ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าท่านเกิดมานี่ ต้องเป็นอนาคามีเลยนะ แล้วจะใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปที่ผ่านมายังไงอ่ะ - - มันยากมากๆ เลยล่ะ จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 16:31:34

ความคิดเห็นที่ 2 หลวงปู่ท่านมุสาหรือเปล่า ไม่กล้านึก เพราะเขาว่าท่านจบแล้ว และมีคนศรัทธาท่านเยอะมาก เสี่ยงนรกเหมือนกัน-_-" แต่ที่ถามนั้นก็อยากทราบเป็นความรู้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 16:45:30 จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 16:40:57

ความคิดเห็นที่ 3 ท้าวเวสสุวรรณท่านก็ได้อนาคามีและอธิฐานไปจาตุมหาราชิกาเพื่อดูแลพระพุทธศาสนา จากคุณ : สัมมาอรหังอิติปิโสนะโมพุทธายะ (NetPop) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 16:59:00

ความคิดเห็นที่ 4 เง้อ ผมไมไ่ด้บอกเป็นไปได้ หรือไม่ได้นะ แต่หมายถึงถ้าเป็นไปได้ มันยาก จริงๆ แต่ถ้าท่านบวชตั้งแต่ตอนเด็กๆ ก็อาจจะ้เป็นไปได้อ่ะ หลวงปู่ท่านเล่าอะไรก็รับฟังไว้กลางๆ ก็ได้ครับ ไม่เห็นจะต้องฟังธง เราดูคำสอน อะไรแบบนี้ดีกว่าว่าปรับเปลี่ยนมาทำให้เราดีขึ้นได้มั้ย จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 16:59:11

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าไปสนใจเรื่องคนอื่นสนใจเรื่องตัวเองดีกว่า จะทำตัวเองให้สิ้นกิเลสยังไงมีประโยชน์กว่านะ จากคุณ : wichcha เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 17:06:14

ความคิดเห็นที่ 6 พระอรหันต์ดับขันธ์แล้ว อธิษฐานให้เกิดเป็นมนุษย์อีกสักชาติจะได้ไหมล่ะเนี่ย จะปฏิสนธิในกามภพได้อย่างไร ในเมื่อกามตัณหาสิ้นไปแล้ว จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 17:16:22

ความคิดเห็นที่ 7 เอาตามพระพุทธเจ้าดีกว่าไหม???   วางหลวงปู่...หลวงพ่อ...หลวงตา...ลงไม่ต้องแบกเบาสบาย จากคุณ : sinnerman เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 17:25:30

ความคิดเห็นที่ 8 อืม.....ในความเห็นของผมแบบกลางๆ   ไม่ได้เป็นเรื่องของบุคคล  แต่เป็นเรื่องของหลักการว่า หากพระอนาคามี...ท่านจะพิจารณาถึงคุณและโทษของการกลับมาเกิดว่า อาจจะจะมีโทษเกิดขึ้นกับผู้ไม่รู้เพียงใดหรือไม่     หากเห็นว่า อาจจะมีโทษเกิดขึ้น ท่านก็ไม่ทำ   แม้โทษนั้นอาจจะเป็นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้่ก็ตาม เพราะท่านไม่ประสงค์ที่จะทำให้เกิดเวรภัยกับผู้ใดทั้งสิ้น แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 19:09:09 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 19:08:32 จากคุณ : ฮูฮง เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 18:20:32

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคห.ที่ว่า จิตที่ปราศจากกาม ย่อมไม่สามารถปฏิสนธิในกามภพได้ แม้ตั้งเจตนาไว้ก็ตาม อันนี้ผมก็ว่าโดยหลักการนะครับ แต่ยังไม่มีใครยืนยันเลยว่าในตำรากล่าวไว้ยังไง จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 18:50:55

ความคิดเห็นที่ 10 http://www.abhidhamonline.org/aphi/p5/088.htm จากคุณ : corelooy เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 19:23:04

