ความคิดเห็นที่ 1 พระพุทธเจ้า เป็นผูู้้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ใครหน้าไหนที่ประเสริฐกว่าพระองค์ จะมาปลุกเสกได้อีกหรือ? จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:18:36

ความคิดเห็นที่ 2 1.  ท่านต้องทำความเข้าใจความเบื้องต้นให้ได้ก่อน  ว่า  พระพุทธรูป  ...หรือวัสดุที่ทำจากสารพัดมวลสาร  นั้น........คืออะไร  ? ? ? ? ? โปรดได้ทำความเข้าใจเบื้องต้นให้ได้ก่อน...........จากนั้น.....จึงค่อยๆ  ก้าวไป  พิจารณา........ต่อไป  ว่า 2. ผู้คน  ในสมัยหลังพุทธกาล( หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว )   ผู้คนเขาสร้างพระพุทธรูปมา  เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ? ? ? ? อันนี้สำคัญมาก  มาก   ๆ ๆ ๆ เพราะหากท่านเข้าใจตรงนี้ได้ถ่องแท้  เมื่อใด...ท่านจะเข้าใจทะลุปรุโปร่งในสิ่งที่ท่านถามมา  ว่า  พระพุทธรูปที่ปลุกเสกแล้ว  กับพระพุทธรูปที่มิได้ปลุกเศก   นั้น  .... แตกต่างกันอย่างไร  ? ? ? ? 3.  อย่างไรก็ตาม....ในเรื่องสำคัญเยี่ยงนี้ของคนพุทธ  อยากให้ท่านเข้าไปดูในกระทู้หนึ่ง  เร็วๆ นี้ .......เพื่อท่านเจ้าของกระทู้อาจหาคำตอบที่ท่านสงสัยได้  คือ.......... http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12073839/Y12073839.html คือกระทู้  ประวัติการสร้างพระพุทธรูป.........ขอให้ท่านอ่านทุกๆความเห็น  และสองแนวคิดเกี่ยวกับพระพุทธรูปของคนพุทธ สุดท้าย  ขอขอบคุณพันทิป  Pantip.com ....เวปไซต์แห่งสติปัญญา ขอให้ท่านเจ้าของกระทู้เจริญในธรรม จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:18:56

ความคิดเห็นที่ 3 พระอาจารย์มั่น ท่านเคยกล่าวถึงพิธีปลุกเสกเบิกเนตรต่างๆ ว่าเป็นการเอาไสยศาสตร์มาพอกพระพุทธศาสนา....พระท่านก็พระโดยสมบูรณ์อยู่แล้วจะไปปลุกท่านทำไม  ท่านเป็นผู้รู้ผู้ตื่นก่อนเราเสียอีก พวกเราเองต่างหากที่ยังหลับใหลงมงายอยู่แล้วยังจะไปปลุกท่านอีก....ตาท่านก็ดีกว่าตาเราไม่ว่าตานอก ตาใน ท่านรู้เห็นมาก่อนเราเสียอีก เรายังจะไปเบิกเนตรท่านอีกทำไม พิธีกรรมต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นการเอาไสยศาสตร์มาพอกพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง....พ่อแม่ครูอาจารย์ที่เป็นอริยสงฆ์ อริยเจ้าท่านไม่จึงพาทำกัน เพราะท่านเคารพเทิดทูนพระพุทธศาสนาอย่างสุดใจนั้นเอง จากคุณ : ดอกหญ้าสีนวล เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 22:17:45

ความคิดเห็นที่ 4 แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 55 20:59:53 จากคุณ : อืมม์ (Ant-san) เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 22:24:10

