ความคิดเห็นที่ 30
วันศุกร์ที่ 06 สิงหาคม พ.ศ. 2547 Alternative Management : รู้เขารู้เรา
ภาพในฟิล์ม แม้ว่านักธุรกิจบางท่านไม่รู้จัก "ซุนวู" แต่หลายท่าน คงเคยได้ยินประโยคที่กล่าวว่า "รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" ซึ่งเป็นประโยคสำคัญ ในพิชัยสงคราม 13 บทของซุนวู
ซุนวู เป็นนักการทหารของจีนในยุคชุนชิว ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากในยุคนั้นที่สำคัญพิชัยสงคราม 13 บท ของเขาได้รับการยอมรับจากหลายๆ แวดวง ทั้งการทหาร การเมือง การปกครองและธุรกิจ จนถึงทุกวันนี้
นั่นย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าพิชัยสงครามของเขาเป็นสากล และสามารถใช้ได้ในทุกวงการ
ซุนวูได้เสนอคอนเซปต์สั้นๆ ในการพิชิตศึกทุกสมรภูมิว่า ?รู้เขารู้เรารบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง? แม้ว่าแนวคิดนี้จะถูกบัญญัติเอาไว้เป็นเวลากว่า 2,000 ปี แต่ก็ไม่เคยเก่าเลยสำหรับการแข่งขันในยุคปัจจุบัน ที่ยึดเอา "ลูกค้า" เป็นศูนย์กลาง
ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าแล้วทำอย่างจึงจะรู้เขาและรู้เราล่ะ
นี่แหละคือประเด็นสำคัญและสำคัญไม่แพ้หลักการของซุนวู
พิชัยสงครามดังกล่าวประกอบไปด้วย การประเมินศึก, การทำศึก, กลวิธีรุก,รูปลักษณ์การรบ, พลานุภาพ, ตื้นลึกหนาบาง, การสัประยุทธ์,พื้นที่ 9 ลักษณะ, การเดินทัพ, ภูมิประเทศ เก้ายุทธภูมิ, การโจมตีด้วยเพลิง และการใช้จารชน
พิชัยสงครามของซุนวูทั้งหมดคงไม่สามารถศึกษาได้ในวันเดียว ส่วนหนึ่งเพราะว่าพิชัยสงครามดังกล่าวเสมือนปรัชญาที่จะต้องตีความเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในแต่ละสถานการณ์ โดยจะต้องพิจารณาภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญ
ยิ่งเมื่อการตลาดในยุคปัจจุบันยึดเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พิชัยสงครามซุนวูก็น่าที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในเชิงธุรกิจได้อย่างยอดเยี่ยม
หากคุณมีความเข้าใจในพิชัยสงครามผสมผสานกับหลักการตลาดแบบคลาสสิก ซึ่งประกอบไปด้วย 4 P ได้แก่ Product Price Place Promotion เพราะหลักการ "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" นั้นสามารถประยุกต์ใช้ได้กับการทำธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด
กรณีศึกษาของเฟรชมาร์ท คอนวีเนียนสโตร์สัญชาติไทย น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่มองเห็นภาพการดำเนินธุรกิจภายใต้คอนเซปต์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
เหตุที่เลือกแฟรนไชส์คอนวีเนียนสโตร์แห่งนี้ก็เนื่องจากเป็นคอนวีเนียนสโตร์ที่ปราศจาก "กำลังหนุน" จากทุนต่างชาติหรือบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่
ที่สำคัญยังสามารถยืนหยัดได้บนลำแข้งของตนเองท่ามกลางกระแสทุนนิยมปัจจุบันได้ไม่แพ้ใครในวงการ และนับว่าเป็นแฟรนไชส์ไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพียง 4 ปีมีสาขาทั่วประเทศเกือบ 200 สาขา
สิ่งแรกก่อนที่ "นรินทร์ จิยารมณ์" เจ้าของคอนวีเนียนสโตร์แห่งนี้กล้ากระโดดเข้ามาในสมรภูมิค้าปลีกชนิดที่ไม่หวั่นเจ้าถิ่นทั้งเซเว่นอีเลฟเว่นและแฟมิลี่มาร์ท คือ เธอมองเห็นช่องว่างทางการตลาดและมีข้อมูลของคู่แข่งต่างๆ
ไม่เฉพาะแต่บริษัทข้ามชาติแต่ยังรวมถึงคอนวีเนียนสโตร์คนไทย เมื่อนำปัจจัยภายนอกเป็นตัวกำหนดโจทย์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ "การสร้างความต่าง" ของผลิตภัณฑ์ ราคา และทำเล เพราะถ้าดำเนินยุทธศาสตร์โดยปราศจากความต่าง ย่อมไม่มีทางชนะคู่แข่งได้อย่างแน่นอน
นรินทร์มักจะพูดเสมอว่า "อะไรที่เขามี เราจะไม่มี และสิ่งใดที่เขาไม่มี เราจำเป็นที่จะต้องมี"
เนื่องจากเธอมองเห็นจุดอ่อนของคู่แข่งว่า การส่งสินค้าเข้ามาในร้านของคอนวีเนียนสโตร์โดยทั่วไปนั้นจะกำหนดจากส่วนกลางเป็นหลัก
ส่วนร้านค้ามีหน้าที่ขายสินค้า ซึ่งระบบแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะดีแต่เท่ากับเป็นการบังคับผู้บริโภคสมมติง่ายๆ ชุมชน ก. ต้องการทานวุ้นเส้นพื้นเมือง ทว่าคอนวีเนียนสโตร์ประจำชุมชน ก. สามารถหามาได้เพราะสินค้าถูกกำหนดจากส่วนกลาง เพียงเท่านี้ก็ทำให้เสียลูกค้าส่วนหนึ่งไปแล้ว
นอกจากนี้แล้วคอนวีเนียนสโตร์ขนาดใหญ่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนได้เพราะบางครั้งลูกค้ามีความต้องการสินค้าในชุมชน
อาทิ ถ่าน ชุดชั้นในสตรี แต่ร้านค้าเหล่านี้ก็ไม่สามารถหาได้ ซึ่งเรื่องเช่นนี้มักจะเกิดอยู่บ่อยๆในสาขาต่างจังหวัด
ด้วยเหตุนี้ร้านเฟรชมาร์ทในแต่ละชุมชนจึงสามารถสั่งสินค้าบางตัวได้ภายใต้ดุลพินิจของผู้ประกอบการว่า เหมาะสมที่จะนำเข้าร้าน และตอบสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง
ยุทธศาสตร์สร้างความต่างของเฟรชมาร์ท ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะยังมีเรื่องราคาและทำเล ซึ่งนับว่าเป็นไม้ตายของคอนวีเนียนสโตร์แห่งนี้เลยก็ว่าได้
ต่างอย่างไรคงต้องติดตามอ่านอาทิตย์ต่อไป
จากคุณ :
Ii'8N
- [
9 ต.ค. 48 18:32:46
]
|
|
|