ปรกติผมไม่เคยมาโพสที่ห้องนี้ พออ่านย่อหน้าสุดท้ายของเจ้าของกระทู้แล้วรู้สึกว่ามันจุก โดนอย่างแรงครับ ตรงกับประสบการณ์ตรงเลย ขอนำมาแบ่งปันทีนี้ครับ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทมากสมัยเรียน พอเข้ามหาวิทยาลัยและจบทำงาน ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ได้คุยกันบ้างเป็นครั้งคราว ผมอยู่กทม ส่วนเพื่อนคนนึ้กลับไปทำงานที่บ้านเกิดที่จังหวัดเพชรบุรี
หายเงียบกันไปนานหลายปี จนมีครั้งหนึ่งเพื่อนคนนี้ได้โทรมาคุยกับผมโทรมาก็ร้องไห้อยู่นานกว่าจะปลอบและฟังจนรู้เรื่องได้ เค้าเล่าว่าจริงๆแล้วเค้าเป็นเกย์และเพิ่งเลิกกับแฟน ผมก็ยินดีรับฟังให้เค้าได้ระบายความทุกข์จนเริ่มสบายใจมากขึ้น
หลังจากนั้นมาเพื่อนคนนี้พยายามโทรมาหาผมบ่อยขึ้นและเค้าสารภาพว่าคิดกับผมมากกว่าเพื่อน ทั้งที่ผมบอกไปตามตรงว่าผมเป็นผู้ชายแท้รักชอบผู้หญิงและมีแฟนแล้ว แต่เพื่อนคนนี้ก็ยังคงโทรหาคุยกับผมบ่อย ซึ่งมันทำให้ผมเองรู้สึกไม่ค่อยดีและทำให้ไม่ค่อยอยากรับสายเวลาเค้าโทรมา เค้าก็ยังโทรมาเรื่อยๆ ผมก็คุยบ้าง ไม่คุยบ้าง เพราะไม่ค่อยอยากคุยอยากรับสายเลย
ต่อมา เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อนคนนี้ได้งานใหม่ ไปทำงานราชการที่เชียงราย และป่วยเป็นโรคปอดอักเสบรุนแรง พอย้ายกลับมารักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านที่เพชรบุรี อาการก็ดีขึ้น หมอสรุปว่าเกิดจากการแพ้อากาศอย่างรุนแรง ผมได้แนะนำทางโทรศัพท์ให้เพื่อนคนนี้รีบทำเรื่องย้ายกลับมาที่เพชรบุรีโดยด่วน พอดีเพื่อนผมบอกว่าช่วงนั้นติดวันหยุดยาวปีใหม่ หัวหน้าไม่อยู่ยาวไม่มีใครเซ็นต์อนุมัติให้ แต่จะรีบทำเรื่องย้ายกลับโดยทันที
ผ่านไปช่วงสงกรานต์ ผมอยู่ที่ต่างประเทศ เพือนคนนี้โทรเข้ามาบ่อยมาก ผมไม่ค่อยอยากคุยอยู่แล้วอีกอย่างค่ารับสายที่ประเทศฝรั่งเศสนาทีละเจ็ดแปดสิบบาท ผมเลยไม่ได้รับสายเลย คิดว่าไว้กลับเมืองไทยแล้วจะโทรหา แต่พอกลับมาก็งานยุ่งเลยลืมไปเลย ...
ถึงช่วงกลางปี มีอยู่วันหนึ่งประมาณห้าทุ่มกว่า มีเบอร์เพื่อนคนนี้โทรเข้ามา วันนี้ทั้งวันผมทำงานเหนื่อยมาก กำลังจะหลับแล้ว เลยกดตัดสายทิ้งไป และคิดว่าพรุ่งนี้จะโทรกลับละกัน ...
วันต่อมา ผมไปทำงานแต่เช้า ตอนเย็นพอว่างโทรกลับไปหาเพื่อนคนนี้ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมโทรกลับหลังจากที่ผมไม่เคยโทรหาเค้าเลยเป็นปี
คนที่รับสายกลับไม่ใช่เพื่อนของผม แต่เป็นน้องชายของเค้า บอกให้ผมทราบว่า พี่ชายเสียชีวิตแล้วตั้งแต่เมื่อคืน เวลาประมาณก่อนเที่ยงคืน สาเหตุเพราะโรคปอดอักเสบ มีอาการไอรุนแรงจนหัวใจล้มเหลว ผมตกใจมากนึกว่าเพื่อนคนนี้ทำเรื่องย้ายกลับเพชรบุรีตั้งนานแล้วและรักษาโรคนี้หายขาดแล้ว แต่จริงๆแล้วการทำเรื่องย้ายของเพื่อนผม ยังไม่ได้รับการอนุมัติราชการเลย
น้องชายเค้าเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนก่อนเพื่อนผมจะเสียชีวิต เค้าคงจะรู้ตัวว่าคงจะไม่ไหวแล้ว จึงพยายามโทรหาใครคนหนึ่งอยู่ สิ่งที่เพื่อนผมโทรมาเวลาห้าทุ่มกว่า ก่อนที่เค้าจะเสียชีวิต ผมไม่รู้ว่าเค้าจะพูดอะไรกับผม แต่ที่รู้คือ เค้าไม่มีโอกาสได้พูดในสิ่งที่เค้าอยากพูดกับผมเป็นครั้งสุดท้าย
การขอขมาต่อหน้าศพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเผา ก็ไม่สามารถทำให้ผมสบายใจขึ้นได้เลย ทุกวันนี้ถึงจะผ่านมาเป็นปี แต่ผมก็ยังเสียใจอยู่ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้
การที่เราเพิกเฉยไม่รับโทรศัพท์ของใครคนหนึ่ง มันอาจจะมีผลเสียร้ายแรงมากกว่าที่เราคิด และอาจเป็นการตัดโอกาสหรือทำลายความหวังครั้งสุดท้ายในชีวิตของใครบางคนก็เป็นได้นะครับ
* แก้ไขข้อความ แก้คำพิมพ์ผิดและจัดย่อหน้าใหม่ครับ
แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 12:04:01