ความคิดเห็นที่ 1 เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ ไม่ใช่ไม่ดี คล้าย ๆ กับว่า ตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า เหมือนเป็นเกาะกำบัง ไปสู้ต่อต้านกับเขา รอผู้รู้จริง ๆ ครับ จากคุณ : หัวใจขี้แย เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 14:50:12

ความคิดเห็นที่ 2 ใครบอกคะ  และเขาบอกอย่างไร  ไม่ดีของเค้านี่ ไม่ดียังไงเหรอคะ ขยายความหน่อยค่ะ ============= การสวดมนต์นั้นมีอานิสงส์ดังนี้ ๑. สามารถไล่ความขี้เกียจ เพราะขณะสวดมนต์ อารมณ์เบื่อ เซื่องซึม ง่วงนอน เกียจคร้านจะหมดไป และเกิดความแช่มชื่นกระฉับกระเฉงขึ้น ๒. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวดมนต์อย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได้เกิดขึ้นในจิตตน ๓. เป็นการกระทำที่ได้ปัญญา ถ้าการสวดมนต์โดยรู้คำแปล รู้ความหมาย ก็ย่อมทำให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไรเลย ๔. มีจิตเป็นสมาธิ เพราะขณะนั้นผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนั้นจะสวดผิดท่อนผิดทำนอง เมื่อจิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น ๕. เปรียบเสมือนการได้เฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะขณะนั้นผู้สวดมี กาย วาจา ปกติ (มีศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มีปัญญา) เท่ากับได้เฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชา ครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 14:50:14

ความคิดเห็นที่ 3 เคยอ่านคำแปลรึยังล่ะ ถ้ายัง ก็ไปอ่านคำแปล แล้วจะรู้ว่าดี หรือไม่ดี จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 14:53:22

ความคิดเห็นที่ 4 สวดแล้วมีความสงบสุขนำให้เกิดสมาธิจนจิตมีกำลังในการพิจารณากายใจตามความเป็นจริง สวดอะไรก็ได้ทั้งนั้น สุดยอดคาถาสวดไปใจว้าวุ่นไม่เกิดสติสมาธิ ก็ไม่มีประโยชน์ จากคุณ : kraionly1 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 14:54:19

ความคิดเห็นที่ 5 เท่าที่สวดมานานเกินปี ไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีอย่างไร จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 14:59:42

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นจะมีแต่ พวกยึดติดกับพุทธวจน น่ะครับ เขาบอกว่าเป็นคำที่แต่งใหม่ ไม่ใช่คำของพระพุทธเจ้า จากคุณ : TGDEV เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:05:13

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วยให้จิตใจเรามีกำลังใจที่จะทำความดีครับ แม้ไม่มีใครเห็น ก็ยังเชื่อและศรัทธาในหัวใจว่า่ ทำดีแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิเห็นแน่นอน บางคนมาค่อนแคะว่าเรางมงาย เราไม่ว่ากระรัย ถ้ามันงมงายจริงๆ ก็อยากให้คนทั้งโลกหันมางมงาย.....งมงายกับการทำความดี งมงายกับการทำสิ่งดีๆที่ไม่ต้องหวังผลตอบแทน จากคุณ : Classic Joomla เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:05:17

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ^ ^ เหรอครับ จากคุณ : ongardnrp (ongardnrp) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:06:22

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเคยเห็นคุณดังตฤณ พูดเรื่องนี้ไว้ครับ ลองเข้า youtube ค้นดูนะครับ จากคุณ : solo 356 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:13:44

ความคิดเห็นที่ 11 ความเห็น 9 ท่านตอบแบบนี้ ท่านมีความเห็น อย่างไรครับ รบกวนขยายความต่อด้วยครับ ผมปัญญาน้อย อ่านข้อความของท่านแล้ว งง ครับ จากคุณ : Classic Joomla เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:18:07

ความคิดเห็นที่ 12 โลกย่อมประกอบด้วยคน 2 แบบ คือ 1. มีความคิดว่า มีตัวตนของเรา กับ 2. ผู้ที่ปฏิบัติธรรม เฝ้าดู เอาชนะความคิดว่ามีตัวเราได้(เห็นจริง อริยะ) ********************** บทสวดมนต์ ถ้าไม่รู้ความหมาย บทใดก็คงเหมือนกัน มีประโยชน์ช่วยสงบจิตใจ แต่ถ้ารู้ความหมาย ความหมายของแต่ละบท ก็มีทั้ง เพื่อเกื้อกูล แก่ คนแบบที่ 1 และเกื้อหนุน แก่ คนแบบ 2 ************************ คาถาชินบัญชร เป็นการอัญเชิญ เทพเทวดา ที่ดีที่บริสุทธิ์มีเมตตา มาปกปักษ์รักษาอยู่รอบกายเรา ซึ่ง เป็นผลดี กับคนส่วนใหญ่ในแบบ 1 เพราะ มุ่งไปในทางยึดตัวตน บางทีก็ต้องมีเจอ คนที่ทำให้หลงไปโกรธ เกลียดชัง เผลอทำผิดบ้าง ปะปน การที่ก่อนนอนโน้มนำใจมาสวดชินบัญชร ก็ได้สะกดใจให้มารวมกัน แต่ยังมีความหมายไปเพื่อ ค้ำชูตัวตนของตนอยู่ เรียกว่า เป็นบทสวดของใจแบบเทวดา ก็ได้คือ มีความสุข **************** แต่สำหรับ คนแบบที่ 2 ต้องการละตัวตน ลดตัวตน เห็นจริงว่า เราไม่ได้มีตัวมีตนที่เป็นจุดที่จะยึดถือได้ ซึ่งเป็น สุขที่แท้กว่า น่าจะไปที่บท ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ซึ่งกล่าวถึง รูปขันโธ เวทนาขันโธ สัญญาขันโธ สังขารขันโธ วิญญาณขันโธ .......... รวมถึงผู้ปฏิบัติ อาจระลึกถึง มรณานุสติ (ระลึกถึงความตายเพื่อจับกิเลสให้สงบ ให้อยู่กับความจริงในปัจจุบัน) (แต่มรณานุสติ ต้องเหมาะสำหรับ ผู้เฝ้าดูความคิดของตนเก่ง ในระดับนึงแล้วนะ ถ้าอยากมีตัวตนจะเครียด และเข้าใจผิดว่า เป็นการมองในแง่ร้าย) ซึ่งใครจะเข้าสู่ธรรมะทางไหน ต้องศึกษาให้ถูกขั้นตอนด้วย **************** เหมือนทำบุญหวังสะสมอ่ะ ก็ได้บุญดีกว่าไม่ทำ แต่ไม่ใช่เป้าหมายที่ถูกของ จิต ที่จะเข้าสู่ความจริงแท้ การสวดที่รักษาตัวตน ก็ดี กว่าไม่มี แต่ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย เป้าหมายสุดท้ายต้องไปให้ถึง ความไม่มีตัวตน จึงจะหมดทุกข์ได้ จากคุณ : ART_TRA_MAN เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:19:03

