ความคิดเห็นที่ 1 พ่อมีมรดกตกถึงลูกหรือเปล่า ตามกฎหมายต้องนำมรดกนั้นไปใช้หนี้ก่อนค่อยแบ่งกันได้ เพราะผู้รับมรดกต้องรับสภาพหนี้ด้วย หากพ่อไม่มีสมบัติอะไรเหลือเลย ก็อยู่ที่เรานั่นแหละครับตัดสินใจเอาเอง จะใข้หรือไม่ใช้ จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 20:53:05

ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้นี้ไม่รู้จะโหวตข้อไหนดี เพราะว่าข้อมูลไม่สมบรูณ์พอ ส่วนตัวคิดว่าถึงลูกๆจะไม่ได้สร้างหนี้ไว้ แต่หากลูกๆได้ใช้ผลประโยชน์จากหนี้จำนวนนั้นก็สมควรที่จะใช้หนี้ สมัยเด็กๆเคยโดนแม่ใช้ให้ไปเก็บตังค์ค่าซ่อมรถกับญาติของคนตาย เพราะคนตายเขาค้างไว้กับพ่อ แม่ให้ไปเก็บที่งานศพเลย เพราะแม่บอกว่าเขาได้เงินช่วยมาเยอะคงมีเงินใช้หนี้ หากไม่ทวงตอนนั้นเขาก็เอาเงินไปใช้อย่างอื่นเสียหมด ตอนนั้นอายเขานะเลยถามแม่ว่ายกหนี้ให้คนตายไม่ได้หรือ แม่ดิฉันบอกว่าแล้วเอ็งไม่ต้องกินข้าวได้หรือปล่าว รถเขาซ่อมเสร็จดีแล้ว ลูกเมียเขาก็ใช้รถต่อก็ต้องจ่ายค่าซ่อม ถ้าซ่อมเสร็จแล้วพ่อเขาเอารถไปเมืองผีด้วย แม่จะยกหนี้ให้เลยไม่ต้องไปทวงค่าซ่อม แม่บอกอย่างนั้น จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 21:07:33

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าไม่ลำบากยากจนเกินไป ก็ใช้ แต่ถ้าทำแล้วไม่สบายใจก็ไม่ต้องทำ ถ้าทำแล้ว สบายใจก็น่าทำ จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 22:06:30

ความคิดเห็นที่ 4 ตามกฎหมาย  ใช้หนี้ ไปไม่เกินมรดกที่ได้จากพ่อ ถ้าไม่มีมรดก ก็ไม่ต้องใช้  มาทวงแบบน่าเกลียด ก็แจ้งตำรวจ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 01:06:04

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ จขกท. อ้างว่า ..พ่อไม่ได้เลี้ยงทิ้งไปแต่เด็กๆ...แต่ลูกก็ยังคงอยากจะจัดงานศพให้พ่อ..นั่นหมายความว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายคงไม่ได้ หนีจากกันไปโดยไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาแน่นอน ส่วนตัว เราจะยอมจ่ายนะแม้จะมาก เพื่อไม่ให้คนที่ตายไปแล้ว ต้องมาถูกสาปแช่งและส่วนเราก็ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจเรื่องหนี้ของพ่อตัวเอง...(แต่ถ้ากรณีลูกไม่สามารถจ่ายได้ คงต้อง ไกล่เกลี่ย ชำระแบบรายเดือนไปดีกว่า) จากคุณ : clear_blue เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 03:15:50

ความคิดเห็นที่ 6 ตาม  คห. ที่ 4   ว่านั่นแหละ ..และถ้าไม่มีเอกสารกู้ยืมเป็นหลักฐาน ก็ไม่ต้องไปใช้แทน จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 07:22:53

ความคิดเห็นที่ 7 ตามกฎหมายไทย 1. ถ้าผู้ตายไม่มีมรดก มีแต่หนี้ ทายาทไม่ต้องรับภาระหนี้สินที่ผู้ตายก่อ 2. ถ้าผู้ตายมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน ก็เอาทรัพย์สินนั้นเฉลี่ยจ่ายคืนหนี้สินโดยมีผู้จัดการมรดกเป็นผู้จัดการ ทายาทไม่ต้องรับภาระหนี้สินส่วนที่เหลือ 3. ถ้าผู้ตายมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน ทายาทก็ชำระหนี้สินแล้วก็รับมรดกส่วนที่เหลือไป   ทางคุณธรรม ถ้าทายาทมีความสามารถจ่ายหนี้สินแทนผู้ตายได้ก็ควรทำ จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 09:47:13

