ความคิดเห็นที่ 2 ความเห็นส่วนตัว แบบแรก ทำตามจริตของท่าน แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 17:51:30 จากคุณ : chiwat เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 17:32:54

ความคิดเห็นที่ 3 อนุโมทนาค่ะคุณ จขกท บางคนบอกว่ากินมังสวิรัตไม่เกี่ยวกับบุญ แต่เราว่า จิตที่ไม่คิดจะเบียดเบียนนี่แหละ เป็นกุศลที่สุด เราแนะนำให้ทำสองอย่างเลย คือกำหนดไว้ 1 วัน ที่ต้องทานให้ได้ เช่น ทุกวันพระ ส่วนวันอื่นๆก็พยายามทานเท่าที่ทำได้โดยไม่เบียดเบียนตนเองเกินไปจนเกิดจิตเศร้าหมองค่ะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 17:39:00

ความคิดเห็นที่ 4 ปฏิบัติเอง ได้เอง ปัตจัตตัง วิญญูหิติ จากคุณ : chiwat เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 17:44:27

ความคิดเห็นที่ 5 กินเจ กินมังฯ ไม่เเกี่ยวข้องกับบุญนะครับ  และอย่างที่ คห 3บอก กุศลนั้นเกิดได้จากความเมตตา และไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย   แต่ ที่ต้องระวังคือ  กินมัง กินเจ แล้วทำให้รู้สึกว่าตนดี ตนเคร่ง ตนวิเศษกว่าคนกินเนื้อ   ความเห็นนี้ต้องระมัดระวัง เพราะมันไม่เกี่ยว  ถือศีลให้ครบ ให้สะอาด ก็ดี และหากปราถนาจะกินเจ กินมังฯ ผมว่า การกำหนดวัน เช่นทุกวันพระ จะเป็นการดีกว่า เพราะได้เป็นการสร้างสัจจะบารมี คือ ความตั้งใจที่จะทำ  ถ้าจะให้ดีร  ถือศีล 8 ในวันพระไปด้วยเลยครับ   : ] ศึกษาเรื่องของศีล เพื่อการทำศีลให้สะอาด  จากลิ้งนี้ครับ  ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ  http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แล้วลองอ่านกระทู้นี้ดูครับเป็นเรื่องของการกินเนื้อสัตว์ การกินเนื้อ  : ] http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12246026/Y12246026.html จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 18:16:02

ความคิดเห็นที่ 6 1. ถ้าตั้งใจด้วยเมตตา ก็ทำไปเถิดครับ แต่จะกินมังสวิรัติ ต้องกินให้เป็นนะครับ ต้องศึกษาเรื่องโภชนาการให้รู้ด้วย ผมมีเพื่อนคนนึง  อยู่ดีๆ ก็เกิดไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ แล้วก็กินแต่ผักครับ ผักสดๆ ด้วย ผมค่อยๆสังเกตุว่า เขาดูซูบๆ หน้าตาแห้งๆครับ ต่อมาเขาก็มีปัญหา เวียนหัว  จะเป็นลม  อาการเหมือนคนไม่สบาย ไปหาหมอ หมอก็ให้วิตะมินมากิน มาคุยกับผม  ผมคิดว่า เขาน่าจะขาดโปรตีนมากกว่า  เพราะโปรตีนเป็นสารสำคัญในการสร้างฮอร์โมนหลายๆอย่าง  ผมเลยแนะนำให้เขากินนมถั่วเหลือง  เอาแบบผสมงาดำด้วย เพราะงาดำมีแคลเซียม ที่อยากสรุปให้ฟังคือ -ในผักทั่วๆไป ไม่มีโปรตีน นะครับ  โปรตีนมีในถั่วเหลือง  ถ้ากินมังสวิรัติ ต้องกินถั่วเหลืองด้วย -โปรตีน มีในข้าวกล้องด้วย ถ้าจะกินมังสวิรัติ อย่าลืมกินข้าวกล้องไปเลย ช่วยได้ -ผักทั่วไปไม่มีแคลเซียม มันมีในงา และงาต้องเคี้ยวให้แหลกด้วย ไม่งั้น ดูดซึมไม่ได้  มันมีนมถั่วเหลืองแบบกล่องที่ผสมงาดำลงไปด้วย ลองไปหาซื้อทานดูครับ -ถ้ายังไง ผมว่าทานไข่ต้มบ้างก็ดีนะครับ จะได้ไม่ขาดอาหาร จริง ๆผมสนับสนุนให้กินอาหารตามปกติ แต่กินผักให้เยอะหน่อย จะดีต่อสุขภาพด้วยครับ และจะได้ไม่ขาดสารอาหารด้วย จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 18:58:33

ความคิดเห็นที่ 7 ตั้งใจอธิฐานเลยครับ พอเริ่มทำแล้ว เดี๋ยวก็ได้ลองสอบ ... จากคุณ : ltf06 เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 19:35:22

ความคิดเห็นที่ 8 เราเป็นคนหนึ่งที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ไม่ถึงขั้นเจ เพราะทานกุ้ง ปลาหมึก ปลาบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าวิเศษกว่าคนกินเนื้อ แค่เพราะความสงสาร แต่ร่างกายเราแข็งแรง ดีกว่าคนกินเนื้อเสียอีก แนะนำ จขกท ทำทุกวันคะ ส่วนมื้อไหน วันใดไม่สะดวกก็ทานไป เวลาเรามีประชุมเขาจัดข้าวมันไก่ เราก็กินแต่ข้าว ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ทำอะไรไม่เดือดร้อนใคร สบายใจทำไปเถิด การละเว้นเนื้อสัตว์ ถ้าคนอื่นว่าไม่ได้บุญก็ช่าง แต่เราทำแล้วสบายใจ จิตใจผ่องใส ทำไม่ได้หวังบุญ รู้สึกดีที่ไม่ต้องเบียดเบียนชีวิตอื่นเพื่อต่อชีวิตตน ถ้าจะต้องเบียดเบียน ก็ขอให้น้อยที่สุด สาธุ จากคุณ : anindita เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 21:32:18

