ความคิดเห็นที่ 1 ต่อค่ะ ยาวจริงๆ ครั้งนี้ จขกท จะอธิบายเจาะเรื่องการตรึงกางเขนแบบโรมันแล้วค่ะ  ก่อนที่ชาวโรมันจะตรึงกางเขนนักโทษนั้น ส่วนมาก จะนำนักโทษไปโบยตีก่อน (อย่างที่พระเยซูโดน) ด้วย การเฆี่ยนตีนักโทษ ชาวโรมันจะใช้ แส้ เรียกว่า flagrum เป็นแส้ที่ มีกระดูกสัตว์ และเศษโลหะติดไว้ ไม่อยากจะนึกถึงระหว่างที่เฆี่ยน เพราะเนื้อของนักโทษจะหลุดออกมาเลย.. ในกฎของชาวยิวนั้น จะทำการเฆี่ยนนักโทษ 39 ที  หลังจากที่เฆี่ยนนักโทษจนสะบักสะบอม... ก็จะเริ่มกระบวนการ ตรึงกางเขน   กางเขนที่ ชาวโรมันจะใช้ไม้ สองท่อน ขัดกัน มีชื่อทั้งสองท่อนค่ะ คือ Stipes และ patibulum stipes คือไม้ที่ปักอยู่กับที่ในแดนประหาร... และ patibulum เป็นไม้ขวาง ที่ นักโทษจะต้องเดินแบกไปยังแดนประหาร โดย patibulum นี้มีน้ำหนักมาก ประมาณ 110 ปอนด์ หรือ 49 กิโลกรัม นักโทษส่วนใหญ่จะแบกไม่ค่อยไหว เนื่องจาก ร่างกายอ่อนแอ เพราะโดน ทรมานมาก่อนหน้า  และพระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังที่ซึ่งเรียกว่า กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา   ยอห์น 19:17                                             พระเยซูเจ้าทรงแบกกางเขนไประยะหนึ่ง แล้ว ทหารโรมันก็บังคับชายผู้หนึ่ง นามว่า ซีโมนให้แบก กางเขนของพระองค์  ครั้นพวกเขาออกไปแล้ว เขาได้พบชาวไซรีนคนหนึ่งชื่อซีโมน เขาจึงเกณฑ์คนนั้นให้แบกกางเขนของพระองค์ไป มัทธิว 27:32 ทางเดินไปสู่งสถานที่ตรึงกางเขนนั้น ส่วนมาก มักจะใช้ ทางที่ไกลและคดเคี้ยวที่สุด... เมื่อถึงสถานที่ประหารแล้ว ทหารโรมันจะ ตอกตะปู ที่มือของนักโทษติดกับ patibulum ความยาวของตะปูประมาณ 5-7 นิ้ว ซึ่งแน่นอน ว่าเจ็บปวดมาก จากนั้น ทหารก็จะทำการชักรอก กางเขนขึ้น.... และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ titulus ซึ่งเป็นป้าย ที่จะติดไว้เหนือกางเขน เพื่อประจานความผิดของนักโทษนั้นๆ titulus ของพระเยซูเจ้า เขียนว่า "เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของพวกยิว" ในสามภาษาคือ ฮีบรู กรีก และ ละติน เป็นที่น่าสังเกตนะคะ เพราะพระคัมภีร์ ฉบับภาษา อังกฤษบางฉบับ บ้างก็ว่าเป็นอราเมอิกค่ะ แต่เพราะฉบับนี่ เรานำมาอ้างอิงคือ Thai KJV  Pilate had a notice prepared and fastened to the cross. It read: jesus of nazareth, the king of the jews.Many of the Jews read this sign,for the place where Jesus was crucified was near the city, and the sign was written in Aramaic, Latin and Greek  John 19:19-20 NIV  และเรามาดู KJV กันค่ะ  And Pilate wrote a title, and put it on the cross. And the writing was, JESUS OF NAZARETH THE KING OF THE JEWS. This title then read many of the Jews: for the place where Jesus was crucified was nigh to the city: and it was written in Hebrew, and Greek, and Latin. John 