ความคิดเห็นที่ 11 พระโสดาบันและพระสกิทาคามี ท่านจะกลับมายังโลกมนุษย์ได้  แต่พระอนาคามี  ท่านไม่สามารถกลับมาได้ แม้ว่าจะอธิษฐานก็ตาม  เพราะจิตของท่านจะำไม่กลับมาในกามสุขติภูมิทั้ง 7 ชั้นอีก ผู้ที่ละกามราคะได้แล้ว จะปฏิสนธิในเทวโลกเท่านั้น  ไม่ว่าจะอธิษฐานหรือไม่ก็ตาม ก็จะไม่สามารถเกิดในที่แห่งอื่นได้   ดังมีตัวอย่างจากในสักกปัญหสูตร  เทพบุตรรูปหนึ่ง บรรลุเป็นพระอนาคามีในเทวโลก  เมื่อบรรลุแล้ว  กำลังของร่างกายเทพในเทวโลก ไม่่พอที่จะทรงคุณของพระอนาคามีได้  เทพบุตรองค์นั้นจุติทันที  เกิดในพรหมโลก  กลับมาไม่ได้อีก "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อคนธรรพ์พวกนั้นถูกโคปกเทวบุตรตักเตือนแล้ว เทวดาสององค์กลับได้สติในปัจจุบัน แล้วเข้าถึงกายอันเป็นชั้นพรหมปุโรหิต ส่วนเทวดาองค์หนึ่งคงตกอยู่ในกามภพ ฯ" อธิิบายจากอรรถกถา -              ในเทพทั้งสามท่านนั้น สองท่านกลับได้ความระลึกถึงฌานที่ ๑ เอาฌานเป็นบาทแล้วก็พิจารณาสังขาร ตั้งอยู่ในอนาคามิผลนั่นแล.               ทีนั้น อัตภาพชนิดท่องเที่ยวในกามซึ่งเป็นสภาพที่เล็กน้อยของพวกท่านเหล่านั้น ทรงอยู่ไม่ไหว ฉะนั้นทันใดนั่นเอง ท่านก็เคลื่อนไปเกิดในชั้นพรหมปุโรหิต และกายของพวกเขาที่อยู่ในชั้นพรหมปุโรหิตนั้น ก็เกิดแล้ว - สักกปัญหสูตร - http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=5727&Z=6256&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=247 จากคุณ : Real~Fine เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 20:22:10

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณ คห.10 ครับ สำหรับข้อมูลในลิ๊ง... ที่บอกไว้ขอยกมาเป็นตัวอย่างอ้างอิงนะครับ ------------------------------------------------------ จำพวกที่ ๑ เป็นพระอนาคามีที่เป็นรูปพรหมในสุทธาวาสภูมิ ๕ พระ อนาคามีในสุทธาวาสภูมินี้ ถ้าไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์และปรินิพพานในชั้นนั้นแล้ว เมื่อจุติก็ต้องปฏิสนธิในสุทธาวาสภูมิชั้นที่สูงกว่าตามลำดับไป จนกว่าจะปรินิพพาน ไม่มีการเกิดซ้ำชั้นเลย ---------------------------------------------------------- อนึ่งรูปพรหมที่เป็นพระอริยนั้น จะไม่มาเกิดในกามภูมิอีกเลย และไม่เกิดใน รูปพรหมชั้นที่ต่ำกว่าด้วย สำหรับพระอริยที่เป็นรูปพรหมในชั้นเวหัปผลาภูมิ เมื่อยัง ไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็ไม่เกิดย้ายไปภูมิอื่น ต้องเกิดซ้ำอยู่ในชั้นเวหัปผลาภูมินั้น จนกว่าจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และปรินิพพานในเวหัปผลาภูมินั้นเอง ---------------------------------------------------------- ทั้งสองวรรคนี้ หมายถึง ท่านปฏิสนธิเป็นรูปพรหมแล้ว ย่อมไม่กลับลงมาอีก แต่ที่ยังไม่ได้ขึ้นไป... ยังเป็นมนุษย์อยู่ แล้วอธิษฐานให้ปฏิสนธิในครรภ์มนุษย์ต่อเลยนั้น สรุปว่ายังไม่มีข้อมูล จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 20:23:01

