|
ตอบ คุณ นัยนะ เจ้าของกระทู้ 20 ธ.ค. 53 20:52:11 คำถามว่า เนื้อคู่ จะว่ามีจริงก็ได้ จะว่าไม่เคยมีก็ได้ ที่มีอาจมีมากกว่า 1 มันยังไงกันล่ะหนอ? ตอบว่า สรุปคำถามชัดๆ ดังนี้ว่า ถ้าเนื้อคู่มีจริง แล้วที่มากกว่า 1 ยังไงกันหนอ คือ อย่างไรกันหนอ คือ มีมากกว่า 1 ได้หรือไม่ แล้วเพราะเหตุใด? ขอตอบตามความหมายของพจนานุกรมคำว่า เนื้อคู่ น. ชายหญิงที่ถือกันว่าเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน, ชายหญิงที่สมเป็นคู่ครองกัน, คู่สร้าง หรือ คู่สร้างคู่สม ก็ว่า. http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?q=%E0%B9%D7%E9%CD%A4%D9%E8&select=1
ความหมายที่ 1 ชายหญิงที่ถือกันว่าเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน, ตอบว่า มี ตามชาดกชื่อว่าสาเกตชาดก ความหมายที่ 2 ชายหญิงที่สมเป็นคู่ครองกัน, ตอบว่า มี เช่นสมควรต่อกันในลักษณะใหญ่ๆ 4 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง หรือทั้งหมด คือ มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน ข้อนี้ ตามพระสูตร ชื่อว่าสมชีวิสูตรที่ ๑ และ ๒ ลักษณะทั้งสี่นี้ ก็เป็นเหตุให้ทั้งสองพึงหวังพบกันและกัน ทั้งในปัจจุบัน และในสัมปรายภพ. ความหมายที่ 3 คู่สร้าง หรือ คู่สร้างคู่สม ตอบว่า มี ข้อนี้ไม่ต้องยกพระสูตร เพราะเห็นๆ อยู่ว่า ชายหรือหญิงบางคนที่อยู่กับคนหนึ่งแล้ว ไม่ค่อยขยันทำมาหากิน สักเท่าไรเป็นต้น หรือพฤติกรรมเป็นอย่างหนึ่ง แต่พอไปอยู่กับอีกคนหนึ่ง กลับมีพฤติกรรมแตกต่างออกไป เช่น ขยันขันแข็ง ช่วยทำมาหากิน สร้างฐานะ ให้มั่นคงเป็นต้น ก็มีให้เห็นอยู่. - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
คำถามว่า มีมากกว่า 1 ได้หรือไม่ แล้วเพราะเหตุใด? ตอบว่า น่าจะมีได้ เพราะอยู่ร่วมกันมาในกาลก่อนร่วมกันมากกว่า 2 เป็นต้น. - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เหล่านี้ด้านบนเป็นคำตอบตามความหมายของคำว่า เนื้อคู่ ตามพจนานุกรม. http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?q=%E0%B9%D7%E9%CD%A4%D9%E8&select=1
ประกอบด้วยความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณ แต่คำว่า เนื้อคู่ ในความหมายอื่นๆ ตามลักษณะอื่นๆ บ้าง เช่น เนื้อเพลงว่า เนื้อคู่ ถึงอยู่แสนไกล ก็ไม่คลาดคลา หรือ เนื้อคู่ ในความหมายว่า จะซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป
เนื้อเพลงว่า เนื้อคู่ ถึงอยู่แสนไกล ก็ไม่คลาดคลา ลักษณะคือ ต้องได้เจอกัน ต้องได้อยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่ใกล้ หรือไกลเพียงใดก็ตาม. ลักษณะตอบว่า แล้วแต่กรรมของแต่ละคน เช่นว่า ทำกรรมต่างๆ ทั้งที่เหมือนกันบ้าง ต่างกันกันบ้าง คือ ถ้ากรรมที่ต่างกัน ให้ผลก่อน จะห่างกันก่อน ภายหลังกรรมที่เหมือนกันให้ผลภายหลัง จะได้พบกัน เช่น สังคมบางสังคม คนรวยและคนจนอยู่กันคนละเขต คนละหมู่บ้าน หรือคนละถิ่นเป็นต้น เพียงเท่านี้ คนที่มีจาคะไม่เสมอกัน ก็เกิดตามจาคะที่ต่างกัน คือรวยจนต่างกัน ผลคือคนละหมู่บ้าน. กรรมที่เคยทำร่วมกันหรือเคยอยู่ร่วมกันมา ทำให้พบแล้ว ก็สมัครสมาน ไมตรีกันได้. แต่ข้อนี้พึงระวังให้มาก เช่นว่า บุคคลอื่นเข้ามาสมัครสมานด้วยแล้ว ก็คิดไปทางเดียวว่า เป็นเหตุจากอดีต จึงต้องเป็นเนื้อคู่แน่ๆ เพราะมีข้อนี้บอกไว้ แต่ว่าไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ควรคิดแต่เหตุในอดีตอย่างเดียว ควรพิจารณา เหตุปัจจุบันด้วย เช่น สตรีที่มีชายเข้ามาสมัครสมานไมตรีมาก อาจเป็นเพราะ รูปสมบัติบ้าง ทรัพย์สมบัติบ้าง คือ สวยงามน่ามอง หรือร่ำรวยมากเป็นต้น เหตุปัจจุบันเหล่านี้ก็ให้ผลเป็นการเข้ามาสมัครสมาน ฯ เหมือนกัน. แม้เราเข้าไปสมัครสมานไมตรีกับบุคคลอื่น จะคิดว่าเหตุจากอดีต อย่างเดียวก็ไม่ได้เช่นกัน ควรพิจารณาว่า คนที่หน้าตาสวยอย่างนี้ ฯลฯ แต่ไม่ใช่คนนี้ จะเข้าหรือไม่ ถ้าเข้าไปสมัครสมานไมตรีด้วย ก็ควรพิจารณา ว่าเป็นกามตัณหาในปัจจุบันเท่านั้นเอง.