ความคิดเห็นที่ 5 ที่คุณเห็นวัดไหนๆ เขาก็ทำกัน...นี่แหละครับความเสื่อมอย่างแท้จริง ได้ฟังความเห็นความเข้าใจของจขกท. แล้วเพลียใจครับ แต่เป็นบุญของท่านแล้วที่ชักนำให้มาตั้งกระทู้ถามในห้องศาสนา ซึ่งอุดมไปด้วยข้อมูลที่เป็นสัมมาทิฏฐิเหล่านี้ จะไขข้อข้องใจให้ท่านได้ ------------------------------------------------------------------------- ส่วนพระเครื่อง พระกริ่งต่าง ๆที่เป็นของพ่อแม่ครูอาจารย์ สายวัดป่าก็ตาม โดยเจตนาของท่านเหล่านั้น ที่นอกเหนือจากเป็นพุทธานุสติ สังฆานุสติ ให้เป็นเครื่องเตือนใจมิให้ทำบาปแล้ว ย่อมไม่มีอย่างอื่น สุดท้ายอยากจะฝากว่า ถ้าใครรู้สึกว่าก้อนหิน ก้อนใดก้อนหนึ่งมีคุณค่า พอที่จะเป็นตัวแทนให้ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ได้ หินก้อนนั้นก็สามารถยกขึ้นหิ้งเอาไว้กราบไหว้บูชาได้อย่างสนิทใจ และได้บุญมากพอ ๆกับกราบพระพุทธรูปโดยไม่ต้องทำการปลุกเสกใด ๆเลย... แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 23:30:54 จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 23:22:46

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่สนใจเรื่อง การปลุกเสก ใดๆ ที่บ้านมี จตุคาม เต็มตู้ ไม่เห็นจะรวยเป็นร้อยล้านเลย แค่ล้านๆสองล้านเอง(แต่มันไม่เกี่ยวกับจตุคามแน่เพราะได้มาด้วยการแลกกับสิ่งที่มี) จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 23:29:01

ความคิดเห็นที่ 7 ต้องขอบคุณทุกๆ ความเห็นมากๆ ครับ ห้องศาสนาช่วยให้เข้าใจชัดเจนขึ้นจริงๆ ครับ เมื่อเดือนก่อนจำเป็นจะต้องตัดต้นโพธิ์ที่ขึ้นข้างกำแพงตึกแถว ก่อนตัดจิตตกมากมาย เพราะมีคนชอบเล่าว่า ตัดต้นโพธิ์แล้วจะมีอันเป็นไป แต่พอมาถามในห้องศาสนานี่ก็กระจ่างทันที ผู้รู้ท่านบอกว่า ไม่เป็นไร โพธิ์ขี้นก ตัดได้ บางท่านอ้างถึงพระราชวินิจฉัยร.๔ ในเรื่องนี้ว่า ตัดได้ บางท่านอ้างถึงพระเถระผู้ใหญ่ที่ท่านว่า ยุคนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้อีกหรอก ไม่ต้องปลูกโพธิ์เตรียมไว้หรอก บางท่านใจดีถึงกับบอกว่า ถ้ามีภูติผีจะตามมาเอาเรื่องให้มาเอากับท่านแทนได้ครับ ผมเลยตัดโพธิ์ต้นนั้นไปได้ แต่ส่วนตัวก็ยังมองว่าโพธิ์เป็นต้นไม้ เพียงแต่เขาขึ้นผิดที่ ตัดเสร็จจะเอาไปทิ้งหมด ทอนเป็นแท่งเล็กๆ แล้ว เกิดไปหยิบมาท่อนนึงยาวไม่ถึงฟุต ไม่มีราก คิดในใจแค่ว่าถ้าเขายังอยากขึ้นก็จะให้ขึ้นในกระถางที่เหมาะสม ที่จะคุมไม่ใฝห้รากชอนไชได้ เลยเอาไปปักในกระถาง แค่ ๒ สัปดาห์แตกใบอ่อนใหม่ออกมาตามตา เลยทราบว่าโพธิ์นี่เขาขึ้นง่ายตายยากจริงๆ ครับ แต่เรื่องพระนี่ จริงๆ ผมก็เห็นผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน ที่ท่านก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ท่านก็ยังเชื่อในเรื่องของการปลุกเสกนี้อยู่นะครับ จากคุณ : kugar เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 23:49:30

