ความคิดเห็นที่ 1 ไม่มีความเห็น เพราะตัวเองก็เจอแต่กลับกัน ยังไงก็ขอเอาใจช่วยจขกท.ให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ จากคุณ : T-Fake เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:24:49

ความคิดเห็นที่ 2 ปํญหาแบบนี้ปกติมักจะมีรายละเอียดบางอย่าง ที่คนนอกคงยากที่จะให้คำแนะนำที่ดีได้ เอาเป็นว่าลองพูดคุยกับภรรยาแบบเปิดใจนะครับ ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน อะไรๆก็อาจดีขึ้นมาได้ เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : Idiopathic เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:26:39

ความคิดเห็นที่ 3 เวงกรรม ครับผม บาปกรรมครับ ด่าผู้มีพระคุณ อันนี้แล้วแต่ท่านจะจัดการนะครับผม พอดีผมยังมะได้แต่งงานหนะเลยยังมะเคยเจอคับ อิอิ จากคุณ : purached เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:27:13

ความคิดเห็นที่ 4 เสียใจด้วยนะคะ และเป็นกำลังใจให้ค่ะ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข แต่ ถ้าแก้ไม่ได้จริงๆแนะนำให้ปล่อยวางค่ะ อย่าไปยึดติด จะได้สบายใจมากขึ้น สู้ๆๆนะคะ จากคุณ : yaying เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:27:15

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่กล้าให้ความเห็นเหมือนกันครับ เท่าที่อ่านดู ภรรยาทำไม่ถูกนะครับ แม่สามีก็ต้องเหมือนแม่ของตนเองสิครับ ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ น่าจะลองพูดคุยกัน จากคุณ : ลิงไม่ใส่กางเกง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:29:50

ความคิดเห็นที่ 6 ผมก็ไม่เคยว่าแม่เขา ทำไมเขาต้องมาว่าแม่ผมด้วย จากคุณ : polymerman เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:30:01

ความคิดเห็นที่ 7 คนโสดอย่างผม เศร้าแทนเลย ว่าแต่ ภรรยาคุณ ไปมีปัญหาอะไรกะ คุณแม่คุณหละ ถ้ารู้สาเหตุของความบาดหมางก็ค่อยมาคิดหาทางแก้ สงสารเด็กๆนะ ว่าแต่ภรรยาคุณไม่น่าพูดแบบนี้นถึงแม่คุณเลย มันไม่งามอย่างแรง สาวๆในสินธรดูตัวอย่างไว้นะครับ แล้วให้ทำตรงข้ามนะครับ จากคุณ : diego เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:32:01

ความคิดเห็นที่ 8 ขอให้กำลังใจแล้วกันครับ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องดูแลแม่ให้ดีที่สุดไว้ก่อนครับ รองลงมาก็ลูก ส่วนเมียก็ต้องเป็นเรื่องของเจ้าของกระทู้ล่ะครับ... แต่ขอเอาใจช่วยให้ ปรับความเข้าใจกันได้ด้วยดี ร่วมทุกข์ ร่วมสุข เป็นครอบครัวที่อบอุ่นครับ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 53 22:34:42 จากคุณ : Ap_Ni เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:32:27

ความคิดเห็นที่ 9 เพื่อนผมคนหนึ่งโมโหภรรยามาก สุดท้ายเขาผสมไซยาไนด์ในอาหารทุกวัน ผ่านไปไม่กี่เดือนก็ป่วยตาย จากคุณ : polymerman เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:34:43

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : kaikook2001 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:37:46

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ polymerman อย่าทำอย่างเพื่อนของคุณเชียวนะคะ เวรกรรม มันมีจริงนะจะบอกให้ บางที ภรรยาคุณ กับ คุณแม่ของคุณ อาจจะเคยมีเรื่องบาดหมางกันก่อนที่ท่านจะป่วย ลองค่อยๆถามทั้งสองฝ่ายดูนะคะ คนไทยใจดี ต้องประณีประนอมกัน ให้คิดหน้า คิดหลัง ประเมิณผลได้ ผลเสีย ก่อนที่เราจะทำ หรือ พูด อะไรลงไป (คนโสดอย่างเลิฟอีสจะเข้าใจเรื่องครอบครัวหรือเปล่าหว่า เอาเป็นว่าได้ประสบการณ์จากการดูละครละกัน อิอิ) จากคุณ : LoveIsColorBlind เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:43:06