19:19-20 KJV  แต่ประโยคนี้ ที่ดังๆและพบบ่อยมากคือ ในภาษาละตินค่ะ เราเชื่อ ว่า หลายๆคนคงสงสัย เวลาเห็นกางเขนพระเยซูที่ ศาสนาคริสต์ บางนิกาย เคารพ มีป้ายด้านบน พระเยซูและมีคำว่า INRI อยู่ มันคืออะไรเหรอ??? ไหนบอกเขียนว่า "นี่คือกษัตริย์ของพวกยิว" ยังไงล่ะ แล้ว INRI มันคืออะร๊ายยย INRI คือตัวย่อในภาษาละตินค่ะ มาจากเต็มๆว่า IESVS·NAZARENVS·REX·IVDÆORVM (Iesus Nazarenus, Rex Iudaeorum) แปลว่า เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของพวกยิว  นิยมใช้กันมากในพระศาสนจักร ตะวันตก คริสตชนบางกลุ่มมีการเสนอให้เปลี่ยนเป็นความหมายต่างๆ เช่น INTRA NOBIS REGNUM IEHOVA ซึ่ง แปลว่า พระอาณาจักรพระเจ้านั้นอยู่ไม่ไกล สังเกตว่าก็ยังคงเป็น INRI อยู่ แต่ประโยคเต็มไม่ใช่ Iesus Nazarenus, Rex Iudaeorum แล้ว ในพระศาสนจักร ตะวันออก ทั้ง ออทอดอกซ์ และ คาทอลิก จะใช้ ตัวย่อในภาษากรีกแทนคือ INBI มาจาก Ἰησοῦς ὁ Ναζωραῖος ὁ βασιλεὺς τῶν Ἰουδαίων พอดีกับที่ จขกท เหลือบไปเห็น เห็นตารางในวิกีพีเดียเกี่ยวกับข้อความบน titulus ของพระเยซูเจ้า เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ก็ขอนำ มาให้ดูค่ะ Mark Luke Matthew John Verse Mark 15:26 Luke 23:38 Matthew 27:37 John 19:19-20 Greek Inscription ὁ βασιλεὺς τῶν Ἰουδαίων ὁ βασιλεὺς τῶν Ἰουδαίων οὗτος οὗτός ἐστιν Ἰησοῦς ὁ βασιλεὺς τῶν Ἰουδαίων Ἰησοῦς ὁ Ναζωραῖος ὁ βασιλεὺς τῶν Ἰουδαίων English translation The King of the Jews This is the King of the Jews This is Jesus, the King of the Jews Jesus of Nazareth, the King of the Jews Languages [none specified] Greek, Latin, Hebrew [none specified] Hebrew, Latin, Greek Full verse in KJV And the superscription of His accusation was written over, THE KING OF THE JEWS. And a superscription also was written over Him in letters of Greek, and Latin, and Hebrew, THIS IS THE KING OF THE JEWS. And set up over His head His accusation written, THIS IS JESUS THE KING OF THE JEWS And Pilate wrote a title, and put it on the cross. And the writing was JESUS OF NAZARETH THE KING OF THE JEWS. จากตาราง จะเห็นได้ว่า วารสารของผู้บันทึกแต่ละท่านไม่ว่าจะเป็น มัทธิว, มาระโก, ลูกา หรือ ยอห์น ต่างก็ เขียนต่างกันบ้าง นิดหน่อย แต่ใจความเดิม ยังอยู่ค่ะ  ตางรางนี้ อ้างจาก พระคัมภีร์ ฉบับ KJV เป็นหลักนะคะ จขกท คิดว่า ไบเบิ้ลนั้น มีเสน่ห์มากๆ เนื่องจากผู้บันทึกแต่ละท่าน ก็ บันทึก ในมุมมองของตน เหมือนกับนักเรียน ฟังอาจารย์สอน แต่เวลาไปอธิบายต่อก็ อธิบายในมุมมองของตนเอง ซึ่งหากนับ ไบเบิ้ลในแง่วรรณกรรม ก็เป็น วรรณกรรมที่ทรงคุณค่ามากค่ะ ผู้เขียน พระวารสาร แต่ละท่านนั้น มีลีลาการใช้ภาษาที่คมคาย และแฝงความหมายลึกซึ้งมาก รูปด้านล่างคือ กางเขนพระเยซูที่มี INRI อยู่ด้านบนค่ะ เครดิตภาพ wikipedia จากคุณ : Bravo-10 เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 01:05:45

