 |
ในการสวดมนต์นั้นย่อมส่งผลได้ไกลถึงความหลุดพ้น อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา และเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิต ช่วยทำให้จิตใจสดชื่นเบิกบาน และมีอานุภาพในการป้องกันรักษาดังกล่าวมาแล้ว ผู้รู้ทั้งหลายในสมัยโบราณจึงได้ทำวัตรสวดมนต์สืบมามิได้ขาด ทำเป็นประจำทุกวัน ทุกเช้า-เย็น จนกลายเป็นความเคยชิน เรียกการกระทำนี้ว่า "การทำวัตร" ฉะนั้น ชาวพุทธไทยจึงควรทำวัตรสวดมนต์ทุกวัน ให้สวดด้วยใจที่แช่มชื่น เบิกบาน ด้วยความเคารพเลื่อมใสในพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง การสวดมนต์อย่างนี้ จึงจะเรียกว่า เกิดประโยชน์และมีอานิสงส์อย่างแท้จริง เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว ควรทำสมาธิต่อพอสมควรแก่เวลา หรือหากมีเวลามาก ควรเดินจงกรมและนั่งสมาธิ เพื่อเพิ่มบุญกุศลให้แก่ตัวเองยิ่งขึ้นไป ทำให้ต่อเนื่อง ทั้งการสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ก่อนนอนทุกวัน เสร็จแล้วแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง และทั่วไป พร้อมกับเพิ่มบทสำคัญที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ใช้นำพระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา และประชาชนทั่วไปเป็นประจำทุกวัน ว่าดังนี้ "อนึ่ง, ขอให้ชาติไทย, พระพุทธศาสนา, พระมหากษัตริย์, จงยืนยงดำรงมั่น, เป็นหลักชัยของไทย, ปราศจากภัยพิบัติ, อุปัทวันตรายทั้งสิ้น "ขอให้ประชาชน บนผืนแผ่นดินไทย, ผู้สุจริตใจประกอบกิจ, จงอยู่เย็นเป็นสุข, ปราศจากความอยู่ร้อนนอนทุกข์, จงมั่งมีศรีสุข, พ้นจากความยากจนเข็ญใจ, ปราศจากภัยพิบัติ, อุปัทวันตรายทั้งปวงเทอญ" ถ้าทำได้อย่างนี้ นับวันจะมีความเจริญรุ่งเรืองในพระศาสนา จะมีอานุภาพมากมาย เป็นบุญวาสนาของผู้ได้เข้าใกล้ได้พบเห็นอีกด้วย เหตุนั้น การทำวัตรสวดมนต์จึงต้องทำอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเคารพทุกเช้าค่ำ และต้องทำอยู่ตลอดเวลา ทำให้อยู่ในใจเราเสมอ ทำให้รู้สึกว่าขาดสวดมนต์ไม่ได้ จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน
จากคุณ |
:
โชติช่วงชัชวาล
|
เขียนเมื่อ |
:
14 พ.ย. 54 15:27:14
|
|
|
|
 |