ความคิดเห็นที่ 12 ขอให้เรื่องนี้ผ่านไปด้วยดีนะครับ และขอให้คุณแม่แข็งแรงขึ้นในทุกๆวันนะครับ จากคุณ : Equivocate เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:47:50

ความคิดเห็นที่ 13 อธิบายให้เธอฟังได้ใหมครับว่า "พ่อแม่เป็นพระพรหมของลูกทุกคน ท่านจะให้เราดีก็ได้ ให้เราเป็นโจรก็ได้ ไม่ส่งให้เรียนก็ได้ ส่งให้เรียนก็ได้ ผมอยู่ตรงนี้ได้เพราะแม่ผมคนนี้" และปรับความเข้าใจกันนะครับ ปล. อยากบอกว่า เห็นใจครับ ผมก็ดูแลแม่ผมที่ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ ต้องนอนบนเตียงอย่างเดียวและให้อาหารทางสายยางมาสามสี่ปีแล้ว โดยจ้างพี่เลี่ยงมาดูแลที่บ้าน และผมไม่ให้ภรรยาเดือดร้อนเรื่องเงิน ทุกอย่างเหมือนเดิมก่อนที่แม่ผมจะป่วยยกเว้นอาจมีรำคาญบ้างเท่านั้น เป็นกำลังใจให้ครับ และขอให้ผ่านไปด้วยดี จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:53:30

ความคิดเห็นที่ 14 มีอยู่ทางเดียว  จ้างคนมาดูแล  น่าจะพอช่วยได้ จากคุณ : sgampy เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:53:46

ความคิดเห็นที่ 15 หาหนังสือธรรมะให้อ่าน..แนะนำ  หนังสือ  ถ้ารู้ (กู)  ทำไปนานแล้ว ณัฐพบธรรม...เขียน    แกล้งวางเอาไว้ให้เขาเปิดอ่านเองนะ บางครั้ง...เราไม่สามารถแก้ไขคนอื่นได้ นอกจาก...แก้ที่ตัวเราเอง.....ปลง โลกก็เป็นเช่นนี้....มีทุกข์  มีสุข    มีด่า...มีชม    มีสีแดง   สีเหลือง มันมีมานานแล้ว....เขาเรียกว่า  เรารู้ตามความเป็นจริง   ว่าโลกมันก็เป็น ของมันอย่างนี้....มีเสียงหัวเราะ....และน้ำตา   ในตลาดหุ้น เข้าตามกฏข้อที่ 1    ของอริยสัจจ์  4  กฏข้อที่ 1 .....ทุกข์  ( สรรพสิ่งในโลกนี้...ล้วนเป็นทุกข์) แต่เราไม่รู้ตามความเป็นจริง   คิดว่าโลกนี้เป็นสุข (คล้าย ๆแมงเม่าในสินธร เปี๊ยบเลย...) เหมือนเราเป็นขี้กลาก....พอคันแล้วเกา....เราก็บอกว่าเป็นสุข    คนที่เกิดมาในโลกนี้เป็นทุกข์ทุกคนแหละ.....มันก็แค่สุขชั่วคราว...ทุกข์ถาวร   แต่เรามองไม่รู้ในอริยสัจจ์ 4  ต่างหาก  ไม่รู้ว่าถูกห้องหรือเปล่า...ถามมาก็ตอบไป  ทุกข์เพราะยึด...ว่าเป็นของเรา   (ตัวเรายังไม่ใช่ของเราเลย   เพราะถ้าเป็นของเรา  เราต้องไม่ตาย ) จากคุณ : notsugar เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:55:19

ความคิดเห็นที่ 16 ทุกวันนี้ก็จ้างคนมาดูแลครับ มาจากบริษัท ดูแล 24 ชม จากคุณ : polymerman เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 22:55:42