ความคิดเห็นที่ 2 มาถึงช่วงสุดท้ายกันแล้ว คือช่วงก่อนที่นักโทษจะตาย....เมื่อนักโทษอยู่บนกางเขน จะเจ็บปวดทรมานมาก... เนื่องจากมือทั้ง สองข้างถูกรั้งไว้ และ น้ำหนักตัวก็ คอยจะถ่วง สู่เบื้องล่างอยู่ร่ำไป เพราะฉะนั้น ทหารโรมัน จึง ได้ทำคานไว้ข้างใต้เท้า ของนักโทษ เพื่อป้องกันน้ำหนักตัวถ่วงจนตกลงมาจากกางเขน..   นักโทษที่อยู่บนกางเขน หายใจลำบากมาก จากที่บอกไปแล้วว่า มือถูกตรึงอยู่ กล้ามเนื้อหน้าอก ก็ขยับได้ไม่มากนัก ทำให้ นักโทษทุรนทุราย ดังนั้น นักโทษส่วนใหญ่มักจะใช้คานใต้เท้าให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเขย่ง เพื่อจะได้หายใจได้  นักโทษ บางคน สามารถมีชีวิตอยู่บนกางเขนได้นาน เนื่องจากร่างกายแข็งแรง หากนานจนเกินไป ทหารโรมันก็จะใช้วิธี หนึ่ง ซึ่งทำให้นักโทษตายไวขึ้น ค่ะ..ซึ่งวิธีนั้นคือ การทุบกระดูกที่ขาให้หัก เพื่อที่ นักโทษจะเขย่งไม่ได้ ทำให้หายใจไม่ออก และตายในที่สุด.. วิธีนี้ในภาษาละตินเรียกว่า crurifracture ตอนที่พระเยซูเจ้าโดนตรึงกางเขนนั้น มีโจรสองคนถูกตรึงด้วย เนื่องจากวันที่พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน เป็นวันศุกร์ ซึ่ง วันรุ่งขึ้นก็จะเป็นวัน สะบาโต..ซึ่งเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้น ชาวยิวก็ไม่อยากให้ ทิ้งศพไว้บนกางเขน ทหารโรมันจึงเริ่มทุบขาของนักโทษ แต่พระเยซูเจ้า ไม่โดนทุบค่ะ เนื่องจากพระองค์ สิ้นพระชนม์ก่อนแล้ว...  ดังคำทำนายที่ว่า "พระอัฐิของพระองค์จะไม่หักสักซี่เดียว"  เพราะ วันนั้นเป็นวันเตรียม พวกยิวจึงขอให้ปีลาตทุบขาของผู้ที่ถูกตรึงให้หัก และให้เอาศพไปเสีย เพื่อไม่ให้ศพค้างอยู่ที่กางเขนในวันสะบาโต (เพราะ วันสะบาโตนั้นเป็นวันใหญ่)ดังนั้นพวกทหารจึงมาทุบขาของคนที่หนึ่ง และขาของอีกคนหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่กับพระองค์ แต่เมื่อเขามาถึงพระเยซูและเห็นว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว เขาจึงมิได้ทุบขาของพระองค์ แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ และโลหิตกับน้ำก็ไหลออกมาทันที คนนั้นที่เห็นก็เป็นพยาน และคำพยานของเขาก็เป็นความจริง และเขาก็รู้ว่าเขาพูดความจริง เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อข้อพระคัมภีร์จะสำเร็จซึ่งว่า `พระอัฐิของพระองค์จะไม่หักสักซี่เดียว และมีข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งว่า `เขาทั้งหลายจะมองดูพระองค์ผู้ซึ่งเขาเองได้แทง ยอห์น 19:31-37   พระเยซูคริสต์ ทรงยอมทรมาน บนกางเขน เพื่อความรอด ของมวลมนุษย์ พระองค์ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และ คืนพระชนม์ชีพอย่างรุ่งเรือง ในวันที่ 3 พระองค์ทรงแสดงให้โลกเห็น ถึงความรัก