ช่วงนี้ก็เป็นเหมือนเทศกาล รับปริญญา พอดีหลานจะรับปริญญา เลยนึกเรื่องๆนึงขึ้นได้
ตอนนั้น ประมาณปี 42 มั้งครับ
ผมไปงานรับปริญญาของเพื่อนที่ ม.ราม
ก็รอเพื่อนอยู่แถวตึกศึกษาสาสตร์ใกล้ หน้าลานพ่อขุน
ก็มีพวกญาติของบัณฑิตมานั่งรอกันตามซุ้มม้านั่งต่างๆ
เพื่อนผมออกมาก็ไปถ่ายรูปกัน พ่อแม่มันไม่ได้มาเพราะอยู่ต่างจังหวัด
ต้องรอดำนาปลัง อะไรซักอย่างจำไม่ได้ ก็มีแต่เพื่อน 7-8 คนมารอรับ
ส่วนบัญฑิตคนอื่นๆพอออกมาส่วนใหญ่ก็ทำเหมือนกัน เฮฮาถ่ายรูปกับญาติ พ่อแม่พี่น้อง เพื่อนพ้อง
บางคนมีตังค์หน่อยก็มีตากล้องจ้างมาถ่ายรูป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้
เพราะว่ากล้องดิจิตอลยังแพงมาก ไม่ได้ถูกเหมือนตอนนี้ มีกันแทบทุกคน
ปี 42 กล้องดิจิตอลใครมีนี่ถือว่ามีฐานะเลย ของผมโกดัก 2 ล้านพิกเซลซื้อมาเกือบหมื่น
บางคนก็มากับเพื่อนที่รับปริญญาด้วยกัน บางคนก็มีรุ่นน้องล้อมรอบ บูมคณะให้
ส่วนใหญ่วันนั้นก็จะมีครุย แดง กับ ส้ม มากหน่อยเพราะเป็นคณะที่จบไม่ยากมาก
สีแดงคือ รัฐศาสตร์ สีส้มคือ มนุษยศาสตร์
บางคนก็ไม่ใช่วันรับหรอก แต่มาถ่ายูปอย่างเดียวก็มี
นานๆจะเห็นพวก นิติศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ผ่านมาซักคน
บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความสุข ปีติยินดีกันทั่วไป
ซักพักผมเห็นบัณฑิตคนหนึ่ง ใส่ครุยสีเหลืองซึ่งเป็นคณะวิยาศาสตร์
แทบจะ 1 ในร้อยเลยที่เห็น เดินมามีเพื่อนเดินมาด้วย 2 คน
ปลายทางที่เค้าเดินไปมีลุงกับป้าแก่ๆ 2 คนนั่งอยู่
ลุงกับป้า 2 คนนั้นหน้าตาบ้านนอกผิวคล้ำ นั่งตัวห่อๆ มองซ้ายขวาตลอดเวลาเหมือนคนเพิ่งจะเคยเข้ากรุงครั้งแรก
ลุงใส่ชุดซาฟารีเก่าๆสีซีดๆ ส่วนป้าใส่ชุดเรียบร้อยเหมือนคนแก่กำลังจะไปวัด
บัณฑิต คนนั้นเดินไปหาลุงกับป้า ลุงกับป้าลุกขึ้นมายืนรับ บัณฑิตโอบกอดลุงกับป้า2คนนั้น
จากนั้นเค้าจับลุงกับป้ามายืนคู่กัน ยื่นใบปริญญาให้ลุงกับป้าถือไว้พร้อมกัน
และก้มลงกราบเท้าลุงกับป้า ด้วยน้ำตาแห่งความยินดี อย่างไม่ลังเล
ลุงกับป้ายิ้มเจื่อนเหมือนอายๆคนรอบข้าง แต่ดวงตาก็มีน้ำตาคลอ ลูบหัวบัณฑิตคนนั้น
เพื่อน 2 คนยืนข้างๆเอามือเตะไหล่ กลั้นน้ำตาไม่อยู่แสดงความยินดีด้วย
ไม่มีการถ่ายรูปใดใดทั้งสิ้น
แต่ผมว่าภาพนี้น่าจะถูกบันทึกในใจของลุงกับป้า 2 คนนั้นไปแล้ว
และเชื่อว่ามันจะไม่เลือนหายไปจนกว่าแก 2 คนจะหมดลมหายใจไป
ผมเองก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อเห็นภาพนั้น
หันไปมองเพื่อนที่มารับปริญญา มันก็น้ำตานองหน้าไม่ต่างกับผม
มันบอกกับผมว่า
กลับไปถึงบ้าน กรูจะทำแบบนั้นมั่ง
ผมเองก็อยากทำแบบนั้นบ้าง เสียแต่ว่าพ่อด่วนจากไปซะก่อน
เลยติดสินใจเลิกเรียนออกมาหางานทำ เลยไม่มีโอกาสทำแบบนั้นบ้าง
นึกขึ้นมาได้เลยมาเล่าให้ฟังครับ
แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 54 20:48:28