ความคิดเห็นที่ 17 ลองตักเตือนเวลาอารมณ์ดีๆกันทั้งสองฝ่าย ด้วยถ้อยคำสุภาพๆนะคะ บอกเค้าว่ารักทั้งเเม่ทั้งภรรยา ไม่อยากให้มีปัญหา ที่เค้าบ่นอาจเป็นเพราะไม่อยากมีภาระเพิ่มขึ้น ไม่อยากดูเเลพยาบาล หรือมีความเเค้นฝังใจกับเเม่คุณรึเปล่า หรือไม่ก็มาจากนิสัยดั้งเดิมของภรรยาคุณ ลองวิเคราะห์ดู เเล้วลองถามเค้าดูจะได้รู้ปัญหา ถ้าทั้งสองฝ่ายทำงานทั้งคู่ ลองจ้างลูกจ้างไม๊คะ เเต่ถ้าเค้าเป็นเเม่บ้าน คุณทำงานคนเดียว เค้าต้องพึ่งเงินจากคุณ คุณน่าจะควบคุมเค้าได้นะคะ ถ้าเค้ายังทำอีก ก็ลงโทษโดยอาจตัดเงิน ที่ให้เค้าใช้ส่วนตัว เเต่ถ้ายังทำอีก อันนี้คุณก็ต้องพิจารณาให้ดี คุณยังรักเค้าอยู่ไม๊ เค้าดีกับคุณรึเปล่า เค้าเป็นเเม่ที่ดีไม๊ ถ้าลูกขาดเค้าจะเป็นยังไง เค้าเป็นเเม่บ้านที่ดีไม๊ นิสัยส่วนตัวอื่นๆเป็นยังไง เเล้วค่อยพิจารณาอีกที ลองย้อนกับไปดูตอนที่เเม่ไม่มาอยู่บ้าน เค้าทำตัวเป็นยังไง เเต่ทั้งนี้การตัดสินใจ ต้องไม่ลืมว่าคนเรามีเเม่ได้คนเดียวนะคะ เเล้วก็เป็นคนที่มีบุญคุณกับเรามากที่สุด ภรรยาเมื่อเลิกกันเเล้วก็เป็นคนอื่น สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่เราไม่อยากให้กระทบคือเด็กสองคน เเต่ถ้าอยู่กันอย่างทะเลาะเบาะเเว้งให้เด็กเห็น สู้เเยกกันอยู่ เเต่ยังผลัดกันดูเเลลูก ให้ความรักความอบอุ่นเสียยังจะดีกว่า ................................................ ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ เข้าใจความทุกข์ของคุณดี เพราะตอนนี้เราก็เจอเรื่องร้ายอยู่ เรากลับมาเยี่ยมบ้าน เพราะพ่อไม่สบาย ตัวเราก็เท้าเเพลงเเล้วก็ไม่ค่อยสบายด้วย   เเล้วก็เจอวิกฤติพอดีเลย น้องสะใภ้เรา ครรภ์เป็นพิษ ความดันขึ้นสูง200 ทำให้ตามองไม่เห็น เเล้วก็ต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด น้องตัวเล็กเเค่ 1400  เเถมปอดอักเสบติดเชื้อ อยู่ในตู้อบ ให้อ๊อกซิเจน เเล้วคราวนี้ก็ไม่ใช่คราวเเรกที่เราเจออย่างนี้ กลับบ้านเมื่อนานมาเเล้ว ก็เป็นวันที่น้องสะใภ้เราคลอดก่อนกำหนดเหมือนกัน เเต่คราวนั้นน้องเสียค่ะ จริงๆเเล้วถ้ามองตาม ความน่าจะเป็น ถือว่ายากที่เราจะกลับบ้านตรงวันคลอดก่อนกำหนด เพราะเราไม่ได้กลับบ่อยนัก เเถมเรามักจะไม่ได้พักบ้านหลังนี้ด้วย เเต่ในความโชคร้าย สวรรค์คงให้โอกาส ทำให้ทุกครั้งที่มีเรื่อง เรามานอนบ้านนี้ เพราะเราได้อยู่ให้ความรู้ ได้อยู่ปลอบใจ ได้ช่วยดูเเลหลานเเละเรื่องเงินทอง (จริงๆก็มีคนช่วยดูหลานอีกคน เเต่คนเดียวไม่พอค่ะ) เรากับน้องสะใภ้คงทำบุญร่วมกันมา ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น เราใกล้จะได้กลับบ้านเเล้ว ปัญหาทุกอย่างมีทางเเก้ เเต่ถ้าเเก้ไม่ได้ก็ปล่อยวาง ทำใจให้สบาย ทุกอย่างจะคลี่คลายเเล้วก็ดีขึ้นเองค่ะ ยังไงก็เอาใจช่วย เเล้วก็เป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าเครียดก็ลองหาอะไรที่ทำให้มีความสุขทำ (เเต่อย่าเพิ่งไปหาผู้หญิงใหม่  กินเหล้า   หรืออบายมุขอื่นนะคะ เดี๋ยวปัญหาจะยิ่งมัดตัว) อาจจะไปออกกำลังกาย ไปดูหนังฟังเพลงบ้าง พาลูกเเละภรรยาไปด้วย ถ้ามีคนดูเเลเเม่ บรรยากาศในบ้านน่าจะดีขึ้น ถ้ารู้สึกเเย่ลองมาเล่าให้เพื่อนๆที่นี่ฟังก็ได้ ถือว่าได้ระบายความเครียด   มีเพื่อนรับฟังเเละคอยเเนะนำ ยังไงขอให้ผ่านพ้นปัญหาไปโดยเร็วนะคะ สู้ๆค่ะ จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:01:07

