 |
เมื่อผมยังเด็ก ผมได้รับคำแนะนำว่าให้ไป ผมก็ลองไปดู ครั้งแรกผมเชื่อเลยนะครับว่าชีวิตเราจะต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ เราพบทางวิเศษแล้ว และในหนังสือธรรมะของลัทธินี้ก็ยืนยันว่า สิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ต่างอย่างมากมายแต่ไม่มีคนเข้าใจ
อย่างเช่น ไม้กางเขนที่ไขว้กัน จุดที่ไขว้กัน/ตัดกันก็คือ สัญญลักษณ์ของ ญาณทวารนั่นเอง ลองวาดไม้กางเขงบนหน้าจุดนั้นก็จะรู้ได้อย่างที่บอกไว้ครับ
อนุตรธรรมจะมีการประชุมธรรมกันเป็นประจำ 1-3 วัน มีการเชิญพระอาจารย์จี้กง ลื้อต้งปิง(หนึ่งในแปดเซียน) เจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์จันทรปัญญา ฯลฯ มาสอนธรรม และบอกถึงเภทภัย ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในโลก ตอนนั้นได้เตือนว่าในปี 2,000 โลกจะมืดไป 49 วัน ผู้ที่จะรอดต้องเป็นผู้ที่รับการถ่ายทอดธรรมแล้วเท่านั้น (สุดท้ายก็ไม่เกิด แต่เปลี่ยนเป็นว่า ลองดูปัจจุบันภัยพิบัติมีมากขึ้นแล้วทั้ง ซึนามิ น้ำท่วม)
อาจารย์ถ่ายทอดธรรมเรียกว่า "ฉวนซือ" ถ้าอาจารย์แซ่เฉิน ก็เรียกว่า "เฉินฉวนซือ" แซ่เตี่ยน ก็เรียกว่า "เตี่ยนฉวนซือ"
************* เดี๋ยวคงมีคนมาเล่าต่อ มาเล่าจุดเปลี่ยนของผมดีกว่า เนื่องจากผมโตขึ้น ความสนใจในศาสนามากขึ้น เริ่มอ่านมากขึ้น จนเจอหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับนิกายเซน นับตั้งแต่ท่านพระโพธิธรรมจารย์(พระอาจารย์ตั๊กม้อ หรือตั๊กม้อโจ่วซือ)เดินทางไปประเทศจีนจนถึงท่านเว่ยหลาง ซึ่งไปตรงกับสิ่งที่อนุตรธรรมอ้างถึงว่า เริ่มจากพระมหากัสปปะได้รับการถ่ายทอดธรรมครั้งแรกและสืบมาเรื่อยๆ จนถึงท่านพระโพธิธรรมจารย์(พระอาจารย์ตั๊กม้อ หรือตั๊กม้อโจ่วซือ)จนถึงท่านเว่ยหลาง
ตอนนั้นผมก็งงนะ งงว่า สรุปอนุตรธรรมคือนิกายเซนหรอ ก็ยังอ่านเพิ่มเติมจนได้อ่านสูตรของท่านเว่ยหลางของท่านพระอาจารย์พุทธทาส
แต่อนุตรธรรมได้เล่าขยายต่อไปว่าหลังจากนั้น ก็หายสาปสูญไป เพราะเบื้องบนยังไม่อนุญาตให้สามัญชนทั่วไปจะได้รับการถ่ายทอดธรรม จะถ่ายทอดเฉพาะในราชวงศ์ ชนชั้นสูงเท่านั้น บุคคลสำคัญมีชื่อเสียงในประเทศจีนส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดธรรมแทบทั้งสิ้น จนกระทั่งมาปรากฎอีกครั้งในยุคของพระอาจารย์จี้กง ต่อมาเมื่อเบื้องบนได้อนุญาตให้สามารถถ่ายธรรมลงสู่สามัญชนได้โดยมีธรรมจารย์สืบทอดที่ได้รับการเปิดเผยดังนี้
