ความคิดเห็นที่ 49
โห ! เข้ามาดูอีกรอบตกใจหมดเลย คิดว่าไม่น่าจะยาวกว่านี้เพราะก็ไปดีกันมากะคุณ kazama อีกกระทู้แล้ว ไม่ใช่ว่ามาต่อความยาวนะคะ เพราะหลังๆ ทุกคนก็ไม่ได้เถียงกันเหมือนที่เราเป็น เพียงแต่แสดงความคิดเห็นกัน แต่ที่อยากจะตอบก็คือจะชี้แจงวัตถุประสงค์ที่เราเลือกทำกับ คคห.45 ว่ามันเป็นลูกโซ่ส่งผลไปที่ภาษีสิ้นปียังไงอ่ะ
อ้างอิงข้อความที่ว่า.. อีกอย่างการเสียภาษีสิ้นปี (ภาษีเงินได้นิติบุคคล) เสียจากฐานกำไรสุทธิ (ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล) ไม่ใช่เสียจากฐานรายได้นะครับ
อยากจะชี้แจงว่าที่มันเกี่ยวข้องยังไงก็คือ สมมุติเรามีต้นทุน 200 บาท (ก่อน vat) ตั้งป้ายขาย 500 บาท (ก่อน vat) ก็เท่ากับกำไร = 300 บาท (อย่าพึ่งเอาเรื่อง vat มารวมกันนะคะ แยกไว้ก่อน) ทีนี้เรามาดู vat กัน 500 x vat = 35 บาท เราต้องบอกขายลูกค้า 535 บาท ปรากฏว่าลูกค้าไม่ต้องการบิล vat เราก็ใช้วิธีที่เราบอกแล้ว (ตามที่ว่าโกง) ก็คือบอกขายไปว่า 535 บาทไม่มี vat (แต่จริงแล้วบวกไว้แล้ว) OK ลูกค้าก็ได้สินค้าไป และเราก็รับเงินมาตามยอด ทีนี้เราก็ต้องมาตีบิลขายทิ้งมิฉะนั้นจะเท่ากับคุณมี Stock สินค้าชิ้นนั้นอยู่ โดยออกเป็นชื่อบุคคลธรรมดา (ดีที่สุด) ประเด็นอยู่ตรงนี้แหล่ะ !!! ...
1. ถ้าเราเลือกตีบิลขายตามจำนวนจริงคือ 500 บาท vat ก็จะออกมา 35 บาท รวมเป็น 535 บาทใช่มั๊ยคะ .. แน่นอนค่ะ โชว์กันเห็นๆ ระหว่างรหัสสินค้านั้นๆ (หรือ Stock Card) ว่ากำไรเท่าไหร่ ก็คือ 300 บาท ตีซะสินค้า 10,000 ชิ้น x 300 บาท = 3,000,000 บาท นี่คือกำไร เสียภาษีเอาเรทที่คุยกันมานะคะ 30% = 900,000 บาท นี่คือตัวเลขที่ต้องจ่ายให้สรรพากรค่ะ
2. ทีนี้มาถึงเจ้าตัวร้ายตัวโกงเนี่ยแหล่ะถ้าเราเลือกตีบิลขายไม่ตรงตามจำนวนเงินที่รับมาจริง 500 บาท เราอาจจะเลือกตีซัก 300 บาทแทน vat ก็จะออกมา 21 บาท รวมเป็น 321 บาทใช่มั๊ยคะ .. แน่นอนค่ะ โชว์กันเห็นๆ ระหว่างรหัสสินค้านั้นๆ (หรือ Stock Card) ว่ากำไรเท่าไหร่ ก็คือ 100 บาท ตีซะสินค้า 10,000 ชิ้น x 100 บาท = 1,000,000 บาท นี่คือกำไร เสียภาษีเอาเรทที่คุยกันมานะคะ 30% = 300,000 บาท นี่คือตัวเลขที่ต้องจ่ายให้สรรพากรค่ะ
สรุป : ข้อแรกประหยัดเงินไป 900,000 - 300,000 = 600,000 บาท มาดูเงินสดในกระเป๋าเราจริงๆ กัน จากที่ยกตัวอย่าง เรามีส่วนต่างที่รับมาจากลูกค้าที่ไม่ต้องการบิล vat อยู่ 300 - 100 = 200 บาท ตีซะสินค้า 10,000 ชิ้น x 200 บาท = 2,000,000 บาท นี่คือส่วนต่างกำไรที่อยู่ในกระเป๋าเรา ทีนี้เราต้องมาจ่ายภาษีสิ้นปีตามที่บอกไว้ ถ้าเราเลือกแบบที่ 2 เราจะมีเงินในกระเป๋า 2,000,000 บาทเพื่อไปจ่ายภาษี (ตามแบบที่ 2) 300,000 บาท เท่ากับเรามีเงินในกระเป๋าเหลืออยู่ 1,7000,000 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้คุณสามารถนำมารองรับค่าใช้จ่ายบานเบอะในชีวิตได้ อย่าคิดว่า โห ! ตั้งล้านเจ็ดแน่ะ มันเป็นตัวเลขสมมุติ เพราะจริงแล้วก็ใช่ว่าจะทำกันได้เยอะขนาดที่ยกตัวอย่างไว้ หรือสินค้าจริงๆ จะได้กำไรขนาด 2 ใน 3 เท่าตามที่ยกตัวอย่าง แน่นอนถ้ามองตัวเลขที่เปรียบเทียบก็ต้องคิดว่า โห ! ภาษีรัฐหายไปตั้ง 119,000 บาท (คิดจากยอก 1,7000,000 บาท) ก็จริงค่ะ เราโกงจริง !! แต่อย่างที่บอกมันเป็นเพียงตัวเลขสมมุติ เพราะชีวิตจริงแล้วมันอาจได้แค่ส่วนต่าง 50 บาทเข้ากระเป๋าก็ได้ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น บวกลบคูณหาร หักทุกอย่างก็อาจเป็น 0 แต่แค่ดีตรงที่ไม่ติดลบเท่านั้นเอง
ปล. มิได้คิดมาเถียงกับใครอีกนะคะ เพียงแค่อยากจะชี้แจงเรื่องที่ว่า การหลบตรงนี้มันอิงกับผลสิ้นปียังไงเท่านั้นเอง หากผิดถูกยังไงก็ชี้แจงมาได้ทุกท่านค่ะ ยินดีรับฟังค่ะ
จากคุณ :
ตัวการมาอีกแล้ว (นักกินหมูกระทะ)
- [
14 ธ.ค. 47 23:03:30
]
|
|
|