ความคิดเห็นที่ 1 ได้ครับ จากคุณ : TheAcT เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:58:15

ความคิดเห็นที่ 2 ลักขณูปนิชฌาน การเพ่งลักษณะ ได้แก่ วิปัสสนา มรรค ผล         วิปัสสนา ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะพินิจสังขารโดยไตรลักษณ์         มรรค ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะยังกิจแห่งวิปัสสนานั้นให้สำเร็จ         ผล ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะเพ่งนิพพาน อันมีลักษณะเป็น สุญญตะ อนิมิตตะ และอัปปณิหิตะ อย่างหนึ่ง และเพราะเห็นลักษณะอันเป็นสัจจภาวะของนิพพาน อย่างหนึ่ง จากคุณ : TheAcT เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:59:17

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ถ้าเป็นฌานสี่เหลือแต่เอกคัคตา นิ่งๆ อยู่ จะเพ่งลักษณะได้ไงในฌานครับ จากคุณ : จขกท (Ant-san) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:25:40

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบว่า ไม่ได้ และตอบว่า ได้ ครับ --------------------------------------- ที่ตอบว่า ไม่ได้ เพราะ ในระหว่างที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน สมาธิที่ตั้งแต่ นามรูปปริเฉทญาณ จนถึง สังขารุเปกขาญาณ อนุโลมญาณ สมาธิ หรือ ลักขณูปนิชฌาน จะเป็นขณิกสมาธิที่มีความต่อเนื่องไม่ขาดสาย จนมีกำลังแก่กล้ามากขึ้น เป็นอุปจารสมาธิโดยอนุโลม แต่จะไม่มีการถึง อัปปนาสมาธิ และ ปฐมฌาน-จตุตฌาน เพราะ อารมณ์ที่พิจารณาได้แก่ ขันธ์ ๕ และไตรลักษณ์ ที่มีความแปรเปลี่ยนเกิดดับไปอยู่ทุกขณะ ดังนั้น ในระหว่างเจริญวิปัสสนา มีขันธ์ ๕ ไตรลักษณ์ เป็นอารณ์กรรมฐานอยู่นั้น จะมีฌานแปด เกิดขึ้นไม่ได้ หรือถ้ามี ฌานแปด ก็ต้องออกจากฌานสมาบัตินั้น เพื่อเริ่มเจริญวิปัสสนาต่อไปอยู่ดี ---------------------------------------------- ที่ตอบว่า ได้ นั้น เพราะในขณะที่เกิด มรรคจิต ผลจิต เช่น โสดาปัตติมรรคจิตนั้น ขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นสุขวิปัสสโก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วนๆ ไม่เคยได้ฌานสมาบัติมาก่อน แต่เมื่อ ถึง โสดาปัตติมรรค ย่อมเป็นจิตที่ถือว่าเป็น ฌานด้วย ผู้ที่ไม่เคยได้ฌานสมาบัติมาก่อน เมื่อบรรลุ อริยมรรค อริยผล จิตในขณะนั้น จัดเป็น ลักขณูปนิชฌาน  มีนิิพพานเป็นอารมณ์ และถือเป็น ฌานจิต อย่างน้อยที่สุดก็คือ ปฐมฌาน เป็นอย่างต่ำ และผู้ที่เคยได้ฌานสมาบัติแล้ว หรือ ยังไม่ได้แต่มีบุญญาธิการแต่ปางก่อน ในขณะบรรลุ อริยมรรค อริยผล จิตในขณะนั้น จัดเป็น ลักขณูปนิชฌาน  มีนิิพพานเป็นอารมณ์ และอาจจะเกิด ฌานจิตขึ้นในขณะนั้นด้วยเช่น ๑. วิตกฺวิจารปีติสุเขกคฺคตา สหิตํ ปฐมฌานโสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ        โสดาปัตติมัคคจิต เกิดพร้อมด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นปฐมฌาน ๒. วิจารปีติสุเขกคฺคตา สหิตํ ทุติยฌานโสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ         โสดาปัตติมัคคจิต เกิดพร้อมด้วย วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นทุติยฌาน ๓. ปีติสุเขกคฺคตา สหิตํ ตติยฌานโสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ         โสดาปัตติมัคคจิต เกิดพร้อมด้วย ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นตติยฌาน ๔. สุเขกคฺคตา สหิตํ จตุตฺถฌานโสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ         โสดาปัตติมัคคจิต เกิดพร้อมด้วย สุข เอกัคคตา เป็นจตุตถฌาน ๕. อุเปกฺเขกคฺคตา สหิตํ ปญฺจมฌานโสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ          โสดาปัตติมัคคจิต เกิดพร้อมด้วย อุเบกขา เอกัคคตา เป็นปัญจมฌาน ----------------------------------------------------------- สรุป 1. ตัวอย่าง โสดาปัตติมรรคจิต ทั้ง ๕ นี้เป็น ลักขณูปนิชฌาน     และก็เกิด ฌานต่างๆได้ตามเหตุปัจจัยอันควร   กรณีโลกุตตรจิต - จึงตอบตามคำถามกระทู้ว่า "ลักขณูปนิชฌาน มีฌานสี่เกิดขึ้นได้" 2. แต่ถ้ามุ่งหมายถึงในระหว่างเกิด วิปัสสนาญาณ ๙ คือ ในระหว่างที่เกิด สัมมสนญาณ อุทยัพพยญาณ ภังคญาณ ภยญาณ อาทีนวญาณ นิพพิทาญาณ สังขารุเปกขาญาณ ในขณะนั้นก็ตอบว่า  "ลักขณูปนิชฌาน จะมีฌานสี่เกิดขึ้น ไม่ได้" แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 20:45:48 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 20:43:29 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:39:15

