ความคิดเห็นที่ 1 งื๊อออ~ ไม่สนใจเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์บ้างเหรอน้อง ขี้เกียจตอบเป็นข้อๆอ่ะค่ะ รวมเลยแล้วกัน งานหายากมั้ย พี่ว่ามันเทียบกันไม่ได้ป่ะ เพราะคนละทาง คนละเรื่องละราวกันไปเลยกับวิศวะอ่ะ เงินเดือนก็แล้วแต่งานอีกอ่ะแหละ งานที่ว่าก็ขึ้นกับความสามารถของแต่ละคน เพราะEconมันเรียนกว้างๆ ไม่ได้เน้นให้จบไปแล้วต้องทำงานนี้เท่านั้น อะไรแบบนั้น ที่ธรรมศาสตร์ก็มีรับตรงนะ มาสิๆ เดี๋ยวพี่พาขี่เจ้าทุยวิ่งลุยท้องนา เอิ๊กอ๊าก ข้อสี่ไม่รู้อ่ะ ข้อห้าก็ไม่รู้ แกะ แพะอะไรไม่รู้เรื่อง >___< (แล้วไหนว่าจะตอบรวมๆ ตอบเป็นข้อไปซะงั้น -_-;;;) พี่ก็เด็กสายวิทย์เหมือนกัน เกรดทางวิทย์ก็พอโอเคอยู่ แต่เกรดที่ได้พี่อาศัยโต๊ะรอบด้าน เลยมั่นใจว่าไม่เหมาะกับการเรียนวิทย์ๆ คิดดีๆแล้วกัน เพราะไม่ใช่ว่าชอบๆอย่างเดียวแล้วจะเรียนได้อ่ะค่ะ มันขึ้นอยู่กับอะไรอีกหลายอย่าง พี่ก็ไม่ได้ชอบเศรษฐศาสตร์ ยิ่งเรื่องคำนวณนี่ขอบอกว่าอยากให้ไปไกลๆตัว แต่ก็ดั๊นนนโดนหลอกมาอยู่คณะนี้ซะได้ จากคุณ : PoOkKii - [ 3 พ.ค. 52 22:11:48 A:58.9.36.64 X: TicketID:214488 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอ หลายประเด็นนะครับเนี่ย 1. จบมาหางานยากมั้ย ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจบจากที่ไหน ตั้งใจเรียนแค่ไหน ทำกิจกรรมมากแค่ไหน ทำงานเป็นแค่ไหน 2. เอกชนก็แล้วแต่ตกลงกับ บ. ว่าคุณจะมีข้อได้เปรียบในการต่อรองมากแค่ไหน ถ้าคุณเจ๋งจริง เขาก็ยอมจ้างคุณแพงครับ ที่ว่าแพงไม่ได้แพงมากมายนะ แต่แพงกว่าจบเศรษฐศาสตร์ด้วยกัน ก็ประมาณ 12000-18000 หรืออาจจะมากน้อยกว่านี้แล้วแต่ตกลง ถ้ารัฐก็ตามวุฒิครับ ประมาณ 8000 3-5 ไม่ทราบครับ ส่วนประเด็นเปิดกระทู้ จบเศรษฐศาสตร์มาทำอะไร ทำได้เยอะครับ บ.เอกชนทั่วไป ตำแหน่งเกี่ยวกับการวิเคราะห์การเงิน งานในตลาดหลักทรัพย์ มากมาย อาจต้องสอบใบอนุญาตเพิ่ม ฯลฯ งานธนาคาร ฝ่ายสินเชื่อ พนักงานปฎิบัติการ ฯลฯ ผมจบเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตร เกรด(เป็นที่)นิยม (2กว่าๆ) งานหาไม่ยากครับ ถ้าไม่เลือกมาก (แต่ผมเลือกมากแล้วก็เรื่องมากด้วย) ผมก็เลยเลือกเรียนต่อ จากคุณ : กุหลาบหลงเงา - [ 3 พ.ค. 52 22:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3 #2 ขึ้นกับกิจกรรมมากแค่ไหนเหรอคะ ปีที่เหลือจะได้อัดกิจกรรมเต็มสตรีม จากคุณ : PoOkKii - [ 3 พ.ค. 52 22:31:54 A:58.9.36.64 X: TicketID:214488 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปีที่ผ่าน เศรษศาสตร์จุฬามีรับตรงนะคะ 60 คน ปีนี้ก็(น่าจะ)มีนะคะ จากคุณ : Lady Rabbit Sparrow - [ 3 พ.