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนตัวเราถือคติว่า สามีเลิกไปก็เป็นคนอื่น ส่วนพ่อ แม่ พี่ น้องยังไงก็ตัดกันไม่ขาดและเป็นคนทำให้เรามีทุกวันนี้ได้ จากคุณ : ดาวสีส้ม เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:03:28

ความคิดเห็นที่ 19 แม่คุณก็เปรียบเหมือนแม่เค้า เค้าได้คุณเป็นสามี ก็ต้องเคารพแม่สามี เกลียดตัวกินไข่หรือคะ กรรมจะสนองเค้าเองละคะ คุณพยายามอดทน อดกลั้นละกัน ถ้าแม่เค้ายังอยู่ คุณลองไปคุยกะแม่เค้าสิคะ ว่าสอนลูกมายังไง อบรมลูกสาวด้วย จากคุณ : Muay ja เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:04:53

ความคิดเห็นที่ 20 เพิ่งเห็นว่ามีคนดูเเล 24 ชม. แล้ว อย่างนี้ก็น่าคิดเรื่องนิสัยใจคอภรรยาคุณ เเต่ยังไงอย่าทะเลาะกันให้ลูกเห็นนะคะ เข้าใจความรู้สึกคุณค่ะ ว่าเค้าเป็นเเบบนี้ คุณคงทำใจให้รักเค้ายาก จะตัดสินใจยังไงก็คิดให้รอบคอบนะคะ จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:04:56

ความคิดเห็นที่ 21 นี่คือสิ่งที่ผมกลัวเลยครับ หากภรรยา ในอนาคตเข้ากับแม่ไม่ได้ ผมยอมให้แม่ และภรรยา รักกันกลมเกลียวแล้วรุมด่าผมดีกว่า จากคุณ : เม่าผจญเพลิง (Nopparat_r1) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:05:57

ความคิดเห็นที่ 22 คงเป็นกรรมเก่าครับ ถ้าเป็นผม ผมจะแสดงความกตัญญูต่อมารดา ให้ภรรยา(และลูกด้วยเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี)เห็นทุกๆวันครับ เช่น อาบน้ำเช็ดตัวให้ ทาแป้งให้  ขยับแขนขา ให้อาหาร แต่งตัวให้ ฯลฯ เท่าที่โอกาสอำนวย เพื่อ ให้เขาเห็นในสิ่งที่เรียกว่า ความดี  และกตัญญู เผื่อบางที เขาเห็นบ่อยๆแล้วเขาอาจคิดได้ขึ้นมาบ้างครับ ของอย่างงี้ จิตใจคนสามารถกล่อมเกลาได้ครับ ไม่อย่างนั้นองคุรีมาร คงไม่กลับใจหรอกครับ จากคุณ : mr.we เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:06:38

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาให้กำลังใจคะ  เจอแบบนี้ในคู่สมรสคงเครียดและรู้สึกแย่น่าดู ยังไงก็ขอให้มี "สติ"  เข้าไว้นะคะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:06:47

