โพสต์ข้อมูลไว้อย่างครบถ้วน จากคุณ : t_nine เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 16:55:47

ความคิดเห็นที่ 11 การบรรลุพุทธ เป็นไปได้โดยธรรมชาติ ของปัจจัยสัมพันธ์ กับชีวิตนั้น อธิบายได้ โดยการบรรลุ พุทธ ของ นางนาคราชบุตรี นางนาคราชนั้นเป็นตัวแทนของ  เด็ก  ผู้หญิง และ  สัตว์เดรัจฉาน ก็สามารถ บรรลุพุทธได้ ในพิธีกรรม แห่งเขาคิชกูฏ ข้อความนี้อยู่ในพระ สัทธรรมปุณฑริกสูตร. แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 53 17:47:06 จากคุณ : boon-m1 เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 17:46:28

ความคิดเห็นที่ 12 เหตุปัจจัยแห่งการบรรลุธรรมคึอปัญญา ผู้ที่สั่งสมอบรมเจริญปัญญามาดี เมื่อถึงพร้อมก็รวดเดียวเวียน 4รอบจบเลย ไม่มีเว้นวรรค แต่ก็ต้องเรียงตามลำดับไม่ข้ามขั้น สมัยพุทธกาลเยอะเลย ถ้ายังไม่ถึงพร้อม ก็อาจต้องค่อยเป็นค่อยไป เว้นวรรคบ้าง แต่สำคัญที่สุดคือ สภาวะของพระโสดาบัน เรียกได้ว่าปลอดภัยแล้ว เป็นผู้ไม่เวียนกลับมาอีกแล้ว แต่จะหลุดไปได้เมื่อไหร่ต้องแล้วแต่ปัญญา จากคุณ : ขี้ผง... เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 02:33:20

ความคิดเห็นที่ 13 ถามเรื่องระดับของการบรรลุธรรมในหนึ่งภพชาติครับ       อยากทราบเรื่องระดับขั้นของการบรรลุธรรมครับ  เพราะเคยได้ยินมาว่าบุคคลที่บรรลุธรรมระดับขั้นโสดาบันขึ้นไป จะเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ  แล้วในกรณีที่มีผู้บรรลุโสดาบันหากมีความเพียรในการเจริญสมาธิวิปัสนากรรมฐานจะสามารถเลื่อนระดับสู่ขั้นที่สูงกว่าคือ สกิทาคามี ในชาตินี้ได้เลยหรือไม่ อีกอย่างคือการบรรลุธรรมนั้นต้องเริ่มต้นด้วยโสดาบันก่อนจะก้าวขึ้นสู่สกิทาคามี   อนาคามี และอรหันต์เสมอไปหรือไม่    หรือว่าสามารถบรรลุธรรมขั้นที่สูงกว่าได้ในครั้งแรกโดยไม่ผ่านโสดาบันทั้งในชาตินี้ และชาติที่แล้ว   รบกวนท่านผู้รู้ช่วยแนะนำให้ัหน่อยนะครับ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ตอบ คนสงสัย ในกรณีที่มีผู้บรรลุโสดาบันหากมีความเพียรในการเจริญสมาธิวิปัสนากรรมฐานจะสามารถเลื่อนระดับสู่ขั้นที่สูงอย่าว่าแต่ สกิทาคามี ในชาตินี้ถ้าไม่ละความเพียรละสังโยชน์เบื้องสูงเสียก่อน การบรรลุธรรมอันเป็นการจบกิจในบวรพระพุทธศาสนานั้นต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่พึงสงสัย โสดาบันก่อนจะก้าวขึ้นสู่สกิทาคามี  อนาคามี และ อรหันต์เสมอไปหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่จำเป็น     สามารถบรรลุธรรมขั้นที่สูงกว่าได้ในครั้งแรกโดยไม่ผ่านโสดาบันทั้งในชาตินี้ และชาติที่แล้ว  ได้เคยมีเกิดชึ้นมาแล้ว บางคนไม่ต้องใช้ความเพียรมาก แต่มีปัญญามากฟังแล้วกระทำกิจให้จบในขณะฟัง ดังมีตัวอย่างพระอริยเจ้าดังสมัยพุทธกาล ผมจะไม่พูดให้มากไป การที่ท่านสำเร็จเร็วพลัน เป็นแต่ท่านเจริญมามากแล้ว ทำมามากแล้ว จวนเจียนจะบรรลุธรรม แต่มาตายกลางคัน พอมาเกิดใหม่ในชาติปัจจุบัน ไม่ลืมนิสัยเก่า จึงมาสานต่อจากของเก่าที่มีอยู่ทำอย่างต่อเนื่องจนบรรลุธรรมได้อย่างเร็วพลัน ดังเช่นพระอริยเจ้าพระพาหิยะทันทีที่ได้ฟังว่า พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นแล้วเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 10:28:33 จากคุณ : ดาญาณ เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 10:23:47