ความคิดเห็นที่ 8 ตามที่ได้ยินมา พระทุกงองค์นั้นจะมีเทวดารักษาครับ การปลุกเสกพระอาจจะมีนัยถึงการเชิญเทวดามาปกปักรักษาพระพุทธรูป แต่จริงๆแล้วอย่างไรเสีย ในสมัยพุทธกาลก็ไม่มีพระพุทธรูป จะให้ฟันธงให้แจ่มแจ้งไปเลยก็ไม่ได้ว่าผิดหรือถ฿ก ทำอะไรแล้วมันสบายใจ ไม่เดือดร้อนก็ทำไปเถอะครับ ปุถุชนคนธรรมดา ไม่ใช่พระอริยะ ย่อมมีหวั่นไหวบ้างอยู่แล้ว จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:15:35

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าซื้อมาเพราะชอบก้อนำไปให้พระที่นับถือท่านอธิษฐานจิตให้อีกครั้งโดยเป็นการเชิญบารมีคุณพระทั้งหลายให้มาปกปักรักษาพระพุทธรูปองค์นั้นๆ ไม่เห็นจะเป็นทางเสื่อมตรงไหน ศาสนาไม่มีวันเสื่อมที่เสื่อมคือใจคนมากกว่า จากคุณ : birdg5 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 00:35:46

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าปลุกเสกแล้ว สบายใจ สบายตา มองเห็นองค์ท่านแล้วมีความสุข ทำไปเลยค่ะ   พระ จะคุ้มครองคนดีเสมอ ขอให้บูชาพระด้วยความดีของเรา  พิธีกรรมต่าง ๆ ทำให้เราอุ่นใจ มั่นใจมากยิ่งขึ้น สำหรับพระที่ยังไม่ได้ปลุกเสกหรือเบิกเนตร   เรานำไปให้พระที่นับถือเบิกเนตรหรือปลุกเสกแล้วทำบุญให้กับทางวัดไปก็ได้ค่ะ     หลังจากปลุกเสกเบิกเนตรแล้ว ก็บูชาได้ถ้าจะให้ดีไม่รีบร้อนก็รอให้ เวลาที่วัดใกล้ ๆ บ้านมีพิธีต่อไปนี้ 1. มหาพุทธาภิเษก  2. พุทธาภิเษก  3. สวดนพเคราะห์หรือภาณยักษ์ (ส่วนใหญ่เวลาไปฟังสวดภาณยักษ์หรือนพเคราะห์ก็จะมีการเป่ายันต์ด้วย)  พิธีใดก็ได้นะคะเราก็เชิญท่านไปเข้าพิธีร่วมกับเรา จะเข้ากี่พิธีซ้ำกี่ครั้งก็ยิ่งดีค่ะ เพิ่มพลังให้กับท่านเท่ากับเรานำท่านไปเข้าพิธีปลุกเสกค่ะ   ในพิธีจะมีพระคอยรับสังฆทานอยู่ เราขอให้ท่านเบิกเนตรให้ก็ได้ ส่วนใหญ่ในพิธีนพเคราะห์หรือภาณยักษ์จะให้เราทำสังฆทานและจะมีให้เราเลือกพระกลับมาบูชาที่บ้านได้ 1 องค์ สำคัญที่สุดคือ ทำแล้วสบายใจ ไม่มีอะไรเสียหาย พระจะ คุ้มครองคนดีค่ะ จากคุณ : chickenja เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 01:00:14