ความคิดเห็นที่ 24 เจอแบบนี้ผมคงโกรธมากครับ แต่ผมคงถือเป็นกรรมของเราเองแล้วหาทางแก้ เรื่องแม่ถ้าภรรยาไม่สะดวกดูแล และเราไม่มีเวลา ถ้ากำลังทรัพย์พอ ผมจะจ้างคนมาดูแลครับ เรื่องภรรยาถามใจตัวคุณดูว่ายังรักรึเปล่า ทุกคนมีข้อดีข้อเสียอยู่ในตัว หาข้อดีของภรรยาคุณให้เจอครับ แล้วเปิดอกคุยกันถึงสาเหตุว่าเพราะอะไร ถ้าเธอเป็นคนดีมีเหตุผล ผมเชื่อว่าคุยกันได้ครับ แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่อง ถามตัวเองดูว่าคบกับภรรยาคุณเพราะอะไร ถ้าคิดว่าภรรยาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข ถ้าเค้าเป็นอะไรคุณจะดูแล และถ้าคุณเป็นอะไรก็หวังว่าเค้าจะดูแลคุณ ถ้าคุยไม่รู้เรื่อง หมายถึงคำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณ ก็ป่วยการครับ จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:10:22

ความคิดเห็นที่ 25 แม่ " ผู้มีพระคุณ ผู้ให้กำเนิด ผู้เลี้ยงดูจนเติบใหญ่" เมีย " คนที่คุณรัก (รึเปล่าไม่รู้) คนที่รักคุณ(รึเปล่าก็ไม่รู้) " เลือกเองครับว่าคนไหน ส่วนตัวหากผมจะเลือกภรรยาซักคน ผมยึดคติครับ หากพ่อแม่ตัวเอง หรือ พ่อแม่คนที่เค้ารักยังไม่รัก    แล้วคุณคิดว่าเค้าจะรักคุณจริงหรือ  คุณเคยคิดว่า พ่อแม่ของคุณจะทรยศความรักคุณหรือเปล่าครับ  หากท่านทั้งสองทรยศความรักคุณจริง ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องคิดที่จะรักใครแล้ว ขออภัยที่โพสครับ จากคุณ : หมีนมเย็น เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:15:27

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าภรรยาคงมีปัญหากับแม่ของคุณแล้วแหล่ะ ท่านลองเปิดใจคุยกันดูดีกว่าครับ ปัญหาทุกอย่างมีทางออกนะ จากคุณ : Effy เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:16:51

ความคิดเห็นที่ 27 ลองเตือนสติภรรยาคุณนะครับ ระวังเวรกรรมจะตามทัน ซักวันเมียของลูกคุณ อาจมาด่าภรรยาคุณแบบนี้ก็ได้นะครับ   ยังไงต้องเตือนสติกันครับ  ใจเขาใจเรา เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : Amazonite เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:20:12

ความคิดเห็นที่ 28 ลองปรึกษาแม่ยายดูครับ ถ้ายังไม่เคยแสดงความสนิทสนมกับแม่ยาย เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ดึงแม่ยายมาเป็นพวก อย่างน้อยแฟนคุณก็จะค่อยๆซึมซับถึงคำว่า ครอบครัว ครับ จากคุณ : Casper in Love เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:23:49

ความคิดเห็นที่ 29 ... ถ้าเป็นผม ผมจะแสดงความกตัญญูต่อมารดา ให้ภรรยา(และลูกด้วยเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี)เห็นทุกๆวันครับ เช่น อาบน้ำเช็ดตัวให้ ทาแป้งให้  ขยับแขนขา ให้อาหาร แต่งตัวให้ ฯลฯ เท่าที่โอกาสอำนวย เพื่อ ให้เขาเห็นในสิ่งที่เรียกว่า ความดี  และกตัญญู เผื่อบางที เขาเห็นบ่อยๆแล้วเขาอาจคิดได้ขึ้นมาบ้างครับ ของอย่างงี้ จิตใจคนสามารถกล่อมเกลาได้ครับ ... จากคุณ : mr.we --------------------------------------------------------------------- ผมเห็นด้วยกับคุณ mr.we นะครับ วันนี้คุณน่าจะต้องจัดเวลามาดูแลคุณแม่คุณระดับนึง อาจถีงขนาดที่ต้องคุยกับเจ้านายว่า ขอทำงานน้อยลงเพื่อมาดูแลแม่ ใช้วันลาพักร้อนบ้างเพื่อจะอยู่กับแม่ แม่เรามีคนเดียวนะครับ สิ่งเดียวที่คนเราซื้อไม่ได้คือเวลานะครับ การจ้างคนมาดูแลเป็นสิ่งจำเป็น แต่การที่เราต้องมีเวลามาอยู่กับเขาก็จำเป็นเหมือนกัน ภรรยาของเราบ่น เราก็ทำอะไรไม่ได้ เขาบ่น ไม่สนใจแม่เราได้ แต่เราทำไม่ได้นะครับ วันนี้คุณมีโอกาสอยู่เพื่อปรนนิบัติแม่คุณก็จะเป็นสร้างบุญกุศลให้ติดอยู่ในจิตใจคุณนะครับ ทำต่อไปเถอะครับ จิดใจเราจะเป็นสุขในวันนี้และอนาคตเพราะว่า เราสามารถบอกกับตัวเองว่า วันนี้เราทำหน้าที่ของลูกได้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ จากคุณ : นักรบโอ่งมังกร เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:31:20