ความคิดเห็นที่ 8 เอาแค่หนี้ชีวิต ที่ท่านทำให้คุณเกิดมาบนโลกนี้ คุณก็ชดใช้เป็นตัวเลขไม่ได้แล้วครับ หนี้อื่นๆ ยิ่งไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ คำตอบมันมีแค่คำตอบเดียว คือ ใช่ ต้องชดใช้ครับ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 11:52:31

ความคิดเห็นที่ 9 ทำตามกฏหมายครับ อย่างที่ คห 7 ว่าไว้ครับ ส่วนเรื่องการจัดงานศพ มันเป็นสิทธิของเราเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิมาห้าม ถ้าเขาห้าม ก็ยกศพคนตายไปไว้หน้าบ้านมันแล้วบอกให้ไปจัดการเอาเอง จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 11:57:15

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้า พ่อตาย แล้วทิ้งมรดกไว้ลูกควรได้รับรึเปล่า ในเมื่อลูกก็ไม่ได้มาดูดำดูดีกับพ่อเลย? จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 12:29:10

ความคิดเห็นที่ 11 ถึงท่านไม่ได้เลี้ยงดู แต่ท่านให้ชีวิตมาทั้งชีวิต ชดใช้หนี้ชีวิตนี้ให้ท่านอย่างไร? จะเอาเงินทองกองสูงแค่ไหนมาประเมินมูลค่าชีวิตของเรา? ถ้าเป็นเรา จะไม่มาตั้งกระทู้ถามคนอื่นให้ใครๆ เขามองเราว่าไม่รู้อะไรควรอะไรไม่ควร ขออภัยท่านเจ้าของกระทู้หากท่านไม่พอใจ จากคุณ : คนไม่สวยแต่จน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 15:42:03

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่ามีทางเลือกมากกว่านี้ เช่น แจ้งความกับตำรวจขอใช้สิทธิคุ้มครองของกฎหมาย เพื่อดำนินการเกี่ยวกับงานศพให้เรียบร้อยครับ พอเสร็จงานค่อยมาว่ากันว่าจะชดใช้หรือไม่จำนวนเท่าไร ไม่ใช่แค่เขามาบีบไม่ให้จัดงานศพแล้วมีทางเลือกแค่ยอมกับไม่ยอม จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 17:42:28

ความคิดเห็นที่ 13 ขอแจ้งให้ทราบอีกทีว่า  ไม่ใช่พ่อเรา  เราว่าเราเขียนไว้ชัดเจนแล้วนะ  พ่อเราเป็นอัมพฤกษ์  เราดูแลอยู่ทุกวันนี้  อย่ากรุณาคิดเอง เออเอง แล้วมาด่าเราแถมไว้   จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 06:13:30

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อที่ [278] "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑ บิดา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตรพึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง ๒ นั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดินใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย ส่วนบุตรคนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ" http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=1617&Z=1840&pagebreak=0 จากคุณ : วิริยารัมภะ (XeRaMos) เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 09:03:02

ความคิดเห็นที่ 15 เรียน ท่านเจ้าของกระทู้ เรากลับมาพิจารณาความเห็นของเราแล้วก็ยังไม่พบว่าตรงไหนที่เรา ด่า ท่านไว้ เราให้ความเห็นของเราตามเรื่องราวที่ท่านเจ้าของกระทู้ถามไว้ ไม่พอใจอะไรถามตรงๆ ก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องหลังไมค์เพราะมันไม่ใช่ความลับหรือเรื่องที่ต้องปกปิดอะไร เราก็ยินดีตอบข้อข้องใจของท่านต่อความเห็นของเรา ถ้าอยากได้คำตอบที่ถูกใจตัวเองทุกอย่าง แนะนำว่าให้ถามตัวเองแล้วตอบตัวเองค่ะ เพราะคนอื่นๆ เขาก็ล้วนมีความคิดเห็นแตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยและต้นทุนของชีวิต ขอให้เจริญในธรรม จากคุณ : คนไม่สวยแต่จน เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 09:43:44

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าคุณ คนไม่สวยแต่จน พูดอย่างนั้นก็คล้ายกับด่าจริงๆล่ะครับ นี่ขนาดกลับมาพิจารณาแล้ว - - ? ขอให้เจริญในธรรมนะครับ จากคุณ : kai (Bandai) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 00:13:02