Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กรรมทันตา อธิษฐานหนีกรรม  

อธิษฐานหนีกรรม

บางครั้งคนเรา เมื่อถึงคราวอับจน
มองไปไม่เห็นทางออก หมดทางต่อสู้
กับคำว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็ดูจะพึ่งไม่ไหว
ทางสุดท้าย ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากฟ้าดิน
โดยต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง..............
ซึ่งบางครั้ง ท่านก็รับเดิมพันเหมือนกัน.

ผมเอง ตั้งแต่ก่อนเรียนจบ เมื่อปี 2525
ปีสุดท้าย ได้ไปซื้อรถคันเล็กๆ จากเต็นท์รถแห่งหนึ่ง
ซื้อผ่อน จากนั้นก็เอาไปใช้ เรียนไป หัดค้าขายไป
โดยไปรับขนมฝรั่ง ประเภทคัพเค็ก แล้วไปส่งขายตามร้าน
กำไรไม่เลว สนุกดี
แต่รถเจ้ากรรมเอ้ย....ซ่อมตลอด ได้มาเท่าไหร่ ซ่อมรถหมด

พอเรียนจบ ทนไม่ไหวขับรถไปคืนที่เต็นท์
บอกเอาไปเหอะไม่ต้องมายึด
เถ้าแก่ก็เลยชวนให้ทำงานที่เต็นท์ซะเลย
ที่นี่มีหุ้นส่วน 2 คน
เถ้าแก่ใหญ่ ชื่อ เฮียเฮง จะสอนว่า
.........คนเราต้องขยัน ทำอย่างไรก็ได้ ให้ขายได้
ให้กำไรมากที่สุด จะโกหกพกลมยังไงก็ได้
ในโลกนี้มีแต่คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่ได้............

ส่วนหุ้นส่วนเล็กอีกคน ชื่อพี่เจริญ จะสอนเสมอว่า
............คนเราต้องขยัน มีสัจจะ อดทน ตรงต่อเวลา
ถ้าเราเป็นคนดี ทุกอย่างจะดีเอง.............

ได้ผมดันไปเชื่อเฮียเฮง เพราะแกรวยกว่า
ต่อมาไม่นาน หุ้นส่วนก็แตกคอกัน พี่เจริญถอนตัวไป

ตอนนั้นผมเป็นวัยรุ่น ไฟแรง อยากรวย อยากเด่น อยากเอาชนะ
เฮียเฮงก็สอนวิชาการชั่วสารพัดทุกอย่างให้ผม
ทั้งการดูคน ดูรถ ย้อมแมว ปลิ้นปล้อน
วิธีการขายแบบสารพัดชั่ว ผมก็ดีมาก รับมาหมด
เวลาผ่านไปหลายปี ผมยังได้พัฒนาความกะล่อน หลอกลวง
ให้มากขึ้นอีกหลายเท่า โกหกได้แนบเนียน ออกแนว 19 มงกุฏ
ด้วยความที่อยากเอาชนะ ผมจึงพยายามขายรถให้ได้มากกว่าคนอื่น
ขายรถที่คนอื่นขายไม่ได้ พวกรถที่มีปัญหา ย้อมแมว......ต้องผม

เฮียเฮงก็มองเห็นความสามารถของผม จึงพัฒนาขึ้น
มีการเอารถย้อมแมว มาขายมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยมีผมเป็นมือขวา
รถชน รถคว่ำ รถหงาย รถแท๊กซี่ถอดป้าย สารพัด ขายได้หมด
รถเบนซ์ 500 ของเสี่ยจิว ยังเกือบได้ขาย ผมไปยืนนับดู
รูกระสุน 100 กว่านัด ตำรวจเพื่อนเฮียเฮงก็ตายคู่กันในรถคันนี้ด้วย

ผมทำงานให้เฮียแกเกือบ 10 ปี ก็แยกตัวออกมาทำเอง
เพราะระยะหลังแกเล่นไปร่วมงานกับแก็งค์ขโมยรถ
เอารถสวมทะเบียนมาให้ผมขาย และเรื่องกึ่งคุกตะรางอีกหลายเรื่อง
โดยให้ผมออกหน้า แกเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง

ถึงผมแยกตัวมาแล้ว ก็ยังขายรถในแนวเดิม เลวเหมือนเดิม
แต่.....เงินทองที่ได้มามาก....ก....ก็หมดไปมาก....ก
อย่างที่เขาว่า เงินมันร้อน
ขนาดผมเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวผู้หญิง
แต่ผมใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
ประกอบกับกู้เงินนอกระบบเยอะ ดอกแพง
ทำเท่าไรก็หมดไป เหมือนมันละลายหายเกลี้ยง
เหลือไว้แต่หนี้สิน

จำได้ว่าประมาณ ปี 2538 เกิดมีน้ำท่วมใหญ่
อู่ที่ผมซ่อม ย้อมแมวรถ อยู่ที่สวนผักตลิ่งชัน
น้ำมันท่วมสูงขึ้นเรื่อย ๆ  เอากระสอบทรายกันไว้ก็ไม่อยู่
สุดท้าย ทั้งอู่น้ำท่วมสูงเกือบถึงหลังคารถ
รถแพงๆ อยู่ในนั้นหมดเลย เอาออกไม่ได้เลย
ผมหมดตัว มีแต่หนี้สินล้านกว่าบาท

เลยต้องหลบไปเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ที่ปากเกร็ด
ตอนนั้นเซ็งมาก กลัดกลุ้ม หงุดหงิดสารพัด
คนเคยทำงาน เคยมีเต็นท์รถ แล้วต้องมาขายของชำ มันเบื่อ
บังเอิญวันหนึ่ง ได้ไปซื้อหนังสือนิยายอ่านโดยไม่ตั้งใจ
เป็นเรื่อง “ จิตา ” ของคุณ ทมยันตี
หนังสือเล่มนี้แปลกดี อ่านแล้วเย็นลง ความหงุดหงิด ร้อนรน
มันหายไปหมด อยากให้ทุกท่านลองไปหาอ่านดูนะครับ......

หลังจากอ่านจบหลายรอบแล้ว รู้สึกอยากจะกลับตัวเป็นคนดีบ้าง
แต่ยังทำไม่ได้ หนี้สินมันจ่อคออยู่
ช่วงนั้นยังติดต่อไปหาเฮียเฮงอยู่เสมอ เพราะยังเป็นหนี้แกหลายแสน
เฮียแกก็ทวงอยู่เรื่อย เรียกไปใช้งานเดิมๆ อยู่บ่อยๆ
ที่แย่มากที่สุด คือให้ขายรถที่ขโมยมาสวมทะเบียน
ผมก็กลัวคุกด้วย กลัวโดนเก็บ ห่วงลูกเมียด้วย
บางครั้งยังอยากฆ่าตัวตายซะให้หมดเรื่องไป แต่สงสารเมีย
เพราะหนี้ของผมเป็นหนี้นอกระบบ ไม่จบง่าย ๆ ตายก็ไม่จบ.....

อีกไม่กี่วันต่อมา ข้าง ๆ บ้าน มีการทำบุญบ้าน
แขกที่มามีคนหนึ่งเป็นร่างทรง แต่เป็นผู้หญิงชื่อ คุณติ๋ว
ปรกติจะอยู่ที่บางระกำ พิษณุโลก
แฟนผมได้ไปช่วยงาน และได้คุยกับคุณติ๋ว เรื่องปัญหาต่างๆ
คุณติ๋วได้เรียกผมไปคุย และแนะนำว่า
..........ถ้าอยากเป็นคนดี แต่ไม่มีหนทาง
น่าจะลองขอต่อฟ้าดินทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน
.....แต่มีข้อแม้นะ คือ ต้องมีเครื่องแลกเปลี่ยน
ให้ไปนึกดูจะเอาอะไรเป็นแลกกับเค้า
......ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าเกิดทำตามสัญญาไม่ได้ เค้าเอาตาย...ย...ย
คิดดูให้ถี่ท้วนก่อน ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ อย่าใช้วิธีนี้....โดยเด็ดขาด.......