ความคิดเห็นที่ 30 ก็แสดงว่าปกติคุณอ่อนแอต่อภรรยามาก  อาการ เรียกว่า ใหญ่กว่าคุณ    ทางแก้  ต้องเจรจาแบบแข็งๆ  แม่ใคร ใครก็รัก อย่ามาว่ากัน  ต้องเอาจริง ไม่งั้นปกครองกันไม่ได้  ต้องมีไม้เด็ดขาดบ้าง ใหม่ๆอาจมีการต่อต้านบ้าง  นานไปก็ชินไปเอง จากคุณ : ไม่รู้เป็นไร เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:41:47

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกะหลายๆวความเห็นค่ะ ตอนยายเราป่วย ก้อมาอยู่ที่บ้านเหมือนกันค่ะ ทั้งๆที่มีลูกหลายคน ค่าใช้จ่ายก้อไม่น้อยค่ะ เพราะที่บ้านเราไม่ได้ร่ำรวย แต่แม่จะพูดเสมอ ว่าทำอย่างไรกับพ่อแม่ ซักวันลูกก้อจะทำแบบนั้นกับเราค่ะ แล้วคนที่เลี้ยงดูพ่อแม่ จะไม่มีวันตกยากค่ะ อดทนนะคะ รักภรรยาให้มากๆ ค่อยๆคุยกันให้เค้าเข้าใจค่ะ จากคุณ : prettykai เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:42:00

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : ไม่รักไม่ได้แล้ว เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:42:52

ความคิดเห็นที่ 33 มาให้กำลังใจครับ ผมเลือกวางเฉย และ ชวนเข้าวัดทำบุญ บ่อยๆ ครับ จากคุณ : ahcmos เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 23:47:50

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องที่เล่ามาทั้งหมด เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำเเข็ง ตัวภูเขาที่อยู่ใต้ผิวน้ำคงใหญ่มหึมา เป็นส่วนที่ สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันเท่านั้น ที่จะรู้และเห็นว่ามันมีลักษณะอย่างไร ปัญหาเฉพาะหน้า ... ในฐานะที่คุณเป็นสามีและพ่อ และลูกชายของแม่ที่อาจจะถึงวาระสุดท้ายเมื่อไรก็ได้ .... คุณน่าจะมีการเจรจา ... พูดปรับความเข้าใจ ขอให้ภรรยาเห็นใจ และก็ควร เห็นใจภรรยาด้วยว่าเธอก็คงเครียด ไม่สามารถรับความกดดันได้มาก (เท่ากับคุณ) คำพูดของเธอ ก็อย่าเก็บมาเป็นอารมณ์มากนัก เราผัวเมียกัน หนักนิดเบาหน่อย เอาหูไปนา หรือทวนลมบ้าง  เธออาจจะระเบิด ทำอะไรที่ร้ายแรงขึ้นไปอีกซึ่งจะทำให้สถาณการณ์ยิ่งเลวร้ายลง สะเทือนไปถึงลูกๆด้วย อยู่ด้วยกันมาจนลูกสองคน ก็คงพอจะรู้นิสัย อัธยาศัยกันดีอยู่แล้ว คุณเอ่ยถึงการหย่าร้าง แปลว่า คงอยู่กันมาอย่างกระท่อนกระแท่นพอสมควร พอมีคนป่วยที่เป็นภาระ จึงทำให้ตึงเครียดขนาดนี้ ภรรยาคุณไม่รักแม่สามี ก็น่าจะมีเหตุ บางที่เหตุอาจจะอยู่ที่ตัวคุณด้วยก็เป็นได้ หรือมีเหตุมาตั้งแต่สมัยก่อนแต่ง แนะนำว่า .... คุณควรมีมุมมองใหม่ สงสารเมตตาภรรยาก่อน .... มอง เข้าใจ รู้สึก จากจุดยืนของเธอบ้าง .... การเป็นแม่ของลูกเล็ก บางคนด้านกายภาพ จิตภาพ ยังไม่ปรกติ  ฮอร์โมนบางตัวยังผันผวนอยู่เป็นปีๆ ไม่นับความเสื่อมโทรม ความกังวลอื่นๆ หรือปัญหาในชีวิตประจำวัน ..... คนเป็นพ่อและเป็นสามี ต้อง อดทนค่ะ เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นชีวิตช่วงนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ จากคุณ : nijja เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 00:13:33

