ความคิดเห็นที่ 1 (2) ว่าด้วยพระวินัย พระพุทธองค์อนุญาตให้ภิกษุอนุโมทนาในโรงฉัน ภัตตานุโมทนา สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายไม่อนุโมทนาในโรงฉัน คนทั้งหลายจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ไม่อนุโมทนาในโรงฉัน ภิกษุทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาอยู่จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้อนุโมทนาในโรงฉัน ฯ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=7&A=4422&Z=4451&pagebreak=0 พระพุทธองค์บัญญัติสิกขาบทว่า  “ภิกษุใดยืนแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่ ต้องอาบัติทุกกฏ” ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๑๐: สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ยืนแสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งอยู่ ... พระอนุบัญญัติ: ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เรายืนอยู่จักไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เจ็บไข้ผู้นั่งอยู่. สิกขาบทวิภังค์: อันภิกษุผู้ยืนอยู่ ไม่พึงแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่ ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ยืนแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่ ต้องอาบัติทุกกฏ. อนาปัตติวาร: ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล. ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=2&A=16208&Z=16340&pagebreak=0 พระพุทธองค์บัญญัติสิกขาบทว่า  “ภิกษุใดยืนแสดงธรรมแก่ผู้สวมรองเท้า ต้องอาบัติทุกกฏ” ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๒: สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ยืนแสดงธรรมแก่บุคคลผู้สวมรองเท้า... พระอนุบัญญัติ: ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เรายืนอยู่จักไม่แสดงธรรมแก่บุคคลไม่ใช่ผู้เจ็บไข้ สวมรองเท้า สิกขาบทวิภังค์: อันภิกษุไม่พึงแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ผู้สวมรองเท้า ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ผู้เหยียบรองเท้าก็ดี ผู้สวมรองเท้าก็ดี ผู้สวมรองเท้าหุ้มส้นก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ. อนาปัตติวาร: ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล. ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=2&A=16094&Z=16207&pagebreak=0 จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 03:09:23

ความคิดเห็นที่ 2 (3) ภิกษุสามารถอนุโมทนานอกโรงฉันได้หรือไม่ ข้อนี้ มีความคิดเห็นว่า สามารถทำได้ ดังปรากฏในอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ธัมมัตถวรรคที่ ๑๙ พระศาสดาทรงอนุญาตว่า "ภิกษุทั้งหลาย ตั้งแต่บัดนี้ไป ท่านทั้งหลายจงทำอนุโมทนาในที่ทั้งหลายมีโรงภัตเป็นต้น ตามสบายเถิด จงกล่าวอุปนิสินนกถาเถิด" http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=29&p=8 อุปนิสินนกถา “ถ้อยคำของผู้เข้าไปนั่งใกล้”, การนั่งคุยหรือสนทนาอย่างกันเอง หรือไม่เป็นแบบแผนพิธี เพื่อตอบคำซักถาม แนะนำชี้แจง ให้คำปรึกษา เป็นต้น http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อุปนิสินนกถา เรื่องนางลาชเทวธิดา กุลธิดาพอเห็นพระเถระก็มีจิตเลื่อมใส มีสรีระอันปีติ ๕ อย่างถูกต้องแล้ว กล่าวว่า "นิมนต์หยุดก่อน เจ้าข้า" ถือข้าวตอกไปโดยเร็ว เกลี่ยลงในบาตรของพระเถระแล้ว ไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์๑- ได้ทำความปรารถนาว่า "ท่านเจ้าข้า ขอดิฉันพึงเป็นผู้มีส่วนแห่งธรรมที่ท่านเห็นแล้ว." พระเถระได้ทำอนุโมทนาว่า "ความปรารถนาอย่างนั้น จงสำเร็จ." http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=19&p=3 จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 03:11:08

ความคิดเห็นที่ 3 (4) การให้พร (อนุโมทนา) จัดเป็นการแสดงธรรมหรือไม่ การให้พร(อนุโมทนา) จัดเป็นการแสดงธรรมหรือไม่ หากไม่จัดเป็นการแสดงธรรม ก็ถือว่าไม่ต้องอาบัติตามปาทุกาวรรค หากถือว่า การให้พร(อนุโมทนา) จัดเป็นการแสดงธรรม กรณีนี้ สามารถให้ภิกษุหลีกเลี่ยงอาบัติได้โดย ภิกษุนั่งเมื่อให้พร หรือ ให้ฆราวาสถอดรองเท้ายืนรับพร เป็นต้น ความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่า การอนุโมทนา เป็นคนละกรณีกับการแสดงธรรม จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 03:12:43

