ความคิดเห็นที่ 1 ผมเป็น outsource ด้านคอมให้โรงงาน หลายแห่งก็ดู ให้ดีเรื่องสัญญา เพราะถ้าจะไม่ทำก็คือบอกเลิกสัญญา เท่านั้น โรงงานดีมีคุณธรรมก็จะเรียกมาคุยว่าเกิดไรขึ้นเพราะบางทีเข้าไปแล้ว เราก็เจอคนห่วยๆ มาทำงานด้วยก็เบื่อ ผมว่าถ้าคุณไม่มีอะไรทำก็ ทำไปก่อนนะครับ เงินเดือนนั้นแน่นอนควรเยอะกว่า เพราะโบนัสสวัสดิการไม่มีนี่ครับ จากคุณ : ทาสเทวี เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 12:56:41

ความคิดเห็นที่ 2 1.ถ้าเราออกกลางคัน จะเป็นไรไหมครับ เป็น  เพราะสัญญาจ้างปีต่อปี ถือเป็นสัญญาที่มีกำหนดเวลาแน่นอนที่คู่สัญญาแสดงเจตนาไว้แต่แรกในสัญญาว่าจะจ้างกันให้ถึงระยะเวลาที่ตกลงกันไว้  ฝ่ายใดผิดสัญญา อีกฝ่ายถ้าได้รับความเสียหาย  ก็มีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ 2.ไม่ควรทำเพราะไม่ดีให้รอบริษัทอื่นๆๆดีไหม ไม่แน่   แล้วแต่โอกาส  การเลือกงานมาก บางทีก็ทำให้เสียโอกาสไปเหมือนกัน  ถ้าโอกาสมา อาจจะต้องคว้าเอาไว้ก่อน   3.ควรเรียกเงินเดือนเยอะกว่าปกติไหม เพราะ จ้างปีต่อปี มันไม่มีโบนัสเลย เป็นสิ่งที่สมควรทำ  และใครๆ ก็ทำกัน เพราะปกติแล้วพนักงานสัญญาจ้างจะไม่ได้รับสวัสดิการเหมือนพนักงานปกติ และไม่มีความมั่นคงเท่า   ดังนั้น ก็ต้องเรียกค่าตอบแทนให้สูงขึ้น 4.แล้วแต่พี่ๆๆจะแนะนำ สิ่งสำคัญที่สมควรทราบก็คือ พนักงานสัญญาจ้าง  ถ้าเป็นการจ้างเข้าไปทำงานในงานปกติของบริษัท เช่นงานบัญชี หรืองานธุรการ  หรือไม่ใช่งานในโครงการพิเศษที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน    อย่างนี้ ถ้าหมดสัญญาแล้วนายจ้างไม่ต่อสัญญา  ในทางกฎหมายถือเป็นการเลิกจ้าง ซึ่งพนักงานสัญญาจ้างมีสิทธิที่จะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน  เช่น จ้าง 1 ปี แล้วบริษัทไม่ต่อสัญญา  พนักงานคนนี้ก็มีสิทธิจะได้รับค่าชดเชยอีก 3 เดือน จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 13:14:52

ความคิดเห็นที่ 3 1.ถ้าเราออกกลางคัน จะเป็นไรไหมครับ - ไม่เป็นไร 2.ไม่ควรทำเพราะไม่ดีให้รอบริษัทอื่นๆๆดีไหม - ถ้าไม่มีงานอื่นอยู่ ทำไปก่อนไม่เสียหาย 3.ควรเรียกเงินเดือนเยอะกว่าปกติไหม เพราะ จ้างปีต่อปี มันไม่มีโบนัสเลย - ใช่ เพราะต้องชดเชยทั้งเรื่องควมมั่นคง สวัสดิการ และโบนัส 4.แล้วแต่พี่ๆๆจะแนะนำ - ตกลงว่าคุณไม่ใช่พนักงาน ดังนั้นไม่จ่ายประกันสังคม - ภาษีหัก ณ.ที่จ่ายแค่ 3% ไม่ใช่หักอัตราก้าวหน้า - เวลายื่นภาษีไม่ใช่ยื่นเป็นเงินเดือน อาจเป็นงานรับเหมาหรือวิชาชีพอิสระหรืองานรับเหมา จะทำให้เสียภาษีน้อยกว่าเงินเดือนมาก จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 13:48:29

