ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าคุณคิดว่าจะบวชชี ตอน 40 แล้วอยู่อีกสัก 30 ปี คำนวณคร่าวๆ.. คิดว่าน่าจะต้องมี 5-6 ล้าน อย่างต่ำค่ะ (ยังไม่ได้เผื่อค่าเงินสูงขึ้นอีก ใน 40 ปีข้างหน้า) จากคุณ : RebmemeR เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 18:55:01

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : corelooy เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 19:34:56

ความคิดเห็นที่ 3 40-70 ก็ สัก 30 ปี กินวันละ 100 เผื่อแล้ว 30 ปี ก็ ล้าน นิดหน่่อยครับ ทุกอย่าง ตาม รัฐ จะมีให้ นะครับ ตาย เป็น ตาย เจ็บป่วย ไม่นับรวม ทำบุญ ไม่รวม ------- หรือ ทุก อย่าง อยู่ ใน เดือนละ 3000 ก็ เหมือนกันครับ ตอนตาย น่าจะมีเงินเหลือ ทำ ศพ ด้วยครับ เพราะ ถ้าฝาก ธนาคาร น่าจะมี ดอก เหลืออยู่ บ้างครับ ----- ชี วัดที่ผม รู้จัก จะ รับ จัด ดอกไม้งานศพ ทีมีในวัด ครับ ก็ พอมีรายได้ บ้างครับ ส่วนอื่น ไม่รู้ ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 19:45:08

ความคิดเห็นที่ 4 ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ ผมปลดเกษียนก็จะไปบวช ตลอดชีพเหมือนกันอีก12ปี *มีอีกวิธีหนึ่งพอที่คุ้นเคย หรือเคยเป็นโยมอุปฐากกับ หลวงพี่หลวงตาไว้บ้าง ก็ ไปฝากเนื้อฝากตัวบวชชี ได้ครับถือศีล8ทานข้าวได้ 1-2มื้องดเมื้อเย็นผู้หญิง คนเดียวคงไม่สิ้นอะไรมาก มาย * เดี๋ยวนี้อาหาร+ปัจจัยที่ ได้จากบิณทบาตรหรือจาก การทำบุญต่างมีเหลือเฟือ ครับ เกือบทุกวัด ไม่ต้อง เป็นห่วงเรื่องเงินครับ เพียง แต่ตอนนี้ คุณควรเริ่มเข้า วัดหาหลวงพี่หลวงตาก็ได้ ทำความคุ้นเคยรู้จักไว้ครับ จากคุณ : กัมมันตระ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 19:45:43

ความคิดเห็นที่ 5 สำนักแม่ชีโดยตรง มีหลายแห่ง ที่อยู่ได้ด้วยเงินของสำนักเอง และมีผู้บริจาคโดยตรงกับสำนัก ไม่อดอยากแน่นอน แต่บวชแล้ว ต้องปฏิบัติธรรมและทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและสำนักด้วย เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วง ป่วยไข้ก็ใช้ประกันสุขภาพของรัฐ ค่าใช้จ่ายที่อาจมี ก็มีตามกิเลสที่เกิดขึ้นเท่านั้น จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 20:12:50

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเป็นวัดสายปฏิบัติที่ผมไปส่วนมากไม่ต้องใช้เงินซักบาทสำหรับการบวชชีหรือพระแต่ต้องมีความตั้งใจจริงในการปฏิบัติ จากคุณ : lek2you เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 20:29:00

