ความคิดเห็นที่ 1 สรุป บุญ มีวัน หมด หรือ ไม่หมด ครับ             เห็นหลายคน บอกยิ่งให้ยิ่งได้ ตามที่พระไตรปิฏกบอก เปรียบ เหมือนจุดไฟให้คนอื่นเอาไปต่อ อุทิศบุญไปเถิด เท่าไหร่ก็ไม่หมด       บางคนก็บอกบุญไม่ต้องทำเพิ่ม เพราะมันไม่มีวันหมด มัน "คงที่" ได้  เหมือนพระพุทธองค์บอกว่าไม่มีวันหมด       แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนบอกว่า บุญมีวันหมด ถ้าไม่ทำบุญเพิ่ม   อย่างเช่น คนที่อายุขัยหมด  หรือคนที่อุทิศบุญไป แล้วยิ่งไม่ทำบุญเพิ่ม   หรือ คนที่เอาบุญชาติที่แล้วมาใช้ (เรียกอะไรดีอะ... โอนบุญ มาใช้ก่อน ประมาณนั้นอะครับ) ก็ทำให้บุญหมดได้เหมือนกัน แสดงว่า บุญ เป็นสิ่งที่   คงที่ได้   ใช้หมดได้ แล้วก็ทำเพิ่ม ขึ้นมาได้ งั้นหรอครับ (ดูเป็นการถกเถียงในลักษณะ ของ สสาร ยังไงก็ไม่รู้แฮะ) จากคุณ : ramai   เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 19:20:28              คำว่า                  บุญ มีวัน หมด หรือ ไม่หมด                  เห็นหลายคน บอกยิ่งให้ยิ่งได้              ตอบว่า ยิ่งให้ ก็แปลว่ายังทำบุญคือการให้อยู่ ไม่ใช่หรือ?              คำว่า                  บางคนก็บอกบุญไม่ต้องทำเพิ่ม เพราะมันไม่มีวันหมด                  มัน "คงที่" ได้  เหมือนพระพุทธองค์บอกว่าไม่มีวันหมด              ตอบว่า ควรพิจารณาพระพุทธพจน์ ดังนี้ :-              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕              อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต              ทานสูตร [บางส่วน]              พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทาน มีจิตผูกพันในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่า ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ เขาผู้นั้นให้ทานนั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราช สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ควรศึกษาทั้งพระสูตร :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=1340&Z=1436                            ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=49              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗              สังยุตตนิกาย สคาถวรรค              ทุติยาปุตตกสูตรที่ ๑๐ [บางส่วน]              ดูกรมหาบพิตร ก็บุญเก่าของคฤหบดีผู้เป็นเศรษฐีนั้นหมดสิ้นแล้ว และบุญใหม่ก็ไม่ได้สะสมไว้ ฯ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ควรศึกษาทั้งพระสูตร :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=2927&Z=2986                    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=390              ศึกษาความแตกต่างระหว่างกุศลอันเป็นโลกียะและกุศล อันเป็นโลกุตตระ ในพระสูตรชื่อว่าทานสูตร ในลิงค์แรก ช่วงท้ายพระสูตร และพระสูตรชื่อว่าฌานสูตรที่ ๑              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓              อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต              ฌานสูตรที่ ๑ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=3451&Z=3504              ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=123              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง อยู่ด้วยความรัก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn07.html              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html     แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html                      เรื่อง                           ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก                           การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ                           มหาทาน                           ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑                           ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒                           กาลทาน ๕ อย่าง                           ให้ทานในที่ใดมีผลมาก                           ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท                           สังฆทาน ๗ ประเภท                           ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน                           ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน                                       เรื่องเศรษฐีเท้าแมว                           ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาทาน ๔                           อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง                           ทานที่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ๖                           ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ๑ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 20:21:57

ความคิดเห็นที่ 2 บุญทางโลกีย์ยิ่งเสพยิ่งหมด บุญทางโลกุตระ หมายถึง การชำระกิเลส ไม่มีกลับกลอก บุญจากปัจจุบันเป็นตัวกำหนด อดีต อนาคต จากคุณ : toi (castertoi) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 20:44:28