ความคิดเห็นที่ 14 การบรรลุธรรมนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตามขั้นเลยครับ ตั้งแต่ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามีและพระอรหันต์ แต่บางคนผู้มีอินทรีย์แก่กล้าจะบรรลุธรรมทีเดียวหลายขั้นเลยก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องบรรลุโสดาบันก่อนแล้วขึ้นไปตามลำดับ เช่นผู้ที่ได้บรรลุธรรมโสดาบันและสกทาคามีในคราวเดียวกัน แต่ไม่ใช่พร้อมกันนะครับ วิถิจิตที่เกิดขึ้นของมัคคจิตในโสดาปัตติมรรคเกิดขึ้นแล้ว วิถึจิตของสกทาคามิมรรคเกิดติดต่อกัน ซึ่งมันจะเร็วมาก จนเราอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ แต่เราก็สามารถรู้ได้จากการพิจารณากิเลสที่ละ กิเลสที่เหลือ เพราะทั้งโสดาปัตติมัคคจิตและสกทาคามิมรรคนั้นต่างก็ประหานกิเลสไปกล่าวคือ โสดาปัตติมรรคจะประหาน วิจิกิจฉา(ความลังเลสงสัย) และทิฐิคือความเห็นผิดลงได้อย่างเด็ดขาดเรียก "สมุจเฉทประหาน" ส่วน สกาทาคามิมรรคนั้นทำให้กิเลสเบาบางลง เรียก "ตนุกรประหาน'     เพราะฉะนั้นอย่างพระพาหิยะนั้น ฟังธรรมคราวเดียวก็สามารถบรรลุพระอรหันต์เลย แต่ณ.ขณะที่ฟังนั้น มัคควิถีของธรรมต่างๆตั้งแต่โสดาจนถึงอรหัตตมรรคจะเกิดติดต่อกันอย่างรวดเร็วภายในชั่ววินาทีแต่ก็เป็นไปตามลำดับ จากคุณ : ธรรมจักษุ (ธรรมจักษุ) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 13:08:07

ความคิดเห็นที่ 15 อาการตอนตัดสังโยชน์เป็นอย่างไร จากคุณ : 5tik (5tik) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 14:06:55

ความคิดเห็นที่ 16 ผมอยากรู้เหมือนกันเพราะยังตัดสังโยชน์อะไรไม่ได้เลย จากคุณ : ธรรมจักษุ เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 14:22:58

ความคิดเห็นที่ 17 เราเข้าไปตัดสังโยชน์เองไม่ได้หรอกครับ  ถ้าเรามัวแต่จะเข้าไปตัดมันก็จะกลายเป็นการแทรกแซงมัน ทำไม่ได้ครับเพราะมันเป็นอนัตตา ทิ้งมันไปเลยครับ อย่าไปคิดที่จะเอา อะไรอะไรก็ไม่ต้องไปเอา สติก็ไม่เอา ปัญญาก็ไม่เอา สภาวะธรรมใดๆก็ไม่เอา มันถึงจะหลุดพ้นได้ ถ้ายังเอาอยู่มันก็ยังไม่หลุดซะที จากคุณ : LiuBang เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 15:09:36

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบพระคุณทุกท่านมากครับ  ได้ความรู้เยอะัเลยครับ สำหรับคุณ   LiuBang   ตอนนี้ผมเข้าใจเลยครับว่าสิ่งที่สำคัญนั้นนั้นคือการเจริญสมาธิวิปัสนาเป็นหลัก หาใช่การมุ่งเน้นที่จะตัดสังโยชน์เพียงอย่างเดียว เพราะหากเราปฏับัติวิปัสนาถึงจุดที่ปัญญาเกิด  จิตของเราจะตัดสังโยชน์เองโดยอัตโนมัติคิดว่าคงเข้าใจถูกนะครับ ขอบพระคุณมาก แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 17:03:11 จากคุณ : t_nine เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 17:02:36