ค. 52 23:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 #3 ครับ มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดนะ แต่ก็มีส่วนบ้าง คนที่ทำกิจกรรมเยอะ ส่วนใหญ่ เข้ากับคนง่าย เข้าใจระบบการทำงาน จะพูดจะสื่อสารกับคนอื่นก็คล่องกว่า ส่วนของกิจกรรมเนี่ยเขาจะพิจารณาทีหลังครับ ส่วนนี้มักจะพิจารณาตอนสัมภาษณ์ (แต่ก่อนนั้นต้องไม่ถูกเอาใบสมัครไปคัดทิ้งก่อน ส่วนนี้ก็ว่าไปเรื่องเกรด +สถานศึกษา ) staff ที่สัมภาษณ์อาจจะถามเราว่าที่ผ่านมาตอนอยู่ มหาวิทยาลัย คุณทำอะไรบ้าง คนที่มีกิจกรรม มากกว่า บ.อาจจะมองว่า เขาคนนั้นอาจจะมีทักษะด้านอื่นๆ มากกว่าคนที่ไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย ความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปหรอกครับ แต่วิธีที่ง่ายที่สุดที่ บ. เขาจะรู้ ก็ดูจากใบสมัครเนี่ยแหละ จากคุณ : กุหลาบหลงเงา - [ 4 พ.ค. 52 00:04:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แวะมาตอบเพราะคุณแฟน บอกให้มาช่วยตอบครับ ข้อหนึ่ง ถ้าเปรียบเทียบการหางาน โดยกว้างๆแล้ว เศรษฐศาสตร์หางานค่อนข้างง่ายกว่าวิศวะเพราะว่า การเรียนเป็นการสอนให้คิดครับ . . แต่การสอนให้คิด ทำให้เราคิดเป็นแต่อาจจะไม่สามารถประยุกต์ในการทำงานได้ทันที ขอให้ทำความเข้าใจก่อนว่า เศรษฐศาสตร์เป็น "ศาสตร์" นะครับ . . สอนให้คิดมากกว่า สอนให้ทำ ซึ่งต่างจาก การเรียนบัญชี การตลาด วิศวกรรม ซึ่งการเรียนวิชาต่างๆเหล่านี้ จะได้เรียนรู้แนวคิดของวิชา พร้อมๆกับ "วิธีการ" ที่ใช้ได้เลยทันทีในการทำงานทั่วๆไปในสังคม เศรษฐศาสตร์ เป็นศาสตร์สอนให้คิดอย่างมีหลักการ ด้วย "เครื่องมือ" ที่สอนให้เราคิด วิเคราะห์ และให้มุมมอง "ในการคิด" แต่ไม่ได้ช่วยในเรื่องการทำงาน (ทั่วๆไป)เลย . . ข้อดีของเครื่องมือที่ช่วยคิดคือ ผู้เรียนสามารถคิดปัญหาต่างๆที่เป็น abstract (ขออภัยที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทับศัพท์เพราะไม่สมารถหาคำไทยที่เหมาะสมได้ครับ) เช่น ปัญหาการตัดสินใจของคนภายใต้ภาวะการณ์ต่างๆ หรือการตัดสินใจของระบบเศรษฐกิจมหภาค (ซึ่งก็ไม่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม) สำหรับการทำงานแล้ว ถ้าจบปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์ คุณจะคิดเป็น ประยุกต์การคิดไปในปัญหาต่างๆได้ครอบคลุม ซึ่งทำให้คุณสามารถทำงานได้กว้างขวาง แต่คุณจะไม่มี "เครื่องมือ" (หรือวิธีการ) ทำงานแบบที่คุณเห็นในการทำงานในสังคมที่เป็นรูปธรรม เช่น คุณจะทำบัญชีไม่เก่งเท่ากับคนจบบัญชี คุณจะวางแผนการตลาดได้ไม่เท่าคนจบการตลาดโดยตรง