ความคิดเห็นที่ 1 เรืองอิสลามผมคงไม่ทราบมากนัก คงต้องผู้รู้ท่านอื่น... แต่ศาสนาเป็นเรื่องของศรัทธาไม่ใช่เรื่องของความรัก ดังนั้น.. การที่เขาไม่มาร่วมกับครอบครัวคุณในการทำบุญอื่นๆเลย แต่กลับมานำเงินคุณไป ... เหอะๆ นะ เข้าใจนะครับ คงต้องบอกให้ไตร่ตรองหนักๆ และ หนักๆ กับคนจำพวกนี้ ... ของบางอย่างถึงจะเสียไป แต่เพื่อนผมเคยพูดว่า นึกซะว่าหมาฉี่รดเสาไฟฟ้า แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:58:17

ความคิดเห็นที่ 2 ครอบครัวฝ่ายชายอยากทำบุญ แต่มาขอเงินผู้หญิง ไม่ว่าศาสนาไหนไหน ก็ไม่น่าคบหรอก หรือว่าเขากำลังเลียนแบบใครอยู่ ? ? จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 04:15:14

ความคิดเห็นที่ 3 ลักษณะแบบนี้ หลังจากแต่งงานไปแล้ว  ชีวิตคุณจะประสบแต่ความทุกข์รออยู่มากมาย  จงทำใจเตรียมรับไว้ก่อน ...  ความรักแบบมืดบอด  จะมีแต่ทุกข์ จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 04:21:54

ความคิดเห็นที่ 4 เรียนท่าน จขกท ในศาสนาอิสลาม ไม่มีการบอกบุญ ต่อต่างศาสนิกครับ ผมเคยมีลูกศิษย์หลายคน ซึ่งสนใจอิสลาม บอกว่า เดือนบวชนี้เค้าได้บวชมาแล้ว 5 วัน ผมบอกว่าบวชทำไม เค้าบอกว่ารู้สึกศรัทธา เลยบวช ผมบอกว่าเมื่อรู้สึกศรัทธา ถึงขนาดบวช ก็ไม่ต้องรอแล้ว แสดงว่าร่างกายพร้อม จิตใจพร้อม แต่ถ้าบวชเฉยๆเล่นๆดู เพื่อเป็นกรณีศึกษา อย่าเรียกว่าการถือบวช ให้ใช้คำว่าทดลองอดข้าวจะถุกต้องที่สุด กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน การบอกบุญนั้นบอกบุญได้ แต่การไปบอกบุญคนต่างศาสนา เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกาลเทศะ ของตัวบุคคล นะครับ การทำบุญเป็นเรื่องของจิตใจ ครับ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 05:58:30 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 05:57:32

ความคิดเห็นที่ 5 ควรใคร่ควร ความรักจืดจางได้ ความทุกข์ที่ถูกบังไว้ก็เผยออก จากคุณ : neap เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 06:21:15

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเรา รักมากพอจะแต่งงานกัน ต้องยอมรับ ในทุกเรื่อง และให้เกียรติเขาครับ เราจะต้องเปลี่ยนศาสนา และทำบุญกับ พุทธไม่ได้อีกเลย ไม่เช่นนั้น รู้สึกทางอีกฝาย เขาจะบาปไปด้วย เราจะพาคุณพ่อคุณแม่เราไปวัดพุทธไม่ได้เลยอีกด้วย คิดให้รอบคอบ นะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 06:43:30

