|
^มีกำไร เก็บไว้ในตลาด ให้มันทำงานแทนตัวเรา^ วิถีแห่งความสุข
|
|
บทความชุดนี้ ผมได้มาจากการพบปะกับรุ่นพี่ท่านถึงเมื่อหลายปีที่แล้ว เป็นการพูดคุยสารทุกข์สุกดิบกันไปเรื่อย จนกระทั่งวกมาเรื่องหุ้น ผมได้Ideaหนึ่งมาจากพี่เขาเรื่องเกี่ยวกับการเก็บกำไรไว้ให้อยู่
ผมจึงขออาสานำเรื่องในที่ลับ มาไขในที่แจ้ง ซึ่งเรื่องที่มาไขนั้น ก็คงเป็นเรื่องไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไร เป็นเรื่องธรรมดามากเลย ที่คนทั่วไปอาจจะคิดมานานแล้ว บางคนอาจจะคิดไม่ถึง บางคนคิดถึงแต่ไม่ใส่ใจในวิธีการ แต่เรื่องทั้งหมดนี้ ด้วยความสามารถที่ผมมีจะมาเล่าให้น่าอ่านครับ
..
ณ ช่วงเวลานั้น รุ่นพี่คนนี้ เขาถือหุ้น หลายตัวมาก ที่จำได้ ก็มี Makro 2000หุ้น ที่ราคา 53บาท เป็นราคา ณ ช่วงนั้น CP7-11 10000หุ้น ที่ราคา9บาท เป็นราคา ณ ช่วงนั้น TAPAC 3000หุ้น ที่ราคา11บาท(ก่อนแตกพาร์) เป็นราคา ณ ช่วงนั้น BTC 10000หุ้น ที่ราคา2บาท เป็นราคา ณ ช่วงนั้น
และอีกหลายตัวครับ จำได้เท่านี้ เพื่อนๆอ่านแล้วคงแปลกใจว่า ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นกับportเล็กๆน้อยๆ
ผมจะเล่าต่อว่า ทีแรกของการพูดคุยผมก็แปลกใจว่า พี่ซื้อขายหลายล้านบาท แต่ทำไมportพี่น่ารักจังครับ
ถือหุ้นนิดเดียว แต่กระจายไปหมด แต่หลังจากการพูดคุยแล้ว ผมก็ถึงกลับ อึ้ง ครับว่า
ต้นทุนของหุ้นที่เขาเล่าให้ฟังทั้งหมดนั้น คือ 0 บาท
วิธีการคิด กระบวนการคิดของพี่คนนี้ก็คือ เขาลงทุนหุ้นตัวไหน กำไรเท่าไรตามที่เขาพอใจ เขาจะทิ้งเงินกำไรไว้ และถอนเงินลงทุนออกมา
ตัวอย่างง่าย ก็คือ เขาซื้อ CP7-11 ที่ราคา6บาทเศษ ช่วงที่panic(หากเพื่อนๆจำช่วงนั้นได้) พี่เขาซื้อไว้35,000หุ้น พอราคาขึ้นมาที่9บาท เขาพอใจในกำไร40%กว่า เป็นจำนวนเงิน90000บาท เขาก็ถอนเงินทุนออก โดนคงเหลือจำนวนหุ้นไว้ตาม ผลกำไรที่ได้รับ คือ 10000หุ้นที่ราคา9บาท
สรุปง่ายๆ ก็คือ เขาให้เงินกำไร ทำงานแทนตัวเขา โดยที่ตัวเขาไม่ต้องเคร่งเครียดอะไรกับเงินก้อนนี้ เสมือน ว่ามีเหล่าทหารมาอาสาร่วมรบ โดยไม่ขอเสบียงหรือเบี้ยยังชีพจากจากแม่ทัพนายกอง
ผมก็ถามแนวคิดนี้ต่อด้วยความสนใจว่า แล้วพี่ไม่เสียดายหรือ หากว่าราคามันขึ้นไปอีก แทนที่เราจะได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย
คำตอบที่ได้รับก็คือ หากเจ้าได้กำไรถึงเพียงนี้แล้ว40% แล้วไม่เอา แล้วถ้าราคามันลงหล่ะ คิดให้มันสองด้านเข้าไว้ ไม่มีใครรู้จริงหรอก และที่สำคัญ หากมันขึ้นต่อไปอีก พี่ก็ยังมีส่วนของกำไรที่มันยังทำงานแทนเราอยู่ แม้ว่าจะน้อยนิด แต่ก็ถือว่ากำไรก็ยังงอกเงย หากมันลงกลับมาที่เดิมที่ 6บาท กว่าๆ เราก็ไม่ตื่นเต้นอะไร เพราะเป็นเพียงกำไรหดเท่านั้น
.