ความคิดเห็นที่ 11 ขอตอบตามความเชื่อส่วนตนน่ะครับ ไม่เชื่อตามไม่ว่ากันครับ การปลุกเสก ไม่เกี่ยวกับจำนวนพระหลายรูปแต่เกี่ยวกับพระที่ปลุกเสกมีอภิญญาหรือจิตเข้มแข็งแค่ไหน เพียงพระแค่องค์เดียวที่มีจิตแรงกล้าก็สามารถปลุกเสกให้องค์พระเข้มขลังได้ และไม่เกี่ยวกับการโยงสายสิญจ์แล้วองค์พระจะดี ปลุกเสกผ่านอากาศองค์พระก็ดีได้ครับ อย่างองค์พระของหลวงพ่อโต หลวงปู่ทวด ลองไปหาอ่านประวัติดูครับ ว่าทำไมถึงขลังนัก ยกตัวอย่างหลวงปู่ทวดท่านเพียงมาเข้าฝันให้ทำองค์พระแบบนั้นแบบนี้ ผู้จัดทำก็หลวงปู่ทิม พระทุกองค์ยังคุ้มครองผู้สะสมเลยครับ ส่วนพิธีเบิกเนตร นี่ผมว่าออกจะมั่วนิ่มไปหน่อยครับ เป็นองค์พระแล้วทำไมต้องเบิกเนตร ท่านเบิกเนตรเองเป็นครับ ขำำขำครับ องค์พระที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องทำการปลุกเสกเพิ่มเติมก็ได้ครับ ขอเพียงผู้สะสม ทำตัวให้ดีอยู่ในศีล 5 ให้ดีแค่นี้ผู้ที่ทำพระไว้ให้ท่านก็ดีใจมากแล้วครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ แต่ก่อนผมไม่นิยมพระเครื่อง ศีล 5 ก็ไม่ครบ เดี่ยวนี้ผมรักษาศีล 5 ครบ เลยครับตั้งแต่ห้อยพระขึ้นคอ แค่นี้ก็ดีกับชีวิตแล้วครับ หุอิ จากคุณ : hadesmax เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 07:32:15

ความคิดเห็นที่ 12 พระบรมฉายลักษณ์ของในหลวงก็ไม่ได้ปลุกเสก แต่ทำไมทุกคนที่รักในหลวง เคารพในหลวง ก็ยังไหว้ภาพของพระองค์ท่าน? จากคุณ : ลุงแก่ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 07:42:25

ความคิดเห็นที่ 13 คิดในแง่ดี ก็ใช้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ระลึกถึงพระสงค์ที่เราเคารพรักเช่นพระสิวลี พระอุปคุต หลวงปู่ทวด หลวงพ่อโต เท่านั้นก็ดีแล้วครับ จากคุณ : hadesmax เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 08:50:39

ความคิดเห็นที่ 14 การที่คิดว่า อะไรที่ทำไปแล้วสบายใจ ไม่เดือดร้อนใคร ก็ให้ทำไปเลยนี่ บางอย่างมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมลงไปได้อย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ทางนึงเหมือนกัน เพราะถึงมันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็จริงแต่มันเป็นวิถีทางที่ผิดๆ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 13:58:18

ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อก่อนเราก็เคยนำพระพุทธรูปไปเข้าพิธีค่ะ อันไหนไม่ได้นำไปเข้าพิธีก็รู้สึกไม่ขลัง จนกระทั่งภาวนาเอง จิตใจมีความเปลี่ยนแปลง เกิดความรับรู้เรื่องพลังของพระเครื่องขึ้นมา ก็เลยได้ความรู้ความเข้าใจต่างไปจากเดิม คือ  "ขึ้นชื่อว่าเป็นพระพุทธรูป แม้ไม่ได้ปลุกเสก ก็มีพลัง" แม้รูปถ่าย หนังสือสวดมนต์ ก็มีพลังงานแฝง เป็นพลังที่จิตสามารถสัมผัสได้  ไม่เกี่ยวกับว่าพระอธิษฐานจิตแล้วจึงจะกลายเป็นพระพุทธรูป ถ้ายังไม่เข้าพิธีจะวางไว้ตามพื้น แบบนั้นไม่ใช่ค่ะ  แต่เป็นรูปพระพุทธเจ้า ก็มีพลังงานสถิตแล้ว  มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ ดังนั้นก็ไม่ควรทำไปไว้ที่ต่ำ  รูปพระในหนังสือพิมพ์ไม่ควรเอาไปปูพื้น เหยียบเป็นต้น ทีนี้ในแง่การอธิษฐานจิต หรือพุทธาภิเษก  ก็ต้องเข้าใจว่า พระสงฆ์ เกจิ อะไรก็ตาม เขาสวดมนต์ ทำสมาธิ แล้วก็อัดพลังจิตลงไปในวัตถุนั้นอีก  เหมือนเพิ่มมูลค่าน่ะ ไม่ใช่ไป "ปลุกเสกพระพุทธเจ้า"  แต่ว่าช่วยกันอธิษฐานจิต เอากำลังจิตที่ไปสถิตย์ในวัตถุ คล้ายการทำให้เหล็ก กลายเป็นแม่เหล็กน่ะ พลังพระพุทธเจ้าคงไม่ได้เพิ่มขึ้นเพราะพระสาวกไปปลุกเสกหรอก   แต่กำลังจิตของพระที่ปลุกเสกนั้น เป็นคนละส่วนกัน อาจทำให้วัตถุนั้นมีคุณลักษณะที่เพิ่มเติมขึ้นมาได้ ตามความเชื่อความศรัทธา ก็ว่ากันไป เราไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้ลึกซึ้ง รู้แต่ว่าพลังวัตถุอันไหนดีก็ปีติขึ้นหัวอะไรแบบนั้น บางทีการปลุกเสกที่ดี ก็นำพระนั้นไปฝากไว้ในโบสถ์ที่พระท่านลงทำวัตรทุกวัน ไว้สักพรรษานึง ก็แจ่มแล้วค่ะ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 14:57:29

ความคิดเห็นที่ 16 ต่างกันครับ ใช้คำว่าอธิษฐานจิตดีกว่า ปลุกเสกนะครับ และต้องเป็นพระบางองค์เท่านั้น ที่ท่านเมตตาทำให้ด้วย และต้องเป็นพระที่มีอภิญญาด้วย ส่วนถ้าเป็นสมมุติสงฆ์ ก็คิดว่าไม่มีผลเท่าไหร่        บางองค์ท่านก็ไม่ทำให้ ท่านจะเน้นสอนให้ดำเนินตาม ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา บางองค์ท่านก็ทำให้ เพราะว่าสอนให้ปฏิบัติตาม ทาน ศีล ภาวนา แล้ว ญาติโยมวิ่งหนีกลับบ้านกันหมด ไม่ยอมไปวัดไปวาเลย ท่านจึงอนุโลมทำให้ เพื่อเป็นอุบายให้เข้าวัดเข้าวาบ่อย ๆ และท่านก็อธิษฐานจิตให้ พระเครื่อง คุ้มครองให้ปลอดภัย ใครเห็นก็เมตตาครับ        แต่บางคนเมื่อได้ไปแล้ว ก็นำไปให้เช่าบูชา จากร้อย เมื่อบูชาต่อไปเรื่อย ๆ ก็เป็น พัน เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน อย่างเช่นพระสมเด็จพุฒาจารย์โตเป็นต้น จากคุณ : ไก่แดง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 15:02:22

ความคิดเห็นที่ 17 พระพุทธรูป ไม่ต้องปลุกครับ เพราะ พุทธ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ดังนั้นพระพุทธรูปคือรูปของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตื่นอยู่แล้วไม่ต้องปลุกอีก ตัวเราต่างหากล่ะครับที่ต้องปลุกให้ตื่น จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 20:59:21