ความคิดเห็นที่ 5 ลักขณูปนิฌาน หมายถึงการวิปัสสนาโดยตรง ผู้ที่เจริญสมถภาวนาจนแคล่วคล่องชำนาญยิ่งนั้น   ขณะใดที่ฌานจิตขั้นหนึ่งขั้นใดเกิด กามาวจรญาณสัมปยุตตจิตก็เกิดสลับระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมขณะนั้น    เมื่อปัญญาพิจารณาลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมเพิ่มขึ้น ชัดแจ้งขึ้น  ก็ย่อมละคลายความยึดถือเห็นผิด0ว่าเป็นตัวตนลง  เมื่อโลกุตตรจิตขั้นใดเกิดขึ้นพร้อมกับองค์ของฌานขั้นใด โดยมีฌานขั้นนั้นเป็นบาท (คือ เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐาน) ก็เป็นมัคคจิตและผลจิตที่เป็นโลกุตตรฌานขั้นนั้นๆ ฉะนั้น จึงเป็นโลกุตตรจิต ๔๐ ดวง โสตาปัตติมัคค์ ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ ปัญจมฌาน ๑ โสตาปัตติผล   ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ ปัญจมฌาน ๑ สกทาคามิมัคค์ ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ ปัญจมฌาน ๑ สกทาคามิผล    ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ ปัญจมฌาน ๑ อนาคามิมัคค์    ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ ปัญจมฌาน ๑ อนาคามิผล      ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ ปัญจมฌาน ๑ อรหัตตมัคค์     ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ ปัญจมฌาน ๑ อรหัตตผล        ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตุตถฌาน ๑ ปัญจมฌาน ๑ จากคุณ : Serene_Angelic เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:40:54

ความคิดเห็นที่ 6 อืมม์ แล้วการแยกตัวรู้ออกจากขันธ์ เป็นฌานหรือเปล่า ตัวรู้นิ่งๆ มองขันธ์ทั้งสี่เคลื่อนไหวไปมา ตัวรู้นั้นไม่ใช่เอกคัคตาหรือครับ หรือว่านั่นคืออุเบกขา เพราะผลที่ได้จากการเพ่งลักษณะ เหมือนผลที่ได้จากการเพ่งจุดเดียว เพียงแต่เพ่งจุดเดียวการแยกนั้นผู้รู้จะ แข็ง ๆ นิ่ง ๆ กว่าเหมือนโดนล็อคไว้ (ใจไม่อยากไปไหน) แต่เพ่งลักษณะ ผุ้รู้จะสบาย ๆ เวลาแยกก็จะซอฟกว่าอิ่มกว่า อันนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นลักขณูปนิชฌานแม้จะสงสัย แล้วสงสัยต่อว่า ลักขณูปนิชฌานนี่ ทำกสินได้ไหม? จากคุณ : จขกท (Ant-san) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:53:35

ความคิดเห็นที่ 7 #6 การเจริญกรรมฐาน ถ้ามีขันธ์ ๕ ปรมัตถ์เป็นอารมณ์ที่ถูกเพ่ง เช่น รูปขันธ์(หรือความรู้สึกในกายต่างๆ), เวทนาขันธ์,... วิญญาณขันธ์(จิต) อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นนี้ ถือว่าเป็นการสร้างเหตุปัจจัยบ่มเพาะ ให้เกิด ลักขณูปนิชฌาน คือเมื่อมีสติพิจารณาในขันธ์ อยู่้เนืองๆ จนเห็นลักษณะ ๓ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น มาปรากฏเมื่อใด ขณะนั้นก็เกิด ลักขณูปนิชฌาน ส่วน การเจริญกสิน จะจัดว่าเป็น อารัมณูปนิชฌาน คือ เพ่งในอารมณ์ กสิณบัญญัติ แต่ละกองนั้นๆ เป็นอารมณ์กรรมฐาน น่ะครับ ------------------------------------------------- ลักขณูปนิชฌาน มีไตรลักษณ์ของขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ จึงต้องเริ่มจากการพิจารณาขันธ์ ๕ ปรมัตถ์ ส่วน อารัมณูปนิชฌาน มี อารมณ์ของสมถกรรมฐาน ๔๐ ต่างๆ เป็นอารมณ์ จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 21:03:34

