Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ถ้าเจอรุ่นพี่ในที่ทำงานแบบนี้จะทำไงดี

    เหตุการณ์ต่อไปนี้เปนเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองนะคะ ที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้ชาวสีลมได้รับรู้ ก็แค่อยากจะรู้ว่าถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบเรา คุณจะทำตัวยังไงในที่ทำงาน และจะรับมือยังไง เรื่องอาจไม่หนักหนาสาหัสเท่าไหร่ แต่มันก็ทำให้เราเครียด และไม่พอใจ
    เรื่องมีอยู่ว่า..

    ....เราเองเปนนักศึกษาคนนึงที่อยู่ในช่วงฝึกงานตามหลักสูตรมหาลัยซึ่งเหลือแค่การฝึกงานอย่างเดียวก็จบการศึกษาแล้ว
    คือเราเลือกสถานที่ฝึกงานที่กรุงเทพฯนี่แหละค่ะ แต่จริงๆแล้วเราเป็นนักศึกษาที่มาจากต่างขังหวัดมาจากมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
    เราเลือกมาฝึกงานกับบริษัทใหญ่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจพลังงานอันดับต้นๆของประเทศ..
    วันแรกที่มาฝึกงานเราได้ฝึกกับฝ่ายบัญชี(สมมุตินะคะ) วันแรกที่ไปถึงเราในฐานะน้องใหม่และเปนน้องคนเล็กในหน่วย พี่ๆพนักงานทุกคนก็ให้การต้อนรับที่ดี เราก็สวัสดีตามมารยาทและแนะนำตัวกับพี่ๆ เราพูดได้เลยว่าเราเป็นคนมีสัมมาคารวะ และมีความเกรงใจผู้ใหญ่สูง ด้วยเพราะเป็นคนอ่อนโยน ขี้เกรงใจและทำอะไรเชื่องช้าบ้างตามประสาคนบ้านนอก(คนเหนืออ่ะ)
    ทำงานไปเรื่อยๆ 1 สัปดาห์ผ่านไปโต๊ะนั่งประจำของเรายังไม่มีเลยต้องอาศัยนั่งโต๊ะทำงานของพี่คนนั้นบ้างคนนี้บ้างไปเรื่อยในวันที่พี่ๆเขาลางาน หรือถ้าวันไหนพี่ๆเขามาทำงานกันครบเราก็ไม่มีที่นั่ง และดูเหมือนก็ไม่มีใครสนใจด้วยว่าเราจะนั่งทำงานตรงไหนได้แต่เดินไปมาตลอดระยะเวลา 3 เดือนของการฝึกงาน แต่ก็ยังดีที่มีโต๊ะกลาง หมายถึงโต๊ะวางเอกสารมีเก้าอี้ 1 ตัว ซึ่งเราก็โอเคไม่ว่าไรไปนั่งโต๊ะนั้นบ้างแต่ก็ไม่มีที่สำหรับทำงานเอกสาร
    มีพี่คนนึงเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้จัดการ (สมมุติชื่อพี่หนุ่มล่ะกัน)แต่เป็นเพียงพนักงานในหน่วยที่มีอายุประมาณ40ปี ผู้ชายคนนี้เป็นคนชอบสั่งงาน และเป็นคนพูดจาเสียงดัง และดุเราทุกครั้งที่งานเราไม่ได้อย่างใจพี่เค้า เหตุการณ์มีดังนี้
    1.มีอยู่วันนึงเราว่างงานมากไม่มีอะไรทำ เราก็เลยเดินไปขอพวกพี่ๆเขาว่าขอช่วยงานได้มั้ย มีอะไรให้ช่วยทำหรือป่าวเพราะว่าง ก็ยังไม่มีใครให้ช่วยทำอะไร แล้วอยู่ๆก็มีพี่ผู้หญิงสมมุติชื่อเอ ล่ะกัน พี่เอก็มาขอให้ช่วยทำpresentation (เป็นงานวิจัยส่วนตัวของเขา) เราก็ช่วยทำให้ซึ่งไม่ได้เป็นงานภายในของฝ่ายบัญชี พี่เอก็บอกว่าถ้าว่างไม่มีไรทำก็ช่วยทำวิจัยให้พี่หน่อยก็แล้วกัน เราด้ยความเป็นคนขี้เกรงใจ และมีนําใจสูงซะเหลือเกินก็ช่วยเค้าไป...
    พอนั่งทำได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พี่หนุ่มเดินมาข้างหลังเราก็มาต่อว่าเราว่า "นี่ทำงานอะไรอยู่หะ!! รู้มั้ยนี่มันเวลาอะไร"
    เราก็ตอบไปว่า "อ๋อ..ตอนนี้ว่างนะคะ พอดีพี่เอเค้าขอให้ช่วยทำงานวิจัยให้ ซึ่งหนูก็ว่างแล้วเพราะเมื่อกี้ก็ถามพี่ๆว่าให้หนูช่วยงานมั้ยก็ไม่มีงานอะไรหนูก็เลยช่วยงานวิจัยพี่เค้าน่ะคะ" แล้วพี่หนุ่มก็พูดกลับมาว่า "แล้วนี่มันเวลาอะไรเอางานอื่นมาทำได้ไง หัดคิดพิจารณาเองซะบ้างว่าอันไหนควรทำอันไหนไม่ควรทำ งานภายในมีเยอะแยะทำไมไม่หัดทำซะบ้างล่ะ" เราก็เลยเลิกทำและคิดว่างานภายในก็ไม่สอนงานเราถ้าเราหยิบงานภายในมาทำแล้วทำผิดเขาก็ด่าเราอีก ขณะที่พี่หนุ่มพูด ก็มีพี่เอหันมามองและยิ้มและก็หัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรกับการที่เราโดนพี่หนุ่มด่า และไม่มีการแก้ตัวแก้ต่างให้เราเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ตนเองเป็นคนสั่งให้เราช่วยงานวิจัยของตัวเอง..หรือว่าเราผิดเองคะที่เราตัดสินใจช่วยงานพี่เค้า แต่เราก็ว่างจริงๆและก็ถามพวกพี่ๆแล้วว่ามีงานให้ช่วยไหม เพื่อนๆคิดว่าเราผิดมากหรอที่ต้องโดนด่าแบบนี้