ความคิดเห็นที่ 13 ท้าวเวสสุวรรณบรรลุโสดาบัน จากอรรถกถามาตาสูตร  บทว่า อหนฺเต ภคนิ ภาตา ความว่า ท้าวเวสวัณทรงสำคัญพระอริยสาวิกาผู้เป็นพระอนาคามีว่าพี่ เพราะพระองค์เองเป็นพระโสดาบัน จึงตรัสว่า ภคินิ พี่ท่าน แล้วจึงสำคัญพระอริยสาวิกาผู้เป็นพระอนาคามีนั้นนั้นว่าเป็นน้องของพระองค์อีก เพราะนางยังอยู่ในปฐมวัย แต่พระองค์แก่กว่า เพราะทรงมีพระชนมายุ ๙ ล้านปีแล้ว จึงตรัสเรียกพระองค์เองว่า ภาตา พี่ชาย. มาตาสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=1437&Z=1537&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=50 "ตามหลักฐานในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ยืนยันว่า "ท้าวกุเวร" หรือ "ท้าวเวสสุวรรณ" เทวราชพระองค์นี้ ได้สำเร็จเป็น พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันเมื่อครั้ง "จุลสุภัททะ ปริพาชก" เกิดความสงสัยในความเป็นมาแห่ง องค์สมเด็จ พระพุทธเจ้า ท่าน "ท้าวเวสสุวรรณ" องค์นี้แหละ ที่ได้เสด็จไปร่วมต้อนรับด้วย และ ยังเป็นประจักษ์พยาน เรื่องพระมหาโมคคัลลานะ ใช้เท้าจิกพื้นไพชยนตวิมาน ของพระอินทร์จนเกิดการ สั่นสะเทือนไป ทั้งดาวดึงส์ เทวโลก อันเป็นการเตือนสติสักกะเทวราชอีกด้วย และก็เชื่อกันตาม ฎีกามาลัยเทวสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม 1 ภาค 2 - หน้าที่ 435 ว่า "คทาวุธ" ของ "ท้าวเวสสุวรรณ" นั้น เป็นยอดศัสตราวุธ มีอานุภาพสามารถทำลายโลกใบนี้ให้เป็น จุณวิจุณภายในพริบตา" http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/04/Y10503454/Y10503454.html จากคุณ : Real~Fine เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 20:41:03

ความคิดเห็นที่ 14 เราพูดกันตามตำราทั้งนั้น ของจริงเป็นยังไงก็ไม่รู้ ถ้าไม่เข้าถึง ศาสนาที่มีพระเจ้า เขาว่าไม่มีชาติหน้า เขาก็ว่าตามเขาว่ามา จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 20:42:15

ความคิดเห็นที่ 15 เท่าที่จำได้ ท้าวเวสสุวรรณท่านได้โสดาบันนะครับ ไปเกิดในสวรรค์ก็ถือว่าปกติ ส่วนคำว่า อนาคามี น่าจะแปลว่า ผู้ไม่กลับมา (เกิดในมนุษย์โลก) อีก ตามความเห็นผม ไม่น่าจะเป็นไปได้ครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 20:45:59

ความคิดเห็นที่ 16 ตามความเข้าใจผมนะ พระอนาคามีขึ้นไปจนถึงระดับพระมหาโพธิสัตว์ ท่านมีสิทธิเลือกที่จะมาเกิดอีกหรือไม่เกิดอีกได้ บารมีต่ำกว่านั้นต่อให้ไม่อยากเกิด ตายไปแล้วถึงเวลาวาระก็ต้องมาเกิดอีก ความเกิดทางร่างกายกับการเกิดใหม่และดับสิ้นทางนามธรรม  ผมว่ามันคนละส่วนกัน ถ้าอย่างนั้นยังติดเสพในกามคุณ ๕ อยู่ ก็ตีกินเลยสิ เพราะปรารถนาจะเกิดอีก พูดถึงเรื่องตั้งครรภ์หรือเรื่องเพศผู้มีเรื่องนี้เพราะต้องการจะมีบุตรโดยที่ไม่มีรสกามเลยผมว่ามีนะ ขออภัย ที่อาจจะเห็นต่างกับท่านอื่น จากคุณ : tt (castertoi) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 21:03:47

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ คคห.ที่ 6 สำนักสันติอโศก สอนและยืนยันว่า แม้เป็นพระอรหันต์แล้วก็สามารถมาเกิดได้อีก เพราะบอกว่า ใช้วิภวตัณหา (ซึ่งเป็นตัณหาอุดมการณ์) ซึ่งเป็นตัณหาที่จะเอามาใช้สร้างภพสำหรับพระอริยะระดับสูงสองระดับท้ายให้เกิดใหม่ได้แม้เป็นมนุษย์ก็ได้ ไปตามเองเหอะ ถ้าสนใจคสอนแบบนี้นะ จากคุณ : สามก้อนเส้า (เตาฟืน) เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 21:10:02

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นกองขี้ แล้วยังอยากจะกระโดดลงไปเล่นขี้อีกเหรอ อนาคามีนะ ไม่ใช่คนบ้า จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 21:40:59