ความคิดเห็นที่ 9 ฆราวาส หรือแม้กระทั่งพระก็สามารถกินซากศพของสัตว์ได้โดย"ไม่บาป" ถ้าเนื่อที่กินนั้นบริสุทธิ์โดยสามส่วนคือ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ทราบว่าเขาฆ่าเพื่อเป็นอาหารของเรา แล้วการกินมังสะวิรัติ จะได้บุญฯอย่างใรเล่าครับ รักษาศีลข้อ1 ให้บริสุทธ์ที่สุดไปเลย น่าจะได้บุญมากกว่าการกินมังแล้วยังบี้มดตบยุงอยู่นะครับ จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:02:32

ความคิดเห็นที่ 10 พระพุทธองค์ฉันมังสวิรัตและไม่ฉันมังสวิรัติ ใครถวายภัตตาหารมาอย่างไรก็ทรงฉันอย่างนั้น เพราะการขบฉันเป็นไปอย่างมีสติ เพื่อละความยึดมั่นถือมั่น บ้างก็ว่ามังสวิรัตเป็นธรรมเนียมของโยคีบางจำพวกและฮินดูส่วนใหญ่ ปรากฏในพระไตรปิฏกบางตอน เช่น พระเทวทัตทูลขอให้พระพุทธองค์ฉันมังสวิรัต แต่พระพุทธองค์ปฏิเสธ บ้างก็ว่าการกินเจ ในแผ่นดินจีนนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงฮ่องเต้องค์หนึ่งที่มีคุณธรรมสูง เชื่อว่าสวรรคตไปเป็นยมบาล ในเมืองไทยก็มีโรงเจไม่กี่แห่งที่เชื่อในธรรมเนียมนี้ ( เหมือนการกินบ๊ะจ่าง จาโก้ย (ปาท่องโก๋) ) ผมไปเมืองจีนช่วงเทศกาลกินเจ Supplier ฮามากเมื่อทราบว่ามีเทศกาลใหญ่โตที่เมืองไทย เขาว่าการกินเจเป็นเรื่องของอาม่าตามตจว.ซึ่งคนจึนรุ่นใหม่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้แล้ว ผมรู้จักนักปฏิบัติหลายคนที่เลิกกินมังฯและกลับมากินตามปกติ กลับมีกำลัง มีความก้าวหน้าในผลการปฏิบัติ บางคนก็ร่างกายผ่ายผอมขาดสารอาหาร ความสามารถในการคิดและการทำงานลดลง แต่บางคนก็สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ปล.แค่เล่าสู่กันฟังน่ะครับ ผมเองก็ตั้งใจกินมังฯเฉพาะตอนที่กินสลัดน่ะครับ      ไม่กินสัตว์ใหญ่เพราะมีอนุมูลอิสระ กินสัตว์เล็กบ้างและก็แผ่เมตตาให้เขาด้วย จากคุณ : helzblueboy เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 10:59:08

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ จขกท สะดวกแบบไหน ก็เอาแบบนั้นสิครับ รับรองทำได้ยาว....................................... จากคุณ : Seki Shiki เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 12:19:50

ความคิดเห็นที่ 12 ตามที่ คุณจขกท ตั้งใจไว้ คือทานเพื่อปราบความอยาก เพื่อเอาชนะใจตนเองให้ได้นั้น ** ดังนี้แล้ว ก็ควรทานติดต่อกันไป เช่น กำหนดเดือนละเจ็ดวัน ก็ทานต่อเนื่องเจ็ดวันไปเลย อาจกำหนดเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนก็ได้ ตามสะดวก เป็นต้น อาหารที่ทำทาน ควรเรียบง่าย ธรรมดา ไม่เน้นทั้งรูปลักษณ์และรสชาด และควรให้ผู้อื่นเป็นผู้เตรียมให้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปรุงแต่งด้วยอำนาจความอยากของตนเอง การทานแม้จะเบื่อกับ กับข้าวเดิมๆ ก็ให้ทานไป ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ไม่เปลี่ยนเลยได้ยิ่งดี ควรทำอย่างนี้เป็นหลัก นั่นแหละ จึงจะบรรลุผล ตามที่ท่านได้ตั้งใจไว้ **  (รวมทั้งขันติบารมี) ...................... ในการบริโภค ไม่ว่าเป็นเจ หรือไม่เจก็ตาม มีหลักอยู่ว่า " ไม่บริโภคด้วยตัณหา บริโภค แบบ สักว่าลิ้ม ไม่ติดในรูป รส และให้รู้ประมาณในการบริโภค ไม่ทานเล่น ไม่ทานจุกจิก " อนิสงค์ ของการปล่อยวางอาหารได้ถึงที่สุดนั้น เกินกว่าที่ท่านจะคาดหมายนัก ฉะนั้น ทำแล้ว ก็อย่าทำเล่นๆ  (ถ้าหากทำเล่นๆ ก็จะได้ผลเล่นๆ เหมือนกัน) ................. ขอให้คุณจขกท แน่วแน่ ตั้งใจจริง อนุโมทนาจ่ะ จากคุณ : saengdaed เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 12:33:35

ความคิดเห็นที่ 13 การกินมังสวิรัต หรือ กินเจ ถ้าคิดว่ากินแล้วจะได้บุญ นั่นยังไม่ใช่บุญที่มีอานิสงส์มาก แต่ควรตั้งจิตว่า กินเพื่อลดความอยาก กินเพื่อชำระกิเลส จึงจะเป็นบุญที่มีอานิสงส์มาก ซึ่งการทำทุกวันได้ ย่อมดีที่สุด สำหรับคนที่ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย ทำสมาธิแล้วก็ไม่หาย ลองลดการกินเนื้อสัตว์จะช่วยได้มากครับ จากคุณ : ชนาธิป - พุทธแท้ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:58:34

ความคิดเห็นที่ 14 บางคนอ้างเหตุผลต่างๆนานา ที่แท้ก็เพราะอยากกินนั่นแล (ลองถามใจตัวเองดู) ใครไม่ได้กินเพราะอยากก็ขออภัย กินกันจนชิน หรือลืมนึกไปว่าเบื้องหลังอาหารของเรานั้น เป็นแบบนี้ (ภาพโหด) . . . . . . . เจ็บน่าดู มีใครยอมเป็นแบบนี้บ้าง?? จากคุณ : CutieTrinity เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:13:30

