ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องนี้อีกแระ จากคุณ : ssco (nut_dev) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 11:07:04

ความคิดเห็นที่ 2 บัณฑิต ม.ราชภัฏ เก่งกว่า ม.ของรัฐบาล ก็ยังมีครับ ผมจบราชภัฏ ยังเคยมีลูกน้องจบจาก ราชมงคล หรือ พระจอมเกล้า เลย อย่าคิดว่า คนจบราชภัฎ ไม่เก่งสิ จากคุณ : click พรีเมียร์ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 11:22:39

ความคิดเห็นที่ 3 จากประสบการณ์การทำงานในหน่วยราชการยี่สิบห้าปี ผ่านผู้ร่วมงานทั้งจากมหาวิทยาลัยปิดที่มีชื่อเสียง และราชภัฎ และในช่วงหลังก่อนผมเกษียณอายุราชการ ก็ได้สัมภาษณ์บัณฑิตจากราชภัฎที่มาสมัครงานหลายรุ่น บอกตรงๆเลยว่า ผมผิดหวังกับภูมิความรู้ของเด็กพวกนี้.... ผมผิดหวังกับหลักสตรที่พวกเขาเรียน.. บอกตรงๆ ว่าผมไม่เคยพบเด็กราชภัฏที่สนใจสังคมไทย หรือรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเลย ทุกคนราวกับอยู่ในประเทศอื่น... ส่วนความรู้ที่มีนั้น เมื่อสัมภาษณ์ก็ได้แต่ถอนใจ ครั้งหนึ่งเคยรับสมัครผู้ที่จบการศึกษาด้านสารสนเทศ แต่กลับไม่มีใครสามารถอธิบายเรื่อง IP ได้... ไม่ต้องพูดถึงการดูแล network หรือการเขียนโปรแกรมง่ายๆ บน Office ครั้งหนึ่งเคยสัมภาษณ์ผู้จบด้านภาษาอังกฤษ ผมทดสอบด้วยการให้แปลสรุปบทความการเมืองจากหนังสือพิมพ์ BK Post ความยาวประมาณ สิบบรรทัด....ผลคือทำไม่ได้ ถามเขาว่าติดตัวไหน ทำไมถึงแปลไม่ได้ เขาบอกว่าไม่รู้จักคำว่า "Gen.Prem" ที่น่าแปลกใจ (แต่สำหรับผมเศร้าใจ) คือ Transcript ของเด็กราชภัฏจำนวนมาก จบมาโดยไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษแม้แต่หน่วยเดียว ส่วนใหญ่จะมีเรียนวิชาเลือกในปีสาม จำนวน สามหน่วยกิต ...มีแค่นั้น.... ดังนั้นจึงไม่ต้องถามเรื่องความรู้ภาษาต่างประเทศ..... คุณภาพของเด็กราชภัฏ ต่ำกว่ามหาวิทยาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงอย่างเห็นได้ชัด.. แต่ปัจจุบันเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัยเหล่านั้นไม่สนใจเข้ารับราชการ ผู้สมัครที่ผมต้องสัมภาษณ์ร้อยละกว่า 80 จึงมาจากราชภัฏ และก็จำเป็นต้องรับทั้งที่คุณภาพยังไม่ถึงมาตรฐานที่ตั้งไว้ แต่ถ้าถามว่าเมื่อรับมาแล้วพวกนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องรับว่าเด็กพวกนี้มีมนุษย์สัมพันธ์ดี...เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา ยินดีที่จะเรียนรู้...และทำตามโดยไม่โต้แย้ง เป็นที่รักของผู้บังคับบัญชา ต่างจากเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ที่จะเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก...ไม่ค่อยยอมรับ..ไม่ค่อยยอมเปลี่ยนแปลง เชื่อมั่นในตัวเองอย่างน่ากลัว... แต่การทำงานและความคิดริเริ่มนั้น ทิ้งห่างเด็กราชภัฎหลายขุม ดังนั้นถ้าเลือกได้ ผู้บังคับบัญชาจะเลือกเด็กจากมหาวิทยาลัยมีชื่อมากกว่า เพราะแม้จะพยศ..แต่ม้าตัวนี้ก็วิ่งไปข้างหน้าด้วยตัวเอง... ถ้าคุณจบราชภัฏอย่ามัวแต่นั่งโกรธเกรี้ยวเมื่อมีคนตำหนิสถาบัน แต่จงรับรู้ถึงภาพที่พวกเขามองคุณและพิสูจน์ตัวเองให้ได้.. เพืื่อนผมคนหนึ่งจบจากวิทยาลัยครูสมเด็จเจ้าพระยา สอบเข้ารับราชการเมิือ  25 ปีก่อนในตำแหน่งธุรการที่ใช้วุฒิ ปวส. ตั้งใจทำงานสอบปรับระดับเป็นข้าราชการ.... ศึกษาต่อปริญญาโทที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ พอจบการศึกษาก็ย้ายมารับผืดชอบตำแหน่งทางวิชาการ และมีผลงานโดดเด่น... โดดเด่นจนถูกบริษัทเอกชนดึงตัวไปทำงานด้วยเงินเดือนครึ่งแสน (นี่คือเงินเดือนเมื่อ 15 ปีก่อนนะครับ) ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงมาก.. จนเพื่อนร่วมรุ่นได้แต่ท้อใจที่ไม่สามารถทำได้ทัดเทียม ขณะเดียวกัน ผมก็พบเพื่อนข้าราชการอีกหลายคนที่จบจากมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ แต่ปล่อยชีวิตไปวันๆ รอเกษียณในตำแหน่งเพียงหัวหน้างานเล็กๆ อยากบอกชาวราชภัฎว่า เมื่อคุณถูกดูถูก.. จงคิดเสียว่าต้นทุนของคุณนั้นน้อยกว่าเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัยมีชื่อ ผลงานที่คุณทำออกมาทุกชิ้น จึงปราศจากต้นทุนเรื่องความคาดหวังนี้ ถ้าคุณทำได้เท่าเทียม.... ค่าของคุณจะเหนือกว่าเด็กต้นทุนสูงเหล่านั้นด้วยซ้ำไป.. จงพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน ไม่ต้องไปสนใจคำวิจารณ์สถาบันของคุณ.. เพราะนั่นรังแต่จะบั่นทอนกำลังใจของคุณเอง.... จำไว้เลยว่าความรู้สึกโกรธและน้อยเนื้อต่ำใจของคุณนี่แหละ ที่จะทำลายตัวคุณมากที่สุดครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 12:56:24 จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 11:31:37