ความคิดเห็นที่ 7 ผู้หญิงที่ คิดจะไปบวชชีตลอดชีวิต ผมว่า น่าอนุโมทนานะ เพราะมาจากแรงขับดันไม่กี่อย่าง ซึ่งแต่ละอย่าง ซึงก็มีไม่กี่อย่าง เช่น เป็นความคิดเอง ที่ดี ๆ (กรณีที่บวชเพราะโดยไม่มีเรื่องชอกช้ำใจ) และเป็นเรื่องไม่ค่อยดีในชีวิตที่เกิดขึ้น และน่าเห็นใจ (ในกรณีที่บวชเพราะมีปัญหาทางใจ ทางครอบครัว) ...ผู้หญิงมีทางเลือกน้อยกว่าผู้ชายมาก ผู้ชาย บางคน คิดอะไรไม่ออกก็ไปบวชพระ พอไปบวชพระ ก็มีลาภสักการะเพิ่มพูน ก็เพิ่มกิเลส ลืมปฏิบัติธรรมซะนี่ ส่วนผู้หญิง ผมว่าน้อยนักที่จะบวชชีไปเอาสมณศักดิ์ หรือบวชไปสวดมนต์ฉันเพลสะสมเงินทอง ดังนั้นสังคมเรา ควรหาทางสนับสนุน ผู้หญิงกลุ่มนี้ตามสมควรนะ หากจะบวชตลอดชีวิตจริง ๆ ก็ต้องมีการวางแผน รัฐบาลควรมีกองทุนระยะยาว เพื่อสตรีกลุ่มนี้ เช่นให้ซื้อกองทุนไว้ ดอกเบี้ยต้องสูงมาก ๆ และให้แก่แม่ชีที่บวชไม่ยอมสึก เพื่อท่านจะได้พอมีปัจจัยเลี้ยงชีพได้ตามสมควร ไม่ต้องอุ้มบาตรไปขอ ดั่งที่บางคนพูดด้วยความไม่อาทร ไม่ให้เกียรติ และควรมีสมาคม หรือกลุ่มชมรม หรือสโมสร ใด ๆ ที่จัดกิจกรรมหาทุน เพื่อสตรีกลุ่มนี้บ้าง หากใครคิดก่อตั้ง ผมคนนึงล่ะที่จะสนับสนุนด้วยครับ.... จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 20:36:59

ความคิดเห็นที่ 8 ขออนุโมทนาด้วยนะคะ เคยฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านบอก เท่าที่ท่านเคยรู้เห็นเคยเห็นมา ผู้หญิงบวชชี ค่อนข้างลำบาก น่าเห็นใจ ต้องอดทนจริงๆ เพราะสังคมไม่ค่อยยอมรับ ท่านแนะนำเป็นฆราวาสดีกว่า หากมีความตั้งใจจริงสามารถปฏิบัติจนบรรลุธรรมได้เหมือนกัน ที่ต้องเตรียมคือใจมากกว่าค่ะ ส่วนเงินคงจะใช้ไม่มาก อยู่ที่สถานที่ที่เราจะไปบวชด้วย เตรียมเงินสำหรับซื้อปัจจัยที่จำเป็น เสื้อผ้า ของใข้ส่วนตัว เงินค่าเดินทาง ยารักษาโรค จากคุณ : aneko (aneko) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 21:10:15

ความคิดเห็นที่ 9 หลวงปู่ หลวงตา พระเกจิต่างๆ ไม่เห็นว่าท่านจะต้องมีเงิน ท่านยังอยู่ได้เลย เชื่อพระพุทธองค์เถิด ศีลเป็นที่มาของโภคทรัพย์ จะอยากได้ หรือไม่อยากได้ มันก็จะต้องมีมาตามเหตุปัจจัย สังเกตไหมว่าพระที่ท่านไม่เอาอะไร จะบอกบุญ สร้างวิหาร สร้างศาลา แป๊บเดียว คนก็มาปาวารณากันให้ฮึ่ม ที่พูดนี่ไม่ได้ยุให้เห็นแก่ลาภสักการะนะ แต่อยากให้มีกำลังใจ ในการปฏิบัติ อนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลด้วยครับ สาธุ จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 21:11:07

ความคิดเห็นที่ 10 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 54 17:25:39 จากคุณ : anantashin@hotmail.com (anantashin) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 21:13:47

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ต้องใช้เงินสักบาทเดียว แต่ต้องใช้กำลังใจอันแน่วแน่ และศรัทธาอันมั่นคง บวชเพื่อละ อยู่อย่างพอเพียง ถ้าบวชอยู่ที่วัดของกินของใช้ก็รับจากที่พระแบ่งปันให้ และจากฆราวาส ถ้าบวชอยู่ที่บ้าน (ถือศีล ๘ อยู่บ้านก็ถือได้) ถ้าครอบครัวเข้าใจและดูแล ก็อยู่ได้เช่นกัน ถ้าจะบวชอยู่วัด ควรจะไปหาวัดที่สงบร่มรื่นและเอื้อต่อการปฏิบัติภาวนา รวมทั้งหาครูบาอาจารย์ผู้แนะนำแนวทางการปฏิบัติ คิดว่าใจ สำคัญกว่าเงินหลายเท่านัก ในเส้นทางนี้ ขออนุโมทนาในกุศลจิต จากคุณ : rebel เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 22:26:27