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อราว ๆ ปี 35 ทุกสิ่งทุกอย่างประดังประเดเข้ามาในชีวิต แทบมองไม่เห็นอนาคต ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ งานการ พอปี 36 ตัดสินใจ วางงานการใน กทม ไปอยู่ที่ ตจว. ทำการค้าเล็ก ๆ และเริ่มสวดคาถานี้ทุกคืน ก่อนนอน หลังจากนั้น ชีวิตผมก็ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ แทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีคืนไหน ไม่สวด ไม่ว่าไปนอนที่ไหน ไม่มีที่ไหว้พระ ก้อนอนหลับตา ตั้งจิต สวดในใจ ก่อนนอน หากไปนอนที่อื่น ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน อาบน้ำเสร็จต้องเข้าห้องพระ ไหว้พระ สวดคาถาชินบัญชร หนึ่งจบ เสมอ ๆ เพิ่งจะไม่กี่เดือนมานี้เอง ที่เริ่มห่างจากการสวด เพราะหันมาใช้บททำวัตร เช้าเย็น ตามด้วยพาหุงบ้าง ชินบัญชรบ้าง แล้วแต่โอกาส หันไปเน้นที่การปฎิบัติภาวนา มากขึ้นครับ ขอยืนยันด้วยตัวเองว่า คาถาบทนี้ สวดแล้ว ชีวิตดีขึ้นแน่ ๆ ครับ จากคุณ : นายจองชัย เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:25:26

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าท่านเป็นคนดีอยู่แล้ว การสวดฯจะส่งให้ท่านดีขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าท่านเป็นคนไม่ดี หรือกำลังจะกระทำการบางอย่าง การสวดฯจะทำให้เกิดผลตรงข้ามกับความดี เพราะสิ่งที่สวดนั้น เป็นสิ่งดี เป็นพระอรหันต์ทั้งนั้น ที่อัญเชิญเข้าใส่ตัว การนำพระอรหันต์มาแปดเปื้อนกับสิ่งชั่ว พระอรหันต์ท่านก็ไม่มาหรอก แต่สิ่งที่จะมา ก็คือสิ่งชั่ว ที่ตามเศษส่วนบุญมา จะทำให้เกิดความไม่ดีได้ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:40:26

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ solo 356 ดิฉันหัดนั่งสมาธิเป็นครั้งแรกก็เพราะอ่านหนังสือของคุณดังตฤณค่ะ ดิฉันเริ่มสวดพระชินบัญชรเพราะเพื่อนสนิทเขาแนะนำก็เลยสวดทุกวัน เคยดูคลิ๊ปที่คุณดังตฤณพูดเรื่องนี้ก็เขวเหมือนกันไม่สวดไปสองวันติดกัน แต่ลดบทสวดชินบัญชรไปบทหนึ่ง ชีวิตมันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ก็เลยกลับมาสวดอีก ใครจะบอกว่าสวดแล้วไม่ดีก็ช่าง แต่สำหรับดิฉันสวดมนต์ทุกวันทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงว่าตัวเองจิตสงบเยือกเย็นลงจนผิดกับเมื่อก่อนเป็นคนละคนค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:42:02

ความคิดเห็นที่ 16 คุณดังตฤณ แกได้ทุกเรื่องล่ะค่ะ  เพราะแกเป็นนักเขียน ตอนนี้จะหันมาเป็นนักพูดด้วยหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะคะ งานเขียนหรือการตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องธรรมของแกนี่ บางอย่างก็มั่วนะคะ ประมาณคิดเอง เออเอง สรุปเอง มั่วเองล่ะค่ะ  กระทู้ในห้องศาสนาก็เคยมีจับได้ไล่ทันกะการ "อ้างเอง" ธรรมะของแกมาแล้ว จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 15:45:54

