 |
เป็นอาการระยะสุดท้าย ของชีวิตลูกจ้างหรือเปล่า ... ถ้าใช่ ลองถามตัวเองว่า มันที่สุด ของที่สุด หรือยัง ถ้าสุดแล้ว...จงคิดเหมือน "หม้อข้าวใบเก่ามองไปหมดใจ" ปาดน้ำตา มุ่งหน้าไปสร้้างหม้อข้าวใบใหม่ข้างหน้า...ได้ไม่ได้ ไม่รู้ละ แต่วันที่เดินจากมา ตอนนั้น ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า "สุดหรือยัง"
ทุกวันนี้ เราเป็นเจ้าของกิจการ(self-employed) ถ้าย้อนกลับไป 4 ปีก่อนไม่เคยคิดว่า จะมาเดินเส้นทางนี้ แต่พอมีสัญญาณ แสงดาวตกมาแต่ปี 2004...อีกครั้งปลายปี 2007 กับลักษณะชีวิตบั้นปลายของการเป็นลูกจ้าง ก็ไม่เสถียร เข้าๆ ออกๆ แม้ออกแต่ละที ตำแหน่ง ก็สูงขึ้นๆ ความได้เปรียบอยู่ในวงการที่แคบ แล้วก็มีคนผ่านเวทีเหล่านี้มาน้อยคน บางองค์กร 10ปีหลุดมาคน พอดีเราเป็นคนๆนั้น บางองค์กรทั่วโลกมีคนไทยรวมชายหญิงเคยผ่านเข้าไป ร่วมงาน 6 คนเราเป็นคนที่ 6...คนสุดท้าย พอถึงจุดหนึ่งมันโตเร็วจน ตกแอ้กลงมาเมื่อ กลับมาเมืองไทย
การหาที่อยู่ของตัวเอง ตอนนั้นเราคิดว่า สร้างเอง ง่ายกว่า ไปหาๆเท่าไร ก็ไม่เจอไม่มีไม่เป๊ะ เราถึง เนรมิต อาณาจักร กิจการ ขึ้นมาจาก "ดีมานด์แบบร่างที่ลูกค้่าโยนหินมา" ปะติปะต่อ จนเป็นสำนักงานพื้นที่จริง พอธุรกิจเกิดมาจาก "ทิศทางในตลาด" ค่อยปรับค่อยเปลี่ยนไปตาม ยุคสมัย แน่นอน ไม่ใช่ทำทีเดียวพอ เลิก การยืนอยู่ในวงการได้จนเป็นตัวจริง ต้องฉับไว lively และไวต่อกระแสตลาด สิ่งเหล่านี้จะรู้จากลูกค้า
ในขณะเดียวกัน Test บทที่หนึ่งจะมาตอน3เดือน เรียกว่า Probation เจ้าของกิจการมือใหม่ ขั้นนี้ ถ้าไม่ผ่านก็จะหายไปจากตลาด 50% ก่อนส่วนถ้ารอดก็จะเกิดเลย อย่างที่เราเจอนี่ยกตะกร้าฐานลูกค้าจาก C+เป็น B, B+,A ตามมาจน A+
จนวาระที่ใกล้ครบรอบ 1 ขวบ Test บทที่สองจะเป็นการบอกว่าเราสอบผ่านในวงการนี้แค่ไหน ถ้าไม่ผ่าน ลูกค้าเก่าก็จะค่อยๆหายสลายไป ถ้าผ่าน และผ่านอย่างยอดเยี่ยม ลูกค้าทั้ง7ฐานที่ร่วม พายกิจการกันมา จะพาคนของตัวเอง จัดเป็นลูกค้าใหม่มาหา โตแตกหน่อ กับฐานรัศมีตลาดก็จะ ไกลออกไปจากวงรัศมีเดิม...พื้นที่ที่ลูกค้ามาหา จะไกลออกไป สายสัมพันธ์ของลูกค้าจะลงไปถ้วนทั่วตระกูล ญาติ เพื่อนสนิท เจ้านาย คุณหญิง etc.
