ความคิดเห็นที่ 1 ตอนผมบวชไม่มีการให้พรหลังใส่บาตร ใส่เสร็จแล้วก็เดินออกไปเลย โยมก็นั่งไหว้ไป เพราะพระจะมาให้พรที่วัด... ซึ่งมันเป็นต่างจังหวัดนะ ท่านเจ้าอาวาสให้ทำกันอย่างนี้ ท่านก็มีเหตุผลนะ แต่อย่ารู้เลย 555 จะว่าไปแล้ว สิ่งที่เรียกว่าพรเนี่ยมันคืออะไรกันแน่ ถ้าคำแปลทั่วไปก็ให้มีธรรมสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปราศจากความชั่วร้าย ไม่มีโรคฯลฯ ก็ว่ากันไป พระแสดงธรรมเราก็ต้องยืนเหรอ.. น่าจะใช่นะตามพระวินัย ถ้าโยมนั่ง... พระก็ไม่แสดงธรรมไง พระบอกได้ว่าอะไรจะอาบัติไม่อาบัติ แต่ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่พระ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 11:11:34

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าส่วนตัว ผมใส่บาตรเสร็จแล้วก็จะนั่งไหว้ท่าน แล้วก็ลุกไปเลย พระคุณเจ้าบางรูปบอกว่า "เดี๋ยวๆ โยม รับพรก่อน"   ผมเลยบอกท่านไปว่า "ไม่เป็นไรครับท่าน เพราะผมมีปกติไหว้กราบ มีปกติอ่อนน้อมผู้ใหญ่เป็นนิตย์ เลยสมบูรณ์พร้อมด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ อยู่แล้ว" พระคุณเจ้าท่านก็ยืนงงๆอยู่พักนึงแล้วเดินบิณฑบาตต่อไป จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 11:29:23

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ดั้งเดิม พระท่านไม่ได้ให้พรหลังรับบาตร รับบาตรเสร็จแล้ว รอโยมไหว้กรา่บเสร็จ ก็หันกลับ จนถึงวัดแล้ว จึงค่อยถวายข้าวพระพุทธ พิจารณาการขบฉัน(ปฏิสังขาโย) ให้พร จนเมื่อไม่นานนี้เอง มีค่านิยมใหม่ที่ผิดๆ เริ่มมาจากในกรุงเทพ คือให้พรหลังรับบาตร จนแพร่กระจายไปทั่วประเทศ จนเดี๋ยวนี้ เคยเห็นญาติโยมทำหน้างงงง เวลาที่พระท่านไม่ได้ให้พร พระท่านก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร สมัยเราบวช เราก็เคยอธิบายให้โยมฟัง ว่าเป็นแบบนี้ๆนะ  โยมผู้ใหญ่คนหนึ่ง ก็บอกว่าท่านไม่ต้องพูดไปหรอก ว่าทำแบบนั้นๆผิด เดี๋ยวญาติโยมอื่นจะไปว่าพระรูปที่ให้พร(แสดงธรรม)เป็นภาษาบาลีเอาได้ เราก็เลยไม่ยุ่งต่อดีกว่า หลังจากนั้น เวลาโยมใส่บาตรเสร็จ ทำท่าจะนั่ง เราก็จะบอกโยมว่า ไม่ต้องนั่งหรอก ไม่ดีกับเข่า ถนอมเข่าไว้นานๆดีกว่า แค่ยืนค้อมหัวรับพรด้วยความเคารพพอ แล้วเราก็ว่าเพียง อายุ วรรโณ สุขัง พลัง ... เป็นการให้พร ไม่ได้แสดงธรรม วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องของพระ คือไม่ต้องให้พรเป็นภาษาบาลีตอนบิณฑบาต วิธีปฏิบัติของโยม คือแค่ยืนพนมมือค้อมหัวพอ เสริม แต่หากจะนั่ง ก็นั่งไป  ในเมื่อตอนใส่บาตรก็นั่ง นั่งด้วยความเคารพในพระสงฆ์  เพราะความผิดไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนใส่บาตร ความผิดอยู่ที่พระสงฆ์ผู้รับบาตร ท่านไม่ปฏิบัติไม่เคารพไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ในพระธรรมวินัยเอง การให้พรเป็นการแสดงธรรมหรือไม่ เราเห็นว่า การให้พรเป็นภาษาบาลียาวๆ เช่น ยะถา... , สัพพี...,อะภิวา..., ล้วนเป็นธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไว้ทั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 16:01:01 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 15:59:58 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 12:11:25 จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 12:09:29