ความคิดเห็นที่ 3 ผู้ที่ไม่ต้องสั่งสมบุญเพิ่ม มีเพียงผู้หมดธุระกับโลกนี้โดยสิ้นเชิงแล้วเท่านั้น บุญมีวันหมด หมายถึง ผลของบุญที่เราทำไว้ มันก็มีหมดสักวัน บุญไม่มีวันหมด หมายถึง ยิ่งทำมากเท่าไร ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ที่จะทำแล้วไม่ได้บุญเพราะบุญเกินอัตราไม่มีเลย เพราะแหล่งแห่งบุญเปรียบเหมือนมหาสมุทรที่ตักเท่าไรไม่มีวันพร่อง แต่ผู้ที่ไม่ได้กระทำบุญไว้ ก็เปรียบเหมือนคนที่ไม่ได้ตักน้ำมาใช้ มันก็มีวันหมดได้ การเห็นว่าไม่ต้องทำบุญเพราะบุญไม่มีวันหมดนั้น เป็นความเห็นผิด จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 21:16:22

ความคิดเห็นที่ 4 บุญที่เพิ่งสำเสร็จใหม่ๆ  แล้วอุทิศให้ผู้อื่นๆ  จะยิ่งเพิ่มๆในขณะที่กำลังอุทิศไปนั้น ... บุญในตอนนี้ยังเป็นสภาพของเหตุ ยังไม่ส่งผลอะไรออกมา ยังอยู่ในใจ บุญที่คนทำแล้วเสวยผลไปเรื่อยๆ  ต่อจากนั้น จะค่อยๆหมดไปเมื่อเวลาผ่านๆไป   บาปก็ทำนองเดียวกัน ... บุญในตอนนี้เป็นสภาพของผล ซึ่งส่งผลให้ผู้ทำได้รับได้เสวยผลมาแล้วเรื่อยๆๆ... จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 22:19:01

ความคิดเห็นที่ 5 ชาวพุทธควรทำความเข้าใจว่า  บุญ หรือ กุศล คือ การลดกิเลส   ทำบุญเพื่อลดกิเลส เพื่อมุ่งสู่ทางนิพพาน ............................................................. "ยิ่งให้ยิ่งได้" หมายความว่า ยิ่งให้ (ทาน) ยิ่งได้ (บุญ คือ การลดกิเลส) ให้ทานไปแล้วก็ต้องคิดว่า สละทรัพย์ออกเพื่อช่วยผู้อื่น ไม่ต้องไปหวังได้อะไรคืน แบบนี้ได้บุญ ถ้าให้ทานไปแล้วคิดว่า เขาจะต้องมาตอบแทนบุญคุณ หรือจะได้ผลประโยชน์อะไรกลับมา แบบนี้ได้บาป (กิเลส) จากคุณ : ชนาธิป - พุทธแท้ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 22:46:04

ความคิดเห็นที่ 6 บุญบาปจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องของเหตุและผลล้วนๆ ผลของบุญบาปก็ดำรงอยู่สมควรแก่เหตุเท่านั้นละครับ บางคนมีบุญเกิดมาในครอบครัวผู้มีฐานะดี แต่ในบั้นปลายชีวิตกลับไม่มีทรัพย์สินติดตัวเลยก็มี นั่นคือบุญเขาให้ผลพอประมาณแก่กรรมที่กระทำมาแล้วครับ จากคุณ : 44SFA1 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 09:15:13

ความคิดเห็นที่ 7 ลองย้อนนึกถึงบุญที่คุณเคยอุทิศให้คนอื่น/สิ่งอื่น เมื่อนานมาแล้วดูสิครับ คุณยังคงรู้สึกได้ถึงความสุขในตอนนั้นไหม   ถ้าใช่  บุญก็ไม่หมด ถ้าไม่ใช่  บุญก็หมด จากคุณ : banchap เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 10:10:01

ความคิดเห็นที่ 8 ทำบุญแล้วสบายใจ เห็นคนรับยินดีได้ประโยขน์ก็สบายใจ เห็นประโยชน์ที่เกิดจากการทำบุญก็สบายใจ บุญ บุญ บุญ มือยู่ทุกที่ ทุกตรั้งที่ทำ จากคุณ : เจ้ากก เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 11:45:14