พอปลายปีแรก ขึ้นปีที่ 2 Test บทที่สามจะมาทดสอบยุค "ฝ่าวิกฤติหน้าแล้ง" หลังจากอิ่มอ้วน มาทั้งปี ฝนฉ่ำ บางคนเคยได้มาก ทำใจไม่ได้ กลับไปเป็นลูกจ้างก็ตกม้าตายตอนนี้ แต่ผู้ประกอบการมือใหม่หลายคนก็ยังจับทิศทางไม่ถูก กลับไปสมัครงาน บางคนถูกหวย เค้ารับพอดีก็กลับไปเข้ากงล้อหนูถีบจักรใหม่ เราเองก็สะเปะสะปะกลับไป ขนาดบินไปสัมภาษณ์ประเทศใกล้ๆ สิงคโปร์ แต่อนิจจา ดวงชะตาคงสงสารในความเซ่อซ่า ตอนคุยกับเจ้าของบริษัทอินเดีย ที่Bangalore ดันไปปิ๊งทางแก้ลำ กิจการตัวเอง บนเครื่องบินไม่สนอะไรละ ต้องรีบร่างแผนผัง solution แล้วคำตอบของชีวิต ก็ปรากฏเมื่อลูกค้ากลุ่มเก่าเกิด "สงครามกลางกิจการ" แยกเป็น2ฝ่าย จากนิสัยที่ประเมินแล้วว่า ใครที่เหมาะจะเป็น "ลูกค้าประจำของฉัน" ก็ต้องมี "sceneซื้อใจฝ่ายที่เราเลือก" แทคติก ช่วงเวลาของเหตุการณ์เหล่านี้ มีแค่เสี้ยววินาที...จริงๆ ถ้าเราเลือกลูกค้าถูกข้าง เหมือนเลือกหุ้นถูกกลุ่ม ...แล้วการ Forecast ในต้นปีที่2ก็เป็นจริง นำมาซึ่งลูกค้าเกรดAกลุ่มใหม่ ยิ่งผลงานออกในกลุ่มใหม่ ระดับฐานลูกค้าก็สูงขึ้นๆ ทั้ง นิสัย การจ่าย ฐานะทางสังคม และสายป่านทางธุรกิจ...
ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า"ปีเสือขาวทองคำ2009"นั้นเฮงจริงๆทั้งdomestic ทั้งInter พาเหรดกันมาตอนขาขึ้น เหมือนลูกค้าที่คัดมา แต่ยังต้องผจญกับการ "ลองเชิงตั้งแง่ดึงการจ่าย"อาศัยบุญเก่า ลูกค้าก่อนหน้า ตบเท้ากลับมาคานอำนาจพอดี...
ผลงานปีที่ สอง ส่งผลให้น้ำบ่าต้นปีที่ สาม รุ่นสร้างชื่อ ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ พอส่งไปแจ้งเกิดสัก หน่อ ต่อให้หลบอยู่มุมไหน ลูกค้าก็หาเจอ word of mouth , viral marketing แรงและมีอานุภาพกว่า spot โฆษณาตัวไหนๆ โดยที่ cost เป็น 0 สิ่งเหล่านี้ ต้องใช้เวลาผลงานสร้างชื่อ
กลางปีที่ สาม เข้าสู่ช่วง คัดกรอง ลูกค้าเริ่มดีแตกกลายพันธุ์ จาก 3 เหลือ 2 วัน เวลา ชะตาทำให้ลูกค้าที่จะอยู่กับเรา ขับไล่ลูกค้าไม่ดี ออกไปเอง แต่ต้องวางหมากกลยุทธ์ ตรงนี้คนเป็นเจ้าของกิจการ รำกระบี่ ต้องเท่าทัน และไวต่อสัญญาณต่างๆ นี่คือ จุดหนึ่งที่ทำให้คนที่ลงทุนแล้วทิ้งไว้ในมือคนอื่น มักไปไม่รอด ปัญหาจุดเดียวกัน แก้ทางต่างกัน ทำให้ "ดิ่งดับ"หรือ"โดดเด้ง"
แล้ววาระไฟไหม้ป่ากลางปี ก็แจ้งเกิดตลาดใหม่ ใน product ใหม่ให้ มีเวลาพัฒนา Know how และลูกค้าใหม่ ช่วยดัน จนเข้าสู่ November ลูกค้าเก่าใหม่ถอดด้ามก็กลับมา ลูกค้าใหม่จากปากต่อปากลูกค้าเก่า ก็เวียนเข้ามาอีกระลอก
จนขึ้นปีที่4 ฐาน Corporates รุ่นกลางๆ Asst.Manager, Senior อาชีพที่มีอำนาจทางสังคม ก็เริ่มพาเหรดเข้ามาแทน คลื่นลูกเก่า เป็นการคัดกรองสายพันธุ์ลูกค้าเก่าไปในตัว เหลือเฉพาะ ลูกค้า top ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ...