ความคิดเห็นที่ 8 (อรรถกถาสัทธาสูตรที่ ๖)       ....จริงอยู่ วิปัสสนา ชื่อว่าลักขณูปนิชฌาน เพราะอรรถว่าเข้าไปเพ่งซึ่งลักษณะทั้งสาม. มรรคชื่อว่าลักขณูปนิชฌาน เพราะอรรถว่าย่อมให้สำเร็จซึ่งปหานกิจที่มาถึงแล้วโดยวิปัสสนา. ผลชื่อว่าลักขณูปนิชฌาน เพราะอรรถว่าย่อมเข้าไปเพ่งซึ่งนิโรธสัจจะ อันเป็นตถลักษณะ.               แต่สมาบัติ ๘ บัณฑิตพึงทราบว่าเป็นอารัมมณูปนิชฌาน เพราะการเข้าไปเพ่งอารมณ์แห่งกสิณ. http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=112 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 21:05:46

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้ประสพการ์ณส่วนตัว ผมเคยดูลมหายใจจนหลับ พอรู้สึกตัวเห็นจิตเกิดดับถี่ๆ วินาทีละ2-3 ครั้ง โดยจิตตั้งมั่นความรับรู้ทางกายไม่มีมีแต่รับรู้ทางจิตล้วนๆ. อย่างที่เล่าใช่ลักขณูปนอฌานรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ จากคุณ : มะเส็งไฟ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:08:56

ความคิดเห็นที่ 10 ผมงงๆเหมือนกันครับ ผมเข้าใจว่า  ลักขณูปนิฌาน แยกเป็น ขณิก อุปจาร อัปนา ส่วน อารัมณูปนิฌาน คือ ปฐมฌาน ทุติ  ตติ  จตุ ตกลงผมเข้าใจผิดใช่ไหมครับ งั้นแสดงว่า อารัมณูปนิฌาน คือ ปฐมฌาน ทุติ  ตติ  จตุ ก็คือในส่วนของอัปนาสมาธิ ? ซึ่งมีทั้ง แบบ ลักขณูปนิฌาน และ อารัมณูปนิฌาน  ใช่ไหมครับ ยิ่งเขียนยิ่งงงครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:09:06

ความคิดเห็นที่ 11 #10 ตอบคุณ ป้อม (Bgate) ----------------------------------------------------- ลักขณูปนิชฌาน  ได้แก่    1 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน มหากุศลจิต ที่มีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์ ในขณะที่เกิดวิปัสสนาญาณ        (สมาธิในที่นี้ เป็นขณิกสมาธิที่ต่อเนื่องกันไปเป็นขณะๆไม่ขาดสาย) และ    2 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เิกิดขึ้นใน โลกุตตรจิต 8 เช่น โสดาปัตติมรรค - อรหัตตผลจิต               (เมื่อกระจายโลกุตรจิตตามฌาน 5 จะได้ โลกุตตรจิต 40)         (สมาธิในที่นี้ เป็นอัปปนาสมาธิที่มี นิพพานเป็นอารมณ์) ----------------------------------------------------- อารัมณูปนิชฌาน ได้แก่    - สมาธิ หรือเอกกัคคาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน ระหว่างเจริญสมถกรรมฐาน ๔๐ มีอารมณ์กรรมฐานแต่ัละกอง               เป็นอารมณ์ เช่น มีกสิณบัญญัติ เป็นอารมณ์เป็นต้น   (มีขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิ ที่มี บริกรรมนิมิต อุคคหนิมิต ปฏิภาคนิมิตบัญญัติ เป็นอารมณ์) แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 05:03:15 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 22:54:33 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:44:56

ความคิดเห็นที่ 12 แสดงว่า ลักขณูปนิชฌาน กับ อารัมณูปนิชฌาน แตกต่างกันมาก พระสมัยก่อนท่านไม่น่าจะเข้าใจผิดถึงขนาดคิดว่าเป็นทางไปสู่นิพพานได้ จากคุณ : AA (Ant-san) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 23:22:02