    2. วันนึงเรานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะกลาง แล้วก็พูดคุยกับพวกพี่ๆคนอื่นในหน่วยพวกเค้าก็ถามว่าทางเหนืออากาศหนาวหรือยัง อยากไปเที่ยว ทางเหนืออากาศดีไม่เหมือนที่กรุงเทพฯ..เราก็แนะนำที่เที่ยวกับพวกพี่เค้าไป แล้วอยู่ๆพี่หนุ่มก็พูดจาสวนทางขึ้นมาว่า.."ไอ้พวกบ้านนอกคอกนากลิ่นโคนสาบควาย..อยู่ในเมืองหลวงนี่แหละดีที่สุดเจริญจะตายไปอยู่ทำไมบ้านนอก"
    .......... พี่ๆในฝ่ายทุกคน  ".........!!!!!!!!"  เงียบหมดไม่มีใครพูดอะไรออกรวมทั้งเราที่นั่งอึ้งมากๆเพราะพี่หนุ่มเค้าหันหน้ามาพูดประโยคบ้านนอกกับเรา เราก็เลยพูดกลับไปว่า "ก็หนูเด็กบ้านนอกน่ะคะ" แล้วเราก็ยิ้มๆไม่แสดงกิริยาอาการโกรธหรือตอบโต้อะไรเลย ทั้งๆที่ในใจเจ็บปวดเหลือแสนให้หน้าไหนไม่รู้มาด่าว่ากรูบ้านนอก กรูมันพวกกลิ่นโคนสาบควาย...
    แต่เราก็ไม่ตอบโต้ค่ะ เพราะสำนึกตลอดว่าตัวเองเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ และควรจะสงบปากสงบคำเอาไว้