จนวันนี้ กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แต่ละช่วงเวลา "มีเหตุให้ล้มละลายทางจิตใจ" ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ตั้งแต่ปีที่1,2,3,4...แต่ต่างผู้กระทำ มีทุกรูปแบบ ตั้งแต่มาจากลูกค้าฉะกันเองมาจาก คู่แข่งที่ไม่เคยรู้ว่ามี หรือ คู่แข่งคนละโซน แต่ก็โดนลูกค้าที่คัดขึ้นมา อัปเปหิออกไปเองโดยที่ตัวเอง ยังไม่ทันลงมือทำอะไร เหมือน "ฉัตรแก้วกั้นเกศ" กับสิ่งที่วนเวียนซ้ำซาก น่ากลัวที่สุด คือ การหมดใจที่จะทำมันต่อไป "กิจการขับเคลื่อนด้วยความฝันและความหวัง" ยิ่งฟันเฟือง มีชิ้นเดียว ชนิดที่ไม่มีตัวตาย ตัวแทน มีแต่ระบบช่วยเบรคแบตเตอรี่ และมีลูกค้าเก่าเหมือนต้นไม้ที่นานวันยิ่งแข็งแกร่งยิ่งเบ่งบาน ทำให้เปิดตัวปีหลังๆ เป็นปริศนาในสนามตลาด ว่าจะมีอะไรเจ๋งออกมาให้ฮือฮา อย่าลืมว่า แรกๆเราโตพร้อมลูกค้า แต่ในทางตลาด ต้องเสมือน"ล้ำหน้าลูกค้า1ก้าว" สิ่งเหล่้านี้ มันไม่สามารถจัดฉาก หรือfakeเพราะลูกค้ารู้เท่าทัน เนื่องจาก วิสัยลูกค้า ทั้งชอบไป ลอง แต่อะไรที่ไม่ได้มาจากcopied แต่โตตาม "นวัตกรรมดีมานด์ตลาด" กับความเก๋า ลึก กึ๋น ความเชี่ยวชาญในทาง และสิ่งนั้นๆ จะทำให้ "แก้เกมลูกค้า รักษา พัฒนาตลาดให้โตต่อเนื่องได้"
พออายุบารมีถึงในวันหนึ่ง จะมีสีสัน คนมาเสริมทัพให้เอง แต่กว่าจะห้าขวบวันนี้ ต้องต่อสู้กับ แรงกด แรงดัน แรงต่อต้าน เป็นระยะจากคนใน คนนอก ซึ่งคนในนี่ มีแรงเหวี่ยงมากกว่าคนนอก เคยขนาดอินเดียที่โดนmaidโกงเงินมาชี้หน้าด่า และเคยขนาดเจ้าของโรงงานส่งออกทิปด้วยของแบรนด์เนม ในขณะที่โบนัสกลางๆ เช่น ลูกค้ายกเวลานั้นให้พักผ่อนเป็นการตอบแทน...
...ลูกค้าที่ดีมีมาก ลูกค้าที่ยากบากปนมาก็มี...
สมัยยังหาตัวเองไม่เจอ มีรุ่นพี่ในวงการเก่า บอกให้ไปนั่งเงียบๆ ริมน้ำ ลมเย็นๆ อาทิตย์ตก แล้วถามตัวเองว่า อยากเป็นอยากทำ อะไร...ถ้าวันหนึ่งคุณหาเจอ...แล้วคุณจะรู้เอง กว่าเราจะหาที่ของตัวเองเจอ ใช้เวลาถึง 7 ปีกับ 2-3 ปีแรกเจออะไรที่ไม่เคยเจอก็จะกลับๆ สุดท้าย โดนชู้ตกลับมาทุกที ลูกค้าใหม่บ่ามาก้นบาตร
บางที มันถึงเวลาที่จะเปลี่ยน... C H A N G E ... จะรุ่ง หรือ ร่วง ต้องวัดดวง...
จากคุณ |
:
kuddle
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ย. 54 02:59:51
|
|
|
|
 |