ความคิดเห็นที่ 15 อีกนิดนะครับ   การตั้งใจทำอะไรและพยายามทำให้สำเร็จ   เป็นการสร้างบารมีนะครับ โดยเฉพาะข้อสัจจะ อธิษฐาน และวิริยะ   เพื่อเป็นฐานในการทำในสิ่งที่ยากขึ้นต่อไป   การกินมังฯ ก็เป็นอีกเครื่องมือหรือวิธีการหนึ่งนะครับ ---------------------------------------------------------- ANS. ดีทั้งอย่างแรกและอย่างหลังแหละครับตามสะดวก        ผมแนะนำว่าควรตั้งจิตอย่างง่ายก่อน เช่น วันพระละ 1 มื้อ 3มื้อ        แล้วค่อยเพิ่มวัน จนถึงทุกวัน และในที่สุดก็ตลอดชีวิตครับ จากคุณ : helzblueboy เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:53:41

ความคิดเห็นที่ 16 ทำแล้วสบายใจ อย่างไหน ก็ทำอย่างนั้น เพราะสิ่งที่ต้องการทำ คือ  อยากให้สบายใจ จากคุณ : แฟนพันธุ์ทาง (อาจารย์ไข่) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:54:37

ความคิดเห็นที่ 17 ผม ไม่กินเจ แต่ ก็ พยายาม ไม่ทาน เนื้อสัตว์ใหญ่ กับ สัตว์ป่า ครับ แต่ ตั้ง ใจ ไว้ ว่า "ถ้า เลือก กินได้ จะเลือก ที่จะไม่กิน มัน" แล้ว คราวนี้ ก็ ขึ้นอยุ่ กับ สติ หละครับ ว่า จะ มี แค่ไหน ว่า จะ ห้ามใจได้แค่ไหน ------------------------------------- เล่าเรื่องนิด ครับ พ่อผม ไม่กินเนื้อวัว ไม่ใช่ เพราะ นับถือ เทพ องค์ไหน นะครับ แต่ แค่ ตอนพ่อเด็กๆ ท่านเป็นเด็กเลี้ยงวัว อยู่ใน เขา ห่างไกล คน อยุ่กับ น้อง แค่ สอง คน สองสามวัน พ่อ จะมาส่งข้าวที ท่าน ก็ ตั้งใจว่า "ข้า ได้ เอ็ง(วัว) เป็นเพื่อนอยู่ที่ป่านี้ ข้าจะไม่กินเอ็ง ตลอดชีวิต" พ่อผม เล่าให้ฟัง ถึงสาเหตุ ว่าทำไมท่านไม่กินเนื้อวัว ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 16:15:33

ความคิดเห็นที่ 18 ตั้งใจกินนะคะ  ได้บุญแน่นอน หนึ่งมื้อกินเจ หมื่นชีวิตรอดตาย ตั้งใจกินเจเหมือนกัน ตั้งใจไว้ว่าจะกินประมาณหนึ่งเดือน และหลังจากหนึ่งเดือนก็กินบ้างไม่กินบ้างแล้วแต่สะดวก (กินแบบไม่บังคับตนเองค่ะ)  กลัวเป็นภาระ ก็เลยเลือกกินแบบง่ายที่สุดคือ 1. กินเจแบบไม่ซีเรียส ถ้วยจานไม่ต้องเปลี่ยนแค่ล้างให้สะอาด 2. ไม่มีข้อบังคับอะไรให้ตัวเองเครียด 3. กินเจจริง ๆ ไม่กินเนื้อสัตว์ ผักที่คนกินเจห้ามกินก็ไม่กิน 4. หลังจากกินเจหนึ่งเดือนตามตั้งใจนี้ครบแล้ว ก็อาจจะกินตามสะดวก เช่น วันละมื้อบ้างอะไรบ้าง หรือวันไหนเกิดอยากจะกิน ก็กิน ไม่บังคับอะไรทั้งสิ้น 5. ไม่ทำตัวผิดประหลาด เคร่งมากจะทำให้เครียด  ทำตัวสบาย ๆ ทำให้ใจมีสุข เพราะไม่อยากสัญญาอะไรกลัวทำไม่ได้ค่ะ สิ่งที่ได้รับนะคะ  ก่อนที่จะตั้งใจกินเจหนึ่งเดือน เคยฝันร้าย ฝันเห็นผู้หญิงน่ากลัวคนหนึ่งอยู่เป็นประจำเวลาร่างกายอ่อนแอ  ตั้งแต่กินเจมานี้ก็อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร เชื่อไหมคะ ไม่เคยฝันถึงอะไรน่ากลัวเลย เบาตัว สบายใจ ที่กล่าวมานี้เป็นความเชื่อและการกระทำเฉพาะตัวเองแล้วแต่จะพิจารณาละกันค่ะ กินมังสวิรัติก็ดีนะคะ ทานนมได้ ทานไข่ได้ เสริมกำลังให้แข็งแรง แล้วแต่ะสะดวกดีที่สุด เอาอานิสงค์จากการกินเจมาให้อ่าน ย่อ  ๆ นะคะ อยากอ่านละเอียดหาใน google เลยค่ะเยอะแยะ 1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย 2.จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น 3.สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเคียดแค้นในใจลงได้ 4.ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย 5.มีอายุมั่นขวัญยืน 6.ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด 7.ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นศิริมงคล 8.ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน 9.สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ 10.ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมู่งสู่คติภพ จากคุณ : chickenja เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 18:55:08