ความคิดเห็นที่ 18 ที่มานั่งถกกันได้วันนี้ ไมใช่บรรพบุรุษรักษาแผ่นดินไว้ ให้พระศาสนาอยู่ได้หรือ ในสมัยโบราณวีรกษัตริย์ไทยทุกพระองค์มีเครื่องลางของขลังต่างๆเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ (อย่าบอกแบบศรีธนญชัยนะว่า แล้วทำไมมีคนตายล่ะ) ทำให้กล้าหาญชาญชัยปกป้องแผ่นดินไทย แต่กลายเป็นมีคนดูถูกความคิดของวีรบุรุษวีรสัตรีเหล่านี้ พระครื่องที่ลงพลังจิตแล้ว ก็โดยอาศัย พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มาจากมนต์ของพระพุทธเจ้านั่นแหละขอบารมีให้ช่วยคุ้มครอง เรียกง่ายๆว่าปลุกเสก แม้ช่วยไม่ได้ทุกครั้ง บางครั้งก็ยังดีมิใช่หรือ ถ้าไม่มีท่านเหล่านี้ปกป้องไทย เราเป็นทาสต่างชาติไปแล้วแบบที่ประเทศรอบๆเป็นกัน ป.ล.........พุทธเสื่อมเพราะมัวแต่อ่านตำรา ไม่ปฏิบัติจริงต่างหาก เพราะถ้าปฏิบัติถึงจะมีพลังที่จะช่วยประเทศได้ เดี๋ยวนี้มีแต่อ่าน เขียน ตำรา ดังทางลัดจากสื่อ สบายกว่าเรียกว่า นักปราชญ์คำภีร์เปล่า ความศักดิ์สิทธิ์จึงไม่มี กลายหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมธรรมดาๆไป ใครๆก็สอนได้ ช่วยแก้ปัญหายากๆของสังคมไม่ได้แล้วพุทธจะไม่เสื่อมได้อย่างไร อย่าลืมบัว 4 เหล่า ไอ้ที่ไม่เอาอะไรเลย นั่นมันขั้นจะหลุดพ้นแล้ว......ถึงกันแล้วหรือ ? จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 11:15:21

ความคิดเห็นที่ 19 มาจากแนวคิดของพวกฮินดูครับ ต้องไปแหกตา เบิกเนตร ปลุกเสก คือ ยัดเดรัจฉานวิชา ไสยาสน์ ที่พระพุทธเจ้าห้ามทำครับ วัตถุ อุทเทสิกเจดีย์ พระพุทธเจ้าบอกว่า ไม่มีอะไรไปเกี่ยวกับท่านครับ คนยุคหลังปั้น ลบหลู่พระพุทธแบบ มัสกอต กันเอาเอง เอาหินมาแทน พระพุทธองค์  ถ้าใครไปถือว่าสิ่งนั้นแทน แล้วกราบไหว้แทนระลึกพระองค์ ก็คือถือว่า ลบหลู่พระพุทธองค์ มีค่าเท่า ตุ๊กตาหิน...   คนที่หวังแต่ ฤทธิ์   พระพุทธเจ้าเคยปรามเรื่องการที่พระอรหันต์จะสำแดง ฤทธิบินไปเอาแค่บาตรไม้เศรษฐีว่าเป็นโมฆบุรุษ...   ความจริงเพราะคน ไปศรัทธา วัตถุก็เลยขลังเอาเอง จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 12:10:30

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณความเห็นเพิ่มเติมมากๆ ครับ จากคุณ : kugar เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 18:45:33

ความคิดเห็นที่ 21 หลวงพ่อจรัญสอนว่า พระที่เราไหว้อยู่นั้นเราศรัทธาหรือเปล่า ถ้าศรัทธาอยู่ก็ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไม่ศรัทธาก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ขลัง จากคุณ : เอหิปัสสิโก (จงดูจงเห็น) เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 09:18:24

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณคุณ  เอหิปัสสิโก มากครับ จากคุณ : kugar เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 11:09:26

ความคิดเห็นที่ 23 กลับไปดูพระที่บ้าน (พระที่บ้าน...) จากคุณ : mrkopiko เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 01:14:39

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณคุณ mrkopiko ครับ จากคุณ : kugar เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 06:52:07

ความคิดเห็นที่ 25 เพิ่มเติมครับ "ความขลังอยู่ที่จิต ความศักสิทธิ์อยู่ทีี่่ใจ ถ้าอยากให้ขลังให้ศักสิทธิ์  ต้องมีธรรมะสถิตย์อยู่ในหัวใจ" จากคุณ : ไก่แดง เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 20:20:08