ของพระองค์และพระบิดา เนื่องจาก พระเจ้าทรงรักโลก จึงทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวลงมา... ก่อนไป จขกท ขอฝาก ข้อความเหล่านี้จากพระคัมภีร์ค่ะ  บุคคลผู้ใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายจิตวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา บุคคลผู้ใดโศกเศร้า ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการทรงปลอบประโลม บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก บุคคลผู้ใดหิวกระหายความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้อิ่มบริบูรณ์ บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณา บุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้า บุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าจะได้เรียกเขาว่าเป็นบุตรของพระเจ้า บุคคลผู้ใดต้องถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา  มัทธิว 5:3-10  เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน เพราะว่าทุกคนที่ขอก็จะได้ ทุกคนที่แสวงหาก็จะพบ และทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา ลูกา 11:9-10 ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่าน ..sources : en.wikipedia www.allaboutjesuschrist.org  biblos.com แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 54 01:39:28 จากคุณ : Bravo-10 เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 01:31:14

ความคิดเห็นที่ 3 พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน ยน 19:17-22 บรรดาทหารนำพระเยซูเจ้าไปประหาร  (17)พระองค์ทรงแบกไม้กางเขน เสด็จออกไปยังสถานที่ที่เรียกว่า “เนินหัวกะโหลก” ภาษาฮีบรูว่า “กลโกธา”  (18)เขาตรึงพระองค์บนไม้กางเขนที่นั่นพร้อมกับนักโทษอีกสองคน อยู่คนละข้าง พระเยซูเจ้าทรงอยู่ตรงกลาง  (19)ปีลาต เขียนป้ายประกาศติดไว้บนไม้กางเขนเป็นข้อความว่า “เยซู ชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว”  (20)ชาวยิวจำนวนมากได้อ่านป้ายประกาศนี้เพราะสถานที่ที่พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงนั้นอยู่ใกล้กรุงและป้ายประกาศนั้นเขียนไว้เป็นภาษาฮีบรู ละติน และกรีก  (21)บรรดาหัวหน้าสมณะของชาวยิวกล่าวกับปีลาตว่า ‘อย่าเขียนว่า กษัตริย์ของชาวยิว’ แต่จงเขียนว่าคนนี้ได้กล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ของชาวยิว’  (22)ปีลาตตอบว่า “เขียนแล้ว ก็แล้วไปเถอะ” ไม่มีความตายใดน่าขนพองสยองเกล้าเท่าการตรึงกางเขน  แม้ชาวโรมันเองยังขนลุกเมื่อเอ่ยถึงกางเขน  ชิเชโรกล่าวว่าการตรึงกางเขนเป็น “ความตายที่โหดร้ายและน่ากลัวที่สุด”          การตรึงกางเขนมีต้นกำเนิดจากเปอร์เซีย  ชาวเปอร์เซียเชื่อว่าผืนดินเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปกป้องผืนดินอันศักดิ์สิทธิ์มิให้เป็นมลทินจากร่างของคนชั่ว