 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
เมื่อพระเจ้ามิลินท์เสด็จเข้าไปถึงพระนาคเสน ทรงปราศรัยพระเถรเจ้า
แล้วจึงมีพระราชดำรัสว่า ข้าพเจ้ามีความประสงค์จะพูดด้วยเธอ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ขอพระองค์จงตรัสมาเถิด
อาตมภาพก็ใคร่จะฟังอยู่
ม. ข้าพเจ้าพูดแล้ว เธอฟังเอาเถิด
น. อาตมาภาพฟังแล้ว พระองค์ตรัสมาเถิด
ม. เธอฟังได้ยินว่ากระไร
น. พระองค์ตรัสมาว่ากระไร
ม. ก็ข้าพเจ้าได้ถามเธอแล้ว
น. อาตมาภาพก็ได้ถวายวิสัชนาแล้ว
ม. เธอวิสัชนามาว่ากระไร
น. พระองค์ตรัสถามว่ากระไร
เมื่อต่างฝ่ายต่างลองดูไหวพริบแห่งกันและกันอยู่ฉะนี้ ประชาชนชาว
โยนกก็พากันซ้องสาธุการถวายพระนาคเสน แล้วกราบทูลพระเจ้ามิลินท์ว่า
ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์จงตรัสถามปัญหาในทันทีนี้เถิด
จึงพระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระผู้เป็นเจ้าธรรมดาผู้ที่จะพูดกัน
ถ้าไม่รู้จักชื่อและสกุลก่อนแล้ว จะพูดกันอย่างไร เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอ
ทราบว่าเธอชื่อไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ชื่อของอาตมาภาพเพื่อนพรหมจารีเรียกว่า
นาคเสน แต่โยมทั้ง ๒ เรียกนาคเสนบ้าง วีรเสนบ้าง สุรเสนบ้าง สีหเสนบ้าง
ขอถวายพระพร อันคำชื่อเหล่านี้เป็นคำที่ตั้งขึ้นไว้สำหรับร้องเรียกกัน
เท่านั้น หามีตัวบุคคลที่จะพึงค้นได้ในชื่อนั้นไม่
ทันใดนั้นแล พระเจ้ามิลินท์ได้ตรัสประกาศกะบริษัทว่า
ท่านทั้งหลายจงเป็นพยานช่วยกันจำคำพระนาคเสนไว้ แล้วตรัสกะ
พระเถระว่า ดูกรพระนาคเสน ถ้าว่าคนเราไม่มีตัวตนจริงเช่นเธอว่านั้น
ก็ใคร่เล่าถวายบาตรจีวรแก่เธอ ใครเป็นผู้ใช้สอยบาตรจีวรนั้น และหากว่า
ใครฆ่าเธอ ก็คงจะไม่บาป, แล้วตรัสซักไซ้ต่อไปว่า ก็ที่เธอแสดงชื่อว่า
นาคเสนนั้น อะไรเล่าเป็นนาคเสน ผมหรือเป็นนาคเสนเมื่อพระเถระทูล
ตอบว่า มิใช่ ก็ตรัสถามต่อไปจนครบอาการ ๓๒ ทรงไล่เลียงไปแต่ละ
อย่างๆ ว่า เป็นนาคเสนหรือ พระเถรเจ้าก็ทูลตอบว่า มิใช่ จึงตรัสไล่
รวมกันว่า หรือทั้ง ๕ ขันธ์เป็นนาคเสน หรือนาคเสนมีนอกออกไปจาก
ขันธ์ทั้ง ๕ นั้น พระเถรเจ้าก็ทูลตอบว่า มิใช่ๆ ทุกข้อ
พระเจ้ามิลินท์เห็นเป็นที จึงตรัสเย้ยว่า ข้าพเจ้าถามไล่เลียงเธอ ก็ไม่พบ
ว่า อะไรเป็นนาคเสน เธอพูดเหลวไหล ไม่มีส่วนที่เป็นนาคเสนสักหน่อย