หรือคุณไม่สามารถออกแบบตึก หรือควบคุมการสร้างตึก สร้างอาคารได้เหมือนคนจบวิศวกร หรือคุณไม่สามารถให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย หรือเป็นเสมียนศาลได้ เหมือนกับคนจบนิติศาสตร์ครับ ดังนั้น จึงสังเกตุได้ว่า คนจบเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาตรี มักใช้วิชาโท (เช่น บัญชี การตลาด) ในการทำงาน . . โดยสรุป หางานได้กว้าง แต่ไม่ลึกซึ้งในระดับวิชาชีพครับ (ถ้าอยากลึกซึ้งในวิชาชีพเศรษฐศาสตร์ เช่นเป็นนักวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ ต้องเรียต่อระดับ ปริญญาโท และเอกเท่านั้นครับ) ข้อสอง เงินเดือนคนจบเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาตรี ก็ไม่ต่างจากคนที่จบการตลาด การเงินเท่าไหร่นักครับ เพราะยังไงก็ทำงานคล้ายๆกัน และต้องไปเรียนรู้การทำงานเฉพาะที่ ใช้เครื่องมือ หรือวิธีการทำงานเฉพาะอย่าง ตามแต่บริษัทจะให้ทำครับ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับคนจบแพทย์ หรือวิศวะ คิดว่าต่างกันพอสมควรครับ (น้อยกว่าแน่นอน) ข้อสาม มีการรับตรงหลายที่ครับ (คุณสามารถค้นหาได้ง่ายๆตามเว็บไซด์ของมหาวิทยาลัยที่คุณสนใจครับ) ขออนุญาตไม่ตอบในรายละเอียดนะครับ ข้อสี่ คนที่จบนิติศาสตร์ จะถือว่า มีวิชาชีพติดตัวครับ ก็ทำงานได้ทั้งในระบบราชการ บริษัท คล้ายๆกับคนที่จบบัญชี จบวิศวกรรม ครับ คนที่จบรัฐศาสตร์ อาจจะคล้ายคลึงกับเศรษฐศาสตร์ ตรงที่เป็น "ศาสตร์" เหมือนกัน คือสอนให้คิด แต่ไม่มีเครื่องมือที่ไว้ประกอบวิชาชีพโดยตรง ส่วนงานก็จะกว้างๆ ถ้าต้องการทำงานบริษัท อาจจะได้ตำแหน่ง ประเภทบริหารงานบุคคล แต่ถ้าทำงานราชการ อาจจะต้องสอบบรรจุ ตามตำแหน่งที่ต้องการวุฒิรัฐศาสตร์ครับ (อย่างที่มีการแซวกันว่า จบไปเป็น นายอำเภอ ฯลฯ) ข้อห้า ถ้าต้องการเรียนวิศวกรรม แต่เจอข้อสอบแล้วท้อ คุณยังมีเวลาเตรียมตัวอีกครับ อ่านฟิสิกส์ให้เยอะขึ้นครับ เพราะพื้นฐานทางวิศวกรรม (สมัยผม) ใช้ฟิสิกส์ และประยุกต์ค่อนข้างมาก . . คิดว่า ปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างกันครับ คำแนะนำเพิ่มเติม โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ถ้าคุณต้องการเรียนในระดับ ปริญญาตรี และโท (ตามที่ปัจจุบันนี้นิยมกัน) แล้วทำงานในสายเอกชนตามบริษัทต่างๆ ผมคิดว่า เศรษฐศาสตร์ก็เป็นวิชาที่น่าเรียน และคุ้มค่าแก่การเรียน (เพื่อช่วยในเรื่องการคิด การวิเคราะห์) แต่คุณจะต้องเรียนวิชาโท เพิ่มเติม (เพื่อเป็นวิชาชีพ หรือเพื่อให้มีเครื่องมือในการทำงานจริง) . . ส่วนเรื่องเงินเดือน . . ผมคิดว่า