ความคิดเห็นที่ 4 ขอแย้ง คห. 3 ของคุณ TLL01 ตรงข้อ 1. และ ข้อ 4 หน่อยนะครับ ข้อ 1.  จะบอกว่า "ไม่เป็นไร" ได้อย่างไร ในเมื่อสัญญานี้ถือเป็นสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอน  คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย คือนายจ้างและลูกจ้าง ก็ต้องเคารพและปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายที่เรียกว่า "หลักความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา"    ถ้าฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามสัญญา คือนายจ้างเลิกจ้างก่อนระยะเวลาที่ตกลงกัน หรือลูกจ้างไม่ทำงานให้ถึงกำหนดที่ตกลงกัน  ถ้าอีกฝ่ายได้รับความเสียหาย ก็ย่อมจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้   ข้อ 4.   -เรื่องที่บอกว่า "ไม่ใช่พนักงาน" จึงไม่ต้องจ่ายประกันสังคม  ยังตอบเช่นนี้ไปเลยไม่ได้ เพราะกรณีจะถือเป็นพนักงาน หรือไม่ใช่พนักงาน  จะดูแต่เพียงว่าเป็นพนักงานสัญญาจ้างไม่ได้  แต่ต้องดูตามคำนิยามของคำว่า "ลูกจ้าง" ที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. ประกันสังคม  ซึ่งโดยหลักจะใช้เกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตัดสินว่าเป็นนายจ้างหรือลูกจ้างกันหรือไม่  เช่น ดูเรื่องอำนาจบังคับบัญชา  การอยู่ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับการทำงาน  การต้องเข้าทำงานตามเวลา เลิกงานตามเวลา การจ้างนั้นมุ่งถึงผลสำเร็จของงาน หรือเีพียงแต่ต้องการแรงงานฝีมือและเวลาของลูกจ้างเพื่อทำงานให้ครบตามระยะเวลา ฯลฯ  ต้องดูปัจจัยประกอบให้ครบ ถึงจะตัดสินได้ว่า เป็นลูกจ้างหรือไม่  ถ้าเป็น  ก็ต้องจ่ายเงินสมทบเข้าประกันสังคม - เรื่องการหักภาษี ณ ที่จ่าย  โดยหลัก นายจ้างยังคงมีหน้าที่ต้องหักภาษีในอัตราก้าวหน้าอยู่   เว้นแต่ว่าจะเข้าเงื่อนไขว่า เป็นการจ้างในวิชาชีพอิสระ 6 อย่าง คือ กฎหมาย บัญชี การประกอบโรคศิลปะ วิศวกร สถาปนิก ศิลปะ แต่แม้จะเป็นวิชาชีพอิสระ 6 อย่างแล้ว  แต่ถ้าจ้างมาในฐานะเป็นพนักงาน หรือลูกจ้าง ได้รับเงินเดือนแน่นอนคงที่ การจ่ายค่าตอบแทนไม่ได้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานที่ทำ  เช่นนี้  การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายก็ยังคงต้องคำนวณในอัตราก้าวหน้าอยู่ดี ่ หรือมีอีกกรณีหนึ่่งที่นายจ้างจะหักภาษี 3% ได้ ก็คือในกรณีที่่จ่ายเงินค่าจ้างทำของให้แก่บุคคลธรรมดา โดยเงินได้ที่บุคคลธรรมดาได้รับนั้นถือเป็นเงินได้ตาม ม.40(7) คือ การรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ หรือ ม. 40 (8) เงินได้จากการพาณิชย์ โดยผู้มีเงินได้ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง  แต่ถ้ารับเหมาแต่แรง และไม่ใช่วิชาชีพอิสระ  ก็ต้องหักในอัตราก้าวหน้าอยู่ดีครับ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 54 14:30:34 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 54 14:13:28 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 54 14:11:45 จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 14:10:53

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ของผม มันเขียนว่า เป็นพนักงานประจำ นะครับ แต่มันเป็นสัญญาจ้างปีต่อปี ผมงงครับ ใครแถลงที ผมควรทำไง ประสบการก็ยังไม่มี ควร ทำเอาประสบการไปก่อน 1 ปีไหมครับ จากคุณ : gibliverpool เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 16:00:08

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ถามว่าควรทำไง  ก็ควรเรียกเงินเดือนให้คุ้มกับที่คุณต้องการ แลกกับความมั่นคง และโบนัส+สวัสดิการอื่นๆ ที่คุณไม่มีสิทธิได้รับเหมือนพนักงานปกติ  ถ้าเค้าไม่ตกลงให้ตามที่คุณขอ  ก็ไม่ต้องทำ  แต่้ถ้าเค้ายอมให้  ก็ทำไปก่อน  ดีกว่ารองาน ส่วนในสัญญาจะเขียนว่าเป็นพนักงานประจำ  แต่ถ้ามีเงื่อนไขระบุระยะเวลาจ้างไว้แน่นอนในสัญญา  มันก็คือสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอนนั่นแหละครับ ไม่ต้องสงสัย และอย่าลืม สิทธิประโยชน์สำคัญที่คุณจะมีสิทธิได้รับหากเค้าไม่ต่อสัญญาเมื่อหมดสัญญาจ้าง 1 ปีแล้ว   ก็คือเงินชดเชย 3 เดือน (ตัวนี้จะถือว่าเป็นโบนัสของคุณก็ได้ แต่ส่วนใหญ่บริษัทไม่จ่ายหรอกเพราะฝายบุคคลเค้ามักจะคิดว่าไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย  นอกจากคุณต้องไปร้องเรียนแรงงานเขตเอา)  ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ความสัมพันธ์ตามสัญญานี้เป็นความสัมพันธ์แบบนายจ้างและลูกจ้าง  และเป็นการจ้างเข้าไปทำงานในลักษณะงานปกติของกิจการค้าของบริษัท เช่น งานพนักงานขาย งานธุรการ งานบัญชี งานบุคคล งานจัดซื้อ งานคลังสินค้า งานในฝ่ายไอที ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 54 16:54:31 จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 16:34:40