ความคิดเห็นที่ 17 พิจารณาจาก เนื้อหาในบทสวด แล้วตัดสินด้วยตนเองได้เลยครับ ว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดกุศลเจริญขึ้นหรือไม่ ทำให้เกิด พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ มากขึ้นหรือไม่ ------------------------------------------------------------------------    * บทพระคาถาชินบัญชร               1. ชะยาสะนากะตา พุทธา       เชตวา มารัง สะวาหะนัง                  จะตุสัจจาสะภัง ระสัง         เย ปิวิงสุ นะราสะภา.               2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา      อัฏฐะวีสะติ นายะกา                  สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง       มัตถะเกเต มุนิสสะรา.               3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง        พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน                  สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง      อุเร สัพพะคุณากะโร.               4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ        สารีปุตโต จะทักขิเณ                  โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง    โมคคัลลาโน จะ วามะเก.               5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง       อาสุง อานันทะ ราหุโล                  กัสสะโป จะ มะหานาโม      อุภาสุง วามะโสตะเก.               6. เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง        สุริโย วะ ปะภังกะโร                  นิสินโน สิริสัมปันโน          โสภิโต มุนิปุงคะโว               7. กุมาระกัสสโป เถโร           มะเหสี จิตตะ วาทะโก                  โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง       ปะติฏฐาสิคุณากะโร.               8. ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ          อุปาลี นันทะ สีวะลี                  เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา        นะลาเต ติละกา มะมะ.               9. เสสาสีติ มะหาเถรา            วิชิตา ชินะสาวะกา                  เอเตสีติ มะหาเถรา            ชิตะวันโต ชิโนระสา                  ชะลันตา สีละเตเชนะ           อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.              10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ            ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง                  ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ         วาเม อังคุลิมาละกัง              11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ         อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง                  อากาเส ฉะทะนัง อาสิ           เสสา ปาการะสัณฐิตา              12. ชินา นานาวะระสังยุตตา         สัตตัปปาการะ ลังกะตา                  วาตะปิตตาทะสัญชาตา          พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.              13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ            อะนันตะชินะ เตชะสา                  วะสะโต เม สะกิจเจนะ          สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.              14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ           วิหะรันตัง มะฮี ตะเล                  สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ        เต มะหาปุริสาสะภา.              15. อิจเจวะมันโต            สุคุตโต สุรักโข                  ชินานุภาเวนะ           ชิตุปัททะโว                  ธัมมานุภาเวนะ          ชิตาริสังโฆ                  สังฆานุภาเวนะ          ชิตันตะราโย                  สัทธัมมานุภาวะปาลิโต   จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ. ------------------------------------------------------------------------            คำแปล         1. พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์            ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ            อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์         2. มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นต้น พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น         3. ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า            องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ            พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง            พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก         4. พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจพระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา            พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง         5. พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา            พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย         6. มุนีผู้ประเสริฐคือพระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง            อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง         7. พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ            มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ         8. พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี            พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก         9. ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส            เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน            รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่        10. พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้าพระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา            พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง        11. พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร            เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ        12. อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้            ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง            สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น        13. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ            เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม            แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน            อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น            เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ        14. ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น            จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร            ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล        15. ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม            จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า            ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ            แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ http://www.84000.org/pray/chinnabanchorn.shtml แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 54 16:13:40 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 16:13:09

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ ผมก็คิดว่าไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ผมก็จะสวดต่อไปครับ เพราะผมคิดว่าดีไม่ดีอยู่ที่ตัวครับ ไม่ใช่บทสวด จากคุณ : notto_nt เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 16:24:31

ความคิดเห็นที่ 19 จะดีก็อยู่ที่ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม จะไปโทษบทสวดมนต์ นี้ก็แปลกใจอยู่ โดยส่วนตัวสวดอยู่ครับ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะไม่ดีอย่างไร จากคุณ : artinfinity เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 16:49:32

ความคิดเห็นที่ 20 เคยฟังมาเหมือนกัน จากคุณดังตฤณครับ แกว่าคาถาชินบัญชรเป็นคาถาทางไสยขาวเพื่ออัญเชิญพระอรหันต์ขีณาสพมาประทับตามส่วนต่างๆของร่างกาย แต่จำไม่ได้ทำไมแกถึงบอกว่าสวดแล้วไม่ถูกต้อง ... อีกคาถาหนึ่งที่คุณดังตฤณว่า คือ คาถายอดพระกัณฑ์ฯ แกว่าไม่มีความหมาย ความหมายประติดประต่อกันมั่ว จับนู้นจับนี่มาต่อๆกัน ...แต่ส่วนตัว สวดเพื่อทำใจให้เป็นสมาธิ เลยไม่ค่อยใส่ใจข้อห้ามจากคนอื่นเท่าไร ทำแล้วดี รู้สึกได้ว่าดีก็ทำ เพราะเห็นประโยชน์จากการสวดมนต์ว่ามีมากแค่ไหน. จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 17:24:08

ความคิดเห็นที่ 21 จะดีจะเลวอยู่ใจ หาใช่บทสวด ...ถ้าวันไหนรู้สึกว่าจะทำตัวดีไปตลอดวันถึงจะสวด เพราะยังมีความรู้สึกอยู่ว่าสวดคาถาชินบัญชรแล้วเหมือนมีพระอรหันต์อยู่ในใจ คิดเลวก็เหมือนปรามาสท่าน บางทีก็แนะนำให้แฟนหรือคนใกล้ตัวที่ฝันร้ายสวด เป็นกุศโลบายแก้ความเครียด. จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 17:27:35

ความคิดเห็นที่ 22 ผมสวดตั้งแต่เด็ก แต่ปัจจุบันไม่ได้สวดแล้วเพราะเฉยๆ (เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วจะไปอัญเชิญมาได้อย่างไร และความหมายของบทสวดยังแสดงความมีอัตตาอยู่ด้วย) นั่งสมาธิน่าจะดีกว่า แต่ก็ยังเห็นข้อดีคือ 1. ความหมายดูขลัง ยิ่งใหญ่มาก ทำให้อยากสวด 2. บทสวดยาวกำลังดี เป็นการฝึกสมาธิ 3. เหมาะสำหรับเด็ก และผู้ที่เริ่มปฏิบัติธรรมที่จิตยังฟุ้งซ่าน เพราะทำได้ง่ายและไม่ต้องอธิบายอะไรมาก จากคุณ : ชนาธิป - พุทธแท้ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 18:14:18

ความคิดเห็นที่ 23 ผมมีอีก มุม หนึ่ง ครับ ลองคิดดู เอง นะครับ ว่า จะ เป็น เรื่อง ดี หรือไม่ดี อย่างไร -------------------- คาถา ชินบัญชร นั้น เชิญ พระอรหันต์ มา อยู่ ที่ร่างกาย ตั้งมากมาย แล้ว ท่านเอา ร่างกายนี้ ไปทำอะไร ครับ ยัง นอน กับ สามี หรือ ภรรยา อยู่ หรือเปล่า ครับ ผมว่า ถ้า จะสวดบทนี้ น่าจะ ถือ ศึลแปด เป็น อย่างน้อย นะครับ ----------- ผม สงสัย อยู่ว่า เชิญมาแล้ว เชิญ ออก อย่างไร ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 18:25:23

ความคิดเห็นที่ 24 #20  คุณดังตฤณ เป็นนักเขียนนะคะ ไม่ใช่พระค่ะ คำว่า "ดังตฤณ" ยังไม่สามารถเป็นตราประทับถึงความน่าเชื่อถือทางศาสนาได้ค่ะ สิ่งที่เขาบอกจึงควรต้องสอบทานจากพระไตรปิฎก เพราะเขาก็(คงจะ)อ่าน source เดียวกับพวกเราล่ะค่ะ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 18:40:53