ก่อนที่พระเจ้าเถรเจ้าจะถวายวิสัชนาแก้ปัญหานั้น ได้ทูลบรรยายเป็น
ฐานปราศรัย เพื่ออ้อมหาช่องให้พระเจ้ามิลินท์ตรัสเป็นทีเสียก่อนว่า
พระองค์เป็นกษัตริย์สุขุมาลชาติ เสด็จออกจากพระนครมาเวลาเที่ยง
กรวดทรายตามทางกำลังร้อนจัด ถ้าทรงดำเนินมา พระบาทคงจะพอง
พระราชหฤทัยคงจะอ่อนเพลียเป็นแน่
ขอถวายพระพร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาด้วยพระบาทหรือ
ด้วยราชพาหนะ จึงพระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า ข้าพเจ้าก็มาด้วยรถสิเธอ
พระนาคเสนเถรเจ้าเห็นได้ทีจึงทูลถามว่า ถ้าพระองค์เสด็จมาด้วยรถ
ขอพระองค์ได้ตรัสบอกกะอาตมภาพว่า อะไรเป็นรถ งอนหรือเป็นรถ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า มิใช่ พระเถรเจ้าจึงทูลถามต่อไปว่า หรือ
เครื่องอุปกรณ์อย่างอื่น เช่นเพลาล้อแอกแต่ละอย่างๆ เป็นรถ พระเจ้า
มิลินท์ก็ตรัสตอบว่า มิใช่ พระเถรเจ้าจึงถามอีกว่า หรือเครื่องอุปกรณ์
เหล่านั้นทั้งหมดเป็นรถ หรือว่ารถมีนอกออกไปจากเครื่องอุปกรณ์เหล่านั้น,
พระเจ้ามิลินท์ก็ตรัสตอบว่ามิใช่ๆ พระเถรเจ้าจึงทูลเย้ยว่า
อาตมาภาพทูลถามพระองค์ ก็ไม่พบว่าอะไรเป็นรถ พระองค์
ตรัสไม่สมกับพระดำรัสเบื้องต้น
ขณะนั้นเหล่าประชาชนชาวโยนกต่างก็ซ้องสาธุการถวายพระนาคเสน
แล้วกราบทูลพระเจ้ามิลินท์ว่า
ข้าแต่พระมหาราชเจ้าขอพระองค์จงตรัสแก้เสียบัดนี้เถิด
พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำว่ารถซึ่งข้าพเจ้า
ตอบเธอในเบื้องต้นนั้น เหตุอาศัยทั้งงอนทั้งเพลาเป็นต้น รวมกันเข้า
จึงมีชื่อเรียกเช่นนั้น
พระเถรเจ้าจึงทูลว่า พระองค์ตรัสถูกแล้ว
ขอถวายพระพร แม้คำว่านาคเสนซึ่งเป็นชื่อของอาตมภาพก็เช่นนั้น
เหมือนกัน อาศัยทั้งผมทั้งขนเป็นต้น อาศัยทั้งรูปทั้งนามประชุมกันเข้า
จึงมีคำชื่อนี้ขึ้น แต่ว่าเมื่อพูดโดยปรมัตถ์แล้ว ก็หามีตัวบุคคลที่จะพึงค้น
ได้ในชื่อนั้นไม่
เมื่อพระเถรเจ้าถวายวิสัชนาแก้ปัญหาฉะนี้แล้ว พระเจ้ามิลินท์ก็
ตรัสชมเชยว่า น่าฟัง ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินได้ฟังเช่นนี้เลย เธอวิสัชนา
ปัญหาไพเราะจริง ถ้าว่าพระพุทธเจ้ายังเสด็จดำรงพระชนม์อยู่ ก็คง
จะประทานสาธุการเป็นแน่
จบนามปัญหา
ที่มาhttp://www.luangphor.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=404441&Ntype=1
จากคุณ |
:
Mr.Terran
|
เขียนเมื่อ |
:
5 ต.ค. 53 10:56:17
|
|
|
|
 |