ความคิดเห็นที่ 4 (5) กรณีปาทุกาวรรค สิกขาบท ข้อวินิจฉัยจากท่านฐานาฐานะ ตอบ คุณ ฮิมาวาริซซัง [9 มิถุนายน 2554 07:36] [๘๖๔] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งในยาน ... ที่ชื่อว่า ยาน ได้แก่ คานหาม รถ เกวียน เตียงหาม วอ เปลหาม. [๘๖๖] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งรัดเข่า ... [๘๖๙] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์อยู่ที่พื้นดินแสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งอยู่บนอาสนะ ... [๘๗๒] ... ๒๑๔. ๖๙. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เรานั่งบนอาสนะต่ำ จักไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เจ็บไข้ ผู้นั่งบนอาสนะสูง. [๘๗๓] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ยืนแสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งอยู่ ... http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=16094&Z=16207 ความเห็นส่วนตัวโปรดใช้วิจารณญาณ [๘๖๔] ขยายความว่า    บุคคลผู้นั่งในยาน จะสบายกว่าและมีอิสริยยศสูงกว่า ผู้ยืน    ผู้ฟังธรรม (ผู้รับ) ไม่ควรสบายกว่าและมีอิสริยยศสูงกว่า ผู้แสดงธรรม (ผู้ให้) [๘๖๖] ขยายความว่า    บุคคลผู้นั่งรัดเข่า นั่งด้วยอากัปกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสม ไม่พร้อมที่จะฟังธรรม [๘๖๙] ขยายความว่า    ผู้นั่งอยู่บนอาสนะ จะสบายกว่าและมีอิสริยยศสูงกว่า ผู้นั่งอยู่ที่พื้นดิน [๘๗๒] ขยายความว่า    ผู้นั่งบนอาสนะสูง มีอิสริยยศสูงกว่า ผู้นั่งบนอาสนะต่ำ [๘๗๓] ขยายความว่า    ผู้นั่งอยู่ จะสบายกว่า ผู้ยืนแสดงธรรม    จากข้อสันนิษฐานเหล่านี้ จะเห็น 2 ประเด็นใหญ่และ 1 ประเด็นเล็ก คือ    1. อิสริยยศ    2. ความสบายของอิริยาบถ    3. ความพร้อมฟังธรรมด้วยอาการของผู้พร้อมจะฟังธรรม (ไม่นั่งรัดเข่า)    แต่การที่ฆราวาสนั่งกระโหย่งด้วย (ลำบากกว่ายืน) และประคองอัญชลีด้วย (ผู้ไหว้หรือผู้ถูกไหว้ ใครควรมีอิสริยยศเหนือกว่า?) และแสดงอาการของผู้เลื่อมใส (ผู้ใดเลื่อมใสต่อผู้ใด) http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/tipitaka_seek.php?text=ทำอาการของผู้เลื่อมใส    การนั่งอย่างนั้น เป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปแล้วว่า เคารพยำเกรงอย่างยิ่ง    อาการที่ว่า เมื่อจะขอชีวิต ก็ยกมือท่วมหัว (ประคองอัญชลีเหนือศีรษะ) หมอบแทบเท้า เพื่อขอชีวิต. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/tipitaka_seek.php?text=หมอบ&book=1&bookZ=45    ดังนั้น ผู้นั่งอยู่ (นั่งปกติ) จะสบายกายกว่า ผู้ยืนแสดงธรรม แปลว่า ผู้นั่งอยู่ ถ้าเคารพธรรมจริง ควรให้ความสบายกายแก่ผู้แสดงธรรม ด้วยการให้อาสนะแก่ผู้แสดงธรรม. ผู้แสดงธรรม เมื่อเคารพธรรม ก็พึงแสดงธรรมแก่ผู้เคารพธรรม. อุรุเวลสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=อุรุเวลสูตร&book=9&bookZ=33 สีหสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=22&A=2801 ทั้งหมดเหล่านี้ เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวโปรดใช้วิจารณญาณ. ฐานาฐานะ 9:37 9/6/2554 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 03:19:56 จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 03:16:09