ความคิดเห็นที่ 4 ตาม ความเห็น2 ก็ถูกครับ... แต่ถ้ามองภาพรวม...มันก็เถียงไม่ออกหรอกครับ...ว่าสู้เขาไม่ได้... ผมก็จบจากเอกชน ก็เป็นหัวหน้า เด็กสามย่าน ท่าพระจันทร์ แต่โดยเฉลี่ย ...ไม่มีทางสู้เขาได้หรอกครับ... เราต้องหัดยอมรับความจริงครับ.... จากคุณ : 555 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 11:33:25 A:58.137.3.230 X: TicketID:320980

ความคิดเห็นที่ 5 โลกนี้ไปไกลเกินกว่า จบที่ไหน จบอะไร ความคิดว่าจบจากไหน จบอะไร ค่อนข้างล้าสมัย ทุกวันนี้แข่งขันกันในภาคปฎิบัติ จบสถาบันวิเศษมาจากไหน ทำงานไม่ได้ เสี่ยก็ให้ออก จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 12:02:45

ความคิดเห็นที่ 6 อย่าตัดพ้อไป ตอนที่ให้เลือกเรียน ทำไมไม่เลือกเข้าสถาบันชื่อดัง เพราะอะไร ??? นี่คือผลจากการกระทำในครั้งนั้น จากคุณ : jaminonez เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 12:17:25

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่เคยร่วมงาน ผมว่า ม.รัฐ ดังๆ หัวเค้าจะไวนะครับ ในการทำงานและเก็ทประเด็นเร็วมาก และครีเอทงานได้เร็วจริงๆ ขยันวันนี้สบายวันหน้าครับ ---> ตอนเรียนขยันเด็กๆ จะได้เข้าที่เรียนดังๆ ขยันวันนี้สบายวันหน้าครับ---> ทำงานขยัน ก็โตครับ   ยังไงสู้ๆครับ จะสภาวะแบบไหนก็กัดฟันสู้ให้ถึงที่สุดครับ จากคุณ : Subject เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 12:28:04

ความคิดเห็นที่ 8 ผมดูเป็นรายคน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสถาบันดังๆ คนเก่งเยอะกว่า จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:09:36

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่ได้จบราชพัด แต่ก้ดูแล้วอาจะแย่กว่า ผมจบ ด้านภาษา แต่บอกตรงๆ พูดไม่ได้ แกรมม่าไม่รู้เรื่อง เลย เรียนแบบถูๆไถๆ  จนทุกวันนี้ ต้องมาเริ่ม เอาจริงเอาจังกับภาษาอังกฤษไหมอีกครั้ง จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:20:25

