ความคิดเห็นที่ 1 อ้างจาก *แต่ถ้าสวดปาฏิโมกข์ 227 ข้อ (แต่ที่ถูกต้องจริงๆคือ 150 ข้อ) * โจทย์ผิด คำตอบจึงไม่มี จากคุณ : จางปาง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 15:46:14

ความคิดเห็นที่ 2 ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ 1. ประเด็นเรื่อง "ควรจะสวด 150 หรือ 227 ข้อ" นั้น ขอพักเอาไว้ก่อน 2. พระวินัยของ พระสงฆ์นั้น จะสวด 150 หรือ 227 ข้อนั้น ความเป็นจริงแล้ว ส่วนนอกจาก 150 ข้อ คือ 75 ข้อ (อีก 2ข้อ ไม่พูดถึงนะครับ) คือ เสขิยวัตร 75 ข้อ  เป็นข้อที่ว่า ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย มารยาทอันงดงาม ฯลฯ ผมเห็นว่า อย่างไรแล้ว 75 ข้อ (และอีก 2 ข้อ) ก็ต้องนำมาประพฤติ ไม่ว่าคำตอบจะออกมาว่า ต้องสวด 150 หรือ 227 ข้อ ก็ตาม 3. ดังนี้แล้ว การที่กล่าวถึงเรื่อง การปิดกั้นมรรคผล นั้น คงไม่เกี่ยวกับผู้ฟัง (กรณี พระผู้ฟัง (แม้ 150 ข้อ) แ้ล้วปฏิบัติตามในเรื่องเสขิยวัตร 75 ข้อ แต่การปิดกั้นมรรคผล นั้นเกี่ยวข้องกับ ผู้ปฏิบัติต่างหาก หากพระวิันัย เสขิยวัตร 75 ข้อ เรื่องเล็กน้อยยังปฏิบัติไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่แสดงถึง เรื่องพื้นฐานของการปฏิบัติ ยังพร่องอยู่ พระวินัย (ศีล) มีความสัมพันธ์กับเรื่อง สมาธิ และปัญญาครับ จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 16:33:40

ความคิดเห็นที่ 3 หลายท่านดังเช่น #2 อาจจะยังมีความเข้าใจว่า ความคิดที่ว่า รักษาๆๆๆ แต่ไม่สวด น่าจะไม่ผิดอะไร ตอบว่า จริงๆแล้ว ผิด อาบัติทุกกฏนะครับ ----------------------------------------------------------------------------------------- ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดปาติโมกข์ย่อ รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=04&A=4420&Z=4480 ----------------------------------------------------------------------------------------- และกรณีวัดนาป่าพงนั้นเป็นการจงใจ ซึ่งถือว่า ผิดอาบัติ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๓๖๕ วัน เลยทีเดียว ซึ่งการไม่เอื้อเฟื้อเช่นนี้แม้มีภิกษุตักเตือนกันแล้ว จึงโยงไปถึง อาบัติปาจิตตีย์ ตลอดจนไปถึง การทำให้เกิดสังฆเภทเป็นลำดับ และ การละเมิดอาบัติทั้งหลาย แม้จะเพียงอาบัติทุกกฏนี้ก็ตาม พระอรรถกถาจารย์ท่านได้ตักเตือนไว้ว่า เป็นโทษที่สามารถทำอันตรายต่อมรรคผลของผู้ละเมิดได้เลย พระไตรปิฏก ในชุด 91 เล่ม 18 หน้า 84  ความว่า จริงอยู่ กองอาบัติที่แกล้งล่วงละเมิดแล้ว โดยที่สุดแม้ทุกกฏและทุพภาษิต ก็ทำอันตรายแก่มรรคและผลทั้งหลายได้. -------------------------------------------------------------------------------- อาบัติทุกกฏ ของวัดนาป่าพง นั้น ยังโยงใยไปถึง ทิฏฐิอีกหลายๆอย่าง (เช่น ทฤษฎี หลอกอ้างพุทธวจนะ เพื่อทำลายสาวกภาษิต เช่น พระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท์ ฯลฯ) ที่ถึงระดับว่า   ถ้า "ทฤษฎี 150" ของวัดนาป่าพงล้มแล้ว ทฤษฏีทุกอย่าง ของวัดนาป่าพง จะล้มไปตามๆๆ กันเป็นหน้ากระดาน โดมิโน่เลยทีเดียว (ผู้ที่ติดตามกระทู้มาต่อเนื่อง จะเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังบอกเป็นอย่างดี) -------------------------------------------------------------------------------- สำหรับคำถามที่ 2 ของ คุณ ฮิมาวาริซซัง เจ้าของกระทู้ ผมมีความเห็นเหมือนคุณจางปางใน #1 นะครับ ว่าเป็นการตั้งคำถามที่ผิด แต่ถ้าจะให้ "สมมติ" จริงๆ ว่า ให้เป็นตามนั้นก็หมายถึง ตั้งแต่พุทธกาล ตั้งแต่ปฐมสังคายนามา พระมหาเถระเจ้าทุกท่าน รวมทั้งพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ก็ไม่เคยมีใครได้มรรคผลเลย เพราะท่าน สวดปาฏิโมกข์ครบ๒๒๗ กันทั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 54 18:26:58 แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 54 18:24:32 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 18:21:50