    3. 1เดือนผ่านไปเราเริ่มทำงานหลายๆอย่างได้ดีมากขึ้นจนผู้จัดการหน่วยมาเห็นถึงกับพูดออกมาว่า เราเป็นคนขยันและตั้งใจทำงานดี ..ซึ่งเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆคนระดับหัวหน้ามาชื่นชมเราขนาดนี้(คิดว่าใครที่อยู่ในฐานะลูกน้องก็คงรู้สึกดีนะคะถ้าวันนึงหัวหน้าชมว่าเราขยัน)
    และวันนั้นเองก็มีเรื่องอีกแล้ว..พี่หนุ่มงานเยอะและมีงานหนึ่งที่เขาไม่อบยากทำเอง เพราะต้องเอาเวลาไปเข้าประชุม พี่หนุ่มก็ถามพนักงานคนอื่นๆว่าใครก็ได้ช่วยทำงานนี่ให้หน่อยซิ ก็ไม่มีใครสนใจจะทำให้ เราด้วยความเกรงใจและมีนําใจอีกแล้ว ก็เสนอหน้า(เองแหละ) บอกเค้าว่าเดี๋ยวหนูช่วยทำให้นะคะ เค้าก็ยื่นมาให้และบอกว่าเร็วๆด้วยนะ จะเอาเดี๋ยวนี้เลย ...อืมนะ
    เราก็นั่งทำให้เค้าซึ่งเป็นการพิมพ์คำร้องเรียนที่ต้นฉบับเป็นลายมือที่อ่านยากมากๆๆ และแกะลายมือยากมากๆเรานั่งใช้เวลาเป็นชั่วโทงกว่าจะแกะลายมือออก พิมพ์ผิดบ้างถูกบ้าง เพราะมันอ่านยาก พอเราทำเสร็จก็ส่งให้พี่หนุ่มดู เค้าก็ตะโกนข้ามโต๊ะมาเลยว่า  "ไอ้หญิง..(ชื่อเราเอง) เอ็งพิมพ์แบบนี้มาได้ไงวะ!!! ผิดๆถูกๆ แมร่... เอากลับไปทำใหม่เลยไป!!!"  เราก็ได้แต่นั่งอึ้งกับคำพูดที่ไม่แม้แต่จะขอบคุณสักคำยังหันมาด่ากันได้ลงคอ สรุปว่าเราผิดเองแหละที่เสนอหน้าไปช่วยงานเขาเองใช่มั้ยคะ  เราก็เลยตอบเค้าไปว่า  "ขอโษนะคะพี่พอดีตัวหนังสืออ่านยากเหลือเกินอ่ะคะ ผิดตรงไหนยังไงพี่ช่วยหนูแกะลายมือทีได้มั้ยคะ เค้าเขียนอ่านยากมาก....." ยังไม่ทันขาดคำพี่หนุ่มพูดขึ้นมาว่า  "ไม่เกี่ยวๆ งานแค่นี้ทำมาผิดๆถูกๆได้ไง เอาไปทำมาใหม่เลย แล้วจะเอาวันนี้นะ ไม่ใช่พรุ่งนี้!!!"   เพื่อนๆคิดดูล่ะกันเราเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน เป็นแค่เด็กคนนึงเค้ามาเอาอะไรกับเรานักหนา แทบจะบีบเราให้ตาย
    และเราไม่เคยเห็นพี่หนุ่มทำนิสัยเสียๆ ปากเสียๆแบบนี้ใส่พนักงานคนไหนเลย นอกจากเรา!!!