พวกเขาจึงจับนักโทษประหารตรึงแขวนไว้บนไม้กางเขน  ต่อมาชาวคาร์เทจนำวิธีประหารชีวิตแบบนี้มาใช้  และชาวโรมันรับวิธีตรึงกางเขนมาจากชาวคาร์เทจอีกต่อหนึ่ง          โรมไม่เคยตรึงกางเขนชาวโรมันด้วยกันเอง แต่ใช้กับทาสในดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นเท่านั้น  นักโทษจะถูกตรึงไว้ที่ไม้กางเขนจนกว่าจะตาย บางคนใช้เวลาเป็นอาทิตย์  ระหว่างนี้นักโทษต้องทนทรมานสุดขีด ไหนจะหิว ไหนจะกระหาย ไหนจะร้อนจัดเวลากลางวัน ไหนจะหนาวจัดเวลากลางคืน ไหนริ้นและแมลงจะไต่ตอมตามบาดแผลโดยไม่สามารถป้องกันตัวหรือทำอะไรได้เลย เว้นแต่เฝ้าดูฝูงแร้งและฝูงกาที่บินวนเวียนรอจิกกินตัวเขาเอง          พวกเขานำความตายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด  ความตายสำหรับทาส  และความตายสำหรับอาชญากรมาใช้กับพระเยซูเจ้า !          เมื่อถูกตัดสินว่าผิด ผู้พิพากษาจะสั่งว่า “จงไปสู่กางเขน” (Ibis ad crucem) แล้วขั้นตอนการประหารจะเริ่มทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้นักโทษล่ำลาญาติมิตรหรืออุทธรณ์ฎีกาใด ๆ ทั้งสิ้น  นักโทษประหารต้องแบกกางเขนของตนท่ามกลางทหาร 4 คนไปตามเส้นทางที่ยาวที่สุดและมีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดเพื่อให้เกิดความเกรงกลัวและไม่กล้าทำผิด  มีทหารคนหนึ่งคอยลงแส้หรือใช้ประตัก (ไม้ที่ฝังเหล็กแหลมข้างปลาย ใช้แทงสัตว์พาหนะเช่น วัว) ทิ่มแทงเพื่อกระตุ้นให้นักโทษเดินไปสู่สถานที่ประหาร  หน้าขบวนมีทหารคนหนึ่งถือป้ายระบุความผิด เผื่อว่าอาจมีคนไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาและเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ให้นักโทษ ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ ต้องหยุดขั้นตอนการประหารแล้วกลับมาเริ่มไต่สวนกันใหม่          แต่สำหรับพระเยซูเจ้า ช่างไม่มีสักคนเชียวหรือที่กล้ายืนอยู่ข้างพระองค์ ?          “เนินหัวกะโหลก” ตรงกับภาษาฮีบรู “กลโกธา” และภาษาละติน “กัลวารีโอ” สันนิษฐานว่าชื่อนี้ได้มาจากรูปทรงของเนินที่ดูเหมือนกะโหลก  ตั้งอยู่นอกกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม เพราะกฎหมายยิวห้ามการตรึงกางเขนภายในนครศักดิ์สิทธิ์            ปีลาตเขียนป้ายประกาศติดไว้บนไม้กางเขนความว่า “เยซู ชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว” (ยน 19:19) ดูเหมือนเขาต้องการกวนชาวยิวเล่น เพราะชาวยิวพึ่งจะประกาศว่าซีซาร์เป็นกษัตริย์เพียงองค์เดียวของพวกเขา (ยน 19:15)          บรรดาหัวหน้าสมณะจึงทนไม่ได้และพยายามขอให้ปีลาตแก้ไขข้อความในป้ายประกาศ  แต่ปีลาต ตอบว่า “เขียนแล้ว ก็แล้วไปเถอะ” (ยน 19:22) นี่คือบุคลิกของปีลาต เขายอมหักแต่ไม่ยอมงอ            เขายอมหักเรื่องป้ายประกาศ เขายอมหักเรื่องนำธงจักรพรรดิเข้านครศักดิ์สิทธิ์ เขายอมหักเรื่องนำเงินของพระวิหารมาใช้  แต่ในกรณีของพระเยซูเจ้า เขากลับโลเลและยอมให้ชาวยิวนำพระองค์ไปตรึงกางเขน....!          ขออย่าให้เรา “ดึงดันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่กลับหละหลวมในเรื่องสำคัญที่สุดดังเช่นปีลาตเลย จากคุณ : orapronobis (orapronobis) เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 01:35:45