ความคิดเห็นที่ 9 บุญเป็นธาตุสำเร็จ เป็นธาตุที่บริสุทธิ์ชนิดนึง มีลักษณะกลมใส มีความใสสว่างอยู่ในตัวเรา ติดอยู่ที่ใจของเราทุกๆคน (บาปก็เช่นเดียวกัน เป็นธาตุที่มืดดำ ตรงกันข้ามกัน) บุญส่งผล(ดึงดูด)ให้เรามีทรัพย์สมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มารรคผล นิพพานได้ สมความปรารถนา เป็นต้น ฯลฯ (ดวง)บุญจะหล่อเลี้ยงดวงธรรมที่(รักษา)ทำให้เป็นกายมนุษย์หยาบ(คงสภาพมีชีวิตอยู่ได้) เมื่อใดที่บุญหมด ดวงธรรมก็จะดับ กายมนุษย์หยาบก็คงสภาพมีชีวิืตอยู่ไม่ได้ คือ ตาย ดวงวิญญาณก็จะไปสู่ปรโลก ส่วนจะไปยังที่ใดก็แล้วแต่ บุญ-บาปที่เคยทำมา นี้คือหลักการเบื้องต้นของบุญ ครับ ------------------------------------------- คำถาม เห็นหลายคน บอกยิ่งให้ยิ่งได้ ตามที่พระไตรปิฏกบอก เปรียบ เหมือนจุดไฟให้คนอื่นเอาไปต่อ อุทิศบุญไปเถิด  เท่าไหร่ก็ไม่หมด คำตอบ ใช่ครับ ถูกต้องแล้วครับ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งให้หรือยิ่งสั่งสมบุญ กุศล และบารมี มากเท่าใด บุญ กุศลและบารมีก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพราะเรา "ทำบุญสร้างบุญ มากกว่าการใช้บุญ" บุญก็ไม่มีวันหมดไปได้ จริงไหมครับ แต่ถ้าเราไม่ยอมสั่งสมบุญเพิ่มเติม แต่ใช้บุญเก่าไปทุกๆวัน ในที่สุดบุญเก่าก็จะหมดไปได้ในที่สุดครับ ------------------------ คำถาม บางคนก็บอกบุญไม่ต้องทำเพิ่ม เพราะมันไม่มีวันหมด มัน "คงที่" ได้  เหมือนพระพุทธองค์บอกว่าไม่มีวันหมด คำตอบ บุญเมื่อใช้ไปย่อมมีวันหมดครับ ไม่คงที่ ต้องสั่งสมบุญเพิ่มเติมไปเรื่อยๆครับ และผมยังไม่เคยเห็นว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าบุญไม่มีวันหมดนะครับ -------------------------------------------- คำถาม แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนบอกว่า บุญมีวันหมด  ถ้าไม่ทำบุญเพิ่ม   อย่างเช่น คนที่อายุขัยหมด  หรือ คนที่อุทิศบุญไป  แล้วยิ่งไม่ทำบุญเพิ่ม   หรือ คนที่เอาบุญชาติที่แล้วมาใช้(เรียกอะไรดีอะ... โอนบุญ มาใช้ก่อน ประมาณนั้นอะครับ) ก็ทำให้บุญหมดได้เหมือนกัน คำตอบ ได้ตอบไว้แล้ว ด้านบนครับ -------------------------------------- ลองพิจารณาดูครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 12:48:28

ความคิดเห็นที่ 10 บาป มีวันหมด ไหน หละครับ ถ้า บาป มีวัน หมด บุญ ก็น่าจะมีวัดหมด ด้วย ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 13:51:29

ความคิดเห็นที่ 11 เงินทองนั้นหมดได้(กรรม) แต่โปรไฟล์เรายังอยู่(บุญ) บุญเพิ่มพูนไม่มีหมด แต่บาปเข้ามาทบให้แปรผัน จิตดั้งเดิมประภัสสร กิเลศโคจรให้ขุ่นมััว ทำดี ละชั่ว ทำจิตประภัสสร ทุกท่านรับรองว่า สำเร็จแน่นอน จากคุณ : ชลิโต เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 14:04:25