ความคิดเห็นที่ 19 การกินเจไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบุญเลยสักนิด ดีไม่ดี จะเป็น สีลัพพตปรามาส ไปเสียอีก เรียกว่าปวารณากินเจแล้ว ไปขวางทางมรรคผลนิพพาน ดูทิฏฐิพระเทวทัตเป็นอุทาหรณ์ก็แล้วกัน บุญจากการตั้งจิตไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ก็เรื่องหนึ่ง แม้ตั้งจิตไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์แล้ว ก็ยังกินเนื้อได้ตามปกติ เรื่องราวของหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ก็ดี เรื่องของหลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา ก็ดี พระคุณเจ้าเหล่านี้มีคุณธรรมสูงส่ง เมื่อมีญาติโยมจะมาวัด ท่านก็จัดหา "เนื้อปลา" มาให้เป็นอาหาร ก็เพราะเนื้อปลา มันไม่ใช่ปลา อย่างนี้เป็นต้น ทั้งผู้ที่ไม่กินเนื้อ และยังกินเนื้อ ไม่มีใครเขาไม่เข้าใจ เบื้องหลังของอาหารจากเนื้อ หรอก ไม่เห็นว่าจะต้องไปลองถามใจตัวเอง อย่างที่พวก "ตนบุญ" บุญเต็มกะโหลก (แต่ไม่มีช่องว่างเหลือให้สติปัญญาเข้าสิงสถิต) อย่างไรเลย?! ริกินเจเพื่อความเจริญ ถ้าคิดว่ามันจะทำให้เจริญ.. ก็ควรเริ่มจาก จิตที่ไม่คิดจะเบียดเบียน ไม่ใช่แค่เพียงไม่เบียดเบียนชีวิต แต่หมายถึง จิตที่ไม่คิดเบียดเบียนจริงๆ ประเภท "เสอก" คิดแทนคนกินเนื้อว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้..ไม่ไหวครับ ยังไม่ทันจะได้ยัดเจเข้าปากซักคำ ตัวก็พองเป็นอึ่งอ่างซะแล้ว .. ตั้งตัวเป็น "ตนบุญ" เบียดเบียนผู้อื่น กูไม่อยากกินเนื้อสัตว์ กูนี่แล วิเศษจริงน้อ แทนที่จะพองตัวเป็นอึ่งอ่าง ก็ไม่เห็นต้องพองขนาดนั้น เอาแค่ เคลียร์กะโหลกให้มัน "ว่าง" ขึ้นสักนิด พอให้หยอดสติปัญญาลงไปซักหน่อย ว่า.. การกินเจ ไม่เกี่ยวกับบุญ ถ้าเริ่มคิดได้อย่างนี้ มันก็ไม่มี "ตน" เมื่อไม่มี "ตน" ก็จะไม่มี "ผู้อื่น" ให้เหยียดหยาม .. เหยียดหยามว่า กูวิเศษกว่า เพราะกูไม่เบียดเบียนสัตว์ เพราะกูเข้าใจเบื้องหลังของอาหารจากเนื้อสัตว์ กูไม่ใช่ไอ้โหด ?! กูดีกว่ามง !! แค่คิดเป็น บุญก็เกิดแล้ว ที่สำคัญ เป็นบุญที่ประกอบด้วยสติปัญญาด้วย! ( ไม่น่าเชื่อว่านี่มันปีอะไรเข้าไปแล้ว ไอ้พวก "บ้าเจ" นี่ก็ยังจมอยู่กับทัศนะดูถูกคนอื่นอยู่ได้ ถ้าจะดักดานกันอย่างนี้ กินเนื้อกันต่อเถอะ ) จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 22:14:00

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทุกท่าน นานาทรรศนะครับ ต่างจิตต่างใจครับ เล่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทางร่างกายและความรู้สึกหลังจากทานมังมาครบ 10วันให้ฟังกันครับ อย่างแรกคือรู้สึก หิวบ่อยแตละหิวเร็วกว่าปกติมาก เช่นทานข้าวกลางวัน พอบ่าย4โมงก็เริ่มหิวแล้ว หิวบ่อยและถี่มาก อย่างถัดมาคือรู้สึก แรงขับทางเพศหรือที่เรียกว่าอารมณ์ทางเพศมันลดลงอย่างเห็นได้ชัดมากๆครับ ไม่ค่อยรู้สึกอยาก เห็นรูปหวาบหิวแล้วก็เฉยๆมากขึ้น ซึ่งแต่ก่อนไม่ใช่แน่นอนครับ อย่างถัดมาอีกข้อ คือหลังจากทางมังมาประมาณวันที่6-7 เหมือนร่างกายมีแรงน้อยลง ตื่นเช้ายากขึ้นงัวเงียกว่าเดิม บางครั้งก็มีแอบง่วงเวลางาน สงสัยเพราะขาดสารอาหาร หลังๆเลยต้องทางไข่เพิ่มหลายฟองหน่อยและนมถั่วเหลืองเพิ่ม ก็ดีขึ้นครับ แต่ทานนมแล้วเหมือนท้องเสีย อย่างถัดมาเรื่องระบบขับถ่าย รู้สึกว่าดีกว่าเก่า คือถ่ายง่ายและเป็นเวลาและกากเยอะขึ้น บอกไม่ถูก แต่รู้สึกว่าดีกว่าเดิมครับ ยอมรับครับว่าบางครั้ง เห็นหมูปิ้งหอมๆ ก๋วยเตี๋ยวเจ้าโปรดก็หวันๆเหมือนกัน บางทีก็งงกับตัวเองว่า จะทนไปทำไมทั้งๆที่เค้าก็ซื้อมาจากตลาดเตรียมไว้ขายในปริมาณคงที่แล้ว เราไปกินอีกคนเค้าก็ไม่ได้ไปฆ่าเพิ่มมาให้เรากินสักหน่อย แต่ถ้าเหลือเค้าก็ต้องทิ้งอยู่ดี  เราจะทางมังไปเพื่อลดการเบียนเบียนมันจะถูกต้องหรือ เป็นการกระทำเพื่อสนองความต้องการอยาก ของเราเองหรือต้องการลดการเบียดเบียนจริงๆกันแน่ ทั้งๆที่เราก็ยังอยากกินอยู่เลย แต่ก็ยังทานมังอยู่ต่อครับ พยามทานต่อเนื่องไปให้ได้ทุกวันตลอดืแบะตั้งใจว่าวันพระจะตั้งใจเด็ดขาด และในเวลานี้ก็จะพิจารณาว่ามีผลดี หรือ เป็นแค่ความอยากเอาชนะส่วนตัวอย่างที่หลายๆท่านบอก จริงๆ อยากรู้ว่าดีหรือไม่ พระท่านสอนให้เอาตัวเองลองเข้าไปพิสูจน์เลย ผมจะลองตั้งใจทานสัก30วันให้ได้ แล้วจะมารายงานความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านดีและไม่ดีให้เพื่อนๆให้ทราบกันอีกครั่งแล้วกันครับ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 23:39:30 จากคุณ : Depth In The Ocean เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:36:04