ความคิดเห็นที่ 13 ผมอ่านหนังสือโมกขวิธีของหลวงปู่เทศน์ ท่านก็เขียนแยกไว้ บอกว่ามีสองอย่าง แต่ผมอ่านไม่พบว่าจะเปลี่ยนจาก อารัมณูเป็น ลักขณูได้อย่างไร ผมก็สนใจในสมาธิสองลักษณะนี้ครับ เคยสอบถามในนี้เหมือนกัน มีผู้รู้ไปค้นมาให้ ขอเอามาแปะไว้หน่อยนะครับ -------------------------------------------------- ๕. อารัมมณสูตร    ผู้ฉลาดในการตั้งจิตมั่นและฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ นับเป็นผู้เลิศ [๕๙๐] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ได้ฌาน ๔ จำพวกนี้. ๔ จำพวกเป็น ไฉน? คือ ผู้ได้ฌานบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ แต่ไม่ฉลาดใน อารมณ์ในสมาธิ ๑. บางคนฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ แต่ไม่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ ๑. บางคนไม่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ  และไม่ฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ ๑. บางคนฉลาดในการ ตั้งจิตมั่นในสมาธิ และฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ ๑. ใน ๔ จำพวกนั้น ผู้ได้ฌานที่ฉลาดในการ ตั้งจิตมั่นในสมาธิ และฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ. นับว่าเป็นผู้เลิศ ประเสริฐที่สุด เป็นประ ธาน สูงสุด และดีกว่าผู้ได้ฌานทั้ง ๔ จำพวกนั้น เปรียบเหมือนนมสดเกิดจากแม่โค นมส้ม เกิดจากนมสด ฯลฯ           จบ สูตรที่ ๕. ----------------------------------------------------------- ๖. โคจรสูตร       [๕๙๑]    กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ได้ฌาน ๔ จำพวกนี้ ๔  จำพวกเป็นไฉน ?  คือ  ผู้ได้ฌานบางคนในโลกนี้  เป็นผู้ฉลาดในการ ตั้งจิตมั่นในสมาธิ   แต่ไม่ฉลาดในโคจรในสมาธิ   ๑      บางคนฉลาดใน โคจรในสมาธิ แต่ไม่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ ๑   บางคนไม่ฉลาด ในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ   และไม่ฉลาดในโคจรในสมาธิ   ๑      บางคน ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ   และฉลาดในโคจรในสมาธิ   ๑   ใน   ๔ จำพวกนั้น ผู้ที่ได้ฌานฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และฉลาดในโคจร ในสมาธิ  นับว่าเป็นผู้เลศประเสริฐที่สุด  เป็นประธาน  สูงสุด  และดีกว่า จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 00:44:49

ความคิดเห็นที่ 14 ทั้งหมดนี่ ตอบจากการคัดลอกมาจากพระไตรปิฏกทั้งหมดเลยใช่ไม๊ครับ จากคุณ : ทางนี้ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 09:26:11

ความคิดเห็นที่ 15 ลักขณูปนิฌาน ที่ถามนั้น ควร ถามแบบ เจาะจง  (ไม่ใช่ ถามแบบ กว้างงงง ฯ) กล่าวคือ (๑) ลักขณูปนิฌาน  แบบ มิจฉาสมาธิ หรือ ลักขณูปนิฌาน แบบ สัมมาสมาธิ ครับ? (๒) พระพุทธภาษิตใด  ตรัส  ลักขณูปนิฌาน  ครับ (๓) หรือ  สาวก สมัยหลัง ปบมสังคายนา  เป้นผู้ เสนอคำว่า ลักขณูปนิฌาน  กันแน่?์ (๔) ข้อที่ ๓   เนื่องกับ พุทธปัญญา ที่ตรัส  จิตนี้เป็นประภัสสร ฯ ปุถุชน ผู้ไม่มีการสดับ  ย่อมไม่รู้ชัดตามที่เป็นจริง เช่น อริยสาวก (ที่ผ่านปุถุชนมาแล้ว  ในครั้งพุทะกาล ฯ) ว่า จิตประภัสสร  พ้นวิเศษ  "ไม่ใช่ช่มไว้ได้"  เพราะมีการสดับ เพราะฉะนั้น  จิตตภาวนา  ย่อมมีแก่อริยสาวก ผู้ พ้นวิเศษ จาก นิวรณ์ทั้ง ๕  อันเป็นอุปกิเลส  ดุจ  "แขกผู้มาเยือน จิตที่เป้นธรรมชาติ ประภัสสรฯ" สรุป เมื่อศึกษา พระสูตรฯ เพียงพอ ก็จะ  สรุปได้ว่า ลักขณูปนิฌาน  นั้น เนื่องกับ  อารัมนูปนิฌาน  --แบบ ข่มนิวรณ์ได้ (ปุถุชน ลัทธิอื่น) กับ ลักขณูปนิฌาน  นั้น เนื่องกับ  อารัมนูปนิฌาน  --แบบ พ้นวิเศษ จากนิวรณ์ได้ (อริยสาวก ของพระพุทธเจ้า) ดังนั้น  รูปฌานทั้งสี่  เหมือนกัน  --- แต่ ต่างกัน  ตรง "ข่มไว้ได้ กับ พ้นวิเศษ"  ใช่หรือไม่? ถามว่า (๑) ลักขณูปนิฌาน มีฌานสี่ได้ไหม ต้อง "รูปฌานทั้ง ๔  จึง ชื่อว่า อารัมนูปนิฌาน" (ตาม คำชั้นสาวก  กระมัง) แต่   จะ "ลักขณูปนิฌาน  ด้วย กำลังของ อารัมนูปนิฌาน คือรูปฌานทั้ง ๔  แบบไหน  (ที่อ้าง จิตประภัสสรฯ) นั้น ต้อง พิจาณณา ให้ ทั่วถึง (ชัวร์ ตามหลักบานชั้น พระเถระครั้งปฐมสังคายนาฯ  ไม่ มั่วนิ่ม ฯ (๒) มีได้ไหมครับ ฌานหนึ่งถึงแปด หรือได้เฉพาะ อารัมนูปนิฌาน คำถามนี้ "สับสน" มั๊งฯ (ยกไว้) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 09:33:28