ผมมานอนคิด ๆ ดูแล้ว ไม่มีทางออกจนหนทาง
ถูกทวงหนี้ตลอด ถูกตามไปทำชั่วเพิ่มขึ้น ๆ
บ้านที่ซื้อไว้เก็งกำไร ก็ทำท่าจะผ่อนไม่รอด
ไอ้เราก็กะล่อนมาตลอด โกหกหลอกลวงมาสารพัด
ผมอายลูก อายเมีย ดูกระจกก็อายตัวเอง
ใส่บาตรทำบุญก็อายพระ ทำสังฆทานก็อายเวลารับศีล
ผมเหนื่อยกับการทำชั่วแล้วหละ

ดึกคืนหนึ่ง ผมตัดสินใจ ออกไปยืนที่ดาดฟ้าบ้านไม่มีหลังคา
ถือซะว่าเป็นกลางแจ้ง แล้วจุดธูป 16 ดอก
บอกกล่าว อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน
ตั้งใจอธิษฐานว่า
…..ขอให้ข้าพเจ้าได้หลุดพ้นวังวนแห่งความชั่วร้ายต่าง ๆ
ขอให้ได้เป็นคนดี มีอาชีพสุจริต ขอให้หมดหนี้สินทั้งหลายด้วยเถิด
สิ่งที่ลูกจะขอแลกเปลี่ยน คือต่อไปนี้จะไม่โกหกหลอกลวง
จะตั้งใจทำทุกอย่างที่คิดว่าดี จะทำความดีเท่าที่ทำได้
จะปฏิบัติศีลห้าไปจนกว่าจะตาย............
แล้วปักธูปลงไป
ขณะที่ปักธูปลงไป รู้สึกได้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรามันเงียบสงบ
เงียบงัน นิ่งสนิท เหมือนมีใครมองจ้องเรา เงี่ยหูฟังเราอย่างจดจ่อ
พอปล่อยมือจากธูป ขนลุกซู่ถึงกลางหัวเลย

จากวันนั้นมาอีก ไม่ถึงอาทิตย์ เฮียเฮงก็เรียกผมไปด่า...ด่า...ด่า
แล้วไล่ออก ไม่ให้เข้ามาข้องแวะที่เต็นท์อีก หนี้สินที่มีให้มาใช้ในทีหลัง
อยู่ๆ แกก็รู้สึกเกลียดขี้หน้าผมอย่างแรง..........
เจ้าหนี้อีกรายใหญ่อีกราย ก็เรียกไปพบ
แล้วบังคับให้ผมโอนบ้านที่ซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรมาให้แก
เพราะดูแล้วผมคงไปไม่รอด แกจะเอาไว้ขายเอง
จากนั้นก็ให้เมียแกไปปิดบัญชีโอนในวันรุ่งขึ้น
ผมเลยหมดหนี้จากธนาคาร 3 ล้านกว่า ผ่อนเดือนละเกือบ 30,000
ซึ่งทุกวันนี้ ทราบว่ายังขายไม่ได้เลย..............

สรุปแล้วอยู่ดี ๆ ผมก็หมดตัว แต่แทบจะหมดหนี้สิน
หมดพันธะกับโจร เรื่องชั่ว ๆ ไม่ต้องการผมแล้ว

จากนั้นมาผมก็นอนอ่านนิยายธรรมะ ของคุณทมยันตีอีกหลายเล่ม
จนเบื่อเลยไปเดินเล่นที่วัดชลประทาน
จำได้ว่าเป็นตอนประมาณ 5-6 โมงเย็น
ที่วัดเงียบสงบมาก คงเย็นแล้วเลยไม่มีคน
ผมเดินเลยไปเรื่อยจนเจอกุฏิหลวงพ่อปัญญาฯ
ในใจอยากเจอท่านเลยเข้าไปใกล้ๆ เจอคนยืนอยู่
ผมถามว่า หลวงพ่ออยู่มั้ยครับ
เขาบอกอยู่เข้าไปสิ
ผมได้เข้าไปกราบท่านในกุฏิ
ท่านยิ้ม ๆ
ผมบอกว่า อยากตาย เบื่อตัวเอง รู้สึกตัวเองเลวมาก
ท่านถามว่าทำไมล่ะ
ผมบอกท่านว่า มีอาชีพขายรถเก่า แต่ต้องโกหกตลอด
ท่านถามว่า ไม่โกหกไม่ได้เหรอ
ผมบอก ถ้าไม่โกหกก็ขายไม่ได้ครับ
ท่านว่า แล้วเราถนัดอะไรล่ะ
ผมนึกดูแล้วว่า ก็ถนัดขายรถนี่แหละครับ ทำมาตั้ง 10 กว่าปี
ท่านก็ว่า งั้นก็ไปขายรถ แต่ไม่ต้องโกหก
ผมก็ถามว่า แล้วมันจะขายได้เหรอครับ
ท่านบอก ได้สิ
แล้วท่านก็ไม่พูดอะไรอีก ยิ้ม ๆ อย่างเดียว
ผมก็ก้มลงกราบ จับปลายจีวรท่าน แล้วออกมา