ความคิดเห็นที่ 7 ขอเรียนทำความเข้าใจ ในส่วนของอิสลาม กับพ่อแม่ ในครอบครัวผมเองมีมุสลิมใหม่ ที่เข้าตามครอบครัวที่บ้านไม่น้อยกว่า 6 คู่ ผมก้เป็น 1 ใน 6 คู่เช่นกัน เมื่อคนมารับนับถือศาสนาอิสลาม การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ของเรา การมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวนั้น เป็นสิ่งที่อิสลามสนับสนุน ไม่ว่า ท่านเหล่านั้นจะนับถือศาสนาอะไร การมารับนับถือศาสนาอิสลาม แล้วไปตัดพ่อตัดแม่ ตัดพี่ตัดน้อง นั้นถือเป้นบาปอย่างร้ายแรง เราสามารถทำกิจกรรมทุกอย่างได้ตามปกติ ยกเว้นอย่างเดียวกิจกรรม ที่เกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น ในสังคมไทยเข้าใจผิดๆมาตลอดว่า มารับนับถือสาสนาอิสลามแล้วเรื่องของครอบครัวเราต้องตัดทิ้ง นั่นเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเป็นอย่างมาก คุณพ่อ ของผม ก็มารับนับถือสาสนาอิสลาม ท่านก้ไปรับย่าของผม มาดูแล ภรรยาของผม ทุกสัปดาห์ ต้องไปนอนกับ มาม้า เค้าเพื่อตัดเล้บ อาบน้ำให้ เมื่อก่อนมาเข้ารับอิสลาม ก็เถียงมารดา คำไม่ตกฟาก พอมารับนับถือศาสนาอิสลาม ได้เรียนรู้ว่าแม้นแต่ คำว่า ฮึด หายใจแรงกับบิดามารดร นั้นเป็นบาป   และพี่น้องๆฝ่ายภรรยา ก็เข้าใจผิดอิสลามผิดมาตลอด บอกว่า จะกลายเป้นตัดพี่ตัดน้อง จนมาเดี๋ยวนี้ทุกคนเข้าใจดี และทราบด้วยการกระทำว่า ภรรยา ผมกลับดูแล แม่ ได้ดีกว่าแต่ก่อน ที่มารับนับถือศาสนาอิสลามเสียอีก ทุกวันนี้ที่บ้านแม่ยายผม มีห้องสำหรับละหมาด มี เครื่องครัวที่แยกให้ต่างหาก พี่สาว เค้าจะเรียนรู้การปรุงอาหารแบบถุกต้องตามลักษณะของอิสลาม ทุกวันนี้ทุกคนในบ้านแม่ยายของผมหันมาเคร่งครัดศาสนาพุทธมากขึ้น ดดยการสวดมนต์ก่อนนอน ก่อนกินอาหารก็สวดมนต์ เพราะเค้าได้แบบอย่างจาก ภรรยา ผมนั้นเองครับ ดังนั้นการมาเข้ารับศาสนาอิสลาม ขอให้เข้ามารับ และศึกษาถึงแก่นของอิสลาม และนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทุกอย่างจะดีเองครับ ตอนนี้ผมเลยสบายแฮ เวลาอยากทานอาหารจีน พี่ภรรยา เป้นคนปรุงให้ ผมเลยมานั่งกินบ่อยๆ นะครับ ส่วนภรรยาผมเอง ตอนนี้ในที่ทำงานของเค้า ปรากฎว่ากลายเป้นผุ้นำมุสลิม ดั้งเดิม ละหมาด ในที่ทำงาน และชักชวนคนอื่นละหมาดด้วย เจ้านายเมื่อเห้นการเคร่งศาสนา ก็จัดที่จัดทางให้ละหมาด และมอบความไว้วางใจมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยหลักจิตวิทยา คนเคร่งครัดในศาสนา โอกาส โกงกิน และไม่รับผิดชอบนั้น แทบเป้น 0 เถ้าแก่ทั้งหลายเลยชอบใจนะครับ ไม่ต้องมาระแวงใดๆกับพนักงาน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 07:36:26

ความคิดเห็นที่ 8 เท่าที่อ่าน ก็เห็นแต่เพียง ความเห็นแก่ตัวของ อีกฝ่ายเท่านั้น แม้แต่ในระดับครอบครัวยังเป็นเลย พอให้มาทำฝ่่่่่่่่่่่่่่่่่่่ายเราบอกไม่ได้ แต่พอถึงเวลา จ้องแต่จะมาเอาจากเรา มันยุติธรรมแล้วหรือ ผมเห็นด้วยกับคุณ โขตาล คห.3 ที่สุด ให้เขาเปลี่ยนมาหาเราสิครับ ถ้ารักเราจริง แต่ผมเชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไ่ม่ จากคุณ : Mopeena เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 09:36:01