ความคิดเห็นที่ 25 เราสวดมาเกือบยี่สิบปี ไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่สวดนั้น มีอะไรดีดีเกิดขึ้นบ้าง .. หรือเปล่า! เพราะว่าเราไม่ได้เน้นสิ่งนั้น . รู้แต่ว่า สวดชินบัญชรแล้ว เรารู้สึกปลอดภัย. จากคุณ : โอยสะลา. (โอยสะลา) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 20:54:08

ความคิดเห็นที่ 26 #18 หากคุณ notto_nt เจ้าของกระทู้ ได้กำหนดตัดสินใจแน่วแน่ลงไปแล้ว ว่าสิ่งนี้เป็นกุศล ก็ขอให้มีความมั่นคงดำเนินต่อไปนะครับ ซึ่งหากเกิด วิจิกิจฉา ขณะที่กำลังทำ กุศล อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ให้มีสติรู้เท่าทัน ความสงสัย วิจิกิจฉา ที่เกิดขึ้นด้วย การมีสติกำหนดรู้ในนิวรณ์นี้ จัดเป็นธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐานอย่างหนึ่ง จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 21:00:15

ความคิดเห็นที่ 27 เชื่อหลวงพ่อโต ดีกว่าเชื่อคนทำมาหากิน หาเงินหาทอง มีลูกมีเมีย ธรรมดาคนหนึ่ง จากคุณ : chum เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 21:27:33

ความคิดเห็นที่ 28 เขาว่าสวดไล่ผี ผีไม่ชอบ ผีชอบบทแผ่เมตตา จากคุณ : พีทีดี เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 21:34:19

ความคิดเห็นที่ 29 1.อัญเชิญมาทำไม แวดล้อมหน้าล้อมหลังทำไม   มาเป็นเกราะป้องกันหรือ? หรือคล้าย ๆ ยามเฝ้าบ้าน? 2.เราเคารพพระพุทธเจ้าและอรหันตสาวก อย่างไร?    เคารพเพราะทำให้ชีวิตเราดีหรือ? หากไม่ทำให้ชีวิตเราดีจะเคารพไหม?    อันที่จริงดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ พระองค์เป็นเพียงผู้บอกทาง พระอรหันตสาวก เป็นทายาทแห่งธรรม 3. อันที่จริงก็เหมือนกับว่า มาทุกคนมาล้อมเราให้หมด พระพุทธเจ้าพระอรหันตสาวกทั้งหลายมาล้อมเราเร็ว ๆ    ตัวเราช่างสำคัญเสียนี่กระไร เราตายไม่ได้ เราจะซวยก็ไม่ได้ เวรกรรม ห้ามให้ผลกับเรานะ นี่ถูกต้องแล้วหรือ? จากคุณ : vajra_guru เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 22:24:38

ความคิดเห็นที่ 30 หากมีสติจากการสวดอะไร ก็สวดเถอะครับ ผมสวดทุกวัน มีสติรักษาจิตไปเรื่อยๆ พอใจกับคำไหนก็สวด สภาวะธรรมแท้ๆ ไม่ได้เกิดจากการสวดบทไหน แต่เกิดจากมีสติรู้เท่าทันว่าธรรมชาติสอนเราเสมอว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่เรา หายใจเข้าก็ทุกข์แก้โดยหายใจออก ใจยอมรับว่าทุกข์แท้ๆ ก็จบ หรือรู้ทันว่าขณะสวด เผลอไปคิดเรื่องอื่น กลับมาสวดต่อ มันคิดเอง บังคับไม่ได้ ธรรมชาติแสดงให้เห็นเสมอว่าไม่เที่ยง ควบคุมไม่ได้ ที่ทุกข์ร้อนกันก็เพราะอยากควบคุมได้ ใจยอมรับซิว่าควบคุมไม่ได้ก็จบ หรือสวดไปเห็นว่าเราสวดไปเพราะมีเรา เราที่เป็นเราต้องสวดบทนี้ เท่แบบนี้ ธรรมชาติสอนเสมอว่าไม่มีเรา ไปตั้งชื่อเอง ไปยึดถือเอง ใจยอมรับว่าไม่มีเราก็จบ เพราะฉนั้นจะสวดบทไหน จะทำอะไร ทำไปเถอะหากมีสติเห็นอะไรใน 3 อย่างนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่เรา อย่าโทษอะไรรอบตัว โทษเราเอง มองให้เห็นตัวเอง เห็นจิตใจตนเอง ดีกว่าแน่ๆครับ จากคุณ : look4images เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 22:46:06

ความคิดเห็นที่ 31 พระพุทธองค์ไม่ได้สวดชินบัญชรแต่ทรงสาธยายธรรม ปฎิจจสมุปบาท  แต่ก่อนก็สวดชินบัญชรและอีกหลายบทเพราะคิดว่าการสวดมนต์เพื่อให้จิตเป็นสมาธิก่อนนอนก็สวดมากมายเพราะไม่ชอบนั่งสมาธิ แต่หลังจากศึกษาพุทธวจนตอนนี้เหลือสวดไตรสรณคมและ อิติปิโสเท่านั้นเพราะอยากสวดระลึกถึงพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และนั่งสมาธิได้แล้วก็สวดแค่นี้ นั่งสมาธิแทน อยากบอกว่าจะไปเชื่อคนอื่นทำไมอยากทำอะไรก็ทำถ้าไม่เบียดเบียนผู้อื่นทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมขณะสวดจิตก็เป็นกุศลนะ จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:00:32

ความคิดเห็นที่ 32 ปรามาสพระรัตนตรัย โทษใหญ่ นา - สวดไปไม่รู้ความหมายยังพอได้ สมถะ หรือ วิปัสนา - แต่ถ้ารู้ความหมายแล้วยินดีในการใช้ พระรัตนตรัยนี่สิ อย่าว่าแต่บรรลุธรรมเลย ไม่รู้ว่าจะได้ไปเกิดที่ไหนดี ด้วยความหวังดี จากคุณ : vajra_guru เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:21:11