ความคิดเห็นที่ 10 เด็ก ม รัฐ หัวไวกว่าค่ะ เรื่องความรู้ ต้นทุนทางภาษาอังกฤษก็ดีกว่าค่ะ แม้จะเป็นพวก สาย วิทย์ สายวิศวะ คือ อาจจะไม่ได้พูดคล่องปร๋อ แต่ความสามารถใจการเข้าใจคำศัพท์ยาก ๆ มีเยอะกว่า (ศัพท์ยาก ๆ นะ ไม่ใช่ศัพท์ในชีวิตประจำวัน) และความสามารถใจการเขียนดีกว่า ไม่ได้ดีเลิศแต่สามารถเขียนโต้ตอบอีเมล์ทั่วไปได้แบบ "ถูกต้อง" แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่จบ ม อื่น ๆ ก็สามารถพัฒนาตนเองได้ค่ะ ต้องสร้างเครดิตให้ตัวเองค่ะ มีเพื่อนจบราม เคยทำงานด้วยกัน ภาษาเขาอาจไม่ดีเลิศ แต่เขาหัวไวค่ะ และมีศักยภาพในการทำงานค่ะ ดังนั้นถ้าเขาคิดแบบอยากพัฒนาตัวเองจะดีขึ้นมาก คือ เดี๋ยวนี้หลาย ๆ คนชอบบอกว่า "จบที่ไหนก็เหมือนกัน" แล้วก็ต่อว่า คนที่เอามหาวิทยาลัยมาวัด ว่าพวกใจแคบ แบ่งชนชั้น เลยกลายเป็นสร้างแกป มีอคติกะเขาไป แทนที่จะปลูกฝังให้ คนที่จบ ม ทั่ว ๆ ไปพัฒนาตัวเอง เช่น อาจจะจบราชภัฎ แต่สอบโทอิคได้ 850 งี้ ก็้เป็นการสร้างจุดเด่นของตัวเองเลย แต่มันไม่อย่างนั้นสิ กลายเป็นว่า ผลผลิตมันกลับออกมาตามที่ตามเห็น คนจบราชภัฎสายการท่องเที่ยวได้โทอิค 350 แต่คนจบ ม รัฐ ได้อย่างต่ำ 550 อย่างสูงก็ 800 อัพ มีอีกนะ จบราชภัฏเกียรตินิยม แต่ outstanding performance มันไม่เท่ากับ ม รัฐเกียรตินิยมจริง ๆ (สองคนนี้สายบัญชีนะ) คนจากที่แรก ภาษาอังกฤษแทบไม่ขยับ  แต่องค์กรเขาก็เลือกที่จะวางตำแหน่งคนตามความสามารถนั่นแหละ  ซึ่งมันผันแปรตามศักยภาพที่แสดงออกมา (แล้วจะให้ทำไงล่ะ จะมาต่อว่าว่าใจแคบอีกหรือเปล่า) หรือ ที่จริง ตอนสัมภาษณ์ มันก็จะบอกบุคลิกของตัวเองได้ระดับหนึ่งนะ ก็อยากให้มั่นใจ และเตรียมตัวหน่อย สร้างคุณค่าให้ตัวเองน่ะค่ะ หาอย่างอื่นมาทดแทน แทนทีจะมานั่งคิดว่า "เรามันไม่ได้จบ ม รัฐเหมือนคนอื่นเขา บลาๆๆๆๆ" สร้างจุดขายตัวเองให้ได้อะ จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:21:59

ความคิดเห็นที่ 11 ผมทำงานมา 10 ปีกว่าๆ เคยเจอมาทั้งที่เก่ง และไม่เก่งครับ ปนๆกันไป ผมคิดว่ายุคนี้การหาคนทำงาน อาจจะต้องดูเรื่องของประสบการณ์มากกว่าสถาบัน นอกจากนี้ต้องดูกิจการของเราด้วยว่าสมควรจ้างคนแบบไหนมาทำงาน ทุกวันนี้ ถ้าอยากได้คนอยู่ทน อยู่นาน ผมไม่เลือกจ้างคนจบสถาบันมีชื่อเสียงครับ เรียนก็ไม่ต้องเก่ง แต่ได้คนแบบกลางๆ แต่ถ้าหวังงานระยะสั้น ผมยอมจ้างคนด้วยอัตราสูงลิ่วได้ ใช้คนเก่งมากๆไปเลย เพราะผมรู้ว่าเขาอยู่ไม่นาน และคุยไว้เลยตั้งแต่แรก ถ้ารับกันได้ ก็ทำงานกันได้ครับ จากคุณ : Smile with Me เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:27:52