ความคิดเห็นที่ 23 ทุกคนแสดงความเห็นหรือเห็นต่างได้ตามสบายเลยค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้รับในการกินเจนะคะ 1. สบายใจ 2. สบายท้อง 3. เมื่อสบายใจสบายท้อง ก็ไม่ฝันร้าย บุญที่ได้ ได้จากการพยายาม ลด ละ และเลิก รู้สึกเห็นใจและเมตตาผู้อื่น ผลด้านสุขภาพจะชัดเจนมาก ๆ โรคมะเร็งหรือเซลร้ายผิดปกติ ส่วนหนึ่งเกิดจากการทานเนื้อสัตว์ที่หลั่งสารพิษใส่เนื้อตัวเองที่เจ็บปวดจากการโดนฆ่า  การกินเจมองอีกแง่หนึ่งถ้าไม่คิดเรื่องศาสนาหรือเรื่องบุญ ก็คือเรื่องสุขภาพ  การรักษาสุขภาพให้ดีอายุยืนยาว ก็คือการสร้างบุญถูกไหมคะ สร้างบุญให้ตัวเองอายุยืนยาวอยู่เพื่อทำความดี ชี้แนะทางที่ถูกที่ควร ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาให้ตัวเองและสังคม หนึ่งมื้อกินเจ หมื่นชีวิตรอดตาย ^ ^ จากคุณ : chickenja เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 01:57:32

ความคิดเห็นที่ 24 ทำไปเถอะครับ  ผมยังกินเนื้อแต่ก็สนับสนุน     ก็ดูเรื่องสุขภาพด้วย แล้วอย่าให้มีความสงสารจนถึงทำให้จิตหดหู่         แค่เราเทน้ำล้างจาน  ให้เศษอาหารได้เป็นอาหารของสัตว์เล็กสัตว์น้อย       ก็ได้บุญได้อานิสงค์เยอะอยู่  การตั้งความปราถนาตั้งจิตไว้ดีก็เป็นบุญแล้ว          พระพุทธเจ้า พระองค์มีปัญญารู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร             การไม่ทานเนื้อยังไม่ใช่ทางให้ถึงนิพพาน ก็เหมือนการถือศีลและพรตโดย          ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่การไม่ได้ห้ามทานเนื้อของพระองค์  ก็ไม่ใช่การยับยั้ง           บุคลผู้งดทานเนื้อ                                    แต่ยังไงก็อย่าไปข่มคนกินเนื้อเข้าล่ะ  ควันขึ้นแน่ จากคุณ : กัป' เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 05:03:15

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องข่มคนอื่นว่าข้าแน่กว่าคนที่ทานเนื่อสัตว์ ไม่มีกับผม 100% แน่นอนครับ เพราะผมรู้สึกว่าการกินมังของผมเป็นการสร้างภาระให้กับกลุ่มเพื่อน และผู้ร่วมงานเวลาทานอาหาร และ ดูเป็นตัวประหลาด ตลกๆ มากกว่าที่จะรู้สึกว่าวิเศษหรือบริสุทธซะอีกครับ คือจะพยามไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเราทานมังครับ ถ้าเค้าไม่ถามจะไม่บอกครับ เพราะสังคมผมมันไม่ได้นิยมทางบุณซักเท่าไร การที่อยู่ๆดีประกาศตัวว่ากินมังกินเจแล้ว จะโดนเพื่อนมองว่าทำตัวไร้สาระซะด้วยครับ กลายเป็นตัวปัญาหาเวลาไปทานข้าวกับเพื่อน ผลพลอยได้อีก1ข้อ ขณะผมเริ่มทานมังนี้ รู้สึกว่าต้องข่มความอยากไว้มาก ดังนั้นความพยามจากการข่ม ผมก็นำไปเตือนใจตัวเองในการรักษาศีล5ด้วยทุกที เพราะถือว่าเราแลกความอยากด้วยความพยามมาแล้ว ดังนั้นการรักษาศีล5 จึงเป็นเรื่องที่มีต้นทุนที่จะต้องรักษาไว้ให้ได้ ศีลข้อ 1 ตอนนี้เรียกว่า100% ครับ แต่ข้อ4นี้ บางครั้งก็หลุดไปเหมือนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ จากคุณ : Depth In The Ocean เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 12:30:42

ความคิดเห็นที่ 26 ต้องขออนุญาตเตือนสติกันสักนิดนะครับ ว่าอย่าเพิ่งรับรองตัวเองเลยว่าศ๊ลข้อ 1 100% ให้คนอื่นหรือครูบาอาจารย์รับรองจะดีกว่านะครับ (อย่าเคืองกันนะครับ) จากคุณ : helzblueboy เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 15:17:06

ความคิดเห็นที่ 27 ^ คห.26 เอ....เหตุใดต้องให้ครูบาอาจารย์มารับรองล่ะท่าน เราเป็นผู้อยู่กับตัวเอง 24 ชม. ย่อมรู้ดีว่าตนรักษาศีลได้ครบถ้วนหรือไม่ มีขาด ทะลุ ด่างพร้อย รึเปล่า แล้วครูบาอาจารย์ท่านจะมารับรองได้ไง? เอาอะไรเป็นตัวชี้วัด?  ช่วยกรุณาขยายความให้ฟังหน่อย เท่าที่ทราบ ตัวอย่างคุณสมบัติพระโสดาบัน ถ้าเรารักษาได้ครบถ้วน พระพุทธเจ้าก็ให้เรานั่นแหละพยากรณ์ตนและตนว่าเป็นโสดาบัน ท่านไม่ได้บอกว่าต้องให้ครูบาอาจารย์นั้นนี้มารับรองเลย หรือเราเข้าใจอะไรผิด? จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 16:03:11

ความคิดเห็นที่ 28 ผมก็ไม่ค่อยเห็น คนกินเจ กินมังฯ   จะข่มใครเขาเหมือนกัน           แต่บางทีเขาอยากพูดที่เขารู้สึก  คนกินเนื้อจะเข้าใจไปอีกแบบ     เช่น อาจจะรู้สึกดีจนอยากคุยว่าไม่กินเนื้อ  รู้สึกดีที่ไม่เบียดเบียนสัตว์          ที่คนต่อต้านคนกินเจกินมังฯ  อาจเกิดจากคำถามว่าทำไมรู้สึกเหม็นคนกินเนื้อ      อันนี้แหละเป็นเรื่องใหญ่ (แต่คนถามคงไม่ได้คิดอะไร)      อีกเรื่องก็การกล่าวหา การกินเนื้อส่งเสริมการฆ่าสัตว์          คนกินเจกินมังฯ ก็ควรระวังสองเรื่องนี้ด้วย จากคุณ : กัป' เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 06:04:08