ตัวอย่างข้อนี้ พอหามาเป็นอุทาธรณ์ได้ เช่น เรื่องบุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน ใจความในอรรถกถา คือ บุตรเศรษฐีในพระนคร วันหนึ่งได้เห็นนางนักฟ้อน เกิดจิตปฏิพัทธ์ ในนางนั้นถึงกับต้องไปอยู่กับนางนักฟ้อน คือเร่ร่อนติดตามไปกับกองเกวียน ถูกล้อเลียน เพราะไม่มีศิลปะ จึงเรียนวิชากายกรรม (นัยของชาวบ้าน) แล้วเที่ยว แสดงไป. ข้อนี้อยู่ไกล ก็ได้พบแล้วอยู่ด้วยกัน. บุตรเศรษฐีนี้ ภายหลังได้บรรลุพระอรหัต ขณะที่ยังดำรงเพศคฤหัสถ์แล้ว ทูลขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระศาสดา. ต่อมา พระภิกษุทั้งหลายสนทนาเรื่องของท่านว่า ผู้ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยที่จะบรรลุพระอรหัตตผลอย่างท่านอุคคเสนเถระ ยังต้องท่องเที่ยวไปกันนางฟ้อนนางรำ อะไรเป็นเหตุให้เป็นอย่างนั้น. เหตุในอดีต คือ เมื่อสมัยพระศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ชายหญิงคู่หนึ่งได้ใส่บาตรแก่พระภิกษุรูปหนึ่งผู้เป็นพระอรหันต์ แล้วตั้งความปรารถนาไว้ว่า เราทั้งสองขอมีส่วนในธรรมที่ท่านบรรลุแล้ว. พระอรหันต์นั้นพิจารณาเห็นว่าจะสำเร็จตามปรารถนา จึงแย้มยิ้มขึ้น. ฝ่ายหญิงเห็นพระภิกษุยิ้ม หญิงนั้นเกิดไม่สำรวมวาจา กล่าวว่า พระคุณเจ้าคงเคยเป็นเด็กนักฟ้อน. ฝ่ายชายก็ตอบไปว่า คงจะเป็นอย่างนั้น. การเป็นนักฟ้อน นักแสดงเร่ร่อนของทั้งสอง เพราะวาจาที่ไม่สำรวมนั้น. การได้บรรลุพระอรหัต เพราะอาศัยปัจจัยคือการถวายบิณฑบาตนั้น.
๖. เรื่องบุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน [๒๔๕] http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=34&p=6
จะเห็นว่า กรรมของบุคคลทั้งสองที่เหมือนกันก็มี ที่ต่างกันก็น่าจะ สันนิษฐานว่า มีจาคะต่างกันบ้าง หรืออื่นๆ ทำให้เกิดในที่ต่างกัน. เรื่องกรรมประมาณนี้ ไม่ควรครุ่นคิดว่า กรรมนั้นจะให้ผลเมื่อใด กรรมไหนจะให้ผลก่อนหลังอย่างไร เพราะเมื่อครุ่นคิดก็จะได้คิดเท่านั้นเอง หนักๆ เข้าก็จะฟุ้งซ่าน เป็นบ้าไปได้ แต่เรื่องนี้อาศัยนัยจากอรรถกถาจึงนำมา แสดงให้พอเห็นกรรมที่ร่วมกันมา และกรรมที่สันนิษฐานว่าต่าง. เรื่องกรรมนี้ หากฝ่ายหนึ่งเป็นมนุษย์ อีกฝ่ายหนึ่งอุบัติในทุคติ เช่นอยู่ในนรก กรรมนี้ย่อมยังไม่ได้วาระให้ผล.