ความคิดเห็นที่ 12 สำคัญที่ต้องหาวัดที่จะอยู่ให้ได้เสียก่อนนะเราว่า แม่ชีที่เราเห็น อยู่ในวัดก็ต้องใช้เงินอยู่บ้างนะ อาหารการกินของวัดมีอยู่แล้ว แต่การอยู่อาศัยวัดของแม่ชีไม่เหมือนพระซึ่งมีโยมถวายเครื่องอุปโภคให้ เพราะงั้นแม่ชีก็จะมีค่าใช้จ่ายบ้างค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 54 11:50:20 จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 08:36:19

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ค่อยเห็นด้วยเลย กับการที่ว่า  การจะบวชชีต้องใช้เงินสำรองไว้เลี้ยงตัว " มาก ๆ " เพราะมันทำให้คนที่ตั้งใจจริง แต่ไม่ได้มีเงินถุง เงินถัง  " รู้สึกว่ามันไกลเกินเอื้อม หรือ เป็นไปไม่ได้ "  ซึ่งมันเหมือนกับการตัดโอกาสกัน ซึ่งแท้จริงแล้ว หากมีความตั้งใจจริง และ ผู้นั้นเองเข้าวัดเป็นนิจ ตั้งแต่ยังเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม  ทำบุญตามกาล  แล้วมีความตั้งใจจริงที่จะปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น!!!  (  ผมเข้าใจว่าคนที่คิดจะบวชตลอดชีวิต น่าจะตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้แบบนี้นะครับ ) เมื่อเป็นเช่นนั้น ธรรมะจะจัดสรรให้ผู้นั้นได้พบหนทางได้เอง  และจะทราบว่าไม่ได้เป็นเรื่องยากลำบากเลย สำหรับเมืองพุทธอย่างไทยเรา จากคุณ : รักษาจิต เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 09:17:27

ความคิดเห็นที่ 14 ก็น่าจะมีเงินเหลือๆอย่างน้อย ใช้วันละ 100-200 บาทต่อเดือน คืองี้นะครับ มันต้องระวังในเรื่องนี้ การบวชชี... คือการไปปฏิบัติธรรมในวัด ซึ่งไม่ใช่พระ... สถานะมันต่างกันมาก ออกบิณฑบาตรก็ไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กินและใช้ ได้จากวัดได้จากพระ ดังนั้น ต้องทำงานต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสม ผมเคยบวชพระในวัดที่มีชี พระจะไปยุ่ง หมายถึงไปจัดการอะไรกับชีมากก็ไม่ได้ การบริหารจัดการมันอีหลักอีเหลื่อ บางทีพระก็เหนื่อยกับชีเหมือนกัน คุณต้องเข้าใจก่อนว่าชีก็คือผู้หญิง... อยู่กันมากๆ หลายๆคน ปัญหามันมี เอาละมาถึงปัญหาว่าควรจะใช้เท่าไหร่ก็อย่างที่บอก เดือนละ 3-5000 บาทน่าจะกำลังดี ควรจะหาให้ได้สักสองสามแสน ทางที่ดีก็ควรมีลูกหลานอุปถัมป์ด้วย ต่อไปปัญหาผู้สูงอายุจะมีมากในประเทศไทย และวัดไม่ใช่คำตอบสุดท้ายนะครับ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 10:31:51

