 |
ต่อครับ
ย้อนไปนิดนึง ตอนกลางปี 2007 ผมทำงานอยู่ที่บริษัท IT จาก USได้แค่ครึ่งปี ผมก็ได้ offer ตำแหน่ง Manager ในบริษัทยาระดับ Global จากยุโรป โดยงานเปลี่ยนไปมาก จากลงมือทำระบบเอง และเป็นงานด้าน IT Infra (PC, Notebook, Network, Server) ซะเยอะ กลายเป็นแบบ Project Manager แทน ผมใช้เวลาตัดสินใจนานนนนนนมาก เครียดเลย ใจนึงก็อยากทำสิ่งที่รัก ใจนึงก็อยากเติบโต เป็น Manager ตั้งแต่ยังไม่ 30 ด้วยความทะเยอทะยาน ประกอบกับเงินที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด (จาก 35,000 เป็น 46,000) จึงตอบตกลงไป
งาน Manager ครั้งแรกในชีวิตของผม หนัก เครียด ไม่เคยทำงานแล้วเครียดขนาดนี้มาก่อน เครียดจนต้องแอบร้องไห้ในออฟฟิศ 2 - 3 ครั้งกันเลยทีเดียว มันทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมากมาก งานผมสำเร็จ ผมได้เงินเยอะก็จริง โบนัส 3 เดือนกว่าอยู่ 2 ปี แต่สิ่งที่ผมต้องเสียไปก็เยอะมากเครียด เหนื่อย กิน ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง น้ำหนักขึ้นมา 20kg เห็นจะได้
และเมื่อวันที่ผมไม่ไหวแล้ว ผมจึงลาออก แต่ก็ไปได้ Manager อีกที่นึง อยู่ได้ไม่นานก็ลาออกอีก อย่างที่เล่าในต้นกระทู้ไว้
สถานการณ์การลาออกของผมก่อนหน้าจะเป็น manager กับหลังเป็น manager แล้ว ช่างต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมหวังว่าจะได้งานในเร็ววันเหมือนที่เคยๆ มา ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่
เนื่องจากผมพอมีเงินเก็บบ้าง เลยไม่ลำบากเท่าไหร่ ลาออกมาก็ชิลล์พอควรในช่วงแรกๆ และยังตั้งหน้าตั้งตาหางานที่ใกล้เคียงงานเดิม แต่วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ผมแทบไม่เคยถูกเรียกสัมภาษณ์เลย เรียกได้ว่า ช่วง 3 เดือนแรกที่ตกงาน ถูกเรียกสัมภาษณ์แค่ 1 ครั้ง/เดือนเท่านั้น
แต่ผมก็ไม่ได้ปล่อยเวลาเสียเปล่า ไหนๆ ก็ว่างแล้ว ดูแลตัวเองหน่อย ทำสิ่งที่ชอบ ผมออกขี่เสือภูเขา เข้าฟิตเนสที่เคยเก็บเงินซื้อเองไว้ที่บ้าน ตอนนี้ผมสุขภาพกายดีขึ้นมาก แต่เนื่องจากยังไม่ได้งาน จึงยังวิตกจริตอยู่
ต่อข้างล่างครับ
จากคุณ |
:
Diff
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ส.ค. 54 11:48:00
|
|
|
|
 |