ความคิดเห็นที่ 4 ผมมีบทความลองช่วยกันศึกษาดูครับ.......... จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 11:24:38

ความคิดเห็นที่ 5 บทความต่อเนื่องครับ........ จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 11:26:01

ความคิดเห็นที่ 6 บทความหน้าสุดท้ายครับ...... [สำเนาจาก The Kingdom Interlinear Translation of the GREEK SCRIPTURES  ฉบับปี 1985] จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 11:33:04

ความคิดเห็นที่ 7 ได้ยินมาว่ากางเขนที่ตรึงพระเยซูไม่ใช่รูป + ดังที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน แต่จะคล้ายรูป T จริงหรือไม่ครับ ถ้าจริง ทำไมปัจจุบันจึงมักวาดภาพกางเขนแบบ + ไม่ได้วาดแบบ T จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 19:05:04

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่มีใครทราบว่า พระเยซูถูกตรึงบนเสาลักษณะไหน  ทั้งในคัมภีร์ไบเบิลต้นฉบับภาษากรีกก็ไม่ได้มีการชี้ชัด เพียงแต่ใช้คำว่า "ต้นไม้"  "เสาไม้"  "เสาหลัก" เป็นต้น   การทำโทษนักโทษยุคก่อนพระเยซู ในศาสนาอื่นอาจมีการชี้ชัดลงไป ว่าเสาที่ใช้ตรึงมีรูปลักษณะใดบ้างโดยดูจากภาพวาดเก่าๆ  ซึ่งก็มีหลายแบบ  เช่นแบบตัว T แบบกางเขนตัว +ในปัจจุบัน  แบบตัว  X และแบบเสาหลักโดดๆตัว I         สำหรับแบบกางเขนปัจจุบันตาม จขกท ว่าไว้ว่าทางโรมันคาทอลิกช่วงแปลคัมภีร์จากกรีกไปใช้ภาษาลาติน คงจะมีการเปลี่ยนใส่กางเขน/crossแทนคำว่าหลักไม้(ต้นไม้)ลงในคัมภีร์ฉบับลาติน  จนถึงปัจจุบันฝ่าย protestantทุกกลุ่ม ก็ยังยอมรับกางเขนเป็นสัญญลักษณ์             มีเพียงกลุ่มพยานพระยะโฮวาเท่านั้นที่ปฏิเสธกางเขนสิ้นเชิงโดยอ้างว่า เครื่องหมายกางเขนเคยถูกใช้ในศาสนานอกรีตมาก่อน  จึงใช้คำว่าเสาทรมานแทนกางเขนในคัมภีร์ฉบับแปลโลกใหม่ อย่างไรก็ตาม  สัญญลักษณ์กางเขนก็ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องมาถกเถียงกัน  มันเป็นเรื่องความเชื่อส่วนตัวว่าจะรักษาระดับความเชื่อต่อพระเจ้าแค่ไหน มากกว่า    จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 21:44:30

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่า ภาพที่เห็นๆอยู่สมัยนี้ เกิดจากจินตนาการของผู้วาด เรื่องข้อเท็จจริง คง หายาก แล้ว มีหลายส่วนที่ถูกแก้ไขจาก พวก บิชอพ ในยุคกลาง ? และ อีกกลายครั้ง .... เพื่อให้ ? .... ดังนั้น ข้อมูลจากหลายที่ๆ หลายๆเล่ม จึงไม่ตรงกันในหลายๆเรื่อง จากคุณ : YMS-15 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 54 07:54:05