ความคิดเห็นที่ 15 เพิ่อนผมคนหนึ่งก็ทำเหมือนเจ้าของกระทู้  คือตั้งใจออกปฏิบัติธรรมตามวัด   แต่ไม่ได้บวชชี ก่อนเขาเลิกทำงาน เขาก็เก็บเงินก้อนหนึ่งประมาณ   3  ล้าน  แล้วไปหาซื้อตึก 3  ชั้นหลังหนึ่ง ในตลาดที่กำลังสร้าง   ตอนนั้นยังไม่บูมเท่าไร  แต่ตอนนี้บูมมาก   แล้วเธอก็เปิดให้เช่าโดยมีพี่สาวดูแลให้อีกที   ตอนนี้เธอออกจากงานมาหลายปีแล้ว  แล้วก็ไปปฏิบัติตามสถานที่ต่าง  ที่สวนโมกข์ ไปปฏิบัติที่โกเอ้นก้า  วัดอัมพวัน วัดหนองป่าพง  วัดป่าบ้านตาด  อีกหลายวัดในสายวัดป่า   เธอไปปฏิบัติทั่วประเทศ และเธอเดินทางไปจาริกแสวงบุญที่ประเทศอินเดียด้วย เธอมีรายได้จากการให้เช่าตึกประมาณเดือนละ 28,000   บาท  หักค่าใช้จ่ายให้พี่สาวแล้วก็เหลือประมาณ 25,000 บาท      โดยพี่สาวจะโอนใส่บัญชีธนาคารให้  เธอจะเบิกจาก ATM    นานๆ  เธอถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ที่กล่าวมานี้เป็นแนวทางหนึ่ง   แต่มีหลายสถานที่  ที่ไปบวชชีโดยไม่ต้องมีเงิน   เพราะเขามีกองทุน   เช่น   สำนักประชุมนารี  จ.ราชบุรี    อันนี้เป็นสำนักแม่ชีโดยตรง   และอีกที่ๆ เป็นสำนักแม่ชีโดยตรง คือ   สำนักรัตนบารมี    ต. หนองตากยา    อ. ท่าม่วง   จ. กาญจนบุรี   โทร. 089-8062728   โดยมีแม่ชีจอย เป็นเจ้าสำนัก    ตอนนี้มีแม่ชีอยู่  10  คน   แต่ที่สำนักรัตนบารมี นี้  จะต้องสวดมนต์ปฏิบัติธรรมที่ศาลา วันละ  4   ครั้ง   และมี กฏระเบียบที่เคร่งครัดเหมาะกับคนที่ตั้งใจจริง และอยู่ในกฏระเบียบได้ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 54 11:07:08 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 54 11:05:13 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 54 11:02:10 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 11:01:19