ความคิดเห็นที่ 5 (6) กรณีการนั่งกระโหย่งรับพร ข้อวินิจฉัยจากท่านฐานาฐานะ ควรพิจารณาลักษณะการนั่งว่า   1. นั่งประนมมือ ประคองอัญชลี   2. การนั่งประนมมือ เป็นการนั่งเพื่อแสดงความเคารพด้วย เพื่อให้ต่ำกว่าพระภิกษุด้วย คือให้พระภิกษุผู้ยืนอยู่ เด่นขึ้น.   3. การนั่งประนมมือนั้น มีลักษณะคล้ายการนั่งกระโหย่ง   การนั่งกระโหย่ง เป็นการนั่งเพื่อทำความเคารพ เช่น http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/tipitaka_seek.php?text=นั่งกระโหย่ง http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/tipitaka_seek.php?text=นั่งกระหย่ง กุลบุตรนั่งกระโหย่ง เพื่อขอบรรพชาอุปสมบท http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=04&A=3321&Z=3399 จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 03:17:33

ความคิดเห็นที่ 6 (7) การให้พรจงเจริญชนมายุยืนนาน พระพุทธองค์อนุญาตภิกษุให้พรตอบแก่ชาวบ้านว่า ขอท่านจงเจริญชนมายุยืนนาน ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชาวบ้านมีความต้องการด้วยสิ่งเป็นมงคล เราอนุญาตให้ภิกษุผู้ที่เขาให้พรว่า จงเจริญชนมายุ ดังนี้ ให้พรตอบแก่ชาวบ้านว่า ขอท่านจงเจริญชนมายุยืนนาน ฯ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=7&A=1354&Z=1369 จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 03:22:22

ความคิดเห็นที่ 7 (8) กระทู้อ้างอิง วินัยพระน่ารู้ คู่มือโยม - การให้พร http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/06/Y9328411/Y9328411.html คำว่า เจริญพรโยม แปลว่าอะไรเหรอคะ http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5347630/Y5347630.html แบบนี้เรียกว่าพระจริงหรือพระปลอมคะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10624802/Y10624802.html ดิฉันเพิ่งทราบว่าพระให้พรผิดวินัยสงฆ์ ...ท่านผู้รู้ช่วยทำให้ดิฉันกระจ่างหน่อยค่ะ ??? http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10641960/Y10641960.html กรณี พระ อนุโมทนาในเวลาบิณฑบาต ผิดหรือไม่ ด้วยมีที่ทรงอนุญาตให้อนุโมทนาในโรงฉันไว้แล้ว http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10655077/Y10655077.html จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 03:23:32

ความคิดเห็นที่ 8 ปัญหาอยู่ที่......ถ้าแก้ไข ต้องแก้ไขกันแทบทั้งประเทศ จะสามารถทำได้ไหมครับ? ป.ล.วัดบวรฯ บางลำภู ที่ผมเคยบวช พระอาจารย์ท่านก็สอนเช่นกันว่าบิณฑบาตรแล้ว ไม่ต้องให้พร ซึ่งญาติโยมแถวนั้นรู้ดีครับ ไม่รอนั่งรับพร จากคุณ : วป.มิ้ม (มิ้มเฒ่า) (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 04:47:22

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะรู้มาก ยึดติดในตัวอักษรสมมุติ จนลืมเลือนเจตนาและเป้าหมาย เกิดอัตตาว่าเรานี้รู้ธรรมมาก จนแตกเปนนิกาย เปนฝ่ายขึ้นมา จนทุกวันนี้ เกิดสำนักสามแยก สันติอโสก แม้กระทั่งจานบิน หรือล่าสุด กรณีนาป่าพง ก็ล้วนมาจาก มานะ อัตตา ทั้งสิ้น เปนหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน พึงโยนิโสมนสิการ ขอบคุณจขกท ที่สรุปรวบรวม ครับ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 54 09:11:51 จากคุณ : นายจองชัย เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 07:06:40

ความคิดเห็นที่ 10 อือม... สิ่งที่จขกท.ต้องการจะสื่อคืออะไรเหรอครับ พระบางที่ก็ให้พรเลย บางที่ก็ให้พรที่วัด ขอบเขตระหว่างเจริญศรัทธา กับประจบฆาราวาสนั้นใกล้กันจริงๆ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 07:48:06

ความคิดเห็นที่ 11 "อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย โดยกาลล่วงไปแห่งเรา" จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 08:43:26

