ความคิดเห็นที่ 1 http://www.dharma-gateway.com/ubasika/sujin/sujin-history.htm ประวัติท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ในการศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนามาโดยตลอด ตั้งแต่ท่านเริ่มศึกษาพระอภิธรรมที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยเมื่อ พ.ศ ๒๔๙๖ ตราบจนทุกวันนี้ ในวาระที่ท่านมีอายุครบ ๗๒ ปี เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๒ มูลนิธิฯ ขอกล่าวถึงประวัติโดยย่อของท่าน ดังนี้ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๙ (ค.ศ. ๑๙๒๗) ท่านเป็นบุตรคนที่ ๓ ของหลวงบริหารวนเขตต์ (ฉัตร ชูเกียรติ) และนางเจริญ (ปุณสันถาร) คุณพ่อของท่านเป็นข้าราชการกรมป่าไม้ และย้ายไปรับราชการตามจังหวัดต่างๆ มารดาของท่านเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเด็ก ท่านอาจารย์เริ่มศึกษาชั้นประถมและมัธยมที่โรงเรียนเซนต์แมรี่ (S.P.G) ที่ถนนสาทรใต้ (ปัจจุบันเป็น Y.M.C.A) เมื่อจบมัธยมศึกษาแล้ว ท่านสอบเข้าเรียนต่อโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะบัญชี ถึงปีที่ ๒ แต่ท่านเรียนไม่ติดต่อและขาดเรียนวิชาสำคัญบ่อยๆ เมื่อสอบตกซ้ำ ๒ ปี จึงต้องออกจากมหาวิทยาลัยตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย ขณะนั้นคุณพ่อของท่านเป็นป่าไม้เขตที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านอาจารย์จึงได้ไปอยู่กับคุณพ่อของท่านที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อพี่สาวของท่าน จบปริญญาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว ก็ไปอยู่กับคุณพ่อและสอนที่โรงเรียน Prince Royal ท่านอาจารย์จึงไปเป็นครูตามพี่สาวและสอนที่โรงเรียนดารา ซึ่งเป็นโรงเรียนของมิชชันนารีคณะเดียวกับโรงเรียน Prince Royal เมื่อสอนได้ประมาณปีเศษๆ คุณพ่อของท่านก็ออกจากราชการกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ท่านอาจารย์และพี่สาวจึงกลับมากรุงเทพฯ พร้อมกับคุณพ่อ มีผู้ชักชวนให้ท่านอาจารย์และพี่สาวไปสอนภาษาไทยให้ชาวต่างประเทศที่โรงเรียนสอนภาษาไทยของมิชชันนารี ท่านอาจารย์สอนอยู่กว่า ๒๐ ปี ภายหลังจึงออกจากโรงเรียนนั้นพร้อมกับเพื่อนๆ แล้วตั้งโรงเรียนสอนภาษาไทยของท่านเอง ชื่อ Thai Language School (โรงเรียนไทยศึกษาสัมพันธ์) ที่บ้านของท่านที่ถนนสาทรใต้ และต่อมาก็ย้ายโรงเรียนไปอยู่ใกล้ๆ บ้านในซอยเดียวกันนั้นเอง ต่อมา พ.ศ ๒๕๒๐ คุณพ่อของท่านขายบ้านที่ถนนสาทรใต้ ซึ่งอยู่มาประมาณ ๔๐ กว่าปี มาอยู่ใกล้ๆ บ้านน้องสาวของท่าน ในซอยพัฒนเวศม์ ถนนสุขุมวิท ๗๑ ซึ่งไกลจากโรงเรียน ท่านอาจารย์จึงเลิกทำงานตั้งแต่นั้นมา และมอบกิจการให้เพื่อนๆ ทำกันต่อไป ปลายปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ท่านอาจารย์ได้พบประกาศในหนังสือพิมพ์ Bangkok World (ต่อมารวมกับ Bangkok Post) ว่าพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยเริ่มสอนพระอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ ๘ กันยายน ๒๔๙๖ ท่านอาจารย์จึงไปศึกษาพระอภิธรรมที่พุทธสมาคม ซึ่งขณะนั้นมีสำนักงาน ณ หอสมุดมหามกุฏราชวิทยาลัย หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร อาจารย์ที่สอนพุทธสมาคมขณะนั้นมี ท่านอาจารย์แนบ มหานีรานนท์ ผู้บุกเบิกการศึกษาพระอภิธรรมในประเทศไทย ท่านอาจารย์บุญมี เมธางกูร คุณพระชาญบรรณกิจ คุณหญิงระเบียบ สุนทรลิขิต แต่ส่วนใหญ่ท่านอาจารย์ศึกษาในชั้นของท่านอาจารย์แนบ มหานีรานนท์ ขณะที่ท่านอาจารย์ทำงานสอนภาษาไทยแก่ชาวต่างประเทศนั้นท่านสอนครึ่งวัน อีกครึ่งวันท่านจึงมีเวลาจดและทบทวนธรรมที่ได้ศึกษามาจากการเรียนพระอภิธรรมในวันอาทิตย์ ซึ่งเดิมพุทธสมาคมเปิดสอนพระอภิธรรมในวันพระ แต่ไม่สะดวกแก่การเรียนจึงเปลี่ยนจากวันพระมาเป็นวันอาทิตย์ เมื่อท่านอาจารย์เรียนพระอภิธรรมได้ประมาณ ๒-๓ ปี ท่านอาจารย์แนบก็มอบหมายให้ท่านอาจารย์บรรยายธรรมที่สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ และทัณฑสถานหญิงที่คลองเปรมแห่งละ ๑ ปี และที่อื่นๆ ที่ท่านอาจารย์แนบต้องการให้ท่านอาจารย์ไปแสดง ธรรมหรือสนทนาธรรม ไม่ว่าจะเป็นงานใดตามต่างจังหวัดฯลฯ ท่านอาจารย์ก็ไปตามความประสงค์ของท่านอาจารย์แนบ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ท่านอาจารย์แนบได้ร่วมก่อตั้งศูนย์ค้นคว้าทางพระพุทธศาสนาและสมาคมสังเคราะห์ทางจิต ท่านอาจารย์ก็สอนพระอภิธรรมที่นั่นเป็นเวลา ปีเศษ พ.ศ. ๒๕๑๐ ท่านอาจารย์เริ่มบรรยายธรรมเรื่อง "แนวทางเจริญวิปัสสนา" ที่ตำหนักสมเด็จวัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษดิ์ จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๙ และต่อจากนั้นก็บรรยาย "แนวทางเจริญวิปัสสนา" ที่ห้องประชุมสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย วัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๙ จนได้เริ่มก่อตั้งเป็นมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมา นอกจากบรรยายธรรมเรื่อง "แนวทางเจริญวิปัสสนา" ทุกวันอาทิตย์ เว้นวันอาทิตย์ต้นเดือนแล้ว ท่านอาจารย์ก็ได้บรรยายพระอภิธรรมแก่ชมรมพุทธศาสน์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยประสานมิตร แห่งละหนึ่งเทอมการศึกษา และท่านรับเชิญตอบปัญหาธรรมแก่ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ณ สถานที่ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เช่น จิตตภาวันวิทยาลัย วัดชลประทาน รังสฤษดิ์ วัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง วัดสวนดอก วัดพันอ้น วัดพันเตา วัดดงเทวี และพุทธสมาคม จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแพร่ วัดมหาโลก จังหวัดสระบุรี โรงพยาบาลศิริราช และในการประชุมพระสังฆาธิการที่วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นต้น ในวันวิสาขบูชา พ.ศ. ๒๕๒๘ ท่านอาจารย์ได้รับพระราชทานโล่ห์จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ข้อความ ต่อไปนี้คัดลอกจากหนังสือผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เนื่องในวันวิสาขบูชา พุทธศักราช ๒๕๒๘ อาจารย์สุจินต์ ได้บรรยาย พระอภิธรรม และวิปัสสนากรรมฐาน ให้เป็นที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับคนสมัยปัจจุบันและสามารถนำมาปฏิบัติเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ตามความเป็นจริงของแต่ละคน ทั้งชีวิตแบบบรรพชิตและคฤหัสถ์ โดยไม่ต้องกระทำสิ่งใดให้ผิดปกติขึ้นมา และไม่ต้องปลีกตัวหลีกเร้นจากหน้าที่การงานและสังคม อีกทั้งท่วงทำนองและน้ำเสียงการบรรยายที่ชัดเจน กังวาน และมีเหตุผลสืบเนื่องต่อกันตามลำดับ ชวนแก่การสนใจและติดตาม อนึ่ง ประการที่สำคัญที่สุดก็คือ การบรรยายธรรมะของอาจารย์สุจินต์ เป็นการบรรยายโดยยึดถือตามหลักธรรมของพระไตรปิฎก และอรรถกถาอย่างเคร่งครัด อันส่งผลให้พระและคฤหัสถ์จำนวนมากมีความเข้าใจในพระอภิธรรมและวิปัสสนากรรมฐานอย่างถูกต้องตามพระไตรปิฎกและอรรถกถา พ.ศ. ๒๕๓๕ ท่านอาจารย์ดำริว่า ท่านได้บรรยายธรรมมาเป็นเวลานาน และเทปคำบรรยายที่อัดไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๐ จนถึง พ.