ผมมานอนคิด ๆ ว่าเราจะขายรถแบบไหนที่ไม่ต้องโกหกวะ
เงินทุนก็ไม่มีสักบาท มีแต่หนี้
นึกไปนึกมา เราไปขายรถใหม่ดีกว่า ไม่ต้องลงทุน ไปเป็นเซลส์ก็ได้
อีก 2 วันไปสมัครงานที่โชว์รูมรถเบนซ์ ถนนแจ้งวัฒนะ
ผู้จัดการมองผมแบบเหยียดๆ อาจจะเห็นอายุมาก ตอนนั้น 35
แล้วถามว่า คุณดื่มเหล้ามั้ย
ผมบอก ดื่มไม่เป็น
แล้วเที่ยวกลางคืนมั้ย
ผมบอกไม่ชอบ ผมขี้ง่วง แถมแพ้กลิ่นบุหรี่
เขาบอกว่า ถ้าอย่างนั้น ผมมาเป็นเซลส์ขายเบนซ์ไม่ได้
ผมถามว่าทำไมล่ะ
เขาอธิบายว่า ลูกค้ากลุ่มของเขาเป็นพวกนักเที่ยว
ต้องไปหาลูกค้าที่ผับหรูๆ
ผมเลยเดินคอตกออกมายืนมองเข้าไปจากหน้าโชว์รูม
ผมเห็นเซลส์ของเขา แต่งตัวดีมากของแพงทั้งนั้น
ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คาบบุหรี่ทุกคน นุ่งสั้น นั่งอ้าอีกต่างหาก
ในใจนึก มันบ้าหรือเปล่าวะ โชว์รูมหรือซ่องกันแน่

ตอนหลังไปสมัครเป็นเซลส์นิสสัน โดนให้ไปประจำที่อ้อมน้อย
โชว์รูมเล็กๆ สกปรกมาก ทุกคนเห็นผมมาหัดขายตอนแก่ มีแต่คนดูถูก
แต่ผมตั้งใจอย่างแรงที่จะไม่โกหก ทุกคนหัวเราะเยาะผมเรื่องนี้มาก
แต่ประหลาดมาก ผมขายได้ มีคอมมิชชั่นคันละ 2,000 บาท
เมื่อก่อนผมขายรถกำไร คันละ 10,000-100,000
เงินไม่เคยเหลือ เหลือแต่หนี้สินเป็นล้าน…..
แต่ขายรถใหม่โดยไม่โกหก ได้คันละ 2,000
ผมมีเงินเหลือกิน มีเงินใช้จ่ายตามอัตภาพ
อยู่อ้อมน้อย 1 ปี ผมเป็น ท๊อปเซลส์ ดูแลโชว์รูมทั้งหมด

ที่สยามกลการใหญ่ ชวนผมไปเป็นเซลส์ที่พระประแดง
ผมถามว่าถ้าอยากเป็นผู้จัดการต้องทำอย่างไร
เค้าหัวเราะ บอกต้องอยู่มาอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป
ผมทำอยู่ 3 ปี หมดหนี้ และได้ขึ้นเป็นผู้จัดการ
อีก 1 ปีกว่า ได้ขี้นจากโชว์รูมเล็ก ไปเป็นผู้จัดการโชว์รูมใหญ่
อยู่ที่หนองแขม โดยไม่ต้องไต่จากโชว์รูมขนาดกลาง
ผมเคยขายครั้งเดียว ได้ 200 คัน ให้กับ ซี.พี.
แต่น่าเสียดายส่งรถได้แค่ 100 คันเท่านั้น ผลิตให้ผมไม่ทัน
ขายทุกคัน ทุกครั้ง ผมไม่โกหกลูกค้าเลยครับ ลูกน้องผมทุกคนรู้ดี
ลองเช็คดูได้....อ้อ ผมชื่อเดิม ชื่อ สมพล นะครับ
ถ้าไปถามชื่อใหม่ไม่มีใครรู้จัก ผมลาออกมาตั้งแต่ปี  45 แล้ว

ที่เล่ามาก็เพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่คิดว่า หมดหวัง จนหนทาง
ขอให้ตั้งจิต รักษาศีล ผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มองเราอยู่
ที่สำคัญ...........คุณ กล้าเดิมพัน มั๊ย.............

อนณ 089-995-9377

จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:30:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com