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องแบบนี้ แม้แต่ตำราก็ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน เลยมีความเห็นเป็นสองทางจนได้ หลวงปู่ที่ผมกล่าวถึง ท่านบวชตอนเป็นเณร และอายุยังไม่มากครับ น่าจะ30ต้น ๆ ลูกศิษย์ลูกหา มากมายทีเดียว ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 22:10:09

ความคิดเห็นที่ 20 เท่าที่ฟังมา อนาคามี หรือ อนาคาริก แปลว่าผู้ไม่มีบ้าน คือท่านจะอยู่ที่ใจอย่างเดียว เหลือใจเป็นภพสุดท้าย อนาคามี จึงเป็นผู้มีสมาธิบริบูรณ์ คือท่านอยู่ที่เดียวคือใจแล้ว ไม่มีการเร่ร่อนออกจากใจ ไปเสวยบ้านน้อยใหญ่คือภพทางตาหูจมูกลิ้นกาย เพราะท่านอาศัยได้เกิดมาเป็นมนุษย์ อาศัยกายเรียนรู้ความเป็นกาย จนแจ้งความเป็นกายว่าแท้จริงมันเป็นความไร้สาระเช่นไร จนวางกายได้เด็ดขาดแล้ว แต่ที่ท่านยังอยู่กับกายต่อก็เป็นแค่การอยู่รับรู้กับกายไปตามแรงวิบากกรรมที่ส่งผลสืบเนื่องมาเท่านั้น ดังนั้น เมื่อท่านอยู่ที่เดียวที่ใจได้เช่นนั้นแล้ว ท่านย่อมเห็นความจริงในระดับที่ว่า สิ่งอื่นนอกเหนือจากใจเป็นเพียงความเลอะเลือนหลอกลวงอย่างชัดเจน ไม่มีสิ่งใดจะมาหลอกลวงให้ท่านหลุดออกจากความตั้งมั่นที่ใจ เพื่อไปถือครองเสพภพใดๆอีกแล้ว และหากชาตินั้นวิบากขันธ์ของท่านดันหมดลงเสียก่อนที่จะแจ้งถึงความจริงสูงสุด ท่านย่อมมีที่หมายเป็นภาวะอันทรงสมาธิอย่างบริบูรณ์ด้วยใจ คืออย่างต่ำที่สุด ก็มีแต่พรหมโลกเท่านั้น ไม่มีทางตกต่ำลงมาเกลือกกลั้วแม้ด้วยโลกสวรรค์ ประสาอะไรกับภาวะที่ต่ำกว่านั้นลงมา เช่นแหล่งแห่งน้ำเลือดน้ำหนองของกายมนุษย์ในโลกนี้เลย พระอนาคามี ท่านมีแต่จะเข้าถึงความหลุดพ้น คือท่านจะอยู่ที่เดียวคือใจ เพื่อเรียนรู้ใจ จนแจ้งใจ แล้วปล่อยวางใจ กิจทั้งหลายจึงเป็นอันจบ ภพไม่มีที่ตั้ง ใจก็จะกลายเป็นใจที่แท้จริงจริงๆ ไม่มีทั้งตั้ง ไม่มีสัญฐาน ไม่มีประมาณ ไม่มีการไปการมา แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 23:58:47 จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 23:53:00