พระธรรมาจารย์หวงเต๋อฮุ่ย สมัยที่เก้า ชาวเจียงซี (ค.ศ. 1624) เป็นภาคหนึ่งของมหาปฐมพรหมราชเจ้า ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ ค.ศ. 1667 จนถึง ค.ศ. 1690 พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบอู๋จื่อเสียง ชาวเจียงซี สมัยคังซี (ค.ศ. 1715) เป็นภาคหนึ่งของพระวิชญะรุจน์พรหมราชเจ้าเหวินชัง ดำรงตำแหน่งถึง ค.ศ. 1784 พระธรรมจารย์สมัยที่สิบเอ็ดท่านเหอยั่ว ชาวเจียงซี สมัยเฉียนหลง เป็นภาคหนึ่งจิ่วเทียนโต่วหมู่ พระธรรมจารย์สมัยที่สิบสองท่านเอวี๋ยนจื้อเชียน ชาวกุ้ยโจว (ค.ศ. 1760) แพร่ธรรม 1802 จนถึงปี 1834 พระธรรมาจารย์ที่สิบสามท่านสวีจี๋หนาน ชาวเฉิงตู พระภาคหนึ่งพระศรีอาริยเมตไตร สืบทอดธรรมตั้งแต่ ค.ศ. 1826 ถึงปี 1845 พระอาจารย์ธาตุทั้ง 5 ปกครองธรรมจักรวาล ถึงปี ค.ศ. 1873 พระธรรมาจารย์ที่สิบสี่ท่านเหยาเฮ่อเทียน ชาวซันซี พระภาคหนึ่งพระองค์มารดาทองแห่งสระโบกขรณี เหยาฉือจินหมู่ บุกเบิกธรรมปีจนถึงปี ค.ศ. 1984 พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบห้าหวังเสวียเมิ่ง ชาวซันตง (ค.ศ. 1821) พระภาคหนึ่งของพระโพธิสัตว์จันทรปัญญาแพร่ธรรมจนถึงปี ค.ศ. 1884 พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบหกท่านหลิวฮว่าผู่ ชาวซันตง พระภาคหนึ่งของผู้สำเร็จธรรมวิเศษไท่เก๊ก แพร่ธรรมถึง ค.ศ. 1886 พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบเจ็ดท่านลู่จงอี ชาวซันตง (ค.ศ. 1849) จนถึงปี ค.ศ. 1925 ท่านน้องท่านลู่จงอี พระพุทธบรรพจารย์จินกง ช่วยดูแลงานธรรมแทนชั่วคราว พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบแปดท่านจางขุยเซิง หรือพระบรรพจารย์เทียนหยาน ชาวซันตง รับช่วงธรรมจักรวาลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1915 จนปี 1947 พระธรรมจารย์สมัยที่สิบแปดท่านซุนซู่เจิน หรือพระอริยมาตาจงฮว๋า ชาวซันตง ศึกษาธรรมคู่กับท่านจางขุยเซินจนถึงปี 1975 ตราบสิ้นชีวิต ได้มีศิษย์เช่น เหล่าเฉียนเหยิน เฉียนเหยิน จนแพร่อนุตตรธรรมสมบูรณ์ ไปทั่วโลก ที่สำคัญพระธรรมาจารย์นั้นสิ้นสุดลงเพียงรุ่นที่สิบแปดสองพระองค์เท่านั้น ไม่มีรุ่นที่สิบเก้าหรือผู้รักษาการใด ๆ อีกต่อไป นับแต่พระธรรมจารย์สมัยที่สิบแปดท่านซุนซู่เจินสิ้นชีวิตลง งานธรรมกิจก็ดำเนินแยกไปตามแต่ละสายงานธรรมภายใต้การปกครองของท่าน ธรรมปรินายก ธรรมธิการ รองธรรมธิการ โดยไม่มีพระธรรมาจารย์อีกต่อไป แต่ได้มีคำทำนายไว้แล้วว่าภายหลังสิ้นพระธรรมจารย์สมัยที่สิบแปดท่านซุนซู่เจินแล้ว จะมีพระธรรมาจารย์ และพระบรรพจารย์ปลอมเกิดขึ้นอีกมากมาย ปัจจุบันสายของเมืองไทยจะเป็นสายของท่าน เหล่าเฉียนเหยิน แซ่หัน เรียกว่าท่าน หันเหล่าเฉียนเหยิน ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว
ลัทธิอนุตรธรรมเรียกเป็นชื่อจีนได้ว่า อี้ก้วนเต๋า ซึ่งต่อมาผมอ่านเจอจากหนังสือเล่มหนึ่ง ผมจำชื่อไม่ได้ แต่เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นของพระภิกษุชาวจีน/ไต้หวันแล้วแปลเป็นไทย จัดจำหน่ายโดยโลกทิพย์(ถ้าจำไม่ผิด)มี 3 เล่ม ซึ่งได้กล่าวถึง ลัทธิอี้ก้วนเต๋า ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่า ลัทธิอี้ก้วนเต๋านี้คืออนุตรธรรม แต่สิ่งที่อ่านเจอคล้ายๆกับอนุตรธรรมคือ กล่าวถึงว่า การถ่ายทอดธรรมจะทำกันสองต่อสอง(ซึ่งหนังสือบอกว่า อันตรายสำหรับผู้หญิง ถ้าอาจารย์ถ่ายทอดธรรมเป็นผู้ชาย) และกล่าวถึงอาจารย์ถ่ายทอดธรรมที่เรียกว่า ฉวนซือ และเรียกลัทธินี้ว่า ลัทธิไข่เป็ด เพราะแม้กินเจแต่สามารถกินไข่เป็ดได้ (จำไม่ค่อยได้ล่ะครับ)
ผมก็เลยเริ่มถอยห่างออกมา เริ่มคุยกับพี่สาวมากขึ้นว่ามันแปลกๆ แต่พี่สาวผมไม่เชื่อ ตอนที่มีประชุมธรรมก็ไปตลอดทำให้ไม่มีใครช่วยงานที่บ้าน ก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง บางครั้งพี่สาวผมโทรมาตามให้กลับบ้านเพราะพี่สาวผมจะไปประชุมธรรม 3 วัน พอผมบอกไปไม่ได้ก็จะโกรธตลอดและก็ทะเลาะกัน
จนบางครั้งก็เปิดอกคุยกัน อธิบายด้วยเหตุด้วยผลว่า การถึงนิพพานมันไม่ง่ายขนาดนั้นแค่รู้เรื่องไตรรัตน์จะถึงนิพพานง่ายขนาดนั้นเลยหรอ พี่สาวก็แย้งว่า ถึงต้องมีการบำเพ็ญธรรมไง ต้องกินเจและทำความดี ชวนคนมารับธรรม ไปเป็นวิทยากรสอนธรรมบ้างบางโอกาส
ผมก็ยอมรับว่า ลัทธินี้สอนให้เป็นคนดี แต่ผมไม่เชื่อเรื่องการสอนเรื่องนิพพานหรือแดนสุขาวดีหรือแดนพุทธเกษตร(แล้วแต่ใครจะเรียก) พี่สาวก็อ้างว่า ก็ทำไมไม่มาลองปฏิบัติธรรมดูเล่าจะมาว่าเค้าได้ไง เค้าปฏิบัติแล้วได้ผล (แต่ก็จริงนะครับ พี่สาวผมเมื่อก่อนอารมณ์ร้อนมาก ขี้โมโห โวยวาย และไม่ค่อยมีสติ แม่ผมเรียกว่า ป้ำๆเป๋อๆ แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นมากเลยครับ ผมชวนทำบุญก็ทำตลอด ไม่ค่อยอารมณ์ร้อน)
ผมอธิบายถึงเรื่อง เขตนาบุญนอกพระพุทธศาสนา ว่าสิ่งที่ทำอยู่จัดเป็นนาบุญนอกเขตพระพุทธศาสนานะ ถึงแม้ว่าจะอ้างว่า ลัทธินี้เป็นของทุกศาสนา รวมทุกคำสอน เพียงแค่ศาสดาแต่ละองค์ได้รับบัญชาจากเบื้องบนได้ถ่ายทอดธรรมคนละซีกโลกกัน ผมก็บอกว่ามันไม่ถูกต้องใครจะอ้างอะไรก็ได้
คุยกันไปคุยกันมาก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม จนสุดท้ายตกลงกันว่า ผมไม่ยุ่งเรื่องของพี่สาวผม เพราะพี่สาวผมโอเคกับตรงนี้แล้ว เค้าดีขึ้นเพราะอนุตรธรรมจริงๆ ส่วนผมก็ขอปฏิบัติตามทางของผมไม่กล่าวโจมตีกันอีก
แต่ที่เขียนเพื่อเตือนสำหรับบางท่านที่อินทรีย์ยังอ่อน โดยเฉพาะเรื่องศรัทธา แทนที่เราจะทำทางแห่งวัฏสงสารให้สั้นเข้า ดันไปต่อให้ยาวมากขึ้น แต่ถ้าเทียบกับคนไม่สนใจธรรมมะหรือปฏิบัติธรรมเลย ผมว่าคนนับถือลัทธินี้ก็ไม่ได้แย่มากนักหรือเรียกว่าดีกว่าเยอะเลย จากคุณ | : Thus Spoke Eitthakorna | เขียนเมื่อ | : 19 ม.ค. 54 14:06:23 | | |
จากคุณ |
:
Thus Spoke Eitthakorna
|
เขียนเมื่อ |
:
14 พ.ค. 54 08:48:18
|
|
|
|
 |