ความคิดเห็นที่ 12 ผมจบราชภัฏฯครับ เอาตรงๆนะ อ่านให้จบแล้วค่อยด่านะ ผมรู้สึกว่ามหาลัยของตนเองยังไม่ทันสมัยเท่าไหร่ หลักสูตรก็ค่อนข้างล้าหลัง เปิดสอนพร่ำเพรื่อ อย่างวิศวโลจิสติก เปิดมา2ปีก็ยุบไป หาว่า ไม่มีอาจารย์สอน - -* รู้สึกว่าบางสาขาปล่อยเกรดครับ ไม่เข้มงวดเท่าที่ควร เรียนภาษาต่างประเทศแต่พูดไม่ได้เลยก็มี เคยมีเพื่อนชาวจีนเข้าใจผิดว่าราชภัฏฯเป็นมหาลัยที่ดีที่สุดของเมืองไทยก็มี แต่อีกพวกกลับเข้าใจว่าคนไทยทั้งหมดไม่มีคุณภาพเหมือนเด็กราชภัฎฯ เพราะว่าดังนี้ครับ พอดีว่ารุ่นผมเคยไปเรียนที่เมืองจีน แล้วมีคนจีนถามว่า เกาะสมุยอยู่ภาคไหนของไทย บางคนตอบภาคใต้ บางคนตอบภาคตะวันตกเฉียงใต้ก็มี - -* คนไทยเถียงกันเองก็มี5555+ สมแล้วที่ให้เขาด่า คนจีนบางคนเลยเหมาว่าคนไทยโง่จัง เกาะสมุยอยู่ภาคไหนก็ยังไม่รุอีก เอ่อ แต่เพื่อนผมบางคนโง่จริงครับ มันบอกว่า เชียงใหม่ ติดประเทศจีน - -* -------------------------------------------------------------------------- แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าราชภัฏฯหลายๆที่แค่สมัครเขาก็รับแล้ว หรือบางที่ สอบก็สอบเป็นพิธีเขาก็รับแล้ว ไม่ได้คัดเหมือน ม.ปิด เพราะฉะนั้นเด็กที่เข้ามาเรียนนั้น ส่วนหนึ่ง ต้องยอมรับว่าไม่มีที่เรียนจริงๆ(ย้ำ) สอบที่ไหนก็ไม่ติด จะลงเอกชนก็แพงไป ระดับสมองก็ต่างจากม.ปิด อันนี้ต้องยอมรับความจริงครับ ผมเองก็เคยสอบโควต้ามช.เหมือนกัน แต่สอบไม่ติด ก็เลยเรียนที่ราชภัฏฯ ---------------------------------------------------------------------------- เรื่องวิชาภาษาอังกฤษกับคอมนั้น ที่มหาลัยผมก็สอนแบบ ไม่ค่อยเข้าท่าครับ ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน อย่างคอมเนี่ย ผมก็ไม่ค่อยจะเป็นเลย ผมต้องซื้อหนังสือมาหัด word excell ตอนเรียนจบตรีแล้ว เพื่อนที่ไม่ได้กว่าผมก็มีครับ ผมรู้สึกว่าบางสิ่งมหาลัยสอนไปเด็กก็ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ เหมือนกับยังไม่เพียงพอ หรือพร้อมที่จะทำงานเลยจริงๆ ส่วนตัวคิดว่ามหาลัยทุกที่ควรสอนนศ.ให้พร้อมที่จะทำงานด้วย ความรู้ต้องเพียงพอระดับหนึ่ง แม้จะไม่เพอร์เฟคท์ ก็ตาม คนเรามักมองว่า มหาลัยก็ให้ได้เท่านี้ นอกนั้นต้องขวนขวายเอาเอง แต่คำว่าเท่านี้เนี่ย ผมรู้สึกว่ามันน้อยเหลือเกิน ไม่พอจริงๆ ----------------------------------------------------------------------- ส่วนเอกชน นิดนึงครับ เพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน ตอนม.ปลาย แต่ตอนมหาลัยมันลงเอกชน เกรดนี่3.50อัพเหมือนกัน มันก็บอกตามตรงเลยว่า อาจารย์ก็ปล่อยเกรดเหมือนกัน สมัยเรียนม.ปลาย เกรดนี่ไม่เคยโผล่ขึ้นมาจาก2.00เลย แต่อยู่มหาลัยได้3.50 อัพ ทุกเทอม อย่างนี้เว่อร์ไปครับ แถมเอกที่มันเรียนคือ วิทย์คอมงี้ ----------------------------------------------------------------------- ส่วนผมเรียนราชภัฏฯก็ได้แค่2กว่าครับ โง่ใช้ได้เลยทีเดียว จากคุณ : เชิญด่าเลยครับ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:40:26 A:119.46.176.222 X: TicketID:349139

ความคิดเห็นที่ 13 f จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:42:33

ความคิดเห็นที่ 14 ... ครับ ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:43:11

ความคิดเห็นที่ 15 ผมมองว่า วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อให้ความรู้ แต่จริงๆมัน มีมาตรฐานโดยส่วนใหญ่ของมันอยู่แล้วว่า (คหสต.) มหาวิทยาลัยของรัฐาเทียม กัน ถ้าท่านรู้+เข้าใจว่า ท่านอยู่เหนือกว่า ท่านก็ไม่ควรจะ มองข้ามการหยิบยื่นโอกาสให้กับผู้ด้อยโอกาสกว่า ครับ" จากคุณ : นิรนาม เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:49:10 A:223.27.205.230 X: TicketID:340972

ความคิดเห็นที่ 16 จากประสบการณ์ที่เจอมา จบจากราชภัฏ มักเรียนรู้ช้า และพื้นฐานไม่ค่อยดี นี่เรื่องจริงครับ คือถ้าพื้นฐานไม่ค่อยดี แต่พยายามเรียนรู้ อันนี้ผมว่าดีนะครับ การแก้ไขผมว่าน่าจะเริ่มจากการปรับหลักสูตร หรือการบริหารการศึกษาก่อน เพื่อยกระดับการเรียนรู้ รวมถึงนักศึกษาที่จบมาจะได้มีความรู้ ความสามารถทัดเทียมมหาวิทยาลัยปิด จากคุณ : M style เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 14:22:39