ความคิดเห็นที่ 33 ให้สำเนียกลงที่ตัวเอง ก็จะพอมองเห็นได้ไม่ยาก ถ้ามีสิ่งใดกระทำไปแล้วส่งเสริมอัตตาตัวตนไม่ว่าจะแบบใดให้พอกพูนแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ชาวพุทธเราควรต้องใส่ใจแยบคายต่อเรื่องนั้นๆให้มาก ว่ามันเข้ากันได้หรือว่าขัดแย้งกับคำสอนเพื่อความพ้นทุกข์ของพระพุทธเจ้า สำหรับชาวพุทธแล้ว บทสวดที่เย็นที่สุดคือ อิติปิโสฯ ที่เย็นนั้น เพราะทั้งบทเป็นเรื่องของการกล่าวสรรเสริญบุคคลผู้ควรแก่การบูชาสูงสุด คือพระพุทธเจ้า รวมถึงพระธรรม และพระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหมด โดยเนื้อความเป็นการกล่าวสรรเสริญถ่ายเดียว ไม่เป็นไปเพื่อหวังผลตอบแทนในรูปแบบใดๆให้เกิดการพอกพูนอัตตาผู้สวดขึ้นเลย แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 00:40:00 จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:27:23

ความคิดเห็นที่ 34 คนที่สวดคาถา ชินปัญชร ผมว่าดีนะครับ สวดด้วยความศรัทธาในพระรัตนไตร สวดด้วยจุดประสงค์ที่ดี ไม่ได้ใช้ท่าน แต่เป็นการอัญเชิญบารมี แต่เป็นการขอบารมี ของพระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ มาช่วยคุ้มครองเรา เหมือนกับว่าเรามีบุญบารมีน้อย ไม่พอ จึงต้องขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้รู้สึก จิตใจมั่งคง มั่นใจ และปลอดภัย ก่อนการนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม (ไม่ให้มาร ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน หลงทางในอุปกิเลส วิปัสสนูปกิเลส เวลามีอุปจารสมาธิ กิเลสส่วนลึกจะสร้างนิมิตรหลอนขึ้นมา ถ้าไม่มีการสอน และ การคุ้มครองจากอาจารย์  แล้วไปหลงในนิมิตร อาจทำให้หลงทางได้นะ และช่วยคุ้มครองสิ่งที่ไม่ดีต่างๆที่จะมาขัดขวางการปฏิบัติธรรมได้) โดยส่วนตัวขอให้ไปอ่านหนังสือประวัติ คาถาชินปัญชร ของ มหามงกุฏราชวิทยาลัย  พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2529 แล้วจะเข้าใจนะครับ คาถานี้เกิดมานานมากแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2121--2150 รัชสมััยองพระเจ้าอโรธา ผู้ครองนครเชียงใหม่ในรัชการที่ 10 ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้แต่ง แต่ได้เผยแพร่ไปทั่ว ทั้งใน พม่า และ ลังกา และไทย สมเด็จพระพุทธจารย์(โต) พรหมรังสี ท่านได้นำมาเรียบเรียงใหม่ และมาเผยแพร่ให้ชาวพุทธ คนไทยได้สวดมนต์กันในสมัยรัชการที่ 5 เพื่อเป็นศิริมงคล และคุ้มครอง คนที่สวดมนต์บทนี้ ส่วนมาก ศรัทธาอย่างมากต่อ สมเด็จพระพุฒจาร์ย์ (โต) (ที่ปราบผี แม่นาค พระโขนง ละครับ) ผมเป็นหนึ่งในนั้น ผมสวดตั้งแต่ ป.2 จำได้ขึ้นใจตอน ป.3 และสวดทุกวันจนถึง ม.3 ผมว่าทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิตจนถึงทุกวันนี้ ในสมัยพุทธการ พระพุทะเจ้าแนะนำให้ สวดพระปริตร เพื่อป้องกันอันตราย ลองศึกษาพระไตรปิฏกดูนะ ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัวว่าเป็นเครื่องป้องกันภัยอันตราย และเพื่อความสุขของ ภิกษุสามเณร ตลอดจนฆราวาสทั้งหลายผู้ปราถนาซึ่งความหลุดพ้น ก็เป็น ธรรมอย่าหนึ่งในบรรดาธรรมทั้งหลาย ที่มุ่งไปสู่วิมุตติ เราเรียกธรรมนั้นว่า ปริตตัง แต่มายุคหลัง นอกจาก พระปริตตัง แล้วมีพระคาถาเกิดขึ้นมากมายเพื่อ คุ้มครองพุทธศาสนิกชน หนึ่งในพระคาถาคุ้มครองเหล่านั้น ก็คือ พระคาถาชินปัญชร นั่นเอง พระปริตตัง มีหลายบทนะครับ เช่น อาฏานาฏิยะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเล่าเรียนการรักษาอันชื่อว่า อาฏานาฏิยะ จงทรงไว้ซึ่งการรักษาอันชื่อว่า อาฏานาฏิยะ ประกอบด้วยประโยชน์ ย่อมเป็นไปเพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญแห่ง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 01:08:46 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 01:01:37 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 00:48:23 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 00:47:29 จากคุณ : Big (=*Vincent*=) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:38:44

ความคิดเห็นที่ 35 ปรามาสพระรัตนตรัย โทษใหญ่ นา - สวดไปไม่รู้ความหมายยังพอได้ สมถะ หรือ วิปัสนา - แต่ถ้ารู้ความหมายแล้วยินดีในการใช้ พระรัตนตรัยนี่สิ อย่าว่าแต่บรรลุธรรมเลย ไม่รู้ว่าจะได้ไปเกิดที่ไหนดี ด้วยความหวังดี จากคุณ : vajra_guru   คุณ vajra_guru ดิฉันได้คุยกับพระอาจารย์สายวัดป่าเกี่ยวกับบทชินบัญชร ท่านบอกว่าอัญเชิญมาคุ้มครองตัว ท่านจะมาหรือปล่าวล่ะเพราะท่านเป็นอรหันต์กันหมดแล้ว ท่านก็ไม่ยุ่งกับทางโลกกันแล้ว แต่สวดแล้วทำให้จิตสงบก็สวดไปสวดมนต์ก็ดีแต่ตัวเองทั้งนั้นแหล่ะ พระท่านก็ไม่เคยบอกว่าสวดแล้วมีผลร้ายกับตัวเองเลย พวกเราก็สวดตามหลวงพ่อโต และท่านก็สวดแล้วคุณคิดว่าหลวงพ่อท่าน ปรามาสพระรัตนตรัย ด้วยหรืออย่างไร? จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 02:13:29