ความคิดเห็นที่ 29 ศีล สมาธิ ปัญญา ถึงความบริสุทธิหลุดพ้นได้ด้วยปัญญา การทำความดีทั้งหลาย ถ้าเพื่อขัดเกลากิเลสในใจตนแล้ว ทำให้เต็มที่สะสมเป็นบารมี ผมเองกินอาหารที่มีอยู่ตรงหน้า อะไรก็ได้ แต่ถ้าจะมีข้อวัตรเพื่อฝึกตนแล้ว ส่งผลดี สติ สมาธิ ปัญญา เจริญขึ้นก็ควรทำ แต่ถ้าสิ่งที่ทำแล้วคิดเอาเองว่ามันน่าจะดี ลองสอบทวนกับตำราดูว่าพระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างไร ลิงค์ข้างล่าง มีเนื้อหาเกี่ยวกับการไม่กินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต ที่พระเทวทัตท่านเสนอ ยกมาบางส่วนครับ พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า "ดูกรโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ดูกรโมฆบุรุษ ไฉน เธอจึงได้ตะเกียก ตะกาย เพื่อทำลายสงฆ์ เพื่อทำลายข้อห้ามในพุทธจักรเล่า" http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=1&A=18463&w=%E0%B9%D7%E9%CD%B7%D5%E8%BA%C3%D4%CA%D8%B7%B8%D4%EC สรุป ถ้าทำเพื่อลดละกิเลสทำไปเถอะ สร้างบารมี ขอให้ผลบุญนั้นส่งผลให้พ้นสังสาวัฎได้ โมทนาด้วยความยินดีครับ จากคุณ : อิทธิธรรม เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 17:22:52

ความคิดเห็นที่ 30 พุทธศาสนาในไทย กินสัตว์กันอร่อยยังกับเป็นยักษ์ เป็นกระสือ ขัดกับหลักเมตตาชัดๆ แต่คนไทยชอบเข้าข้างตัวเองบอกว่า เป็นอาหาร......งั้นลองเอาตัวเองเป็นอาหารให้เขากินบ้างซิ ไม่เห็นมีใครกล้าสักคน ปวดหัวกับพี่ไทย อะไรๆที่เข้ามาเมืองไทย มันเพี้ยนไปหมดเพราะพี่ไทยดัดแปลงให้เข้ากับการมักง่ายตามใจตัวเองทุกเรื่อง พวกมากลากไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง พระไตรปิฏกพี่ไทยแต่งเติมบิดเบือนให้พระพุทธเจ้ากินเนื้อสัตว์ แล้วบอกว่าพระองค์มีเมตตาได้อย่างไร ก็รู้ๆอยู่ว่ามันขัดกับคำสอน ก็ยังตะแบงลุยน้ำไปขุ่นๆเพราะตัวเองอร่อย ลองไปค้นคว้าให้ทั่วโลกซิว่า พระพุทธเจ้ากินเนื้อสัตว์หรือเปล่า ระวังจะบาปตกนรกนะ ว่าพระพุทธเจ้ากินเนื้อสัตว์ ดึงพระพุทธศาสนาให้ต่ำลง บาปแน่นอน ท่านอมฤตนันท ภิกขุ อดีตประธานสงฆ์แห่งเนปาล เคยมาเมืองไทยและเคยเข้าพบสมเด็จพระสังฆราชของเราด้วย เคยบอกกับคนไทยว่า ตระกูลท่านสืบเชื้อสายมาจากพระพุทธเจ้า จนบัดนี้ไม่มีใครกินเนื้อสัตว์เลย ท่านเลยงงว่า ทำไมพระไทยกินเนื้อสัตว์ เรียนพุทธศาสนา อย่าเป็นแบบนกแก้วนกขุนทอง หัวไม่ได้มีไว้แค่ใส่หมวกนะ ต้องคิดพิจารณามหาพิจารณา จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 01:51:43

ความคิดเห็นที่ 31 อ้อ.......พวกโจรที่ปล้นทรัพย์หรือฆ่าทำร้ายเขา ควรถูกประนามหรือควรชมเชย ฉนั้น คนที่กินเนื้อเขา กินชีวิตเขา เบียดเบียนเขาควรชมเชยอย่างนั้นหรือ ? จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 55 01:58:57