สิ่งที่สำคัญในการกำหนดระดับเงินเดือนของคุณอยู่ที่ "ความเก่ง" (ความสามารถเฉพาะตัว อุปนิสัย การเรียนรู้ การทำงานร่วมกับคนอื่น ความทุ่มเทการทำงาน ฯ) ส่วนตัวมากกว่าวิชาที่คุณเรียนมาครับ เพราะการเรียนในระดับปริญญาตรี (ในสาขาธุรกิจ เช่นเศรษฐศาสตร์ การตลาด การเงิน ฯ) คุณไม่สามารถเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" ที่มีความเก่งกาจเฉพาะด้านได้ (ต้องสั่งสมความรู้ และประสบการณ์ในสายอาชีพของคุณอีกมาก) ขอยกตัวอย่างเช่น คนเรียนจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ มีความเก่งรอบด้าน พูดได้หลายภาษา ได้ทำงานในบริษัทที่ดี สามารถมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ เจ็ดหมื่นได้เช่นกัน แต่ขอให้สังเกตว่า ความรู้ความสามารถที่ทำให้ได้เงินเดือนสูง มีผลมาจากวิชาการเรียนไม่มากนัก . . ขอให้โชคดีกับการเรียน และการเลือกเรียนในระดับมหาวิทยาลัยครับ จากคุณ : AmoreVincitOmnia - [ 4 พ.ค. 52 00:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 #5 ขอบคุณค่า ^^ จากคุณ : PoOkKii - [ 4 พ.ค. 52 00:15:24 A:58.9.36.64 X: TicketID:214488 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรียนจบเศรษฐศาสตร์ค่ะ แต่ตอนนี้เป็นแม่ค้า สนุกกับการขายของไปซะแล้ว (ขอโทษที่ตอบไม่ตรงคำถามค่ะ) จากคุณ : Ms_Econ - [ 4 พ.ค. 52 08:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จบเศรษฐศาสตร์มา ยังไม่ได้งานเลยครับ งุงิ ><'' จากคุณ : Tailogy - [ 4 พ.ค. 52 10:26:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เหมือนกัน  จบเสดสาดมาช่วยแม่ขายของ  หุหุ จากคุณ : monamy28 - [ 4 พ.ค. 52 22:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เยอะแยะตาแป๊ะไก่ มีให้เลือก จากคุณ : neinz - [ วันฉัตรมงคล 22:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อืม ในฐานะเด็กเศรษฐ เรียนจบแล้ว ทำงานมาปีนึง แล้วก็เตรียมจะเรียนโทเศรษฐศาสตร์   อยากตอบว่า เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่กว้าง เราสามารถสมัครงานของสายบริหารได้ ไม่ว่าจะเป็น ไฟแนนซ์ การตลาด หรือ งานฝ่ายทรัพยากรมนุษย์   แต่.. คนที่จบตรงสายงานนั้น จะมีความรู้ที่ลึกกว่าเรา โอกาสที่เค้าจะได้เปรียบในการสัมภาษณ์เพื่อให้ได้งานก็มากกว่าด้วย ส่วนเรื่องเงินเดือน โดยทั่วไปสายบริหาร งานบริษัทเอกชนก็ เริ่มต้น ที่ 12000 ขึ้นไป   แอบขอแย้งคห.6 นิดนึงค่ะ เรื่องที่ว่า "เศรษฐศาสตร์หางานค่อนข้างง่ายกว่าวิศวะ"   เพื่อนเราจบวิศวะ หางานง่ายกว่าเราทุกคนเลย แถมเงินเดือนเยอะกว่าด้วยอ่ะค่ะ   