ความคิดเห็นที่ 16 อนุโมทนากับชาวมหาวิหารด้วยค่ะ เรื่องอารัมนูปนิฌานและลักขณูปนิฌาน แม้บางท่านอาจจะคิดว่าตอบโดยปริยัติ แต่เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ปฏิบัติที่ควรศึกษาแผนที่ไว้บ้าง อย่างน้อย ก็จะได้ทราบว่าแผนที่ละเอียดในการเดินทางเขาเรียกทิศทางอย่างไร เรื่องฌานสองแบบนั้น ทำให้เราทราบเครื่องมือในการเจริญกรรมฐานที่ถูกต้อง อีกด้วยว่า จะใช้เครื่องมือชนิดไหนเพื่อได้เส้นทางที่ต้องการ จากคุณ : สติมา เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 10:45:34

ความคิดเห็นที่ 17 "ทิฎฐิ หรือวาทะ" ---ลักขณูปนิชฌาน  ได้แก่   1 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน มหากุศลจิต ที่มีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์ ในขณะที่เกิดวิปัสสนาญาณ       (สมาธิในที่นี้ เป็นขณิกสมาธิที่ต่อเนื่องกันไปเป็นขณะๆไม่ขาดสาย) ถามว่า (๑) เจ้าชายสิทธัตถะ ตอน ๗ ขวบ ได้ ปฐมฌานนั้น ตรงกับ ข้อความ ว่า -- 1 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน มหากุศลจิต ที่มีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์ ในขณะที่เกิดวิปัสสนาญาณ       (สมาธิในที่นี้ เป็นขณิกสมาธิที่ต่อเนื่องกันไปเป็นขณะๆไม่ขาดสาย) มั๊ย ? (๒) เจ้าชายสิทธัตถะ ตอน ๒๙ ออน บวช  แล้ว ไปเจริญ อรูปฌานที่ ๓ - ๔  "ยังไม่ ปริวิตก ปกิจจฯ ก่อนตรัสรู้ --ตรงกับ ข้อความ ว่า -- 1 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน มหากุศลจิต ที่มีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์ ในขณะที่เกิดวิปัสสนาญาณ       (สมาธิในที่นี้ เป็นขณิกสมาธิที่ต่อเนื่องกันไปเป็นขณะๆไม่ขาดสาย) ม๊ย ********************************************************** ข้างบน คุณสติมา  มีมุมมอง อย่างไรครับ เมื่อ พอใจ  คำว่า "ตอบว่า ไม่ได้   และตอบว่า ได้ ครับ" ********************************************************** (๓) แล้ว ที่ตรัสแก่ภิกษุ ว่า ฯ เมื่อเขาเจริญอริยมรรคอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ ธรรม ๒ ของเขา คือ สมถะ (คือ สัมมาสมาธิคือรูปฌานสี่ ที่พร้อมด้วยมรรคอีก ๗ องค์ ด้วยมั๊ย) ด้วย วิปัสสนาด้วย  ย่อม เคียงค่กันไป  ฯ พระสูตรนี้ คุณสติมา ว่า ทำให้เราทราบเครื่องมือในการเจริญกรรมฐานที่ถูกต้อง อีกด้วยว่า จะใช้เครื่องมือชนิดไหนเพื่อได้เส้นทางที่ต้องการ ไหมครับ (โดย ไม่เพลิน เมาหมกใน อื่น จากพระสูตรนี้ฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 11:27:57