ศ. ๒๕๓๕ นั้นมีมากกว่า ๒,๐๐๐ ครั้ง เพียงพอสำหรับเป็นแนวทางศึกษาและปฏิบัติธรรม สมควรจะยุติการบรรยายเพื่อชำระเทปที่อัดไว้นานแล้วนั้นให้สมบูรณ์และกระทัดรัดขึ้น โดยตัดข้อความและคำถามซ้ำที่ไม่จำเป็นออก และเปลี่ยนม้วนเทปที่มีอายุใช้งานมานานแล้วด้วย ซึ่งแม้ว่าท่านอาจารย์จะได้ยุติการบรรยายธรรม ที่ท่านได้กระทำต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานาน ท่านก็ได้ให้โอกาสแก่ผู้ศึกษาธรรมรุ่นหลัง โดยร่วมในการสนทนาธรรมเรื่อง "การปฏิบัติธรรม" ในรายการของมูลนิธิฯ ที่ตึกสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย ร่วมกับวิทยากรของมูลนิธิฯ ท่านอื่นๆด้วย คุณหญิงณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เห็นประโยชน์ของการศึกษาธรรมะในรูปแบบของการสนทนาธรรม จึงได้เชิญท่านอาจารย์และวิทยากรของมูลนิธิฯ และผู้สนใจธรรมะไปสนทนาธรรมที่บ้านของท่านที่เมืองทองนิเวศน์ ถนนแจ้งวัฒนะ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน เวลา ๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๐๐ น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ผู้ที่ไปร่วมสนทนาธรรมได้รับความรู้จากท่านวิทยากรทั้งในพระอภิธรรม พระสูตร พระวินัย และความหมายของคำภาษาบาลีด้วย นอกจากที่บ้านคุณหญิงณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ภายหลังต่อมาท่านอาจารย์ก็ได้เพิ่มรายการสนทนาธรรมที่บ้านคุณ Ivan และคุณฟองจันทร์ Walsh ที่บ้านคุณทรงพลและคุณกัลยาณี พันธุ์เถกิงอมร ที่บ้านคุณกนกและคุณวลี เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่บ้านคุณสุกิจและคุณอารี สถิตย์ธรรมจิตร และที่อื่นๆ เป็นครั้งคราว จนกระทั่ง มูลนิธิฯ สร้างอาคารสำนักงานเสร็จ จากคุณ : เดฟ (DEV DEVY) - [ 28 ธ.ค. 48 08:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.dhammahome.com จากคุณ : เดฟ (DEV DEVY) - [ 28 ธ.ค. 48 08:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะได้อาจารย์สุจินต์ ถึงมีผมในวันนี้   ขอบพระคุณครับ จากคุณ : SpiritWithin - [ 28 ธ.ค. 48 17:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเคยไปฟังธรรมที่มูลนิธิฯ ในซอยเจริญนคร 78 ได้พบท่าน ตัวจริงท่านอายุมากแล้วแต่น้ำเสียงยังใสแจ๋วเหมือนตอนยังสาวๆ ตอนแรกยังไม่รู้จักท่านนั่งฟังธรรมไปเรื่อยๆ จู่ๆ คนรอบข้างก็น้อมตัวลง แล้วก็แหวกเป็นทางยกมือไหว้ใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาทางด้านหลังกลุ่มผู้ฟังธรรม เห็นปั๊บมั่นใจเลยว่าต้องเป็นอาจารย์สุจินต์ บารมีท่านเยอะมากๆ ครับรู้สึกได้ถึงความเมตตาที่แผ่ออกมาจากตัวท่านได้เลย แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 48 11:59:14 จากคุณ : tb - [ 29 ธ.ค. 48 11:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนเด็กๆ ผมชอบฟังวิทยุ ฟังเพลง ฟังละครไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็มักจะหมุนไปเจอช่องที่ผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงใสๆ กังวาล ไพเราะ พูดบรรยายอะไรสักอย่างฟังไม่รู้เรื่องเลย เกี่ยวกับจิต เจตสิก วิถ๊ ชวนะ ผมก็ลองฟังดูแล้วก็รู้สึกแปลกพร้อมกับประหลาดใจเล็กน้อยที่ผู้หญิงคนนี้พูดในสิ่งที่ไม่เคยได้ยินใครพูดกัน แถมพูดอยู่ได้ตั้งนาน ก็เลยอยากรู้ว่าท่านพูดถึงเรื่องอะไร เพราะถ้ามันไม่น่าสนใจแล้วไฉนท่านจึงได้พูดอยู่เป็นปีๆ แล้วก็มีคนสักถามกันเยอะแยะ จนโตขึ้นมาแล้วได้เข้าสู่ชมรมพุทธฯ หันมาสนใจพุทธศาสนา แล้วก็ศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ก็เลยกลับไปนึกถึงตอนเด็กๆ ว่าเคยฟังผู้หญิงคนหนึ่งพูดอะไรทำนองน้ จึงพยายามหาวิทยุทรานซิสเตอร์มาเปิดหาคลื่นที่ท่านพูดอยู่หลายวันก็เจอ ท่านยังพูดอยู่แม้ว่าจะผ่านมาเป็น 10 กว่าปีแล้วก็ตาม และก็รู้ว่าท่านพูดถึงเรื่องอภิธรรมนั่นเอง ท่านเป็นผู้หนึ่งที่เชียวชาญอภิธรรมอย่างหาตัวจับยากมาก เมื่อมีโอกาสก็ได้ดั้นด้นค้นหาเพื่อที่จะไปกราบท่านสักครั้งและได้ฟังธรรมะจะตัวจริงของท่าน รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก จากคุณ : tb - [ 29 ธ.ค. 48 12:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมฟังรายการทาง am 945 18.00-19.00น ทุกวันเลยครับ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 49 23:45:08 จากคุณ : ทีทีเจเจ - [ 2 ม.ค. 49 23:42:37 ]