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าดูจากพระวินัยหมวดนี้ รวม ๆ แล้วเป็นการแสดงออกซึ่งความไม่เคารพในการแสดงธรรม หากผู้ฟังมิได้มีความอ่อนน้อมต่อการแสดงธรรมแล้ว ย่อมไม่สมควรแสดงธรรม เช่น ไม่แสดงธรรมในขณะที่นั่งอาสนะต่ำกว่าผู้ฟังธรรม เช่น พระราชา เป็นต้น ไม่แสดงธรรมแก่คนที่เดินอยู่ด้านหน้าตน คือไม่แสดงธรรมขณะที่เดินตามหลังคนอื่น การนั่งในที่นี้ น่าจะหมายถึงการนั่งพักอยู่ คล้าย ๆ ที่เราบอกว่า ถ้าผู้ใหญ่มาต้องลุกจากเก้าอี้ต้อนรับ เป็นต้น คงไม่ได้หมายถึงการนั่งเพื่อแสดงการนอบน้อม ในท่าที่ไม่ใคร่จะถนัดนักเหมือนตอนรับพร ทั้งนี้พาหิยะมานพะผู้เร่งรีบมา ได้หมอบกราบลงต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วอ้อนวอนให้ทรงแสดงธรรม เพื่อเป็นการเคารพต่อธรรม และเพื่อให้พาหิยะมานพได้มีใจอ่อนน้อมต่อธรรม พระองค์จึงยัง ไม่ทรงแสดงธรรมก่อน ต่อเมื่อพาหิยะมานพอ้อนวอนถึง 3 ครั้ง พระองค์จึงแสดงธรรม ฉะนั้นคงต้องดูว่าการนั่งนั้นเป็นการนั่งแบบไหน ยกตัวอย่าง ผู้ใหญ่เดินมา เด็ก ๆ นั่งเก้าอี้อยู่ ไม่ลุกรับ ไม่เชิญให้นั่ง ก็เท่ากับว่าไม่เคารพ เช่นนี้แล้ว เหตุนี้แหละที่ไม่ควรแสดงธรรม จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 12:35:12

ความคิดเห็นที่ 5 ..เคยอ่านเจอ เห็นเช่นเดียวกับความเห็นที่3ค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 13:19:07 จากคุณ : จูออน07 เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 13:18:20

ความคิดเห็นที่ 6 พระบ้านผมเดินมาถึงที่ญาติโยมรอใส่บาตรก็หันหน้ากระดานพร้อมกันเปิดฝาบาตรให้ญาติโยมใส่บาตร ที่ละรูป ระหว่างที่ญาติโยมใส่บาตรก็ก้มหน้ามองบาตรตลอด ไม่มีพูดคุยกับโยมหรือยิ้มให้โยมรอจนโยมใส่ให้ครบทั้งหมดแล้ว ให้ญาติโยมนั่งลงไหว้ แล้วพระก็ขวาหันหรือซ้ายหัน พร้อมกันแล้วเดินต่อไป  อย่างไว แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 14:04:34 จากคุณ : PredatorNeverdie เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 14:02:12