ความคิดเห็นที่ 18 ลักขณูปนิฌาน มีฌานสี่ได้ไหม     มีได้ไหมครับ ฌานหนึ่งถึงแปด หรือได้เฉพาะ อารัมนูปนิฌาน - ฌานมีแค่ 4 สมาบัติ 8 นั้น ก็คือ รูปฌาน 4 และต่อด้วยอรูปฌานอีก 4 ซึ่งอารมณ์ของอรูปฌานอีก 4 ก็คือ ฌาน 4 นั่นเอง ลักขณูปณิฌาน เป็นฌาน 4ได้มั้ย... ต้องถามว่าทำเป็นหรือเปล่า ผมเองไม่แน่ใจ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เกี่ยงว่าฌานไหน ขอให้เป็น 1-4 ท่านให้ใช้ฌานนั้นๆพิจารณาได้ เราใช้อารมณ์ฌานมาเพ่งในไตรลักษณ์ขันธ์5 ได้ครับ แต่ต้องทำเป็น ถ้าเจริญสมถะเป็นหลัก เข้าอารมณ์ฌานเป็น ก็ใช้ไม่ยาก แต่ถ้าใช้วิปัสสนาอย่างเดียว ผมไม่แน่ใจว่าของเก่ามีติดตัวมาพอหรือเปล่า จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:02:29

ความคิดเห็นที่ 19 เสียง เป็นปฏิปักษ์ต่อ ฌาน http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=24&A=3166&Z=3202 แล้ว ตรัส ปฏิปักษ์ ๑๐ ด้วย พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต กัณฏกสูตร ฯลฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดีละ ดีละ จริงดังที่มหาสาวกเหล่านั้น เมื่อพยากรณ์โดยชอบ พึงพยากรณ์ดังนั้น ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เรากล่าวฌานว่ามีเสียงเป็นปฏิปักษ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปักษ์ ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ เป็นปฏิปักษ์ต่อความเป็นผู้ยินดีในที่สงัด ๑ การประกอบสุภนิมิต เป็นปฏิปักษ์ ต่อผู้ประกอบอสุภนิมิต ๑ การดูมหรสพที่เป็นข้าศึก เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้คุ้มครอง ทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ การติดต่อกับมาตุคาม เป็นปฏิปักษ์ต่อพรหมจรรย์ ๑ เสียงเป็นปฏิปักษ์ต่อปฐมฌาน ๑ วิตกวิจารเป็นปฏิปักษ์ต่อทุติยฌาน ๑ ปีติเป็นปฏิปักษ์ต่อตติยฌาน ๑ ลมอัสสาสปัสสาสะเป็นปฏิปักษ์ต่อจตุตถฌาน ๑ สัญญาและเวทนาเป็นปฏิปักษ์ต่อสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ๑ ราคะเป็นปฏิปักษ์ โทสะเป็นปฏิปักษ์ ๑ ดังนั้น จะ อารัมนูปนิฌาน  และหรือ ลักขณูปนิฌาน ถ้า  อริยะ  หรือ เนื่องกับ อริยมรรคกำลัง สมังคี และ  สัมมัตตะ ๑๐ ต้อง ว่างจาก ปฏิปักษ์ ฯ  "ตามที่พระพุทธเจ้าตรัส" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 18:35:21

ความคิดเห็นที่ 20 ต้องขอโทษนะครับที่ตั้งคำถามว่า คำตอบทั้งหมดคัดลอกมาจากพระไตรปิฏกหรือเปล่า เพราะสังเกตุว่า มีส่วนใหญ่มากจากพระไตรปิฏก แต่ก็มีบางส่วนที่ใส่การวิเคราะห์ส่วนตัวเข้าไปด้วย เข้าใจว่า... เพื่อจะอธิบายความหมายจากพระบาลีนั้นๆ ครับ จากคุณ : ทางนี้ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 22:17:45

ความคิดเห็นที่ 21 โมทนาทั้งคนตั้ง และคนตอบนะคะ ทีเคยเข้าใจคร่าวๆ วันนี้กระจ่างในรายละเอียดขึ้นอีกมากเลย _//\\_ จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 00:31:45

ความคิดเห็นที่ 22 ต้องขออภัยคุณเซนฯ ด้วยนะคะ ที่ไม่ตอบ เพราะอ่านแล้วไม่เข้าใจที่คุณถามค่ะ ขออภัยจริงๆ ค่ะ _/|\_ จากคุณ : สติมา เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 09:49:22