ความคิดเห็นที่ 12 ขออภัยที่อาจเขียนเจตนาที่จะสื่อไม่ชัดเจนครับ _/\_ ผมตั้งใจพยายามลงเฉพาะข้อมูลดิบ เพื่อให้เพื่อนๆได้พิจารณาตามกันเอาเองน่ะครับ ผมต้องการจะสื่อว่า พระจะให้พรหรือไม่ให้พรก็ได้น่ะครับ เพราะ บุญสำเร็จที่ใจตั้งแต่คิดจะทำบุญแล้ว ส่วนพระท่านจะไม่ให้พร ก็ไม่ผิดอะไร ถ้าท่านให้พร ก็ไม่ผิดอะไรเช่นกัน แค่นี้เองครับ อีกอย่างคือ เสียดายข้อความหลังไมค์จากท่านฐานาฐานะ อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่าน ไม่อยากเก็บไว้คนเดียวครับ :) จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 08:48:36

ความคิดเห็นที่ 13 อีกประการคือ ตรงไหนเป็นข้อมูล ตรงไหนเป็นข้อคิดเห็น ผมได้ระบุเอาไว้ชัดเจนนะครับ เพื่อนๆสามารถโยนิโสมนสิการได้เองครับ :) อนุโมทนา _/\_ จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 08:50:37

ความคิดเห็นที่ 14 ผู้รู้ก็ทำการวิเคราะห์กันไป แต่พระเอง ที่ให้พร ส่วนมาก คือพระที่ ไม่รู้เรื่องรู้ราว เกี่ยวกับพระวินัย และสมณสารูป   ส่วนใหญ่แล้ว ให้พระไปก็เพราะเหตุผลเพียงไม่กี่อย่าง 1. คิดประจบคฤหัสถ์ 2. ทำตามครูอาจารย์ (ผู้ที่คิดประจบคฤหัสถ์ มาก่อน) 3. เป็นพระที่ไม่มีความรู้และมักคิดไปเองว่า ต้องให้พร เพราะเป็นข้อวัตรปกิบัติที่พระต้องทำ หากไม่ทำ ก็ไม่สบายใจ และกังวล วิจิกิจฉา 4. มีใจเมตตาอยากจะให้พร เพราะคิดว่าคำพรที่ตนให้นั้น จะยังผลให้ผู้ตักบาตรได้มีโชค มีความสุข      ผมเคยเห็นพระผู้ใหญ่ระดับสมเด็จ จนถึงสมเด็จพระสังฆราช บิณฑบาตร    พระคุณเจ้าเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้รู้พระธรรม-วินัย และเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งศีล-อาจารวัตร แต่พระคุณเจ้าทั้งนั้น ก็ไม่เคยยืนให้พร ในขณะบิณฑบาตร     เพื่อน ๆ ก็ลองพิจารณาไตร่ตรองดูก็แล้วกันครับ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 09:44:32

ความคิดเห็นที่ 15 ทางสายกลางไม่สุดโต่งด้านใดด้านหนึ่ง ......จบ จากคุณ : ป.ปลา (palara) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 10:00:53

ความคิดเห็นที่ 16 ปกติไม่ค่อยได้เข้ามาห้องนี้ แต่พออ่านกระทู้นี้แล้วต้องขออนุญาตระบายข้อข้องใจหน่อยนะคะ ดิฉันก็อายุ 50 แล้ว ตั้งแต่เด็ก ใส่บาตร ก็จำได้ว่าพระท่านรับบาตร แล้วท่านก็เดินไป เราไหว้เฉยๆ แต่ในปัจจุบัน เห็นชาวบ้านใส่บาตรเสร็จ ลงนั่งหรือย่อ พนมมือรอรับพรกันทุกคน ซึ่งพระท่านก็ให้พรทุกที(ซึ่งก็ไม่ผิดอย่างที่คุณฮิมาวาริซซังบอกใน คห.12 ใช่ไหมคะ) แต่ที่ดิฉันรู้สึกว่าไม่สมควร คือ พระบางรูปก็ไม่ได้สวดเป็นบาลี แต่ กลับบอกว่า "ขอให้ร่ำรวย ทำมาค้าขึ้น" หรือถ้าผู้ที่ใส่บาตรเป็นเด็กก็บอกว่า "ขอให้เรียนเก่งๆ สอบได้ที่1นะ" อะไรอย่างนี้ ฟังแล้ว รู้สึกไม่สบายใจอย่างไรไม่ทราบค่ะ ไม่อยากให้พระ ส่งเสริมให้คน อยากมี อยากได้ ถ้าสวดบาลีไม่ได้ หรือ อยากให้ชาวบ้านเข้าใจ ก็ น่าจะพูดง่ายๆ เช่น อนุโมทนาบุญนะโยม อะไรก็ยังดีค่ะ ไม่ใช่มาขอให้ร่ำรวย จากคุณ : kai's craft เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 10:10:27