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าพุทธบริษัทควรแสดงกิริยาอย่างไร ปกติเมื่อผมยืนใส่บาตรแล้ว  จะนั่งลงไหว้พระและรับพรพระด้วยท่านั่งมาตลอด แต่เมื่อเร็วๆ นี้  หลังจากที่ผมยืนใส่บาตรเสร็จและกำลังจะนั่งลงไหว้พระด้วยความเคยชิน พระรูปที่ผมใส่บาตรนั้น  ท่านรีบบอกผมว่าไม่ต้องนั่ง  ให้ยืนขึ้นรับพร ผมเลยลุกยืนตามคำบอกของท่าน  ท่านก็ให้พรตามปกติ  เสร็จแล้วท่านก็เดินจากไป ผมเองก็เลยสงสัยเหมือนกันว่าพุทธบริษัทควรจะแสดงกิริยาอย่างไรกันแน่ ขอบคุณ จขกท มากๆ เลยครับ  ที่ช่วยมาตั้งกระทู้ในเรื่องนี้ จากคุณ : paul_pipat เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 14:29:44

ความคิดเห็นที่ 8 สงบ สำรวม :) จากคุณ : DRENG เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 15:59:18

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ควรนั่ง โดยเฉพาะ ผู้หญิง -_- จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 16:44:56

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องนี้มีทั้ง "พระวินัย" และ "จารีตของแต่ละที่" หามาที่เชียงใหม่ พระไม่ให้พร โยมจะงง และทวง "พร" ทันทีครับ ขอนำเสนอเรื่องอื่น อันเป็นความจริงที่ควรนำมามองกัน อันนอกเหนือจากพระวินัยนะครับ (แม้ว่า จะดูขัดกับพระวินัย ในบางข้อ) 1. พระควรดูเรื่องเสียงให้พรด้วยว่า "ดังไป" หรือไม่  เคยได้ยินมาว่า คนในหมู่บ้านตะโกนบอกพระ เรื่องให้พรเสียงดังในเวลาเช้าตรู่ 2. พระหากจะให้พร ขอให้ระลึกว่า เป็นการ "ขอบคุณ" และ "อนุโมทนา (ชื่นชนยินดี)" สำหรับ การทำความดีของโยมที่ใส่บาตร  มากกว่า มองว่าตัวท่านเอง "เป็นผู้วิเศษ" ที่จะให้พร ให้ความขลัง ให้ความศักดิ์สิทธิ์กับใครเค้าได้  ไม่งั้นความวิปริตผิดเพี้ยน ก็จะบังเกิดขึ้นทั้ง โยมที่รับพร และ พระที่หลงไปในวิถีภาวนา 3. ให้พรสั้นหรือยาว  ดูคนใส่ด้วยนะครับ หากคนรับพร เป็นคนแก่ นั่งยองๆ หรือนั่งคุกเข่า เคยสังเกตไหมว่า โยมเค้าขาสั่น พั่บๆ เลย นั่นเป็นสิ่งที่พระท่านต้องดูด้วยว่า จะเลือกเช่นไร หากเลือกโยม ก็ให้พรสั้นๆ  เพื่อได้ไม่ต้องให้โยมลำบาก แต่หากเจอพระที่เชียงใหม่ บางองค์จะร่ายพร ตั้งแต่ บาลี จนเป็นภาษาไทย เรียกว่ารับพรครั้งเดียวคุ้ม (นานประมาณ1-2 นาที ได้ : )   ธรรมชาติของ โยมจะเข้าใจว่า การนั่งรับพร คือ การแสดงออกซึ่งความเคารพ ต่อพระ นี่คือ สิ่งที่พระต้องคิดว่า "จะทำเช่นไร" ให้ถูกวินัย และไม่ขัดต่อ ศรัทธาของโยม จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 17:45:02

ความคิดเห็นที่ 11 เพื่อตัดปัญหานี้ วัดที่ผมบวชจึงไม่มีการให้พรหลังใส่บาตร จากคุณ : นาย X-MAN เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 22:06:37