ความคิดเห็นที่ 9 ท่าน Mopeena คำว่าเห็นแก่ตัวนั้น ใช้ในส่วนการกระทำและวิธีคิด ของคนฝ่ายนั้น ในเรื่องศาสนาไม่มีคำว่าเห็นแก่ตัวครับ ถ้าสามารถทำ ฝ่ายอิสลาม ให้เปลี่ยนมาเป้นศาสนาพุทธได้ ก็ลองทำไปครับ ไม่มีปัญหา  ไม่เห้นจำเป้นต้องมีคำว่าเห้นแก่ตัว หรอกครับ คำว่าเห้นแก่ตัว ต้องใช้ให้ถูก กรรม ถุกวาระครับ ไม่มีศาสนาใดในโลก สอนให้คนเห้นแก่ตัว ถ้าตั้งสมมุติฐาน ผิด ก้เหมือนติดกระดุมเสื้อผิด ตั้งแต่เม็ดแรก ยิ่งติดผิดตัวเสื้อด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ความเห้นแก่ตัวของบุคคล มีกันทุกศาสนา ยิ่งศาสนาใด ที่ไม่มีกฎเหล้กเรื่องความเห้นแก่ตัว ปลูกฝังให้รู้จักคำว่าหน้าที่ และความรับผิดชอบ คนในสังคมนั้น ในศาสนา นั้นยิ่งเห้นแก่ตัวมาก และไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ตนเอง และความไร้การรับผิดชอบ ตัวอย่างเช่น ในสังคมไทยนี้ ปฏิเสธได้หรือไม่เรื่องเห้นแก่ตัว ยิ่งตอนน้ำท่วม ทะเลาะกันจะเป้นจะตาย เรื่องนอกคันในคัน เรื่องชีวิตคู่ ฝ่ายหญิงแต่งงานเพื่อทรัพย์ ของฝ่ายชาย ฝ่ายชายก็แต่งงานกับ หญิงที่มีทรัพย์   มิฉะนั้นจะมีประโยคไทย ๆ  ที่ว่า "รูปสวย รวย ทรัพย์ อับปัญญา พ่อตา ตาย แม่ยายโง่  " ไม่มีมูล หมามันก็ไม่ขี้หรอกครับ นี่คือกระจกสะท้อน ความคิดของสังคมไทย ไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนา หรือท่านจะเถียงว่าไม่จริง แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 10:33:34 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 10:31:30 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 10:29:48 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 10:28:58