ความคิดเห็นที่ 7 (ต่ออีกนิด)   การออกกลางคันสำหรับพนักงานสัญญาจ้าง   บางบริษัทอาจจะไม่ซีเรียส แม้สัญญาจะเขียนระบุกำหนดเวลาไว้แน่นอน  แต่อาจจะยอมให้พนักงานถ้าสามารถคุยกันได้ อาจจะให้แค่แจ้งล่วงหน้า 1 เดือน  แต่จะเอามาเป็นมาตรฐานไม่ได้ เพราะตอนเซ็นสัญญา คุณย่อมไม่รู้ ถูกมั้ยครับ ว่าเค้่าจะซีเรียสเรื่องนี้หรือไม่  ถ้าเค้าซีเรียสขึึ้นมา และไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย  เค้าก็อาจจะเรียกค่าเสียหาย ประเภท ค่าโฆษณาประกาศรับสมัครงานในหนังสือพิมพ์ หรือค่าบริการให้แก่บริษัทรีครูทเม้นท์ เช่น เค้าเสียค่าใช้จ่ายไป 1 แสนบาท  อันนี้ย่อมถือเป็นความเสียหายที่เค้าได้รับ และมีสิทธิเรียกจากคุณได้ และถ้าเค้าพิสูจน์ได้ว่า เสียหายมากกว่านี้จากการที่คุณออกจากงานก่อนกำหนดเวลา  ศาลก็จะให้คุณจ่ายเงินเป็นค่าเสียหายให้แก่เค้า จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 16:47:59

ความคิดเห็นที่ 8 ถามพนักงานสัญญาจ้าง 10 คน  จะมีคนที่รู้ว่าถ้านายจ้างไม่ต่อสัญญา ตัวเองมีสิทธิจะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานแค่ 1-2 คน นอกนั้นไม่รู้ถึงสิทธิของตัวเอง  ส่วนใหญ่พอไม่ต่อสัญญา บริษัทก็มักจะไม่จ่าย  พนักงานเมื่อถูกไม่ต่อสัญญา ก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยได้เพราะคิดว่าเป็นแค่สัญญาจ้างปีต่อปี หมดสัญญา ก็สิ้นสุดกัน  แต่ความจริง ถ้าเข้าเงื่อนไขที่ผมว่ามาข้างต้น  ก็ย่อมมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเหมือนพนักงานปกติในกรณีที่บริษัทไม่ต่อสัญญา มีพนักงานสัญญาจ้างบางคน  บริษัทต่อสัญญามาทุกปี พอสิ้นปีที่ 3 บริษัทไม่ต่อสัญญา  พนักงานคนนี้ต้องมีสิทธิได้รับค่าชดเชยถึง 6 เดือน  แต่ปรากฏว่าบริษัทก็ไม่จ่าย  พนักงานก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิจะได้รับ   ทำให้เสียประโยชน์ที่ควรจะได้รับไป แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 54 18:17:59 จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 16:57:04

ความคิดเห็นที่ 9 สัญญาจ้างปีต่อปี ผมว่า ต้องดูว่าบริษัทอะไรครับ ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ๆ ให้เงินพอรับได้ ก็ควรทำ เก็บประสบการณ์สัก1ปี เป็นโปรไฟล์สวยๆ อย่างน้อยเราไปอยู่ในองค์กรนั้นแล้ว เราก็เปรียบเสมือนเป็นพนักงานของที่นั่นๆแหละ แล้วค่อยออกไปหางานบริษัทอื่นๆทำ แต่บอกตรงๆนะครับ สัญญาจ้างปีต่อปี เหมือนเป็นลูกเมียน้อย สวัสดิการบางอย่างก็ไม่ได้ โบนัสไม่มีให้ จากคุณ : psycho_thai เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 23:46:53

ความคิดเห็นที่ 10 ผมยกเลิกสัญญา ไปนั่นบางที นึกว่าฟาดเคราะห์ไป เพราะบริษัทห่วยๆ ก็ไม่อยากคบหรือได้ยินชื่อมันอีกด้วยซ้ำ จากคุณ : ทาสเทวี เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 54 19:24:41