ความคิดเห็นที่ 12 ยึดติดใน บุญ ก็เกิดกิเลส ทำบุญ คือ การทำดี โดย การคิด การพูด และ การกระทำ   ผู้ที่ทำความดีอยู่เป็นนิจ ก็ยอมมีบุญอยู่แล้ว บางคนพอพูดบุญ จะไปนึกแต่ทำทาน คือการบริจาค  เลยคิดว่า ถ้าทำบุญต้องทำทาน นั้นก็เป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อนเช่นกัน การทำบุญ ก็คือ การทำความดี ผ่านทาง กาย วาจา ใจ ที่จะพลาดคือ ทำบุญแบบยึดติดในผลที่จะได้  ก่อให้เกิดกิเลสในใจเพราะถ้าไม่ได้ ก็เป็นทุกข์ จากคุณ : เดียวก็ตายจากกัน (ไห่) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 15:26:04

ความคิดเห็นที่ 13 กรรมวิสัย จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 54 15:25:08

ความคิดเห็นที่ 14 1. บุญตัวที่เกิดจากเจตนาในชวนะจิตดวงที่ 1 (ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม) จะหมดบุญ สิ้นบุญ แค่ภายในชาตินี้ จะไม่ให้ผลในชาติหน้าหรือชาติไหนๆอีกต่อไป เมื่อเราตายบุญตัวนี้ก็จะกลายเป็นอโหสิกรรมไป 2. ถ้าเป็นบุญตัวที่เกิดจากเจตนาในชวนะจิตดวงที่ 7 (อุปปัชชเวทนียกรรม) บุญตัวนี้จะยังไม่ให้ผลในชาตินี้ แต่จะไปใ้ห้ผลในชาติหน้า พอเราตายแล้วเกิดใหม่ บุญตัวนี้จึงจะให้ผล แต่จะให้ผลในชาติหน้าเีพียงแค่ชาติเดียว ในชาติหน้าเมื่อเราตายอีกครั้ง บุญตัวนี้ก็จะกลายเป็นอโหสิกรรมไป 3. แต่ถ้าเป็นบุญตัวที่เกิดจากเจตนาในชวนะดวงที่ 2 - 3 - 4 - 5 - 6 (อปรปริยายเวทนียกรรม) บุญตัวนี้จะยังไม่ให้ผลในชาิตินี้ และจะยังไม่ให้ผลในชาิติหน้า แต่จะให้ผลในชาติที่ 3 นับจากชาตินี้เป็นต้นไป และจะส่งผลเรื่อยๆ ส่งผลไปตลอดจนกว่าพวกเราจะนิพพาน บุญตัวนี้จะไม่มีวันหมด จะติดตามให้ผลไปตลอด และจะไม่มีการสิ้นผลเป็นอโหสิกรรม จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 02:01:58

ความคิดเห็นที่ 15 มีบางคนเป็นคนดี ทำบุญทำทานมาร้อยชาติ แต่พอเกิดมาชาติปัจจุบันเป็นคนยากจนเข็ญใจ แล้วนั่งสมาธิระลึกชาติย้อนหลังได้ทั้งร้อยชาติ จึงไม่เชื่อเรื่องบุญ เรื่องผลของวิบากกรรมดี พรหมชาลสูตร แต่พระพุทธเจ้ารู้มากกว่านั้น เพราะสามารถระลึกชาติย้อนอดีตได้มากกว่า พันชาติ หมื่นชาติ แสนชาติ ล้านชาติ ล้านล้านชาติ และมากกว่านั้นอีก พระพุทธเจ้าท่านรู้แล้วอย่างชัดเจน จึงนำกลับมาสอนสาวกว่า ผลแห่งวิบากกรรมนั้นมีจริง บุคคลทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 14:30:44

ความคิดเห็นที่ 16 ของอะไรถ้ามันมีเพิ่มได้  มันก็ย่อมหมดได้ ที่เห็นว่า มันไม่หมด  คือมันต้องมีเพิ่มขึ้นนั่นแหละ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 14:38:28