ความคิดเห็นที่ 16 จากประสบการณ์ของดิฉัน  คุณเข้าใจถูกแล้วค่ะ การบวชชีต้องมีเงินเลี้ยงชีพตนเองพอสมควร ผู้หญิงมีรายจ่ายส่วนตัวเช่นผ้าอนามัย ยารักษาโรคเล็กๆน้อยๆ ค่าเดินทางไปไหนมาไหนบ้าง เช่นเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน หรืออยากจะทำบุญเป็นส่วนตัวบ้าง เพราะแม่ชีไม่สมควรที่จะออกเดินบาตร คนเขาตั้งใจใส่บาตรให้พระ คนเขาจะทำบุญเขามักไม่มองว่าควรจะบริจาคให้แม่ชีบ้าง(เห็นว่ามีศีลแค่ศีล8) การบวชชีต้องอยู่ในกฎของวัด อาจต้องช่วยกันทำกับข้าวถวายพระ หรือให้ทานแก่คนมาทำบุญ ต้องช่วยกันทำความสะอาดเช็ดถู เรียกว่างานผู้หญิงทั้งหมดเป็นของแม่ชี ... นอกจากนี้ อย่างที่กล่าวมา ถ้าบวชเป็นชีต้องอยู่ใต้กฎของวัด มีห้วหน้าแม่ชีเป็นผู้ดูแล ผู้บวชเป็นชีมีหลายระดับความคิด เมื่ออยู่ร่วมกันก็จะมีปัญหาจุกจิกหยุมหยิมตามประสา ดังนั้นจึงต้องมีเงินเป็นตัวช่วย  ถ้าไม่มีจริงๆ ก็คำนวณดูประมาณเดือนละ 2000 บาท แต่คงอยู่จนตายไม่ได้หรอก เพราะไม่ใช่พระ ความจริงก็มีแม่ชีที่ตายในผ้าขาวบ้างเหมือนกัน แต่เป็นแม่ชีชั้นผู้ใหญ่ มีแม่ชีบริวารคอยดูแล แต่โดยทั่วไปพอเจ็บป่วย หรือแก่มาก ก็ต้องกลับบ้านไปอยู่กับลูกหลาน   บางวัดจะมีอุบาสิกาที่ใส่ชุดขาว-ดำ เรียกว่าแม่ขาวดำ คนกลุ่มนี้จะลงทุนปลูกบ้านในวัดเอง ไม่ต้องไปช่วยทำกับข้าวในโรงครัว แต่หุงหาอาหารเอง บริจาคค่าน้ำ ไฟ ให้วัดพอสมควร สามารถเอาเวลาที่มีอยู่ปฎิบัติธรรมได้เต็มที่ อย่างนี้ จขกท ก็ลองคำนวณดูว่าจะต้องใช้จ่ายเท่าไรกับเวลาที่ตั้งใจไว้ อย่าลืมเผื่อเงินไว้ตอนแก่มากๆและเจ็บหนักด้วยนะคะ ตอนนั้นถ้าไม่มีเงินใครจะอุ้มเราไปรักษาบัตรทอง สำหรับส่วนตัวแล้ว ตั้งใจไว้ว่าจะออกจากงานอีก 4 เดือนข้างหน้า มีบำนาญ แต่ครอบครัวเป็นอุปสรรคให้อยู่วัดไม่ได้ จึงต้องอยู่บ้าน (ถูกฝึกให้ปฏิบัติที่บ้าน...ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ไปค้างวัดเลย)  มีเวลาปฏิบัติเยอะแยะ ช่วงเช้าแทนที่จะขับรถไปทำงาน ก็มาเดินจงกรม นั่งสมาธิแทน กลางวันกินข้าวเสร็จ ก็มีเวลาต่อถึงเย็น ตอนห้วค่ำให้เวลาคนอื่น ตอนสอง- สี่ทุ่มก็มีเวลาอีก ... กลัวอยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือ "ไม่เอาจริง" พ่ายแพ้กิเลส...ก็ภาวนาให้ตนเองชนะในเกมนี้ด้วยเถิด ก็ขออนุโมทนาบุญ จขกท ค่ะ หวังว่าจะความเห็นที่ให้ไปจะเป็นแนวทางให้ จขกท ได้ตัดสินใจได้ค่ะ จากคุณ : tks (tks_th) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 11:23:32

ความคิดเห็นที่ 17 อนุโมทนาค่ะ ตั้งใจบวช ศึกษาธรรมมะ น่าสรรเสริญยิ่งค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ จากคุณ : มด2002 เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 11:24:38

ความคิดเห็นที่ 18 ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ จากคุณ : silly เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 11:49:17

ความคิดเห็นที่ 19 เราก้เคยคิดเหมือนจขก คะ เพียงแต่ไม่ได้คิดว่าจะบวชชี ไม่ได้ยึดติดที่หน้าตาตัวเอง แต่เพราะสถานะของแม่ชี ค่อนข้างลำบาก เมืออยู่วัด หรือ รวมกลุ่ม ต้องใช้ความอดทนสูงมาก  ซึ่งเราอาจจะทนไม่ได้เช่นนั้น ลองไปอ่านประวัติคุณแม่ชีแก้ว ดูนะคะ  เราอ่านแล้วละอายใจ ท่านไม่นึกว่าจะมีเงินอะไรเลย ต้องการแค่บวชภาวนาเท่านั้น ชิวิตท่านก็แสนจะลำบากในการกินอยู่ แต่ในทางธรรม เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว กระดูกเป็นพระธาตุนะคะ _//\\_ ปัจจุบันเราจึงภาวนาไปอย่างคลายความกังวลใจลง ไม่ได้วางแผนอะไรมากมายแล้ว เก็บเงินแบบปกติ เมื่อใด มีเหตุปัจจัยพร้อม ให้ตัดสินใจในการเปลี่ยนแปลง เราก็จะรู้เอง   เมื่อไหรจะมีการลงทุนเพื่อให้ดอกผล งอกเงย ได้หยุดทำงานถาวร เวลานั้นก็จะมาถึงเองเช่นกัน ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง สอนเราว่า อย่าไปวิตก การภาวนานั้น จะมีสิ่งที่มาจดสรรให้เราลงตัวเอง ไม่มีใครไปบรรลุธรรมในที่อโคจรหรอก ขอให้ตั้งใจภาวนาไป กระแสธรรมจะนำพาไปได้อยู่ในที่สงบ สัปปายะ ได้พบในสิ่งที่ทำให้ธรรมเจิรญยิ่งๆขึ้น ขอให้เจริญในธรรมนะคะ จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 12:36:13