ความคิดเห็นที่ 35 เปิดอกคุยกันเลยครับ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 00:19:46

ความคิดเห็นที่ 36 ++++ มีครอบครับจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ ถ้าหากเรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ก็อาจจะช่วยคลายความเครียดลงได้ระดับหนึ่ง ++++ ขอเอาใจช่วย จงหันหน้าเข้าหากันเพื่อคลี่คลายปัญหา และขอให้นึกถึงยามที่หวานชื่นและความดีที่มีต่อกันให้มากๆเอาไว้   ++++ จากคุณ : ลุค เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 00:22:52

ความคิดเห็นที่ 37 ขอให้กำลังใจครับ ถ้ามีโอกาสก็ทำบุญอย่างเต็มใจบ้างครับ(ถ้าเต็มใจผลบุญจะมากขึ้นครับ) ส่วนเรื่องส่วนตัวก็ลองคุยกันครับค่อยๆคุยกันครับ ขอให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้นะครับ จากคุณ : 555MAN เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 00:56:22

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าเมียผมบังอาจด่าแม่ผมแบบนั้น เลิกแน่ ๆ ครับ บุปผการีเรานะ มาด่าได้ไง ยอมไม่ได้ครับ ก่อนเลิกอาจมีจัดไปสองสามดอกก่อนด้วย ถ้าด่าแม่ผมแรง ๆ แบบนี้นะ จากคุณ : Tiger Ton เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 01:24:57

ความคิดเห็นที่ 39 คุณแม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอครับ ดีใจด้วยนะ จำได้ว่าช่วงเดือนตุลาคม ตั้งกระทู้ให้เพื่อนห้องสินธรช่วยกันส่งกำลังใจให้คุณแม่หายดี เรื่องเมียเนี่ย ต้องค่อย ๆ คุยนะครับ ต้องบอกว่าถ้าเป็นแม่ของเมียคุณ แล้วคุณพูดงี้แล้ว เมียคุณจะรู้สึกยังไง ต้องบอกให้เอาใจเขามาใส่ใจเรานะ  เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ จากคุณ : จอมโจร (โรงแรม) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 02:53:41

ความคิดเห็นที่ 40 คิดซะ ว่า เรามีแม่คนเดียว แล้วคิดว่า แม่เรามีลูกคนเดียวคือเราครับ ผมยังเด็ก แม่ยังไม่แก่ แต่ผมใช้คตินี้ในการดูแลญาติผู้ใหญ่ทุกคน ( เพราะแม่เคยผ่าตัด และต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จนเสียเรื่องอื่นไป ) ไม่ต้องแคร์ใครครับ แม่เรา เราทำเอง ใครจะช่วยเรื่องของเขา แต่เราต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเขาคือผู้มีพระคุณ แม่คุณเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่เมียคุณหรอกครับที่เดือดร้อนที่สุดจนต้องด่า แต่เป็นเราที่เดือดร้อนที่สุด จงเก็บคำพูดไม่ดีเหล่านั้นไว้ และลืมมันไปครับ คำพูดที่ไม่ดีมีอิทธิพลต่อจิิตใจและความก้าวร้าวของเราแต่เราควบคุมได้ ขอให้แม่ของท่านหายจากอาการป่วยเร็ว ๆ นะครับ จากคุณ : Nikolai XXV เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 02:57:13