ความคิดเห็นที่ 4 ผมกลัวแค่ว่า ถ้าวันนี้สวดแค่ 150 ข้อ ผ่านไปซัก 50 ปี.............. ก็อาจจะมีพระกลุ่มหนึ่งบอกว่า "เรารักษาแค่150ข้อ ก็พอ" เพราะเขาสวดอย่างนี้มาตั้งแต่อดีตกาล.............. ก็รู้แหละ..ว่าทุกอย่างรวมทั้งคำสอนของพระพุทธองค์ก็จะเสื่อมไปตามกาล แต่อย่าไปเร่ง หรือเป็นต้นเหตุ ให้มันเสื่อมเร็วขึ้นในยุคของเราเลย..................... สวดอีกแค่ 75ข้อมันจะไปลำบากอะไร  ถ้าขี้เกียจสวดกับของแค่นี้ อย่าหวังเจริญในธรรมอย่างอื่นเลย เพราะการเจริญภาวนามันต้องใช้ความเพียรมากกกกกกกว่านี้อีกเยอะ จากคุณ : ~หูว เสี่ยวผิง~ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 20:15:23

ความคิดเห็นที่ 5 ที่ประชุมสงฆ์ครั้งแรก หลังพุทธปรินิพพาน  ยืนยันเป็นเอกฉันท์ ว่าจะไม่ละ ไม่เว้น สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ แม้แต่ข้อเดียว  ไม่ว่าจะเล็ก จะน้อยเพียงใด ครั้นเวลาล่วงเลยมาถึง ณ กาลปัจจุบัน ยังจะมีผู้หาญกล้า ล้มล้างมตินั้น ประหนึ่งดังเป็นผู้ ตรัสรู้ เสียเอง...! ศิษย์คิดล้างครู เป็นประการฉะนี้แล....!! จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 21:40:31

ความคิดเห็นที่ 6 คุณชาวมหาวิหาร  น่าจะยกพระบัญญัติมาแปะว่า ภิกษุไม่พึงสวดปาฏิโมกข์ย่อ  รูปใดสวด(ปาฏิโมกข์โดยย่อ)ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุไม่เอื้อเฟื้อ(ในพระธรรมวินัย)  เป็นอาบัติปาจิตตีย์ แต่ก็ไม่มีพระบัญญัติห้ามว่า ภิกษุไม่พึงสวดปาฏิโมกข์โดยพิศดาร  หรือเกินกว่าที่พระตถาคตบัญญัติ รูปใดสวดปาฏิโมกข์โดยพิศดาร  ต้องอาบัติ ........ อาบัติปาจิตตีย์  นั้น  ยกตัวอย่าง  ภิกษุดื่มสุรา  ภิกษุกล่าวมุสาวาท  ภิกษุฆ่าสัตว์  ภิกษุฉันอาหารในเวลาวิกาล  ภิกษุพรากของเขียว  ภิกษุขุดแผ่นดิน จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 23:49:48