ความคิดเห็นที่ 10 เพื่อมิให้เกิดการไขว้เขว ไปมากกว่านี้ เนื่องจาก จขกท กำลังคิดที่จะมีชีวิตคู่ ผมขอนำเสนอ การมีชีวิตคู่โดยที่มีสามี ที่นับถือและศรัทธาต่อสาสนาอิสลาม หน้าที่ของสามี ตามพระมหาคัมภีร์อัลกุอาน บอกไว้ว่า " “บรรดาชายนั้นคือ ผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง (ภรรยา) เนื่องด้วยการที่อัลเลาะห์ได้ทรงให้บางคนของพวกเขา เหนือกว่าอีกบางคน (ให้ชายแข็งแรง กล้าหาญกว่าหญิง) และด้วยการที่พวกเขาได้จ่ายไปจากทรัพย์ของพวกเขา (ในการเลี้ยงดูภรรยา) บรรดากุลสตรีนั้นคือผู้จงรักภักดี ผู้รักษาในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่ลับหลังสามี (ขณะสามีไม่อยู่บ้าน) เนื่องด้วยสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงรักษาไว้”(หมายถึง สิ่งที่อัลเลาะห์ทรงกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสามีที่จะต้องปฏิบัติ นับตั้งแต่ การให้ค่ามะฮัร และค่าใช้จ่ายในชีวิตความเป็นอยู่ของนางทุกอย่าง)         ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 34 ด้วยคำตรัสขององค์พระผู้เป้นเจ้านั้นคือ คำสั่งให้ บุรุษเพศ ต้องมีหน้าที่ดูแลภรรยา ปกป้องภรรยาในทุกเรื่อง และสิ่งที่ขาดไม่ได้นั้นคือสินสอด ไม่ใช่ ขออยู่ด้วยกันเฉยๆนอน ฟรีๆไม่ได้ หรือ เลี้ยงแบบบุฟเฟต์ไม่ได้โดยเด้ดขาด ภรรยานั้นเปรียบเสมืออาภรณ์ของบุรุษเพศ มีภรรยาดีปฏิบัตน ตาามห้ามตามใช้ของศาสนาก็เป้นที่เชิดหน้าชูตาของสามีและวงศ์ตระกูล ตามฮาดีษ หรือพระจริยวัตรของ ท่านศาสดา มีดั่งนี้คือ ทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้ปกครอง และทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง และทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง ผู้นำประเทศเป็นผู้ปกครอง สามีเป็นผู้ปกครองครอบครัว ภรรยาเป็นผู้ปกครองบ้านเรือนของสามีและลูกๆ ดังนั้น ทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้ปกครอง และทุกคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม (ดูในบุคอรีย์เล่ม 2 หน้า  317 ดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 1829) คำอธิบาย ทุกคนเกิดมาต้องเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตามแต่สถานภาพของตัวเองทั้งสิ้น ผู้ใดเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองก็จะต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ในด้านงานเกี่ยวกับการปกครอง  กล่าวคือ เขาจะต้องมีความยุติธรรม ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทำทุกอย่างให้ประชาชนเป็นผู้มีสิทธิ์และได้รับสิทธิ์ ถ้าหากเขาเป็นสามี เขาก็จะต้องรับผิดชอบครอบครัวซึ่งประกอบด้วยภรรยาและบุตร และบุคคลในบ้าน เขาจะต้องเป็นผู้จัดหาอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆที่จำเป็น และจะต้องให้การศึกษา อบรมสั่งสอนให้ทุกคนในครอบครัวเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี ใช้ให้กระทำความดี ละเว้นความชั่ว ถ้าหากเขาเป็นภรรยา เขาก็จะต้องรับผิดชอบกิจการงานภายในบ้าน และทรัพย์สินของสามี นางจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่าย สิ่งใด งานใดภายในบ้านที่พอสามารถจะทำได้โดยไม่เกินกำลังก็ควรจะทำ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของสามี เช่น การเลี้ยงดูบุตร เป็นต้น จึงกล่าวได้ว่า ทุกๆคนเป็นผู้รับผิดชอบตามหน้าที่ที่ศาสนากำหนดไว้ ภายในขอบข่ายเท่าที่มีความสามารถ และทุกคนจะต้องดำเนินตามคำแนะนำนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์อันสูงส่งของศาสนาอิสลาม จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 10:56:19

ความคิดเห็นที่ 11 ด้วย คห ข้างบน และด้วยหัวข้อกระทู้เรื่องทำบุญ ถ้าคุณมี สามีที่ศรัทธา ในศาสนาอิสลามอย่างจริงจัง ปฏิบัติโดยเข้มแข็ง เหตุการณ์ลักษณะแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะหน้าที่จ่ายทรัพย์ เป็นหน้าที่ ของ สามี หรือบุรุษเพศ รบกวน ท่าน จขกท พิมพ์ หน้า นี้ไปให้ ว่าที่สามี อ่านด้วยเถิดครับ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ที่มันมี ปัญหาเบี้ยวๆทุกวันนี้ เพราะคนละเลย ในคำสอนของศาสนา นะครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 10:59:23