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่าสวดชินบัญชร ก็ดีนะครับ แต่หากให้ผมเลือกสวด ผมจะเลือกสวดบทที่ดีกว่า เช่น มงคลสูตร  หรือ ธัมจักกัปวัตนสูตร เป็นต้น รับรองได้เลย ดี และดีกว่าแน่ ๆ สรุปว่า สวดเถอะครับ ดีแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นชินบัญชร หรือมนต์บทอื่น ๆ เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ ว่าจะสวดบทที่ดี ๆ หรือบทที่ดีมาก ๆ สำหรับเรา จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 02:18:44

ความคิดเห็นที่ 37 ผมเห็นสาระของการสวดมนต์ มีหลายอย่างหลายระดับขั้น ขอแสดง คห.แบบคิดเอาเองนะครับ - เพิ่มศรัทธา - ป้องกันภัย - ใจเย็น - เป็นสมาธิ - มีเมตตา - รักษาโรค - โชคดี มีทรัพย์ - ฯลฯ แต่หากสวดอีกแบบ คือสวดบทใดๆ ก็ตาม เพื่อเป็นทางเกื้อไปสู่เป้าหมาย เห็นถูกว่า ตัวตนไม่มีให้ยึดกัน สรุป การสวดมีคุณ แต่หากมองดูขั้นสูงก็ดูว่า สวดเพื่อ serve อัตตากันหรือไม่? เรื่องคุณดังตฤณตอบนั้น ผมฟังอ่านแล้วก็ต้องชมว่าดีมาก แต่อยากให้ จขกท.ฟังเช่นนั้นแล้ว ได้เข้าใจบริบทนั้นๆ ด้วยว่า คุณดังตฤณ เค้าตอบกับใคร : ) ขอสนับสนุนให้สวดต่อไป ทำดีอย่าอาย ^ ^ จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 02:47:03

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นมงคล เป็นของดีครับ อาราธนามาด้วยความเคารพ เป็นการอาราธนาความดีของท่านมา ครั้งหนึ่งมีอาจารย์นักพูดระดับประเทศ คนหนึ่งได้เที่ยวพูดว่าไม่ดี ผมได้ ฝากไปบอกท่านนั้นทันที เพราะเคยรู้จักเป็นส่วนตัว ว่า ให้ขอขมาเสียเลยนะ แต่ถ้าใครไม่เชื่อก็ แล้วแต่นะครับ พระคาถานี้ เป็นของดีนะครับ ถ้าศรัทธา เชื่อมั่น สวดไปได้เลยเป็นมงคลยิ่งครับ ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม เผื่อจะเป็นประโยชน์นะครับ ผมได้อ่านประวัติ หลวงปู่สิม มีวันหนึ่งไม่นานนี้เอง ท่านบอกให้ทั้งวัดสวดชินบัญชรด้วยทุกวัน ลูกศิษย์ก็ถามว่า ทำไม  ท่านบอกว่า สมเด็จโตมาบอกให้สวด หลวงปู่สิม เป็นพระอรหันต์เจ้าแล้ว ( ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันนะครับ ) ท่านก็ให้สวด ท่านเจ้าคุณ นรรัตน์ราชมานิต ก็สวดในพิธี พุทธาภิเษก และก็ให้สวด ทุกวันนี้ วัดถ้ำผาปล่อง สวดพระคาถาชินบัญชร ทุกวันครับ ตอนทำวัตร เมื่อผมไปค้างที่วัด ได้สวดทุกครั้งไม่มีวันใดที่วัดถ้ำผาปล่องไม่สวดชินบัญชรครับ อย่างไรก็ตาม บทสวดทำวัตร เช้าเย็น จะมี ธรรมจักร และอนัตตลักขณสูตร แทรก อยู่ในนั้นด้วยอยู่แล้ว สองบท นี้ถ้าเข้าใจคำแปล และมีศีล สวดด้วยความศรัทธา วันหนึ่งวันใด อาจะบรรลุมรรคผลตามลำดับขั้นได้ด้วยเลย  การทำวัตรเช้าเย็น จึงมีค่ามากเช่นกันนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 05:40:00

ความคิดเห็นที่ 39 ทุกวันนี้ปัญหาคือ เราเชื่อครูบาอาจารย์ กันแบบ บางทีก็ไม่กอปรด้วย ปัญญา และไม่ลืมหูลืมตาด้วย สาวกภูมิ ไม่ได้รู้ทุกอย่างไม่ได้บำเพ็ญบารมีมาเพื่อ รื้อขนสัตว์ ท่านอาจจะรู้ทางเฉพาะของท่าน แต่ทางนั้นอาจจะไม่ใช่ทางของเรา หากพระสัพพัญญูเจ้าท่านว่าดี เราจึงจะเชื่อว่าดีจริง แต่หากพระสัพพัญญูเจ้าท่านไม่ได้บัญญัติไว้ เราไม่ อาจเอื้อมที่จะเพิ่มหรือต่อ ด้วยตัวเราเอง ตามปัญญาของพระสาวกไม่ได้แทงตลอดเหมือนพระสัพพัญญูเจ้า สิ่งที่คิดว่าดีเมื่อมองสุดสายอาจจะไม่ได้ดีจริงก็ได้ แต่ระดับของพระสาวกไม่สามารถมองสุดสาย ยิ่งแล้วใหญ่เมื่อเทียบกับปัญญาของปุถุชน จากคุณ : vajra_guru เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 07:44:57

ความคิดเห็นที่ 40 โดยส่วนตัวก็จะสวดต่อไปค่ะ แม่บอกให้สวดค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 08:14:26