ความคิดเห็นที่ 23 หรือครับ? ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม หนอ? เช่น กระทู้นี้   http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11722995/Y11722995.html ยังอ่านเข้าใจ นี่ ความคิดเห็นที่ 1 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน เห็นด้วยกับคุณ F=9b ค่ะ ทีว่า ไม่ สอดคล้องกับ "ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษา "จากพระโอษฐ์" มา  คือ --- พระอนาคามีท่านมี ศีลสมบูรณ์ สมาธิสมบูรณ์ ปัญญาพอประมาณ  (ปัญญาพอประมาณ แบบ-- ที่ เกือบสมบูรณ์มากๆ แล้ว  เมื่อเทียบกับ พระอรหันต์ / ดู  จฬสุญญตสูตร  ประกอบ) แต่อาจจะเกิดจากความคลาดเคลื่อนในการนำเสนอ ตรงที่ปัญญาสมบูรณ์ค่ะ เพราะพระอนาคามี ท่านยังไม่ใช่ปัญญาสมบูรณ์ พระอรหันต์เท่านั้นค่ะ จากคุณ : สติมา [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 09:31:12 [แก้ไข] ********************************************************** ความคิดเห็นที่ 2 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ความคิดเห็นที่ 1 ผมเสนอไว้ ๒ นัยยะ นะครับ นัยแรก  ก็ ไม่สอดคล้อง ฯ ตามหลักฐานปฐมภูมิ  ตามที่คุณสติมา เสนอ แต่ นัยที่ ๒ -- --- แต่ ถ้า ท่านนั้น  หมายความ "คำว่า" "ปัญญาสมบูรณ์"  นั้น คือ  ต้อง สมบูรณ์ ขั้น อนาคามี (อนาคามิผล) เสียก่อน แล้ว  (ขอ ดัดจริต เสนอว่า แบบความหมายของคำไวยากรณ์ฝรั่ง คือแบบ ---- Present Perfect Tense) จึง จะ งอกงามไพบลย์  ไปยัง "ปัญญาสมบูรณ์ (แล้ว)  ในขั้น อรหัตตผล ซึ่ง เรื่องนี้  เป็นเรื่อง ที่ ท่านนั้น "ย่อมรู้แก่ใจ เองว่า ตอนที่พิมพ์ เสนอนั้น  "หมายความอย่างไร?"  ตามที่เป็นจริงๆ (เท่ากับ กำลัง ดูว่า กิเลสตัวไหนนั้น  มัน ยัง มีฤทธิ์อยู่  หรือ สิ้นฤทธิ์แล้ว  ---ด้วยความไม่ประมาทฯ) ตกลง คุณสติมา  อ่านแล้ว  รู้สึกตรงไหนไหมว่า เป็นอุจเฉททิฏฐิ (ว่าด้วย โอปปาติกะอนาคามี  กับ คำที่ตรัสว่า ละโลกนี้ไปแล้วฯ) ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) [Bloggang] เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 10:08:42 [แก้ไข] ถูกใจ : สติมา ********************************************************** ส่วน กระทู้นี้ ความคิดเห็นที่ 17 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน "ทิฎฐิ หรือวาทะ" ---ลักขณูปนิชฌาน  ได้แก่  1 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน มหากุศลจิต ที่มีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์ ในขณะที่เกิดวิปัสสนาญาณ      (สมาธิในที่นี้ เป็นขณิกสมาธิที่ต่อเนื่องกันไปเป็นขณะๆไม่ขาดสาย) ถามว่า (๑) เจ้าชายสิทธัตถะ ตอน ๗ ขวบ ได้ ปฐมฌานนั้น ตรงกับ ข้อความ ว่า -- 1 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน มหากุศลจิต ที่มีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์ ในขณะที่เกิดวิปัสสนาญาณ      (สมาธิในที่นี้ เป็นขณิกสมาธิที่ต่อเนื่องกันไปเป็นขณะๆไม่ขาดสาย) มั๊ย ? (๒) เจ้าชายสิทธัตถะ ตอน ๒๙ ออน บวช  แล้ว ไปเจริญ อรูปฌานที่ ๓ - ๔  "ยังไม่ ปริวิตก ปกิจจฯ ก่อนตรัสรู้ --ตรงกับ ข้อความ ว่า -- 1 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน มหากุศลจิต ที่มีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์ ในขณะที่เกิดวิปัสสนาญาณ      (สมาธิในที่นี้ เป็นขณิกสมาธิที่ต่อเนื่องกันไปเป็นขณะๆไม่ขาดสาย) ม๊ย ********************************************************** ข้างบน คุณสติมา  มีมุมมอง อย่างไรครับ เมื่อ พอใจ  คำว่า "ตอบว่า ไม่ได้   และตอบว่า ได้ ครับ" ********************************************************** สรุป ไม่ต้องขออภัย ครับ คุณสติมา เพราะ ไม่มีอะไร ที่ ผม ต้องให้อภัย  ในสิ่งที่คุณสติมาขอ ที่เนื่องกับ  สิ่งที่คุณ สติมา เสนอ ว่า ความคิดเห็นที่ 16 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน อนุโมทนากับชาวมหาวิหารด้วยค่ะ เรื่องอารัมนูปนิฌานและลักขณูปนิฌาน แม้บางท่านอาจจะคิดว่าตอบโดยปริยัติ แต่เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ปฏิบัติที่ควรศึกษาแผนที่ไว้บ้าง อย่างน้อย ก็จะได้ทราบว่าแผนที่ละเอียดในการเดินทางเขาเรียกทิศทางอย่างไร เรื่องฌานสองแบบนั้น ทำให้เราทราบเครื่องมือในการเจริญกรรมฐานที่ถูกต้อง อีกด้วยว่า จะใช้เครื่องมือชนิดไหนเพื่อได้เส้นทางที่ต้องการ จากคุณ : สติมา [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 10:45:34 [แก้ไข] ที่เสนอ อย่างน้อย ก็จะได้ทราบว่าแผนที่ละเอียดในการเดินทางเขาเรียกทิศทางอย่างไร ผม ถามว่า --แผนที่ ใคร? อ่าน ไม่เข้าใจ หรือครับ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 10:45:35