พี่เขายังเล่าต่อว่า เรามันคนทำงาน ไม่ได้อยู่วงการหุ้น ไม่ใช่พวกนกรู้ ไม่มีเวลาดูหน้าจอแบบคนอื่นเขา เราต้องหาวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรา นั่นก็คือ รักษาเงินทุนเริ่มต้นของเราไว้ ทุกวันนี้ เงินทุนของพี่ ก็ยังอยู่กับตัวพี่ ที่เห็นวิ่งไปๆมาๆในportนั่นก็คือ ยอดกำไร ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่านั้น พี่มีความสุขกับการลงทุน สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการหุ้นอย่างพี่
ผมก็ได้แต่พยายามจะเข้าใจในตัวพี่เขาตอนนั้นว่า อืม มันก็เป็นวิธีคิดอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้เรามีความสุขกับการลงทุนได้ อยู่ที่ว่าใครจะเลือกวิธีการใดมาประยุกต์ใช้กับตนเอง สำหรับพี่เขา เขาคงไม่เดือดร้อนอะไรเลย หากพรุ่งนี้CP7-11 ต้องปิดกิจการลง หรือหุ้นTAPAC ถูกSPไป เพราะพี่เขากำลังมองดูทหารอาสาสมัครที่มาขอร่วมรบ กำลังสู้รบให้กับพี่เขาอยู่
.
มาปัจจุบันนี้ ผมก็ไม่ได้พูดคุยกับพี่ท่านแล้ว เพราะว่าขาดการติดต่อไป แต่ในใจก็ระลึกเสมอว่า หุ้นที่แกพูดถึงนั้น ไม่ว่าจะเป็นCP7-11,Makroล้วนแล้วแต่ราคาพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ และเสียดายแทนพี่เขา แต่ในมุมกลับกัน BTC ก็ทำให้เขากำไรลดลงไปเหมือนกัน
..
ผมจึงนึกถึงคำที่พี่เขาพูดกับผมก่อนจากว่า พี่มันคนทำงาน ไม่ใช่พวกนกรู้ ไม่รู้หรอกว่าตัวไหนจะขึ้นแรงลงแรง หากพี่เขาเลือกถือยาวที่BTC ป่านนี้ก็คงกลับบ้านไม่ถูกเช่นกัน การที่พี่เขาทำเช่นนี้ ทำให้ปัจจุบันนี้หากผมได้มีโอกาสเจอพี่เขาอีกครั้ง ผมคงจะขอจับมือพี่เขาและยินดีกับพี่เขา เรื่อง การให้กำไรทำงานแทนตัว ไม่ว่าพี่เขาจะกำไรมากหรือน้อย แต่ก็ยังคงกำไรไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจวิกฤต และวิธีการนี้ มันทำให้ผมคิดต่อได้ว่า ความเสี่ยง เรากำจัดมันได้ หากเงื่อนไขการต่อสู้เราได้เปรียบ ไร้ข้อผูกมัด
จบแล้ว อาจจะสั้นไปนิดนึง แต่เขียนยาวมาหลายกระทู้แล้วครับ หวังว่าคงชอบใจวิธีการนี้นะครับ
ปล. ใครๆก็บอกว่าผมแต่งเรื่องสมมุติเก่ง อย่างกับเอาเรื่องตัวเองมาเขียน ให้ดูน่าสนใจ
.. อันนี้ผมไม่ตอบ ขอให้สนใจในเนื้อหาที่จะสื่อดีกว่าครับ
//จุ๊บ
จากคุณ |
:
เย่หยงเทียน
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ธ.ค. 52 20:37:56
|
|
|
| |