ความคิดเห็นที่ 32 พระเจ้าสุทโธทนะกับพระสิริมหามายา มีลูกคนเดียวคือพระสิทธัตถะ พระสิทธัตถะกับพระพิมพา ก็มีลูกคนเดียว คือพระราหุล พระราหุลบรรพชาตั้งแต่เด็กและบวชไม่สึกจนตาย ลองไปค้นคว้าให้ทั่วโลกซิว่า พระที่อ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากพระพุทธเจ้านั้น มาได้ยังไงวะ ?! อดีตประธานสงฆ์แห่งเนปาลอะไรนั่นน่ะ โวว่าเคยมาเมืองไทย เคยเข้าพบสมเด็จพระสังฆราช อยู่ต่อหน้าพระองค์ ไม่บอกพระสังฆราชไปเสียเลยว่า ตระกูลสืบเชื้อสายมาจากพระพุทธเจ้า จนบัดนี้ไม่มีใครกินเนื้อสัตว์เลย งงๆ ว่า ทำไมพระไทยกินเนื้อสัตว์ ก็ทำไมไม่ถามพระสังฆราชไปเลยล่ะว่า พระสังฆราชฉันเนื้อสัตว์ทำไม ? แล้วทำไม ไม่ถามสมเด็จพระสังฆราชเสียเลยล่ะว่า พระไตรปิฏกไทยแต่งเติมบิดเบือนให้พระพุทธเจ้ากินเนื้อสัตว์ไปทำไม? พระไตรปิฎกพม่า มีตรงไหนบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ฉันเนื้อสัตว์ ? พระไตรปิฎกฉบับฉัฏฐสังคายนาของพม่า ที่เป็นต้นแบบของพระไตรปิฎกบาลี มหาจุฬาฯ คนไทยก็ตามไปบิดเบือนพระไตรปิฎกพม่าจนกลายเป็น ฉัฏฐสังคายนา งั้นใช่มั้ย หืออ .. นังโง่!! ฟังใครเขามา ไม่ต้องพิจารณามหาพิจารณาก็ได้ แค่ให้รู้จักใช้หัวคิด อย่าแค่มีหัวไว้กั้นหู !! เที่ยวเอาเรื่องโง่ๆ มาเผยแพร่ต่อ ระวังจะบาปตกนรกนะ ตั้งชื่อซะเท่ สำนักไม่คิดมาก ? ไม่คิดมากห่าไรกัน อย่างนี้นี่แม่มันไม่รู้จักคิดเลย ไม่คิดอะไรเลย คิดเหวอะไรไม่เป็นเลย แอบอิงพระพุทธศาสนากันอย่างนี้ ปลูกฝังเสียจนพวกสาวกมัน "กันดารทางความคิด" อย่างนี้นี่เองเล่า.. รัฐบาลสมัยก่อน เขาถึงได้ต้อง "บล็อก" ไอ้สำนักนี้ เพราะไม่ไหว ปล่อยให้มันแพร่เชื้อโง่ในสังคมไทยต่อไปไม่ได้ อ้างพระศาสนา อ้างพระพุทธเจ้า เพื่อเผยแพร่ลัทธิบิดเบือนของตัวเอง มันก็คือ "พวกโจรปล้นพระศาสนา" นั่นแหละ ไม่ต้องเลยถามว่าควรถูกประนามมั้ย ?! จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 11:20:51

ความคิดเห็นที่ 33 นาน ๆ จะได้อ่านข้อเขียนของท่านระนาดเอกสักครั้ง มาครั้งนี้ไม่ผิดหวังจริง ๆ ฮ่ะ จัดไปอีก 3 โป้ง     จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 14:41:35

ความคิดเห็นที่ 34 ท่านไม่ได้พูดกับพระสังฆราช แต่พูดกับคนทั่วไป เป็นคนไทยที่นั่งเทียนอีกคน ตรัสรู้ด้วยตนเอง อย่าเชื่อตำราแบบนกแก้วนกขุนทองหรือเชื่อตามพวกมากลากไป ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าบอกสาวกอยู่บ่อยๆว่า อย่าเพิ่งเชื่อแม้ว่าฟังจากปากพระองค์สดๆในขณะนั้น (เคยอ่านพระไตรปิฏกตรงนี้หรือเปล่า) ไม่ทำตามวิธีพระองค์สอนให้หาความจริง แล้วจะเรียกว่าเป็นชาวพุทธได้อย่างไร........คนแบบนี้แหละ ทำให้พุทธเสื่อมเพราะจะทำให้ห่างไกลความจริงออกไปเรื่อยๆ เชื่อตามๆกัน พวกมากลากไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง กรรมใครกรรมมัน เราไม่เกี่ยว แต่ควรศึกษาพุทธศาสนาให้รอบโลกหน่อย เพราะไม่ใช่นับถือกันแค่คนไทย แล้วค่อยวิจารณ์ดีไหม ? ยุคนี้ยุคอินเตอรฺเน็ต หาความรู้ได้กว้างขวาง อย่าทำตัวแบบอยู่หลังเขาจะน่ารัก เรื่องสำนักปู่สวรรค์ กล้าท้าพิสูจน์กับเราไหม ? เอาอะไรกันก็ได้ ว่า สำนักนี้ไม่เคยหลอกลวงใคร และไม่เคยมีผู้ร้องเรียนฟ้องร้องอะไร ลูกผู้ชาย กล้าพิสูจน์ไหม ? นัดพบกันที่สำนักปู่สวรรค์ บางแคได้เลย อย่าพูดลอยๆ แล้วไม่รับผิดชอบโดยไม่มีหลักฐาน จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 55 17:55:30