ความคิดเห็นที่ 7 ขอเสนอถึง คห.ที่ 3 ครับว่า "สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตการสวดปาติโมกข์ย่อ ดังนี้ จึงสวดปาติโมกข์ย่อทุกครั้ง. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค รับสั่งห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดปาติโมกข์ย่อ รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ." ====================== อาบัติทุกกฏเกิดกับ "ผู้สวด" ถูกไหมครับ ใน คห.ที่ 2 ผมกล่าวถึงผู้ฟังครับ ที่ไม่เป็นอาบัติ แต่สมควรต้องปฏิบัติเสขิยวัตร ส่วนผู้สวด และผู้ฟังก็ควรปฏิบัติ 75 ข้อ ที่ไม่ได้ยกขึ้นสวดด้วย เช่นนี้แล้ว อาบัติ ไม่ได้ตกกับผู้ฟัง การสวด 150 ข้อแต่อย่างใด แต่เกิดกับ "ผู้สวด" ครับ ส่วนเรื่องอาบัติ ทุกกฏ (เล็กน้อยในสายตาพระ ใครที่เคยบวชจะรู้) แต่ผมมองว่า อาบัติ ทุกกฏเล็กน้อย  กลับจะเป็นบาปหนักอย่างยิ่ง หากตั้งเจตนาไว้ว่า จะสวดเพียง 150   ซึ่งหากใจขณะที่สวดได้ยึดทิฏฐิเช่นนี้แล้ว ย่อมอาจจะหวังให้ ได้ฟัง, ได้รับรู้ กันแค่ 150 ซึ่งหวังให้เป็นปัจจัย ให้รับรู้แล้วปฏิบัตกันแค่ 150 ข้อ หากมองภาพออกนะครับ  พระที่จงใจสวด และเจตนาให้เป็นเช่นนั้น เช่นนี้แล้ว  วิสัยของพระดังกล่าว  นี่เลวกว่าแค่อาบัติทุกกฏแน่นอนครับ จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 06:10:24

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่อง 227 ข้อ กับ 150 ข้อนี่แรงไม่หยุดเลยเน้อ โชคดีที่เป็น ฆราวาส เลยไม่ได้ไปวุ่นวายใจสบายโล่ง จากคุณ : น้องฟลุ๊คน่ารัก ถักแต่โครเชต์ เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 13:39:13

ความคิดเห็นที่ 9 การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทำอุโบสถร่วมกันน่ะครับ คือ ถ้าไม่ได้สวดร่วมกัน ก็ให้ตัวแทนที่เป็นผู้ชำนาญ เป็นผู้สวด ดังนั้น ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ในความเห็นผม ถ้าวัดนั้น จงใจสวด ๑๕๐ ก็ผิดทั้งกลุ่มอยู่ดีน่ะครับ และที่คุณเห็นว่า " อาบัติ ทุกกฏเล็กน้อย  กลับจะเป็นบาปหนักอย่างยิ่ง หากตั้งเจตนาไว้ว่า จะสวดเพียง 150  " อันนี้ผมก็เห็นด้วยกับ คุณ หน้ากากธรรมะทุกประการนะครับ จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 15:57:20

ความคิดเห็นที่ 10 สงฆ์กลุ่มนั้น  สวดปาฏิโมกข์ย่อ  โดยไม่มีเหตุอันสมควรตามที่ทรงอนุญาตไว้ ย่อมต้องอาบัติทุกกฏ  ทุกรูปเสมอกัน  เรียกว่า เป็นสภาคาบัติ การต้องสภาคาบัตินั้น  หากภิกษุต้องอาบัติเดียวกัน  ตัวเดียวกัน  วัตถุเดียวกัน  ไม่สามารถแสดงอาบัติแก่กันและกันได้ ต้องแสดงอาบัติแก่ภิกษุอื่นที่ต้องอาบัติมีวัตถุต่างกัน  จึงแสดงอาบัติตก  จึงจะบริสุทธิ์ได้ เช่นภิกษุต้องอาบัติปาจิตตีย์เพราะกล่าวมุสาวาท  แสดงอาบัติแก่ภิกษุที่ต้องอาบัติปาจิตตีย์เพราะกล่าวมุสาวาทเช่นกัน  ย่อมแสดงอาบัติไม่ตก แต่แสดงอาบัติแก่ภิกษุที่ต้องปาจิตตีย์เพราะพรากของเขียว  แสดงได้  และแสดงอาบัติตก ถ้าผิดช่วยทักท้วงด้วยนะครับ  เพราะอาศรัยความจำ  ไม่ได้ดูตำรามาหลายปีแล้วครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 21:08:13