ความคิดเห็นที่ 17 จริงๆ ม.ราชภัฏ คือมหาวิทยาลัย ของรัฐบาล จากคุณ : หวานแซบ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 14:28:53

ความคิดเห็นที่ 18 อยากให้ดูเป็นรายบุคคลตอนที่เรียกสัมภาษณ์มากกว่า เพราะจะบอกถึงตัวตนของคนๆนั้น ได้มากที่สุด ทั้งเรื่องความรู้ ไหวพริบ การวางตัว  แล้วค่อยตัดสิน  ไม่ควรดูแค่ชื่อสถาบันที่จบ เพราะเหมือนเป็นค่านิยมเก่าๆ  ถ้าคุณให้โอกาสคนจริงๆ จากคุณ : boongkee233 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 14:29:54

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นใจว่า จขกท. มีปมนะครับ แต่ตั้งกระทู้แนวๆ นี้ไปกี่กระทู้ มันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกครับ ถ้าจะเปลี่ยนก็คือเปลี่ยนที่ตัวของคุณเอง จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 14:43:09

ความคิดเห็นที่ 20 อันดับแรก อาจารย์ที่สอนราชฏัฎไม่เก่งค่ะ จากคุณ : caleste เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 14:54:30

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วมองที่อาจารย์ผู้สอนไหมว่าที่สอนเด็กราชภัฏมาจากสถาบันไหนบ้าง เท่าที่รู้ก็มาจากมหาลัยผู้มีชื่อเสียงทั้งนั้น เพราะฉนั้นต้นเหตุน่าจะมองมากจากหลายประเด็น มากกว่าที่จะมองว่าตัวเด็กราชภัฏเองด้อยคุณภาพ สาเหตุนอกเหนือจากอาจารย์ผู้สอน ตัวผู้เรียน เครื่องมืออุปกรณ์(ยิ่งคอมพิวเตอร์ไม่ต้องพูดถึง)มีน้อยมาก ฐานะทางครอบครัว ฯลฯ จากคุณ : akira_Beer (akira_BeeR) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 15:00:36

ความคิดเห็นที่ 22 ู^ ^ ลองอ่านกระทู้นี้ก่อนไหมครับ? เผื่อจะเห็นว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2010/12/B10007514/B10007514.html "งาน อาจารย์ ม.ราชภัฏ มันไม่มีอนาคตขนาดนั้นเลยหรือครับ??" จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 15:39:23

ความคิดเห็นที่ 23 #21 ก็เพราะอาจารย์ก็เก่งเหมือนมหาลัยอื่นๆ แต่บัณฑิตย์ยังด้วยคุณภาพอยู่นี่แหละครับ คุณจะให้ไปโทษที่ใหนหล่ะ ถ้าไม่มองอย่างโลกสวยจริงๆคนที่เรียนราชภัฎส่วนใหญ่ก็เพราะเอ็นไม่ติดอย่างคห.บนๆว่าจริงๆ โดนพื้นฐานสมองแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าสู้เค้าไม่ได้ แต่อย่างที่ว่าไปสมองมันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันก็เป็นแนวโน้มอย่างนึง ถ้าคุณรับความจริงได้และสร้างตรงนั้นไปเป็นแรง ผลักดันตัวเองผมว่าดีกว่าเยอะครับ จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 15:47:39

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ หมู4x เขียนดีมากครับ ผมขอเสริมหน่อยเดียวคือม.ราชภัฏ หรือ ม.เอกชนหลายๆ แห่งปล่อยเด็กจบง่ายเกินไป เพื่อนผมจบวิทยาคอมเกรด 3.5 แต่เขียนโปรแกรมไม่เป็น เป็นได้แค่ power user อีกคนจบวิศวะแต่แทบทำอะไรไม่เป็น เคยให้ผมช่วยติวเลขปีสอง ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเลข ม.5 ถ้าเอาอย่าง ม.ราม คือไม่คัดเด็กตอนเข้า แต่ถ้าไม่เรียนไม่เข้าใจก็ไม่จบน่าจะมีมาตรฐานที่ดีกว่านี้ ปล. ไม่ได้บอกว่าเด็กจากสถาบันเหล่านี้ไม่มีคนเก่งนะครับ แต่โดยมาตราฐานยังไงก็สู้มหาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงไม่ได้ จากคุณ : Roby เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:08:47

ความคิดเห็นที่ 25 เรียนให้จบง่ายมากครับ แต่หางานดีๆทำยากกว่า10เท่า สถาบันไหนก็แล้วแต่ ถ้าคุณได้ทำงานดีๆ ผมก็นับถือครับว่าแน่จริง แต่ตามสถิติ เด็กราชภัฏจะเข้า ปตท. SCG ได้นั้นน้อยมากเพราะเป็นไปตามสภาพมากกว่า ไม่ได้เกิดจากการกีดกันแต่อย่างใด คิดกันไปเอง คุณมีศักยภาพแค่ไหนHRก็ประเมินไปตามนั้นแหละครับ จากคุณ : Last sector เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:15:42