    3. เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเกือบทุกๆวันใช่วงเย็นเราต้องกลับบ้านเวลาประมาณ5โมง-5โมงกว่าๆ เราเสร็จงานแล้ว และคิดว่าฝึกงานไม่ได้เงินเดือน และบ้านเราก็อยู่ไกลด้วยก็เลยขอกลับตรงเวลาคือ5โมงกว่าๆซึ่งก็lateบ้าง พอเราขออนุญาตกลับบ้านพี่หนุ่มก็มักจะพูดจาถากถางทุกครั้งว่า "เอ็งจะรีบกลับไปไหนวะ..แหม๋ๆอย่างว่าล่ะบ้านอยู่ทองหล่ออ่ะ คงจะนัดผูชายไปเที่ยวอ่ะดิ!!!"  ห๊า!!! พูดแบบนี้กับเราอ่ะ แล้วพูดเสียงดังฟังชัดมากมายเลยล่ะคะ พี่ๆคนอื่นๆในหน่วย และหย่วนตรงข้ามที่นั่งใกล้ๆกันก็หันมามองเรา เราไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะคิดไงกับเรา พี่หนุ่มชอบพูดให้เราเสียหายต่อหน้าคนอื่นๆอยู่เรื่อยเลยไม่รู้ทำไม นิสัยเสียปากเสียที่สุดเลยอ่ะ เราก็เลยพุดกลับไปว่า "อ่อ ป่าวหรอกค่ะไม่ได้นัดใครเลยจริงๆ บ้านอยู่ไกลนะคะ" จริงๆแล้วนศ.ฝึกงานก็ต้องกลับ5โมงเป็นเวลาปกติ และพี่ๆเค้าควรจะเห็นใจเราทำงานก็ไม่ได้เงินมาช่วยงานพวกเค้าอีก เราก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร เออ..จริงอยู่อาจเป็นวัฒนธรรมองค์การที่เขาทำงานกลับดึกดื่นกัน แต่ถ้าวันนึงเราเปนพนักงานอยู่ในฐานะพนักงานเราก็ยินดีที่จะทำตามวัฒนธรรมองค์กร แต่ตอนนี้เขาไม่เคยเห็นใจเราเลย เงินก้ไมได้ ใช้งานอย่างกะทาส เฮ้อ....

    ยังคะยังไม่จบเรื่องนี้.. หลังจากที่เราบอกว่าบ้านเราอยู่ไกลคือทองหล่อ ก็มีพี่ผู้หญิงคนนึง คนที่ชื่อพี่เอนั่นแหละค่ะจำได้มั้ยคะจากเหตุการณ์ที่ 1 พี่เอพูดขึ้นมาว่า.."การอยู่ทำงานต่อน่ะ มันหมายถึงความขยันนะไอ้น้อง"  อ้าว!!!
    เราก็เลยงงเลยว่าทำไมพูดแบบนี้วะจะหมายความว่าที่เราเข้างาน8โมงตรง ออกงาน 5โมงตรง ทำครบ8ชั่วโมง ระหว่างเวลางานไม่เคยอู้งาน ไม่เคยคุยโทรศัพ ไม่เคยนั่งเม้าท์ชาวบ้าน ไม่เคยเอาแต่ทาแป้ง ไม่เคยเล่นHi5ในงาน เหมือนพี่เอ ทำไมต้องมาพูดกับเราแบบนี้ด้วย พี่เอเข้างาน 8โมงครั้ง ออกงาน6โมง ระหว่างงานเอาแต่นั่งเม้าท์(เวลาหัวหน้าไม่อยู่) กว่าจะทำงานก็ปาไป10โมงแล้ว เฮ้อ...เพื่อนๆคิดว่าเราทำผิดมากหรอคะที่ออกงานตรงเวลา ทำไมไม่พิจารณาถึงการทำงานในเวลางานของเราบ้าง
    เอ๊ะ หรือว่า พนักงานออฟฟิซเนี่ยเค้าคิดว่า คนที่เลิกงานดึกเท่านั้นหรอคะเรียกว่า "คนขยัน" โดยที่ไม่สนใจเลยว่าคนที่เข้างานตรงเวลา ออกงานตรงเวลาและทำงานตลอด8ชั่วโมง เค้าเรียกว่า"คนไม่ขยัน"