ความคิดเห็นที่ 24 ----------------------------------------------------- ลักขณูปนิชฌาน  ได้แก่    1 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดขึ้นใน มหากุศลจิต ที่มีไตรลักษณ์เป็นอารมณ์ ในขณะที่เกิดวิปัสสนาญาณ        (สมาธิในที่นี้ เป็นขณิกสมาธิที่ต่อเนื่องกันไปเป็นขณะๆไม่ขาดสาย) และ    2 สมาธิ หรือเอกัคคตาเจตสิก ที่เิกิดขึ้นใน โลกุตตรจิต 8 เช่น โสดาปัตติมรรค - อรหัตตผลจิต               (เมื่อกระจายโลกุตรจิตตามฌาน 5 จะได้ โลกุตตรจิต 40)         (สมาธิในที่นี้ เป็นอัปปนาสมาธิที่มี นิพพานเป็นอารมณ์) -----------------  ขอบพระคุณมากครับ ทำให้เข้าใจอาการของจิต เป็นภาพ ได้อย่างชัดเจน  มีประโยชน์ต่อความเข้าใจ อาการและสภาวะของจิตในระหว่างการวิปัสสนา(ว่าเป็น ขณิกสมาธิ จนมีกำลังแก่กล้ามากขึ้น เป็นอุปจารสมาธิโดยอนุโลม ) และ ขณะบรรลุมรรคผล(ว่าเป็น อัปปนาสมาธิ เทียบเท่า สมถะสมาธิ ฌาน 1-4) อย่างมากครับ ทำให้เข้าใจว่า ทำไมจิตในวิปัสสนาจึง เทียบเท่า ฌาน 1-4 ได้ และขณะใดไม่เทียบเท่าระดับฌาน และ เพราะอะไร   ------------------------------------------------------------------------------------------ ความคิดเห็นที่ 4 ตอบว่า ไม่ได้ และตอบว่า ได้ ครับ   ที่ตอบว่า ไม่ได้ เพราะ ในระหว่างที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน สมาธิที่ตั้งแต่ นามรูปปริเฉทญาณ จนถึง สังขารุเปกขาญาณ อนุโลมญาณ สมาธิ หรือ ลักขณูปนิชฌาน จะเป็นขณิกสมาธิที่มีความต่อเนื่องไม่ขาดสาย จนมีกำลังแก่กล้ามากขึ้น เป็นอุปจารสมาธิโดยอนุโลม แต่จะไม่มีการถึง อัปปนาสมาธิ และ ปฐมฌาน-จตุตฌาน เพราะ อารมณ์ที่พิจารณาได้แก่ ขันธ์ ๕ และไตรลักษณ์ ที่มีความแปรเปลี่ยนเกิดดับไปอยู่ทุกขณะ ... ...   สรุป 1. ตัวอย่าง โสดาปัตติมรรคจิต ทั้ง ๕ นี้เป็น ลักขณูปนิชฌาน     และก็เกิด ฌานต่างๆได้ตามเหตุปัจจัยอันควร   กรณีโลกุตตรจิต - จึงตอบตามคำถามกระทู้ว่า "ลักขณูปนิชฌาน มีฌานสี่เกิดขึ้นได้" 2. แต่ถ้ามุ่งหมายถึงในระหว่างเกิด วิปัสสนาญาณ ๙ คือ ในระหว่างที่เกิด สัมมสนญาณ อุทยัพพยญาณ ภังคญาณ ภยญาณ อาทีนวญาณ นิพพิทาญาณ สังขารุเปกขาญาณ ในขณะนั้นก็ตอบว่า  "ลักขณูปนิชฌาน จะมีฌานสี่เกิดขึ้น ไม่ได้" แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 20:45:48 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 20:43:29 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:39:15 ------------------------------------------------------------------------------------------   _/\_     จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 18:01:34