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นผู้ชาย ต้องมาขอเงินฝ่ายหญิง มันหน้าอายนะ หรือว่าคุณฐานะดีกว่าเขามาก ทีหลังบอกเขาว่า ทำบุญ ไม่ต้องใช้ตังสักบาท ก็ทำได้  แต่ศาสนาอิลาม ไม่มีคำว่าบุญนี่ จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 12:29:53

ความคิดเห็นที่ 13 ท่าน แล้วทำไม12 ทำไมจะไม่มี คำว่าบุญ บุญของอิสลาม คือ การทำกุศล มีแน่นอน มีทุกศาสนาด้วย ศาสนาพุทธ นั้นมีคำสอนเรื่องบาปบุญคุณโทษ แต่ผมก็แปลกใจว่าทำไม คนในศาสนา ถึงยึดถือ กับคำว่า "บาปปากแบะ บุญปากจู๋" นะครับ ทุกอย่างที่เป็นบุญ เป็นกุศล แก่หัวใจตนเอง ก็เป็นได้แค่ "ปากแบะ กับปากจู๋ " เท่านั้นนะครับ ทำบาปได้ทุกวัน ไม่เบื่อ ปากแบะ กับปากจู๋ หรือไร จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 12:37:34

ความคิดเห็นที่ 14 สงสัยเขาเป็นมุสลิมที่ดีมากกกเลยยย ต้องทำตามมุสลิมคนแรกของโลกคือขอตังเมีย จากคุณ : ยูซุฟ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 15:23:54

ความคิดเห็นที่ 15 อยากเตือนด้วยความหวังดี... หาแฟนใหม่เถอะ  คนพุทธไม่มีแล้วเหรอ  รีบออกมาซะเถอะน่ะ.. แค่คุณถามแฟนว่า อย่างนี้เธอก็ใส่บาตร ทำบุญทอดผ้าป่าทอดกฐินกับ จขกท. ได้สิ กลับตอบว่า ไม่ได้ แค่นี้ จขกท. ก็น่าจะได้คำตอบแล้วน่ะ.. พวกนี้เขาจะแต่งงานกับพวกเขาเท่านั้น(อิสลามเหมือนกัน)  คุณไม่ได้เป็นพวกเดียวกับเขา  ก็อย่าไปยุ่งเขาเลย ถอยออกมาเถอะยังไม่สาย ดีกว่าจะเป็นทุกข์ไปตลอดชีวิต.. จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 15:35:05

ความคิดเห็นที่ 16 ยูซุฟ  ผู้ชายขอตังค์เมีย มี 2 กรณี 1. ชายหาตังค์เมียเก้บตังค์ 2. แมงดา ประการที่ 1 และ 2 หาได้ง่ายในสังคมไทย แต่ผู้ชายมุสลิม ที่เคร่งครัดศาสนา จะเป้นคนหาทรัพย์ และ ภรรยามีหน้าที่รักษาทรัพย์ บังเอิญ บังเอิญ ศาสนาอิสลามเป้นศาสนาที่คนเคร่งครัด เป็นอันดับแรกของโลก ศาสนาคริสต์ ก็ชายก้ต้องเลี้ยงดูภรรยา เช่นกัน เมีย นี้ สบายๆๆๆ  เป็นคุณนาย เท่านั้น ศาสนาอื่นไม่รู้ แต่ สังคมไทยสมัยก่อน หาเลี้ยงภรรยา ภรรยา สบายๆๆๆ แต่เดี๋ยวนี้ มันจัญรัญคน เกาะเมียกิน ไม่เอาศาสนามาใส่สมอง จะศาสนาใดก็แล้วแต่ ถ้าทำตนเปนแมงดา ก็เป็นแมงนั้นแหละครับหาใช่คนไม่ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 16:07:04 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 16:06:13