ที่พูดแบบนี้เพราะเนื่องจากว่า เศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่วิชาชีพ พวกวิชาชีพเนี่ย อย่างบัญชี นิติ วิศวะ มักจะเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่ว่าใครจบอะไรมาจะทำได้หมด   แต่สายบริหาร ไม่ใช่วิชาชีพ  ดังนั้น เราอาจจะได้เห็น จบวิศวะ มาเป็นนักวิเคราะห์มั่ง เป็น fund managerมั่ง หรือ จบอักษร รัฐศาสตร์ มาทำHR ดังนั้น อัตราการแข่งขันในสายงานบริหารจึงมีมากกว่า สายงานวิชาชีพ เลยมองว่าโอกาสได้งานมันจึงน้อยกว่า เพราะการแข่งขันสูงกว่าอ่ะค่ะ ปล. ไม่ได้บอกว่าเศรษฐศาสตร์ไม่ดีนะคะ เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องเน้นการประยุกต์ใช้มากๆ เพราะส่วนใหญ่วิชาที่เรียนจะเน้นไปในด้านทฤษฎี คือน้องจะได้เรียนตัวทฤษฏีเยอะอ่ะค่ะ ส่วนเรื่องวิเคราะห์นี่จะหนักไปทางกราฟ และตัวเลข เนี่ย เอาจริงๆว่า เรียนประมาณ 3-4 ตัวนะ ถ้าไม่คิดจะเรียนพวกเศรษฐมิติ หรือการวิเคราะห์ทางปริมาณ อยากให้น้องจขกท.ลองคิดว่า ที่อยากเรียนเศรษฐศาสตร์เนี่ย น้องรู้จุดประสงค์ในการที่จะเรียนหรือยัง หรือตอนนี้กำลังหาทางเลือกอยู่ ยังไงก็เอาใจช่วยค่ะ ตอนพี่อยู่ม.5 ขึ้นม.6 พี่ก็ลังเลเหมือนน้องจขกท.เลย จากคุณ : เมมนู๋...มู๋..n.a.m.e - [ 6 พ.ค. 52 13:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เศรษฐศาสตร์เป็นวิธีคิด วิธีมองโลก ไม่ใช่วิชาชีพ ฉะนั้นอย่าไปเครียดเลยว่าจะได้ทำงานอะไร ผมว่าถ้าคุณสนใจในประเด็นที่ว่าจบมาหางานยากมั้ย หรือเงินเดือนเท่าไหร่น่ะ คุณเรียนพวกวิชาชีพดีกว่า บัญชี วิดวะ แพทย์ อะไรที่เค้านิยมๆกันหน่ะ เพราะว่ากันตรงๆ สายนี้เหมาะกับคนที่สนใจทำงานด้านวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยซะมากกว่าเพราะมันตรงกับสิ่งที่เรียนมากที่สุด เศรษฐศาสตร์จะเหมาะมากๆกับคนโรคจิตประเภทว่าจะทำอะไรในชีวิตต้องคิดเป็นขั้นเป็นตอน วิเคราะห์ทุกด้าน และที่สำคัญ บ้าทฤษฎีและชอบเสียเวลากับการถกเถียงด้านวิชาการมากกว่าไปเตะบอล ที่คุณบอกว่าเจอพื้นฐานวิดวะแล้วอยากตายหน่ะ เชื่อเหอะ เศรษฐมิติหรือคณิตเศรษฐศาสตร์ก็อยากตายเหมือนกัน -*- ฉะนั้น อย่าไปเครียดเรื่องความโหด แต่ถ้าให้แนะนำเรื่องสายงานอ่ะ เศรษฐศาสตร์ปริมาณจะเจ๋งที่สุด แต่ว่ากันว่ายากโหด(ยังไม่เจอ อยากลงเหมือนกัน) เพราะประเทศไทยจะขาดพวกนักคณิตศาสตร์ เค้าเลยมักจะดึงตัวพวกนักเศรษฐศาสตร์สายปริมาณไปทำงาน (คนขาด = เงินเดือนสูง) ปล. ถ้าเรียนไม่ดีไม่ว่าคณะไหนก็อย่าฝันว่าเงินเืดือนสูง จบวิดวะมาเกรดห่วยๆก็ไม่รอดเหมือนกัน จากคุณ : เด็กเสด-สังคมนิยม - [ 13 พ.ค. 52 17:13:42 A:222.123.146.203 X: ]