    3. เหตุการณ์ที่3นี้เป็นเรื่องล่าสุดเลยที่เกิดขึ้นกับเราก่อนที่เราจะจบการฝึกงาน  อาทิตย์ที่แล้วนี่เองค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า ..เราเป็นคนชอบออกกำลังกายและมักจะนำเสื้อผ้าชุดออกกำลังกายมาเก็บไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะของพี่เลี้ยงเรา ซึ่งเราจะใส่ประมาณ2-3ครั้ง และนำกลับไปซักที่บ้าน วันนั้นเราก็ไปออกำลังกายตามปกติและนำชุดขึ้นมาเก็บบนตึกก็เจอพี่หนุ่มกับพี่เอที่นั่น เค้าก็ทักว่าทำไมไม่เอาชุดไปซักล่ะ  "ไม่เอาไปซักบ้างหรอ อี้ ซกมกมากเลยนะเนี่ย..ถึงว่าล่ะ สวยแต่หน้าตา!!! สกปรกจริงๆเล้ย"  อ้าว!!!งานเข้าอีกแล้วเรา เราก็เลยพุดไปว่า "อ่อ ป่าวค่ะพี่หนูจะใส่ประมาณ2-3ครั้งค่อยเอาไปซักเพราะยังไงมันก็ชุดออกกำลังกายไม่ได้ใส่มาทำงาน..."ยังไม่ทันขาดคำมันสวนมาเลยว่า "โอ๊ยยย พวกสวยแต่หน้าตาก็งี้แหละ อี้เหม็นๆๆๆไปไกลๆเลยไป" เราก็สุดจะทนแล้วค่ะ ทั้งเรื่องบ้านนอก เรื่องความขยัน เรื่องอะไรต่าๆงที่เขาดูถูกและถากถางเรามาตลอดเราก็เลยพูดออกไปจากปากที่เคยกลัวดอกพิกุลหล่นของเราว่า

    " ทำไมหรอคะพี่..ตัวหนูจะเหม็นก็ไม่ได้เกี่ยวกับใครสักหน่อย ใครไม่ชอบก็ปิดจมูกไปสิคะ...แล้วหนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกพี่ๆบัญชีเนี่ย..ชอบพูดจาว่าให้คนอื่นเขาเสียหายด้วยคะ!!!!"

    นี่แหละค่ะเพื่อนๆคำพูดจาโต้ตอบของเราเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในชีวิตที่ทำให้พวกเขาโกรธกันเป็นฟืนเป็นไฟ เราก็เดินกลับมาเลยและใจก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เราพูดไปจะทำให้เค้าโกรธเรามากขนาดที่อีกวันนึงเค้า2คน พี่หนุ่มกับพี่เอไม่ยอมพูโคยกับเราเลยจนเราฝึกงานเสร็จ พี่หนุ่มเป็นคนเซ็นประเมินการฝึกงานให้เรา เค้าเขียนcommentมาในใบประเมินว่า....ก่อนที่สถาบันจะส่งนศ.มาฝึกงานก็ควรจะให้ความรู้เรื่องการทำงานกับผู้อื่น โดยเฉพาะเรื่องการมีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ การแยกแยะรู้จักควบคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้ เราเปิดใบประเมินแต่เราก็คิดเสียว่าเค้าก็คงเขียนมาแบบนี้มันก็ถูกแล้วมั้ง เราก็เลยเล่าให้อาจารย์นิเทศงานฟังอาจารย์พูดกับเราคำเดียวว่า  "คุณไม่ต้องกลัวหรอก คนที่จะให้คุณผ่านหรือไม่ผ่านการฝึกงานมีอยู่คนเดียว คืออาจารย์เอง"

    เราก็เลยโล่งอก และดีใจที่อาจารย์รู้ว่าเราเป็นคนอย่างไร

    เรื่องทั้งหมดที่เล่ามาอยากให้เพื่อนๆชาวสีลมช่วยให้คำวิจารณ์หน่อยนะคะว่า เราผิดหรือเขาผิดกันแน่ที่ทำให้เราต้องตัดสินใจ และด้วยความเหลืออดเหลือทนพูดจาโต้ตอบเขาไปแบบนั้น ด้วยเหตุการณ์เท่าหมดที่บีบเราซะเหลือเกิน

    ขอบคูรมากนะคะที่อดทนอ่านเรื่องของเรามาจนจบ ^^

    จากคุณ : i guess i need u - [ 30 ม.ค. 52 13:16:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com