ความคิดเห็นที่ 26 เราจบ สถาบันราชภัฎ เคยทำงานในบริษัทที่เขาไม่รับเด็กจบราชภัฎ แต่เขาก็รับ ทำอยู่บริษัทนั้นมา 5 ปี งานที่เราทำก็หลายอย่างแต่มันมีชื่อตำแหน่งว่า ซี เอส อาร์ สิ่งทีี่ทำ 1.ซัพพอตเซลล์ 5คน +หัวหน้า 1 + ู้จัดการแนก 1 2. ติดตามสั่งซื้อของจาก ตปท. เช่น อเมริกา, จีน, ไต้หวัน, หรือทุกที่ ที่เขาสามารถเอามาซัพพอตลูกค้าได้ แล้วก็พอของมาถึงไทยก็ ติดตามเรื่องการเคลียร์สินค้าเข้า จนสินค้ามาถึง โกดัง 3. ติดตามสั่งซื้อของในประเทศ ทั้งวัตถุดิบ และงานเซอร์วิส 4. กรณีมีลูกค้าสั่งซื้ออยู่ตปท.ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของ ู้จัดการ เราต้องเป็นคนทำเรื่องส่งออก ติดตาม ติดต่อ การเดินพิธีการ ทุกอย่างที่อยู่ใน โพรเสทของงาน จนจบ สำหรับเราวันยุ่งมากแทบไม่มีเวลาคุยกะใคร ยิ่งวันไหนมีสินค้าเข้าจากตปท. หัวแทบระเบิด งานก็รายละเอียดเยอะ คนก็ปัญหาแยะ เขารับเข้าทำงานที่เงินเดือน 13กว่า ตามประสาคนจบราชภัฎช่วงปีแรกจะเข้าปีที่ 2 เขาปรับเงินเดือนให้เรา 3 ครั้ง ครั้งละ1พัน หลังจากนั้นก็ปรับตามการประเมินรายปีปกติ เราทำมาถึงปีที่4จะเข้าปีที่5จบเงินเดือนที่20 ถ้วน เราเลยยื่นใบลาออก เพราะเรารู้สึกว่าเราเครียดมากเกินไป และอีกอย่างน้องกับหลานเรากำลังจะยื่นจบการศึกษา แล้ว และเรามีเงินเก็บจำนวนหนึ่ง ว่าจะพักยาวสักปี ค่อยว่ากัน แต่เขาไม่ให้ออก เขายื่นข้อเสนอให้เป็นซีเนียร์เราก็ปฎิเสธ แต่สุดท้ายเขาให้เป็นเซลล์เราเลยอยู่ต่อสักตั้งหนึ่ง และอีกอย่างได้ออกข้างนอกบ้าง คงไม่เซ็งเท่าไหร่ ก็ปีที่5 ทำเซลล์อยู่เกือบจะครบปี สุดท้ายเราก็ยื่นใบลาออกอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่ไหวแล้ว พอแล้ว มาเป็นเซลล์มีรายได้เพิ่มขึ้นนอกจากเงินเดือน20ถ้วน แล้วมีค่าคอมมิชชั่น รวมแล้วก็ 30ปลาย บางเดือนก็ 40ต้น  อยากจะบอกคนที่จบม.ราชภัฎ นะคะ ทุกอย่างอยู่ที่เรา เราพัฒนาตัวเองได้ เรามีคุณค่าได้ในสิ่งที่เราตั้งใจทำเราจะเกิดความภูมิใจ ตอนนี้อย่ากังวลให้มากหากเรียนอยู่ใน ม.ราชภัฎแล้วสิ่งต่อไปคือตั้งใจและใฝ่รู้ให้มาก   แม้ว่าเราจะจบ สรภ. แต่เราสามารถใช้เงินเดือนที่มีอยู่น้อยนิดส่งให้ทางบ้านนิดหน่อย ส่งให้น้อง+หลานเรียนมหาวิทยาลัยจนจบ เหลือให้ตัวเองนิดหน่อย ทุกวันนี้น้องทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทซัพคอนแทคของเทปล่อนเงินเดือนเริ่มที่20 หลานสาวที่จบไล่กันก็ทำงานเป็น โปรแกรมเมอร์ ( น้องจบที่พระนครเหนือ) (หลานจบที่มหาลัยเกษตรศาสตร์)   ปล.เราจบที่ สรภ.อุดรธานี เอกภาษาอังกษนะ เราไม่ได้จะมาเถียงคนที่เขาว่าคนจบราชภัฎไม่เก่งนะ แต่เราอยากมาให้กำลังใจคนที่จบ ม.ราชภัฎมา ว่าไหนเราก็เรียนมาแล้วให้ตั้งใจตั้งหลักให้ตัวเองเอาสิ่งที่คนอื่นว่ามาเป็นสิ่งเตือนใจให้เรารีบขนขวายซะยังไม่สาย จากคุณ : สิ่งที่ล่วงไปแล้ว..เป็นอดีต (โขงคดโค้ง) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:36:03