ความคิดเห็นที่ 17 แฟน จขกท. ไม่เคยขอเงิน คะ  มีแต่ให้เงิน จขกท. แต่...ที่บ้านเขาคะ  ที่ชอบขอโน้น ขอนี่   และ ให้เราทำบุญกับทางอิสลาม  ทำไรบ้าง..ก็ไม่รู้ ที่ตั้งกระทู้ เพราะสงสัยเรื่องทำบุญข้ามศาสนา  และ  บางครั้งไม่ได้อยากจะทำ แต่โดนบอกให้จ่ายเงินเพื่อทำบุญ  (เหมือนพุทธบอกบุญ ให้ซองผ้าป่าอะไรอย่างนี้) จึงแค่สงสัย  อย่างนี้ จขกท.  จะได้บุญ จากไหน จากใคร  ในขณะที่ยังเป็นพุทธอยู่เต็มตัวและใจอย่างนี้ จากคุณ : MySeaSon เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 16:09:44

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ MySeaSon ผมขออนุญาต คุยเรื่องนิยามคำว่าทำบุญ ไม่เกี่ยวกับว่าศาสนาใดนะครับ -การทำบุญ ขั้นสูงสด นั้นคือการทำบุญ เพื่อไม่หวังได้บุญ ไม่หวังได้สวรรค์ คนที่ได้รับการทำบุญจากเราคือเค้ามาทวงในสิ่งที่เป้นของเค้า ต่างหาก การทำบุญ นั้นมีการทำบุญได้หลายวิธี มิจำเป้นต้องเรื่องศาสนา เยอะแยะ เรื่องที่จะทำบุญ เรื่องทำบุญเป็นเรื่องของจิตใจ สดวกเมื่อใด ใจพร้อมเมื่อใด ไม่ติดกับข้อบังคับใดๆ ก็ทำไปเลยครับ การทำบุญเชือดเนื้อของตนเอง นั้นเป้นบาป ในศาสนาอิสลาม การทำบุญต้องทำในขณะที่เรามีเหลือ เรื่องนี้เราบอกตรงๆไปกับ แฟนของเรา ว่าเราไม่พร้อมด้วยทรัพย์ และจิตใจของเราก็ไม่ใช่อิสลาม คนรักกันต้องเข้าใจกัน ถ้าไม่เข้าใจกันก้ไม่ใช่คนรักกัน ปรัชญาปฐมบทเลยละครับ การบอกบุญ เรื่องศาสนา ในอิสลาม ถือว่า เป็นการเอาสวรรค์มาให้ ผู้ทำบุญ แต่บังคับขู่เข็ญ คาดคั้นไม่ได้  การทำบุญ ด้วยใจไม่พร้อม นั้นไม่ได้บุญ เพราะใจไม่เป้นสุข สร้างทุกข์ห้กับตนเอง เงินนั้นมันก็ร้อน แต่ในกรณี บอกบุญในเรื่องศาสนา ข้ามศาสนานั้น เป้นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะวาระและโอกาส นั้นไม่ใช่ แต่ถ้าเป้นการบอกบุญเพื่อสังคม เราจะทำก็ทำไป ทะนี้ ผมบอกถึงเรื่องบัญชี ความดีความชั่ว ของผู้ที่จะมาเข้ามุสลิม เมื่อมาเข้ามุสลิม ความชั่วหรือสิ่งไม่ดีของเรานั้นจะถุกล้างบัญชี ไปหมดเหมือนเด้กแรกเกิด ส่วนความดีของเรานั้น ไม่ปิดบัญชีครับ ต่อยอดได้เลย ดังนั้นการทำความดีไม่ว่าในศาสนาใด ความเชื่อใดก็แล้วแต่ ความดีนั้นเอามาสะสมแต้มได้ครับ ประเด้นตรงนี้ ต้องคุยกันนะครับ ผมว่าเค้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์มากกว่า ลองชี้แจงให้ฟัง ผมมีตัวอย่าง กลุ่มชุมชนนึง ย่านสวนหลวง ร.9 ชุมชนนี้ มีสมาชิก ทั้งไทยพุทธ ไทยอิสลาม รวมกัน มีเงินบริจาครวมกัน งานหลักคือทำบุญ แก่เด้กกำพร้า คนขาดโอกาสทางสังคม ไม่จำกัดศาสนาใดๆ ช่วยหมด เดินสายทั่วประเทศไทย เค้าก้บอกบุญทั่วไปเป้นประจำ ผมก็ใส่ซองให้ไป เวลาขบวนเค้าไป มีทั้ง อีแมะ และไม่แมะ บานตะเกียง  ดังนั้นจึงเป้นภาพที่สวยงาม ด้วยประการดั่งนี้ ผมว่าในกรณีของคุณ คงมีปัญหาความไม่เข้าใจกัน กับว่าที่ ครอบครัวของสามี มากกว่า ที่บอกบุญพร่ำเพรื่อ ไม่ดูกาลเทศะ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 16:55:24 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 16:53:28 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 16:45:29