ความคิดเห็นที่ 12 เวลาพระให้จะย่อๆประมาณนี้ อะภิวา ทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง อยากถามว่าให้พรตรงไหน โปรดดูคำแปล ธรรมสี่ประการ คือ อายุ  วรรณะ  สุขะ พละ, ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปรกติไหว้กราบ,  มีปรกติอ่อนน้อม (ต่อผู้ใหญ่) เป็นนิตย์ ฯ ให้พรหรือเปล่าครับ หรือว่า "สอน" เราให้มีปรกติ อ่อนน้อมถ่อมตน เทียบจากข้างบน คือ พระห้ามแสดงธรรมขณะบิณฑบาตร เพราะฉะนั้น กล่าวถูกแล้วครับ หรือให้ว่า อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง เฉยๆ ก็เป็นวลีเฉยๆ ไม่ได้อวยพรแต่อย่างใด พูดแค่คำว่า อายุ ผิวพรรณ ความสุข และพลัง เป็นคำเฉยๆ ผมก็ไม่ถือว่าอวยพรนะ แต่ให้พรได้มั้ย ตอบว่า ได้ สมควรมั้ย ตอบว่า สมควร ให้ว่าอะไร ที่ถูกที่ควรคือพระจะภาวนาสั้นๆ ว่า  เอวัง โหตุ แปลว่า ขอเธอจงสมปรารถนาเถิด พระพุทเจ้าแต่ไหนแต่ไรมา  ประปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ต่างก็ให้พรเช่นนี้ทุกครั้ง ที่มีคนใส่บาตรให้พระองค์ท่าน โปรดลองหาอ่านในพระไตรปิฎก ส่วนบท ยะถาสัพพี ให้พร พระท่านจะอนุโมทนาหลังจากฉันภัตตาหารแล้ว ถ้ามีเจ้าภาพ ก็จะแสดงธรรมให้ฟังเพื่อเป้นการตอบแทนเจ้าภาพ หากลองแปลดู ก็เป็นคำสอนทั้งนั้น เพราะพระพุทธเจ้าให้ตอบแทนคนที่บำรุงพระด้วยปัจจัย 4 ด้วยธรรมทาน ในพุทธกาลคนถวายมักจะกล่าวอธิษฐานออกมาดังๆ พระท่านก็อวยพร แต่พระสมัยนี้ก็ไม่ทราบ บางทีไม่รู้เลยว่าแปลว่าอะไร เราๆก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ดีจังพระให้พรด้วย แม่ผมจะชอบมาก เพราะฉะนั้น ก่อนใส่บาตร อธิษฐานจิตดังๆ ก่อนใส่บาตร แล้วใส่ ถ้าพระท่านรู้ธรรมเนียม ก็จะอวยพรเช่นนี้เสมอ ถ้าเราอธิษฐานในใจ พระก็จะให้ในใจ แล้วเดินผ่านไป (ก็สมน้ำสมเนื้อดี) หลวงพ่อจรัญ สอนมาอย่างนี้สมัยบวช จำไม่เคยลืม ท่านจะให้ภาวนาว่าเอวังโหตุ ทุกครั้งที่มีคนใส่บาตร แต่เขาออกเสียงดังๆ ก็อวยพรให้เขาได้ยิน สรุป พระสามารถให้พรเป็นภาษาไทยไปเลย ว่า เอวัง โหตุ ขอเธอจงสมปรารถนาเถิด จึงไม่เป็นการผิดพระวินัย และโยมก็ได้พรสมใจ สมัยบวชผมเคยครับ ไปบิณฑบาตรแถวบ้่าน ก็ภาวนาในใจ คนก็ทวงพร ก็เลยพูดภาษาไทยแบบนี้ เขาก็สาธุ ดูเขาก็พอใจนะครับ ไม่ได้ งงๆ ว่า ให้พรสั้นไป แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 53 23:13:36 จากคุณ : are2000 เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 23:10:31

ความคิดเห็นที่ 13 พระไทยตั้งแต่โบร่ำโบราณ  หลวงปู่มั่น หลวงตา ฯลฯ  คงผิดวินัยอย่างไม่น่าให้อภัยกันหมดทั้งแผ่นดิน แย่แล้วพระไทย  ตั้งแต่ระดับสูงจนถึงระดับล่าง ผิดวินัยสงฆ์กันหมดแหล่วว ใช้หัวคิดบ้างประไร  ... จากคุณ : hollowpig เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 13:08:01