ความคิดเห็นที่ 21 ตามนี้ครับ ทราบว่าหลวงปู่ท่านหนึ่งได้เล่าว่าระลึกชาติได้ ท่านจบที่พระอนาคามีในชาติที่แล้ว แต่ไม่ขอไปเกิดเป็นพรหมสุทธาวาส อยากเกิดเป็นมนุษย์ต่อ ด้วยเหตุผลบางอย่าง แค่นี้ก่อนครับ ที่สงสัยคือตามหลักฐานในคำภีร์ มีบอกไว้มั๊ย และความเห็นของผู้รู้ในนี้ท่านว่าเป็นไปได้หรือไม่ครับ จากคุณ : Up_To_You   ---------------------------- ---- หลวงปู่รูปนั้นท่านจะเป็นอนาคามีจริงหรือไม่ผมเองก็ไม่ทราบ แต่เมื่อท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ การที่บอกว่าระลึกชาติได้อย่างนั้น  ก็แสดงว่าอวดอุตริมนุสสธรรม  ผิดพระวินัย  เมื่อผิดพระวินัย ก็แสดงว่าไม่เป็นพระอนาคามี เพราะเป็นไปไม่ได้ที่พระอริยบุคคลจะล่วงละเมิดสิกขาบทไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เว้นแต่ท่านจะบอกว่า ท่านระลึกชาติได้เพียงชาติเดียว ด้วยกำลังแห่ง "ชาติอนุสสรณญาณ" (ระลึกชาติได้เพราะช่วงเวลาการเกิดในแต่ละภพ ไม่มีคติอื่นมาคั่น เช่น ตายจากชาติที่เกิดเป็นมนุษย์ ก็มาเกิดเป็นมนุษย์ต่อ เป็นต้น) แต่ตามที่จขกท.ถามมานั้น ก็ขอยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ที่พระอนาคามี จะกลับมาเกิดอีกในกามภพ เพราะกามตัณหา และกามราคะ อันเป็นสังโยชน์ที่จะเป็นเหตุให้เกิดในกามภพ ท่านตัดได้แล้วด้วยอำนาจแห่งอนาคามิมรรค  และเพราะเหตุที่ท่านได้ฌาน ท่านจึงเที่ยงต่อการไปเกิดเป็นสุทธาวาสพรหม เคยมีคำถามในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา (จำไม่ได้แล้วว่าใช่วิสุทธิมรรคหรือเปล่า) ว่า ถ้าหากพระอนาคามี ไม่ได้ฌานมาก่อน ท่านจะไปเกิดเป็นพรหมได้อย่างไร แล้วก็มีอธิบายว่า เกิดด้วยอำนาจฌาน ที่ได้ด้วยมรรคผล  เรียกว่า "มัคคสิทธิฌาน" สรุปว่า เป็นไปไม่ได้ที่ท่านผู้บรรลุอนาคามี จะกลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีก --------------------------------------- ท้าวเวสสุวรรณท่านก็ได้อนาคามีและอธิฐานไปจาตุมหาราชิกาเพื่อดูแลพระพุทธศาสนา จากคุณ : สัมมาอรหังอิติปิโสนะโมพุทธายะ (NetPop) -----  ท้าวเวสสุวัณ ไม่ได้เป็นพระอนาคามีครับ ท่านเป็นพระโสดาบัน   อาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะมีเหตุการณ์ในพระสูตรหนึ่ง ที่ท้าวเวสสุวัณได้พบกับอุบาสิกาท่านหนึ่ง ชื่อ เวฬุกัณฏกีนันทมารดา ซึ่งเป็นอุบาสิกา "อนาคามี" และเป็นผู้เลิศทางฌานสมาบัติด้วย   ก็เลยทำให้คุณจำสับสน แล้วเข้าใจว่าท้าวเวสสุวัณท่านเป็นอนาคามี จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 01:22:30

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 11 ...              ผู้ที่ละกามราคะได้แล้ว จะปฏิสนธิในเทวโลกเท่านั้น ... จากคุณ : Real~Fine   เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 20:22:10                ควรแก้ไขเป็น              พระเสขบุคคลผู้ที่ละกามราคะได้แล้ว จะปฏิสนธิในพรหมโลกเท่านั้น     จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 02:02:19

ความคิดเห็นที่ 23              พระพุทธพจน์ :-              ดูกรอานนท์ พวกอุบาสกในนาทิกคาม อีก ๕๐ คน กระทำกาละแล้ว เพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป เป็นโอปปาติกะ ปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่ กลับมาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา พวกอุบาสกในนาทิกคาม ๙๖ คน ทำกาละแล้ว เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะเบาบาง เป็นพระสกทาคามี กลับมายังโลกนี้คราวเดียวเท่านั้น แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ พวกอุบาสกในนาทิกคาม    ๕๑๐ คน ทำกาละแล้ว เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป เป็นพระโสดาบัน มีอันไม่ ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้ในภายหน้า ฯ http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=10&A=1888&Z=3915#89              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 02:02:51

ความคิดเห็นที่ 24 ละกามราคะ ละปฏิฆะ ก็แปลว่าไม่ติดทางโลกียะอีกแล้ว ถ้ายังอธิษฐานมาเกิดอีก ก็ไม่ใช่แล้ว จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 14:17:23

ความคิดเห็นที่ 25 ข้อสงสัยของพระที่ว่าก็มี แต่กระแสปรามาสพระในห้องนี้ยังแรงอยู่ ขอจบแค่นี้ดีกว่าครับ จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:21:08

ความคิดเห็นที่ 26 คห18 คุณว่าใคร เขาไม่ดีอย่างไร อยากรู้ จากคุณ : up148 เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 21:58:48