ความคิดเห็นที่ 20 อนุโมทนากับความตั้งใจของ จขกท. ด้วยครับ บวชชี แล้วก็คงต้องใช้เงินบ้างอย่างน้อยก็ของใช้สิ้นเปลืองส่วนตั๊วส่วนตัวของผู้หญิง ซึ่งคงไม่มีใครนำไปถวายวัด ใช้วิธีอย่าง #15 ก็ดีครับ ไม่ต้องมีภาระดูแล แล้วยังมีเงินมาใช้ในสิ่งจำเป็น+ทำบุญได้ตามสมควรอีกด้วย จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 12:44:44

ความคิดเห็นที่ 21 อาจจะไม่มีคำแนะนำให้นะคะ ยังไงขออนุโมทนาบุญกับจขกท. ที่มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเดินทางในเส้นทางธรรมนี้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : หมูห้อย เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 15:35:48

ความคิดเห็นที่ 22 อนุโมทนาค่ะ ขอให้เข้ากระแสพระนิพพานโดยเร็วนะคะ จากคุณ : ตุ๊ดตู่ โอ้เย เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 16:10:50

ความคิดเห็นที่ 23 ของผมมีโครงการเป็นผ้าขาวในอีก 13 ปีข้างหน้าเหมือนกันครับ คิดว่าคงไม่บวชพระ เป็นฆาราวาสทำอะไรสะดวกดี ตอนนี้ก็เริ่มเก็บเงิน และคิดโครงการบางอย่างเอาไว้อยู่ เหมือนให้เงินทำงาน อนาคตเป็นของไม่แน่นอน อย่างไงซะ ตอนนี้ยังมีแรงทำงานเก็บเงินได้ก็เก็บไป อย่างน้อยในอนาตคถ้าเกิดมีอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ก็ไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร ถ้ามีเหลือจากที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ก็สามารถทำบุญ ทำทาน ได้อีก เป็นกำลังใจให้ไปให้ถึงนะครับ จากคุณ : รวดเดียว เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 17:35:55

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุโมทนาครับ ผมก็ตั้งใจจะบวชไม่สึกในอีก 10 ปีข้างหน้า ให้หมดภาระก่อน สำหรับปัญหาของคุณ friday นั้น มีทางออกครับ คือ ถ้าคุณสามารถฝึกปฏิบัติธรรมอย่างถูกทางไปถึงจุดหนึ่ง คุณจะรู้สึกไม่ต้องการสิ่งใด ปัญหาคุณจะลดลงได้ เพราะคุณไม่ต้องใช้สอยอะไรมาก และที่สำคัญ จะมีสิ่งดีๆ มาช่วยในชีวิตตลอดเวลา ที่หลาย คคห เรียกว่า ธรรมะจัดสรร น่ะครับ มีจริงๆ ผมยืนยัน ไม่ใช่เรื่องพูดเล่น แต่คุณต้องเดินทางให้ถูกทางนะครับ ผมเองทุกวันนี้แทบไม่มีเงินเก็บเลย งานก็ยังไม่มั่นคง แต่ผมไม่เคยกังวลต่ออนาคตเลย เพราะผมสามารถอยู่แบบลุ่มๆดอนๆ ได้ โดยส่วนตัวไม่รู้สึกทุกข์ สบายมาก แต่ก็ใช้ชีวิตไม่ประมาทนะครับ และเวลาลำบาก ก็มีสิ่งดีๆ มาช่วยยามที่ลำบากตลอด ชีวิตไม่ตกต่ำ  เป็นเรื่องแปลก ผมเคยสอบถามครูบาอาจารย์ ท่านก็บอกว่าจริง แต่ท่านก็ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร เพียงแต่ให้ข้อคิดว่า ถ้าเราเป็นคนดี มีอารมณ์แจ่มใส ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ ใครๆ ก็อยากช่วยเหลือ เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณควรคำนึงเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่การเก็บตังค์ครับ แต่ควรคำนึงว่าทางที่เราเดินนั้นใช่หรือยัง ถ้าคุณเดินทางถูก อีก 10 ปี รับรองได้ว่ามีแต่คนอยากอุปการะมากมาย คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลย มีตัวอย่างผู้หญิงที่เป็นเช่นนี้มากมาย ท่าน ก เขาสวนหลวง เคยได้ยินชื่อไม๊ครับ แม่ชี(คุณหญิง)รัญจวน อินทรกำแหง ฯลฯ และถ้ายังไม่มั่นใจในทางเดินคุยกันหลังไมค์ได้ครับ ยินดี จากคุณ : ทางนี้ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 19:17:10