เนื้อคู่ ในความหมายว่า จะซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป ในความหมายนี้ หากกล่าวสันนิษฐานโดยความยืดยาวของวัฏฏะ กล่าวว่า อาจจะมีแก่บุคคลบางคนได้ และก็เพียงบางขณะของวัฏฏะเท่านั้น. และไม่ควรยึดมั่นว่า บุคคลอื่นจะซื่อตรงต่อเราเลย และไม่ควรเสียใจ ฟูมฟายเมื่อบุคคลอื่นไม่ซื่อตรงต่อเรา. ควรพิจารณาว่า ความสำคัญหมายไม่เที่ยง. ข้อนี้ ขอยกตัวอย่างที่เห็นเอง ดังนี้ :- แม่สุนัขลูกอ่อน ก็สำคัญหมายว่า ลูกสุนัขเป็นลูกของตัวเอง เป็นที่รักที่ยินดี ก็เลี้ยงดูให้ดื่มนมของตนเอง เหมือนแม่สุนัขเลี้ยงลูกทั่วไป. ต่อมา มีสุนัขตัวผู้ต่างถิ่นมาเล่นกับแม่สุนัขลูกอ่อนนั้น แม่สุนัขลูกอ่อน นั้นก็วิ่งเล่นด้วย สังเกตุเห็นว่า แม่สุนัขลูกอ่อนนั้นเล่นด้วยการกัดขู่ลูกของตัวเอง จนลูกสุนัขตกใจกลัว. ในขณะนั้น แม่สุนัขลูกอ่อนน่าจะสำคัญหมายว่า ลูกของตัวเองเป็น เพียงของเล่น เอาไว้เล่นกับมีสุนัขตัวผู้ ประหนึ่งว่าตนเป็นสุนัขสาว. ความสำคัญหมายว่า ลูกสุนัขเป็นลูกของตัวเอง เป็นที่รักที่ยินดี ฯลฯ สิ้นไปแล้ว. ต่อมาอีกไม่นาน สุนัขตัวผู้ต่างถิ่นไปแล้ว แม่สุนัขลูกอ่อนก็กลับมา เหมือนเดิม คือเลี้ยงดูเหมือนเดิม. นี้เป็นความสัมพันธ์ระดับแม่และลูก ที่เห็นเอง เปลี่ยนแปรไป เพราะ เป็นธรรมดาที่ว่า สัญญาไม่เที่ยง. ความสัมพันธ์ของชายหญิงก็ไม่เที่ยงเช่นกัน.
ความที่บุคคลบางคนจะซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตัวเอง อาจมีได้ใน บางขณะของวัฏฏะ ข้อนี้อยู่ที่อัธยาศัยของผู้นั้นว่า จะรักษาความประพฤติ และความสำคัญหมายต่างๆ ได้มั่นคงเพียงใด เป็นเรื่องแตกต่างกันไปใน แต่ละบุคคล. ตัวอย่างที่รักษาได้บางขณะของวัฏฏะ ขอยกตัวอย่างเรื่องของ ท่านคฤหบดีผู้นกุลบิดาและคฤหปตานีผู้นกุลมารดา ในสมชีวิสูตรที่ ๑ และ ๒ ดูลิงค์ด้านล่าง. แต่ว่าโดยทั้งหมด ความที่เป็นปุถุชนแล้ว ย่อมมีการประพฤติล่วงศีล คือทุศีลบ้าง มากน้อยตามแต่จะสะสมมาในวัฏฏะ. แม้แต่อดีตชาติของพระโพธิสัตว์และท่านมารดาพระราหุล บางชาติ ก็คลาดแคล้วต่อกัน เช่น ชาติก่อนๆ ที่จะอุบัติเป็นพระเจ้ากุสราช. อรรถกถา กุสชาดก ว่าด้วยพระเจ้ากุสราชลุ่มหลงรูปโฉมของนางประภาวดี http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28.0&i=94&p=1 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ว่าโดยสรุป คำว่า เนื้อคู่ คำๆ นี้มีนัยสำคัญ 2 อย่าง คือ 1. ความเป็นมาของบุคคลต่างๆ ในอดีต 2. วัตถุกาม กิเลสกาม ดังนั้น จึงควรได้ศึกษาอนมตัคคสังยุตต์ และจูฬทุกขักขันธสูตร ว่าด้วยกองทุกข์
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อนมตัคคสังยุตต์ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=4730&Z=5111 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=421
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ จูฬทุกขักขันธสูตร ว่าด้วยกองทุกข์ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=3014&Z=3184 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=209 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ สาเกตชาดก [๓๒๓] ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกันเข้าก็เฉยๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส. [๓๒๔] ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือน้ำและเปือกตม ฉะนั้น. จบ สาเกตชาดกที่ ๗. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=27&A=1839&Z=1847 ศึกษาอรรถกถาชาดกนี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=323
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต สมชีวิสูตรที่ ๑ และ ๒ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=1642&Z=1682 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=55 http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=56
แนะนำ :- อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?
หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/ เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ มหาทาน ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑ ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒ กาลทาน ๕ อย่าง ให้ทานในที่ใดมีผลมาก ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท สังฆทาน ๗ ประเภท ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน เรื่องเศรษฐีเท้าแมว ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาทาน ๔ อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง ทานที่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ๖ ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ๑ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html
จากคุณ |
:
ฐานาฐานะ
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ธ.ค. 53 04:20:24
|
|
|
|
|