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าผมบวช ผมก็จะไม่ให้พรขณะบิณฑบาตร (คงจะมีโยมที่ไม่ชอบแน่ๆเลย) จากคุณ : ปริญญาบ้าเกมส์ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 10:57:30

ความคิดเห็นที่ 18 ความเห็นที่ 16 อย่างที่คุณ kai's craft ประสบมานั่นแหล่ะครับ ที่ทางพระท่านเรียกว่า "การประจบคฤหัสถ์"  ซึ่งพระที่ดี ท่านจะไม่ทำ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 12:35:41

ความคิดเห็นที่ 19 อนุโมทนากับคุณฮิมาวาริซซังเจ้าของกระทู้และคุณฐานาฐานะด้วยครับ จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 17:31:03

ความคิดเห็นที่ 20 อนุโมทนากับจขกท.ครับ จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 01:02:35

ความคิดเห็นที่ 21 ดูภาพยนต์ "พุทธศาสดา" ในกระทู้ Y10671886   ปรากฏในหลายตอนที่พระพุทธองค์ประทับยืนแสดงธรรมแก่บุคคลต่าง ๆ ที่นั่งคุกเข่าลง ดูแล้วก็สะดุดจิตคิดถึงเรื่องในกระทู้นี้ เราควรทำความเข้าใจอย่างไรดี ขอความอนุเคราะห์ด้วย จากคุณ : มดละเอียด เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 17:22:35

ความคิดเห็นที่ 22 ที่วัดที่ผมเคยบวชมา ก็ไม่ได้ให้พรตอนบิณฑบาตร แต่กลับมาถึงวัดเอาของมารวมกันแล้วให้พร ครั้งเดียว แต่บางครั้งก็ให้พรสำหรับโยมที่ขอถวายเป็นสังฆทาน หรือบางโยมที่เป็นวันเกิด ส่วนมากจะหน้าแปลก ๆ มาถวาย (บ้านที่เคยใส่บาตรน่ะแหละ แล้วแถมเพิ่มมาอีกคน ส่วนมากเขาจะบอกว่าวันเกิด) ก็จะสวดให้พรสักบทหนึ่ง คือว่าวัดแถวบ้าน โยมเขาจะทราบ   แต่ตอนออกไปทุดงค์ เวลาบิณฑบาตร จะให้พรทุกครั้ง โยมสบายใจ พระก็สบายใจ ผมคิดแบบนี้ จากคุณ : เคยบวชพระ 9 เดือน (dangbailays) เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 00:33:53

ความคิดเห็นที่ 23 การให้/การทำบุญ ผมไม่เคยหวังผลตอบแทน คิดอย่างนี้ก็สบายใจดีนะครับ เพราะยังไงบุญก็เกิดแล้ว จากคุณ : spitfireboy เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 15:03:27

ความคิดเห็นที่ 24 ตอนบวชออกไปบิณฑบาตรกับเจ้าอาวาส พอตักบาตรเสร็จท่านเจ้าอาวาสไปได้พูดอะไร แต่ยืนเฉยๆ ซักอึดใจก็เดินไปต่อ พอเจ้าอาวาสไม่ว่างติดธุระก็จะออกไปบิณฑยาตรกับพระในวัด พอตักบาตรเสร็จก็ท่องเลย จัตตาโรธัมมาวัฎขันติ อายุ วรรโณ สุขขัง พลัง (พิมพ์พผิดยังไงอภัยด้วย) จากคุณ : Sofus เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 22:50:17

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากครับ กำลังจะบวชอีกไม่กี่วัน หลวงตาก็เคยบอกเมื่อผมถามท่าน ท่านบอกว่า ครูบาอาจารย์ก็ไม่เคยให้พร เวลารับบิณฑบาตร เราควรต้องสำรวมกายใจ มีสติพร้อม ขณะเดิน ขณะรับ มากกว่า ดังนั้นในส่วนตัวผม คิดว่าคงจะไม่ให้พรครับ และจะอธิบาย ให้ญาติโยมได้เข้าใจ ถ้ามีโอกาส จากคุณ : big_ong2000 เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 06:08:08