ความคิดเห็นที่ 25 อนุโมทนาบุญครับ.... _/\_ จากคุณ : Mushroom Man เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 19:19:48

ความคิดเห็นที่ 26 เอาตามความเห็นที่ 15 ดีกว่าครับ และถ้าจะเอาให้ชัวร์ ก็ไปฝึกจัดบายศรี พับใบตอง จัดดอกไม้  หรือดูดวงเอาก็ได้(แต่อันหลังระวังจะบวชชีไม่ยืดหรือเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติ) ก็คืออาจไปฝึกอาชีพอะไรบางอย่างที่ไม่ขัดกับการปฏิบัติ แล้วน่าจะพอใช้เลี้ยงตัวได้ (คนไปวัดมักต้องการใช้บ่อย) ขอบคุณครับ จากคุณ : น่าจะประมาณนี้ครับ (Clarvoyance) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 20:42:30

ความคิดเห็นที่ 27 อนุโมทนาบุญทุกท่านครับ จากคุณ : แม่นกเงือก เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 21:53:22

ความคิดเห็นที่ 28 อยากให้ ผู้ที่คิดว่า ทุกอย่าง ง่ายดาย ในการบวชชี (ในจินตนาการ) ลองได้อ่าน ความเห็นที่ 16 ของท่าน tks (tks_th) ให้มาก ๆ นะครับ อยากให้อ่านหลาย ๆ รอบ กลับมาอ่าน หลาย ๆครั้ง ในแต่ละวัน ....เซฟเอาไปอ่านได้เลยครับ จากประสบการณ์ของผม ที่เคยพบเจอ ทั้งพระทั้งชีจำนวนมาก (และยังเคยมีโอกาสได้ทำบุญ ถวายความรู้ ทั้งพระทั้งชีมาก็ไม่น้อย) ผมเห็นว่า ความเห็น ของคุณ tks (tks_th) น่าจะตรงประเด็น และใกล้ความจริงมากที่สุด ครับ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 21:54:38