ความคิดเห็นที่ 41 มันอยู่ที่ คนๆนั้น สัมผัสพลังได้ขนาดไหน.....อย่าลืมความสามารถแต่ละคนไม่เท่ากัน จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 08:27:44

ความคิดเห็นที่ 42 คิดว่ามีแต่ส่วนดี มากกว่าส่วนเสีย สวดไปเถอะครับ เราสวดเองย่อมรู้เองว่าดียังไง คนอื่นห้ามเพราะมันไม่เข้ากับทิฏฐิและมานะของตัวจึงบอกว่าเป็นการไม่ดี เป็นการน้อมนำไปเพื่อระลึกนึกถึงคุณแห่งพระรัตนตรัยมีแต่ส่วนดีครับ ใครจะว่าท่านนิพพานแล้วท่านจะมาได้อย่างไร เรื่องนั้นก็สุดแล้วแต่ละท่าน แต่ในเมื่อเราระลึกถึงท่านอยู่ย่อมเป็นการตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเป็นนัย ๆ การมีสิ่งยึดเหนี่ยวยังดีกว่าการไม่มี โยนิโสมนสิการเองครับ จากคุณ : ไป่หลง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 11:07:43

ความคิดเห็นที่ 43 คนที่พูด ศักดิ์สิทธิ์และมีความดี ความบริสุทธิ์เท่าสมเด็จโต วัดระฆังหรือปล่าว จากคุณ : เมืองโบราณ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 11:14:59

ความคิดเห็นที่ 44 ลองสวดดูแล้วจะรู้เอง   สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบปากเห็นไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำไม่เท่าทำเอง แม่เราก็สวดพระคาถาชินบัญชรมาตลอด   ต่อมาภายหลัง สวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พาหุงมหากา  แล้วสวดพระพุทธคุณอีก108(ตามแบบหลวงพ่อจรัญ)ก่อน    จึงสวดชินบัญชร   ->   แม่ลองสวดแบบนี้ ได้ผลอันดีงามเยอะมาก(เยอะขึ้นกว่าเดิม)  ที่เห็นได้ชัดคือ  ศัตรูกลับมาเป็นมิตร   คนเคยเกลียดกลับมาเห็นใจกัน  มีคนช่วยอุปถัมถ์ค้ำชู(ไม่ใช่ญาติแต่ก็ช่วยเหมือนญาติสนิท) จากคุณ : annyfatgirl เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 13:09:15

ความคิดเห็นที่ 45 ผมก็สวดคาถาชินบัญชร  จิตรวมเป็นสมาธิดีครับ จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 14:12:23

ความคิดเห็นที่ 46 ผมก็สวดคาถาชินบัญชร  จิตรวมเป็นสมาธิดีครับ จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 14:12:52

ความคิดเห็นที่ 47 ผมก็สวดคาถาชินบัญชร  จิตรวมเป็นสมาธิดีครับ จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 14:14:08

ความคิดเห็นที่ 48 พระอริยะองค์ หรือ ครูบาอาจารย์องค์ไหน บรรลุธรรมเพราะการสวดชินบัญชรบ้างนะ จากคุณ : azazelzx เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 15:43:36

ความคิดเห็นที่ 49 ผมสวดคาถา ชินบันชร ตั้งแต่อายุ20 มาบัดนี้อายุ เกือบครึ่งร้อยแล้ว ก็ยังสวดอยู่ ชีวิตก็ดีตามลำดับ ครับ แต่ ใครไม่สวดก็ไม่เป็นไรครับ สวดบทอื่นก็ดีเช่นกัน เช่น อิติปิโส ครับ จากคุณ : p_warat เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 16:29:05

ความคิดเห็นที่ 50 สวดมนต์เป็นยาทา  วิปัสสนาเป็นยากิน อย่าพึ่งเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ  ก่อนลงมือทำ ^^ จากคุณ : annyfatgirl เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 16:44:06

ความคิดเห็นที่ 51 อย่าว่าแต่คาถาชินบัญชรเลยครับ สมมติว่าเรายื่นพระไตรปิฎกให้เพื่อนแล้วบอกว่าเป็นของดี เพื่อนกลับเอามาตีหัวเรา อย่างนี้มันจะดีได้ไหม หรือเอากลับบ้านไปวางไว้บนหิ้ง จุดธูปบูชาทุกวัน มันจะดีสมค่าของมันไหม ฉะนั้น ของบางอย่างดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่วิธีการนำไปใช้ด้วย ต้นกำเนิดของชินบัญชรคงไม่มีอะไรไม่ดีหรอก เพียงแต่สมัยนี้บางคนก็นิยมสวดเพราะว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันผิดวัตถุประสงค์ และเชื่อว่าสวดแล้วจะดี แต่ไม่รู้ว่าดีเพราะอะไร เพราะฉะนั้นจะว่าดีก็ดี ไม่ดีก็ได้ เพราะวัตถุประสงค์มันเปลี่ยนไปแล้ว หากเราสวดเพื่อระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ไม่จำเป็นต้องชินบัญชรก็ได้ หรือจะเป็นชินบัญชรก็ได้ไม่ผิดอะไร มันอยู่ที่ใจนั่นแหละ แต่หากคิดว่าสวดเพราะมันศักดิ์สิทธิ์ ให้ระวังไว้นิด เพราะคาถาศักดิ์สิทธิ์เป็นไสยศาสตร์ อาศัยคาถาอะไรก็ได้กับการบูชาคาถานิดหน่อย ทำนองเดียวกับการทรงเจ้านั่นแหละ อาศัยพุทธพจน์ สวด ๆ บ่น ๆ ท่องคาถาให้ศักดิ์สิทธิ์ มันผิดวัตถุประสงค์ ปกติผู้ที่ศึกษาธรรมก็ไม่ได้สวดเพราะเหตุนี้หรอก เพียงแต่คนอีกจำนวนมากที่สวดด้วยเหตุนี้ นี่คือที่มาของความไม่ดีที่เกิดขึ้น เหมือนต้นไม้อยู่เฉย ๆ มีคนไปขูดขอหวย เอาผ้าแพรไปผูกไว้ คนก็ไหว้กันหน้าดำคร่ำเครียด เราจะว่าต้นไม้ไม่ดีอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะค่านิยมของคนหลงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ฉะนั้น เราไม่ควรไปเผยแพร่คาถาจนเกินขอบเขต แต่ควรเผยแพร่คำสอนที่เข้าไปในใจคนได้จริง ๆ จะดีกว่า ทำให้คนเลิกหลงได้จริง ๆ นั่นแหละดีที่สุด จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 17:20:55