ความคิดเห็นที่ 19 เซิร์ซ ด้วยคำว่า  ไม่แสวงหาบุญนอกพระพุทธศาสนา ลองเข้าไปอ่าน ตาม ลิ้งค์นี้ ครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=ploi&month=21-04-2012&group=1&gblog=1 และ http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=17301 จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 16:58:35

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเคยไปชมรมคริส9Nราม เขาบอกว่า ศาสนาคริสต์ ไม่มีคำว่าบุญ และฆ่ายุงก็ ไม่บาปด้วย ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ท่าน Jimbovy จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 07:42:30

ความคิดเห็นที่ 21 ท่านแล้วทำไม 12 การให้ทาน การแบ่งปัน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และการปลูกฝังการให้นั้นคือหัวใจของอิสลาม ไม่ว่ากฎเรื่องซากาต กฎเรื่อง ซอดาเกาะห์ นั่นคือการทำบุญ ทั้งสิ้นครับ การให้ทานของอิสลาม นั้นได้กุศล ในขณะเดียวกัน ก็มีคำสอนขั้นสูงสุดคือการให้ทาน โดยไม่หวังบุญกุศลด้วยเช่นเดียวกันครับ คือ ให้เพราะอยากให้ ให้แล้วใจเป้นสุข ให้แล้วไม่ต้องการป้าย ถ้าสังเกตุง่าย ในสุสานอิสลาม ทำไมไม่มีแบบฮวงซุ้ย นั่คือการให้ คนอื่นสามารถฝังทับลงไปบนที่ของตนเองได้ ห้ามการยึดครองถือครอง ใดๆ ดังนั้นสุสานอิสลาม เลยไม่มีวันเต็ม และฐานะความรวย ความจนไม่เป้นอุปสรรคในการตาย ไม่สร้างภาระให้กับคนในครอบครัว คนตายมีหน้าที่ตาย คนเป้นมีหน้าที่ต้องฝังคนตาย ไม่ต้องใช้เงินก็ตายได้ครับ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 55 12:10:13 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 12:06:55

ความคิดเห็นที่ 22 ครับ จากคคหท 20 ของคุณแล้วทำไม12 เข้าใจถูกต้องแล้ว   ทั้งคริสเตียน และความเชื่อของชาวยูดาย(ยิว) ไม่มีการทำบุญ  คำว่าทำบุญน่าจะมาจากศาสนาทางโลกตะวันออก ที่ให้คนทำบุญเพื่อสะสมไว้ในชาติหน้า(เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด) การให้....ของฝ่ายความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว(ยูดาย/คริสต์/อิสลาม)ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองหรือแม้แต่การช่วยเหลือทางด้านกำลังหรือแม้แต่เพียงมีความคิดว่าจะให้......เราถือว่าเป็นการบริจาค(ที่ไม่หวังผลตอบแทนไม่ว่ากรณีใดๆ) โดยจะให้กับผู้ที่เดือดร้อนและจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือเพื่อการอยู่รอดเท่านั้น จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 12:59:03