ความคิดเห็นที่ 29 มาเล่าให้ฟังจากประสบการณ์ตรงที่บวชชีมาเดือนกว่า ๆ สิ่งที่ จขกท. คิดถูกแล้วครับเราต้องมีทุนทรัพย์ในการดำรงค์ชีพ เพราะการบวชชีไม่เหมือนการบวชพระทั่ว ๆ ไป เอาง่าย ๆ นะผมเข้ามาในห้องนี้เห็นกระทู้ด่าแม่ชีอยู่เลย ว่าไม่ใช่นักบวชในศาสนาบ้างหล่ะ แอบอ้างเลียนแบบสงฆ์บ้างหล่ะ หรือจะเห็นได้จากสภาพแวดล้อมจริงแบบพวกชีถือบาตรตามตลาดทั่วไป ความเลื่อมใสศรัทธาในตัวแม่ชีเป็นสิ่งสำคัญในการหาปัจจัยดำรงค์ชีพ ถ้าคุณไปอยู่ที่สักที่...ที่เค้าไม่นับถือแม่ชีคุณจะไปเดินบาตรได้ไหม? แค่เดินบาตรเพื่อมาฉันท์เช้า ฉันท์เพลยังยากเรื่องปัจจัยลืมไปไ้ด้เลย สำนักชีที่ผมไปบวชจะมีคนมาบวชพราหมณ์เป็นประจำมากบ้างน้อยบ้าง และที่นี่ชาวบ้านระแวกนั้นก็รักและศรัทธาคุณแม่เจ้าสำนักมาก เพราะถึงท่านจะเป็นแม่ชีแต่ท่านก็เป็นนักบวชที่ประพฤติดี ปฏิบัติดี มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย  ไม่ใชเฉพาะชาวบ้านระแวกนั้น  แต่มีทั่วประเทศและต่างประเทศ การเดินบาตรจึงเป็นเรื่องปกติของที่นี่ที่แม่ชีท่านทำกัน วันไหนพระไม่บิณฯ  แม่ชีท่านก็จะเดินบาตรกันเอง การเดินบาตรสำหรับที่นี่คุณแม่สอนว่าเป็นการโปรดญาติโยม ส่วนเรื่องเงินที่จะต้องใช้ส่วนตัวมันต้องมีอยู่แล้วครับ ของใช้ส่วนตัวอาจจะไม่ต้องเสียมากมายถ้ามีคนถวายสังฆทาน เพราะอย่างที่สำนักคุณแม่ท่านอนุญาตให้เอาของในถังสังฆทานมาใช้ได้ แล้วให้หยอดเงินใส่ตู้ชำระหนี้สงฆ์ตามศรัทธา เพื่อจะได้ไม่เป็นหนี้ติดตัวเราไป   เห็นไหมครับ...แค่นี้ก็ต้องใช้เงินแล้ว  ถึงจะไม่มากแต่ก็ต้องใช้ อยากกินเปรี้ยวกินหวานนี่ก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน ของใช้ส่วนตัวอย่างผ้าอนามัยไม่มีแน่ในถังสังฆทานก็ต้องซื้อละ แล้วอีกอย่างที่สำคัญคือการอยู่ร่วมกันในสังคม ให้ทำใจเป็นกลาง ๆ อย่าคาดหวังอะไรมากมาย เพราะความขัดแย้ง และรูปแบบของคนมันเหมือน ๆ กัน เพียงแค่เปลี่ยนสังคมเป็นผ้าขาวในวัดเท่านั้น อนุโมทนาสาธุ กับความตั้งใจ ขอให้เจริญในธรรมนะครับ จากคุณ : ศิวะบุตร เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 54 11:31:48

ความคิดเห็นที่ 30 สาธุ อะนุโมทามิ จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 54 15:22:51

ความคิดเห็นที่ 31 คุณจะไปคิด 10 ปีข้างหน้าเพื่ออะไรล่ะครับ การวางแผนการเงิน 10 ปีนั้น เป็นเรื่องดีนะ แต่ถ้าพูดถึงการภาวนา ทำซะตั้งแต่วันนี้เลย  ผ่านไป 10 ปี ถึงเวลานั้น คุณจะอยู่เป็นฆราวาส หรือแม่ชี   อาจจะไม่ต่างกันก็ได้ เพราะใจคุณเป็นพระไปแล้ว จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 54 21:42:49

ความคิดเห็นที่ 32 สาธุ ขออนุโมทนานะคะ จากคุณ : คุณน้องเต่า เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 06:24:57

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ขอโทษที่ตอบช้าเพราะหลังจากตั้งกระทู้เสร็จวันรุ่งขึ้นก็ไปวัดเลยเพิ่งกลับมาได้สองวันค่ะ ใจจริงอยากบวชเพื่อล้างอาถรรพ์ศีลข้อกาเม และอีกใจก็ไม่อยากยุ่งกับผู้ชายเชิงชู้สาวอีก เพราะค่อนข้างเหนื่อยกับเรื่องนี้มากๆ ที่ตั้งไว้สิบปีเพราะตอนนี้มีหนี้ล้นหลามทั้งเงินทองกับหนี้ชีวิตต่อพ่อแม่ ก็เลยต้องรอไปก่อนตอนนี้ตั้งใจจะปฏิบัติถือศีลในวันพระเพื่อให้จิตมันชินซะก่อนค่ะ จากคุณ : . (Friday13th) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 17:48:58