ความคิดเห็นที่ 27 ผมจบราชภัฏครับ อย่างที่ คห.16บอก "จากประสบการณ์ที่เจอมา จบจากราชภัฏ มักเรียนรู้ช้า และพื้นฐานไม่ค่อยดี นี่เรื่องจริงครับ" แสดงว่าคุณเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีสินะ ทำไมผมไม่รู้สึกยังงั้น ผมเรียนมา3ที่ เอแบค ม.กรุงเทพ ราชภัฏ ที่ผมเจอคือ ถ้าคนมันช้า พื้นฐานไม่ดี มันเป็นทั้ง3ที่เลยครับที่เจอมา ส่วนคนที่มันเก่ง จะเอแบค ม.กรุงเทพ หรือ ราชภัฏ มันไม่ต่างกันเลยครับ แต่เอแบคได้ภาษาดีกว่าเพราะบังคับไปในตัว เรียนคณะวิท-คอม เห็นคนจบเกียรตินิยม3ที่ข้างต้น แต่เขียนโปรแกรมไม่ได้ ไม่มีความเข้าใจด้านนี้เลย จบได้ไงฟะ ????? กับอีกฝ่าย จบเกรดติดพื้นพ้น2มานิดๆ เขียนโปรแกรมเก่ง เรียนรู้เร็ว มันไม่เกี่ยวว่าเรียนที่ไหนละ อยู่ที่คนล้วนๆ เป็นคุณจะเลือกใครเข้าทำงาน เกียรตินิยม กับ เกรดติดพื้น อย่างที่กล่าวมา ไม่ดูปัจจัยอื่นไม่งั้นยาว แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 16:40:38 จากคุณ : นะโมจัง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:40:25

ความคิดเห็นที่ 28 ที่คุณ หมู4X เขียนเข้าใจเห็นภาพเลยครับ แต่ที่ว่า "ผู้สมัครที่ผมต้องสัมภาษณ์ร้อยละกว่า 80 จึงมาจากราชภัฏ" ผมว่าถ้ากลับกัน 80%ที่ว่ามาจากมหาวิทยาลัยอื่น ผมว่าคุณก็ต้องเจอแบบเดียวกับเด็กราชภัฏ อีกไม่น้อยเหมือนกัน จากคุณ : นะโมจัง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:48:22

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่าค.ห.3 เข้าท่า เท่าที่ทำงานมา จบราชภัฎ นี้ทำงานง่ายสุด พูดเข้าใจง่าย อลุ้มอลวย มีนำ้ใจ รักเพื่อน เห็นใจคนอื่น ไม่รู้สิ ถ้าเทียบกับเด็บจบม.ดังฯ หลายเเห่งมันต่างกัน มากฯ ไม่รู้เป็นเพราะการเรียนการสอน หรือระบบอะไรไหม?  พวกม.รัฐ ต้นฯส่วนมากเก่ง หัวไว ไหวพริบยอด เเต่... คุยยากมาก  ไม่ค่อยรักคนอื่น เห็นเเก่ตัว ถือความคิดตัวเองใหญ่กว่า คนอื่นฯ ...มองเพื่อนที่ด้อยกว่าตัวนิดเดียว   เเล้วท่านจะมาบอกว่า เป็น     คนมีความรู้ อารยชน ที่ดี ได้ไง?  ....บางคนยังเคยโดนเด็ก ม.ดังฯเหล่านี้เล่นงานจนออกมาเลยก็มี ....ยังงี้ ท่านสอนเเต่ความรู้ไม่สอนจริยะบ้างก็ ดี .. จากคุณ : d (dokaki) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 17:09:54

ความคิดเห็นที่ 30 อยากเห็นภาพของเด็กราชภัฏ ต้องอ่านคห. คุณ หมู4X ครับ ชัดเจน แจ่มแจ้ง จากคุณ : กอรมน เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:55:04 A:110.168.57.67 X: TicketID:310799

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกับคุณ หมู4X ครับ ผมไม่ได้จะมาซ้ำเติมหรือดูถูกนะครับ แต่ผมอยากให้ยอมรับความจริงแล้วพัฒนา ปรับปรุงตัวเองครับ เพื่อมันจะได้ดีขึ้น ทีนี้ถ้ามันดีจริง ของดีมันจะขายตัวมันเองได้ครับไม่ต้องโฆษณาด้วย แต่ถ้าไม่ยอมรับ ไม่ปรับปรุง(ทั้งลูกศิษย์ ทั้งสถาบัน) มุ่งแต่คิดว่าคนอื่นดูถูกฉัน คนอื่นกีดกันฉัน ฉันถึงเป็นแบบนี้ โทษนั้นนี่ อย่างนี้ยังไงก็ไม่รอดครับ ตายอยู่ที่เดิม รุ่นใหม่ๆจบมาก็ตายเหมือนรุ่นพี่ จากคุณ : ลี้ (leeming047) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:41:36