ความคิดเห็นที่ 52 อิชั้น lot like love คคห 30+31 ค่า จากคุณ : โนบิ โนบีตะ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 20:45:10

ความคิดเห็นที่ 53 เพื่อนผมบอกว่าสวดแล้ว  เหมือนมีพระสมเด็จพกติดตัว   คุณว่าดีไหมหละ! แต่ผมว่าสวดแล้วต้องดีแน่ๆ  ถ้าไม่ดีสมเด็จ(โต) คงไม่แนะนำให้สวดหรอก ก็แล้วแต่จะเลือกเชื่อ สมเด็จ(โต) หรือเลือกเชื่อ คนที่บอกมา จากคุณ : คนโบราณนานมาแล้ว เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 02:31:15

ความคิดเห็นที่ 54 ผมว่าการสวดชินบัญชรก็เป็นการดีครับ แต่หากสวดเพื่อมุ่งหวังเอาตามเนื้อหาในคาถา ก็ไม่ใช่ทางแห่งมรรคผล อยู่ที่ผู้สวดจะพิจารณาเอาเอง ผมเองเคยสวดบทนี้มาปีกว่า ๆ เพื่อแก้คุณไสย (และก็แก้ได้จริง ๆ) หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้สวดมนต์เลย จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 09:01:52

ความคิดเห็นที่ 55 สวดแล้วจิตใจเป็นสมาธิและมีพลังมากกว่าเดิมค่ะ แต่ผู้จะสวดต้องศีล 5 บริสุทธิ์ก่อนค่ะ จากคุณ : Kat_kine เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 09:45:27

ความคิดเห็นที่ 56 อย่างน้อยสวดแล้ว สบายใจดีนะคะ ยิ่งถ้ามีเรื่องเครียด พอสวดแล้วจิตใจก็สงบดี ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เราทำคะ ทำดี ก็สบายใจไม่เป็นทุกข์ แต่ถ้าทำชั่วแล้ว ต่อให้สวด ทุก คาถา ใจก็ไม่เป็นสุขหรอกคะ ธรรมะเป็นแค่เครื่อง ยึดเหนี่ยวจิตใจ เท่านั้น จากคุณ : oj_04 เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 11:09:02

ความคิดเห็นที่ 57 ผมก็ได้ฟังคลิปนั้นคุณดังตฤณบอกว่า การสวดชินบัญชรนั้นหากดูความหมายแล้ว เป็นการอัญเชิญพระอริยเจ้ามา เพื่อให้ตนเองมีสิริมงคล และแคล้วคลาดจากภัยอันตราย  หากเราสวดเพื่อหวังเช่นนั้น ก็เท่ากับเป็นการเอาเข้าตัว  เป็นการตั้งธงที่ผิดในการสวดมนต์ครับ  และส่วนใหญ่ที่ได้รับการแนะนำมาก็มีการพูดว่า สวดแล้วจะดีกับตัวเองทั้งนั้น ไม่ได้สวดเพื่อมีเจตนาบูชาคุณพระรัตนตรัยกันสักเท่าไหร่  การตั้งต้นแบบนั้นอาจไม่ใช่เรื่องไม่ดีกับตัวเอง แต่ก็เป็นกิเลสแบบที่เราอาจรู้ไม่เท่าทันครับ   แต่หากเจตนาสวดเพื่อให้เกิดความสงบ  อันนั้นก็เป็นสิ่งดี  คุณดังตฤณไม่ได้บอกว่าไม่ดีครับ แต่เจตนานั้นคือเพื่อบอกว่าเจตนาในการสวดนั้นก็สำคัญ  และบางครั้งเราไม่ทันสังเกตุจิตใจของเราก่อนสวด ขณะสวดและหลังสวดครับ  บทสวดที่คุณดังตฤณกล่าวว่าดีที่สุดคืออิติปิโส เพราะเป็นการพูดถึงพุทธคุณ และเป็นพุทธวัจนะ ไม่มีการเอาเข้าตัวครับ จากคุณ : พันทองทิพย์ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 22:36:22

ความคิดเห็นที่ 58 ส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นการป้องกันผู้สวดจากชาวโลกทิพย์ต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาใกล้น่ะ เพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ นานา คาดเดาว่า ผู้ที่บอกว่าไม่ดี คงจะเน้นในบทสวดที่แผ่เมตตา ให้ส่วนกุศล แก่ชาวโลกทิพย์ เพราะชาวโลกทิพย์ที่อยู่ใกล้เรามีทั้งบรรพบุรุษ ญาติพี่น้อง มิตรสหาย ที่ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงเจ้ากรรมและนายเวร และชาวโลกทิพย์ทั่ว ๆ ไปด้วย     เพื่อให้ได้ประโยชน์และความรู้เรื่องนี้มากที่สุด แนะนำว่า น่าจะไปสอบถามจากผู้ที่ประพฤติปฏิบัติดีแล้ว น่าจะได้คำตอบที่ให้ประโยชน์มากน่ะ แนะนำให้ลองไปถามที่ www.dantip.com เข้าไปที่ตอบปัญหาทางอีเมล์ แล้วจะได้รับคำตอบที่ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์จริง ๆ น่ะ เข้าไปน่ะ เพราะเรื่องศาสนานี่จะต้องให้ผู้ที่รู้จริง เท่านั้นตอบ พวกเราตอบกันเอง ก็จะได้แต่ความคิดเห็นที่แต่ละคนเชื่อถือเท่านั้น เราได้ความคิดที่หลากหลายแต่ก็ไม่รู้ว่าที่ถูกต้องเป็นสิ่งใด เรื่องนี้จึงควรถามผู้ที่รู้จริง จากคุณ : tanyanach@hotmail.com (tanyanach) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 10:19:31