ความคิดเห็นที่ 35 ตกลงนี่ ตอบได้มั้ยว่าพระเนปาลที่อวดอ้างว่าสืบสายมาจากพระพุทธเจ้าน่ะ สืบกันมาอีท่าไหน ยังไง ?! เชื่อตามพวกมากลากไป ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าบอกสาวกอยู่บ่อยๆว่า อย่าเพิ่งเชื่อแม้ว่าฟังจากปากพระองค์สดๆในขณะนั้น (เคยอ่านพระไตรปิฏกตรงนี้หรือเปล่า) เชื่อแบบนกแก้วนกขุนทอง ไม่ทำตามวิธีพระองค์สอนให้หาความจริง แล้วจะเรียกว่าเป็นชาวพุทธได้อย่างไร........ คนแบบนี้แหละ พวกควาย!! ทำให้พุทธเสื่อมไปเรื่อยๆ เชื่อตามๆกัน พวกมากลากไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง เชื่อเข้าไปได้ ปากบอกว่า อย่าเชื่อๆๆ ให้ทำตามพระพุทธเจ้า ให้หาความจริง พิสูจน์ก็ไม่พิสูจน์ จำขี้ปากมาพูดต่ออย่างนี้ แม่มงพูดออกมาได้ว่าหาความจริง หาความจริงกันยังไงวะ ?! อันที่จริง ไม่มีใครเคยบอกว่าสำนักปู่สวรรค์หลอกลวง? ในที่นี้บอกว่า สาวกสำนัก "ไม่คิดมาก" นี้มันโง่ - ชัดไหม ถ้าจะว่าด้วยเรื่องหลอกลวง สำนักปู่สวรรค์จะมีน้ำหน้าพิสูจน์อะไร? จะมีปัญญาพิสูจน์อะไรว่า สมเด็จโตมาเข้าทรง พิสูจน์ยังไง ? สมัยสมเด็จโตยังมีชีวิต พระจอมเกล้าฯ นิมนต์เข้าวังทุกวันๆ สมเด็จโตก็ฉันเนื้อตามปกติ มีที่ไหนบอกว่า สมเด็จโตไม่กินเนื้อ? ไม่ใช่อย่างไอ้พวก "สร้างจุดขาย" ที่อ้างพระพุทธเจ้าอย่างหน้าด้านๆ มียางอายบ้างไหม บอกว่า พระไตรปิฏกพี่ไทยแต่งเติมบิดเบือนให้พระพุทธเจ้ากินเนื้อสัตว์ บิดเบือนตรงไหน ? พระไตรปิฎกแปลไทยก็แปลมาจากบาลี พระไตรปิฎกบาลี ทั่วโลกตรงกันหมด ไม่มีเรื่องพระพุทธเจ้าเว้นกินเนื้อ พูดออกมาได้ หน้าด้าน  !! ..ควรศึกษาพุทธศาสนาให้รอบโลกหน่อย เพราะไม่ใช่นับถือกันแค่คนไทย แล้วค่อยวิจารณ์ดีไหม ? โถ.. ยัยง่าวเอ๊ย.. พูดลอยๆ โก้ๆ เท่ๆ ให้ศึกษารอบโลกก่อน ? ไหนล่ะ พระไตรปิฎกฉบับไหน? พระไตรปิฎกที่ระบุว่า พระพุทธเจ้าไม่กินเนื้อ อยู่ไหน ฉบับไหน ยกมาให้ดูซิ ขอดูน้ำหน้าหน่อย เอางี้เลยดีกว่า ที่สำนักปู่สวรรค์น่ะมีพระไตรปิฎกซักฉบับมั้ย ที่ระบุชัดๆ ว่าพระพุทธเจ้าไม่ฉันเนื้อ เอาวันเดือนปีที่จัดพิมพ์ เทียบกับพระไตรปิฎกบาลีใบลาน กรุต้นกรุงรัตนโกสินทร์ หลังพม่าเผาเมืองเรานี่ก็ได้เอ้า จะดูซิว่า พระไตรปิฎกเก๊กฮวยฉบับปู่สวรรค์ นี่มัน "จัดพิมพ์" ขึ้นเมื่อปีอะไร ใครเก่าแก่กว่าใคร เดี๋ยวก็รู้ว่าใครมัน "บิดเบือน" 08-9767-8580 โทรมาเลย.. ถ้าไม่มีพระไตรปิฎกให้ดู จะให้ดู "อ๊บ" เบอร์ 43 ของแท้ไม่บิดเบือนแน่ !! โทรมาเดี๋ยวนี้ !! จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 10:55:30

ความคิดเห็นที่ 36 ขอคาวะท่านนักปราชญ์  เก่งกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้ติดสมมุติ แต่ท่านเก่งกว่าไม่ต้องทำตามคำสอนพระพุทธเจ้า  ข้าน้อยขอคารวะ..... ป.ล.........ถ้าติดสมุติอย่างนี้ คงคุยกันไม่รู้เรื่อง ยิดตำรา บ้าอาจารย์ อย่างนี้ต้องให้เป็นเหมือนองคุลีมาลเชื่ออาจารย์โดยไม่พิจารณา ว่าสัจธรรมเป็นอย่างไร ฆ่าคนเป็นพัน ก็ว่าทำถูกแล้วมั้ง เก่งจริงๆ......ขอคารวะอีกครั้ง ท่านผู้เจริญ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 09:36:44

ความคิดเห็นที่ 37 ลูกผู้ชาย กล้าพิสูจน์ไหม ? นัดพบกันที่สำนักปู่สวรรค์ บางแคได้เลย อย่าพูดลอยๆ แล้วไม่รับผิดชอบโดยไม่มีหลักฐาน --------------------------------------------------------- เมื่อไหร่จะโทรมานัดซักทีวะ สาวกปู่สวรรค์ เข้าทรงสมเด็จโต ? พิสูจน์สำนักปู่สวรรค์ บางแค ไหนล่ะ? กล้าพิสูจน์ไหม ? ไม่กล้าโทรนัดแล้วท้าทำไม ท้าไว้ แต่ไม่กล้าโทรมา ก็มุดหัวดำดินหายไปเลย ไป๊ นี่ยังจะมีหน้าโผล่หัวมาอีก ไอ้พวกลวงโลก ไม่มีศักดิ์ศรีเลย !! จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 13:27:30

ความคิดเห็นที่ 38 พวกคิดไม่เป็น ติดตำรา บ้าอาจารย์ ขอยอมแพ้เพราะ เก่งกว่าพระพุทธเจ้า.....5555555 จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 22:58:27

ความคิดเห็นที่ 39 พูดไปยังไม่เข้าใจอีก ไม่ว่าพระไตรปิฏกฉบับพม่าหรือฉบับไหนก็ตาม ถ้าข้อใหนมันขัดกับหลักตัดสินพระธรรมวินัย เพราะมันไปเพิ่มกิเลส เบียดเบียนชีวิตเขา พระพุทธเจ้าก็บอกไว้ว่า ไม่ใช่คำสอนของท่าน แค่นี้ก็ชัด ทำไมหลงประเด็นไปเอาพระไตรปิฏกฉบับโน้นฉบับนี้มาอ้าง พระพุทธเจ้าสอนให้อ้างตำราหรือ ?.......ทำไมของง่ายๆ ยังไม่เข้าใจอีก....... เราไม่ได้ท้าพิสูจน์เรื่องพระไตรปิฏกสักหน่อย(เพราะไม่เชื่อทันทีอยู่แล้ว ตามพระพุทธเจ้าบอก) พูดเป็นตุเป็นตะ สับสนอะไรหรือเปล่า เราพิสูจน์เรื่องสำนักไม่เคยหลอกลวงใครต่างหาก ฟังไม่สรรพ จับไปกระเดียด เราพิจารณาตามความจริง เราไม่ใช่คนเชื่ออะไรง่ายๆ ต้องพิจารณาก่อน หัวเราไม่ได้มีไว้แค่ใส่หมวกนะ......ไม่เคยได้ยินว่า....ผู้มีอำนาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้หรือไง ป.ล.  ถ้าคิดว่า กินเนื้อถูกต้อง กล้าเอาตัวเองให้คนอื่นกินไหม ? หมายเหตุ......พูดด่าด้วยคำไม่สุภาพ ดูไม่น่ารักนะ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 23:27:57