ความคิดเห็นที่ 32 สําคัญที่ ต้องพยายามดีดตัวเองมากกว่าเดิมเยอะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 21:16:23 จากคุณ : วายุหมุน เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:45:30

ความคิดเห็นที่ 33 เพื่อนเคยเป็นอาจารย์สอนราชภัฏ (ตอนนี้ลาออกไปเรียนต่อป.เอก) เพื่อนเครียดมาก เพราะเด็กไม่รู้เรื่อง บางคนอ่านภาษาไทย ไม่ออก (เรื่องจริงนะคะ) ไม่ต้องพูดถึงภาษาอังกฤษ อักษรย่อทางเคมี ไม่รู้เรื่อง... แต่ถ้าให้นักเรียนตกเยอะ อาจารย์ผู้สอนก็ถูกประเมินจากสถาบันราชภัฏ ถ้าให้ผ่าน เพื่อนก็ทำใจไม่ได้ การให้คะแนนจึงเป็นไปแบบอะลุ่มอล่วย เรากับเพื่อน นั่นวิเคราะห์กันว่า ไม่ใช่ ราชภัฏไม่ดี หรือเด็กไม่เก่ง หรืออาจารย์ไม่เก่ง แต่มันล้มเหลวจากระบบการศึกษาของไทย และการขาดโอกาสของเด็ก ต่างหาก ซึ่งมันเศร้าจริงๆ นะ จากคุณ : imartuun เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:04:57

ความคิดเห็นที่ 34 เคยสอนพิเศษภาษาอังกฤษเด็กราชภัฎ ตอนนั้นรู้เลยว่าเราสอนเค้าไม่ไหวจริงๆ เราคงไม่มีความสามารถพอที่จะสอนเค้าน่ะค่ะ ไม่ว่าจะพยายามยังไงเค้าก็ไม่รู้เรื่อง แบบว่าเราต้องขอบายไปเอง เค้าไม่รู้เรื่อง และไม่พยายามเลยจริงๆ ไม่ไหวเลยค่ะ จากคุณ : smallkid เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 08:24:57

ความคิดเห็นที่ 35 มีเพื่อนและรุ่นน้องหลายคนเป็นอ. ราชภัฏ ตอนนี้เห็นหลายคนร่ำๆ อยากจะไปทำกิจการส่วนตัว เทอมนี้เพื่อนให้ F เด็กไปเยอะมาก เนื่องจากการบ้านไม่ส่ง ทำข้อสอบไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผมก็ว่าการบ้านกับข้อสอบนั่น ง่ายกว่าตัวไมเนอร์สมัยผมเรียนตั้งแยะ แต่ระดับหัวๆ นี่ ผมแทบจะกราบ มันไปเอาความเก่งยัดไว้ตรงไหนน๊อ เก่งเวอร์ นึกว่ามืออาชีพระดับโครตโปรมาทำโปรเจคจบให้ซะอีก ดูในภาพรวม ก็ถูกต้องครับ 100 นึง มีเก่งสัก 10-20 ปานกลางอีกสัก 30 กว่าๆ ที่เหลือออกแนว เห็นแล้วเพลียจริงๆ คนสอนก็เพลีย เพื่อนคนสอนยังละเหี่ยใจครับ จากคุณ : กุ้งเต้นชามะนาว เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 01:17:45

ความคิดเห็นที่ 36 เคยรับจบราชภัฏมาหลายคน กลุ้มใจมากค่ะ ตอนนี้รับเด็กจบเอกชนยังสบายใจกว่า จากคุณ : NuxnixClub เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 10:57:12

ความคิดเห็นที่ 37 จบที่ใหนไม่สำคัญคะ สำคัญที่ว่า คนที่คุณจะรับ เป็นคนประเภทใหน 1 ทำตามคำสั่ง ใช้แรงงานอย่างเดีียว ถนัดทำงานซ้ำๆ ไม่มีหัวครีเอท ออกแนวโง่ๆ ขยัน ไม่มีปากมีเสียง 2 มั่นใจในตัวเอง กล้าทำ กล้าตาม กล้าเสีย กล้าเถียง มีหัวครีเอท ไม่ชอบงานซ้ำ ออกแนวขี้เกียจแต่งานเจ๋ง สนใจในรายละเอียดปลีกย่อย แล้วทีนี้ต้องมาดูพฤติกรรมโดยรวมของสถาบันว่าจะสอนเด็กให้ออกมาแนวใหนระหว่างสองแนวนี้ ซึ่งบรรดาเจ้านายหรือหัวหน้างานชอบเด็กในข้อที่ 1 มากกว่าข้อที่ 2 แต่อยากได้ข้อที่ 2 มาอยู่ในตัวเด็กข้อที่ 1 ซึ่งเด็กประเภทนั้นจะมีจำนวนน้อยมาก สุดท้ายก็นำความปวดหัวมาสู่ HR แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 55 05:42:00 จากคุณ : DekArtKvc เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 05:40:10