ความคิดเห็นที่ 41 เข้ามาให้กำลังใจครับ  ใจเย็นๆ สงสารน้องๆ ครับ ผมเข้าข้างแม่นะ แต่ดึงเวลาให้นานอาจจะดีขึ้นครับ จากคุณ : N8080N เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 04:32:25

ความคิดเห็นที่ 42 กฎ 3 ข้อครับพี่ polymerman     1.ไม่มีความยุติธรรมในชีวิตคู่     2.ไม่มีทางที่พี่จะเป็นชายที่ดีที่สุดของภรรยาพี่ได้     3.ทุกครั้งที่พี่กับภรรยาพี่เคืองกัน ให้หัมไปมองที่ลูกของพี่ๆครับ       ..ตอนผมเป็นเด็กเวลาที่พ่อแม่ผมเคืองทะเลาะกัน พี่รู้ไหมผมนึกถึงอะไรมากที่สุด....         "ผมภาวนาให้ พ่อ อย่าเถียงแม่นะ ผมรู้นะว่าพ่อไม่ผิดเลย" จากคุณ : foren161 เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 05:36:42

ความคิดเห็นที่ 43 แม่ นอนบนเตียง เจาะคอ หมดสติ   เมีย ด่า แม่ วันแรก และบ่นบ่อย   เราเป็นลูกต้องมีหน้าที่ ตอบแทนพระคุณท่านให้เต็มที่ เพราะท่านเป็นผู้ให้กำเนิด  ส่วนลูกและเมีย  เราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ ตอนนี้ ท่านยังไม่ตาย ตอนอยู่ โรงพยาบาล ทางญาติเคยแนะนำให้ถอดเครื่องช่วยหายใจ  ผมก็อธิบายให้ทราบแล้วว่า ตอนนั้นยังมีไข้ คนไข้ไม่มีสติ และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ระหว่างที่แพทย์ ยังให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อต่อสู้กับโรคอยู่ เจ้าหน้าที่ที่ผมโทรคุย ก็นิสัยดี เอาใจใส่กัน  ค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องเสีย เจ้าของใครและญาติก็แค่ไปเยี่ยมดูอาการ  จึงแนะนำให้ติดตามดูอาการไปก่อน ไม่มีใครมีสิทธิไปถอดสายอ๊อกซิเจน ให้คนไข้ตายได้     จนไข้ลง อาการดีขึ้นจนคุณแม่หายใจเองได้  และได้กลับบ้าน          คห ที่ 22 Mr WE   แสดงให้ลูกเมียเห็นว่า ความกตัญญูและการทำดีต้องอดทนทำอย่างไร          คห  นักรบโอ่งมังกร  การปรนนิบัติพ่อแม่ ในยามนี้ จงมองว่าเป็นโอกาสที่คุณได้ทำดี            คห น้องนิจา  อดทน เพราะเป็นพ่อและสามีที่ดีด้วยเช่นกัน          จงพยายามเข้าใจคนอื่นด้วย การแก้ปัญหา จนเห็นนิสัยคนจะเกิดเมื่อมีปัญหา  ว่ามีภัยเมียวิ่งก่อนเราหรือป่าว  หรือเราวิ่งก่อนเมียและลูก      แก้ที่ตัวคุณครับ  เอาสำลีอุดหูสองข้างเมื่อเข้าบ้าน จากคุณ : หมอสัจจะ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 05:41:57

ความคิดเห็นที่ 44 ลองค่อยๆอธิบายให้เขาฟัง ช่วยพ่อแม่นี่ได้บุญกุศลแรงมากที่สุดแล้ว ถ้ายังไม่ฟังก็ถามไปแล้วว่า อนาคตข้างหน้า ถ้าลูกๆคุณแต่งงานแล้วเขาเป็นแบบแม่คุณ แล้วโดนลูกเขยหรือสะใภ้ด่าแบบนี้จะรู้สึกยังไง เมียผมกับผมดูแลพ่อผมที่เส้นโลหิตแตกในสมองมาตั้งหลายปียังไม่เคยมีปัญหานี้ครับเพราะเราเข้าใจกันในใจผมคิดว่ายังไงพวกเราตายไปก็คงทำบุญไปพอควรละครับชาตินี้ จากคุณ : ศรัทธาชาวสวน เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 06:39:53

ความคิดเห็นที่ 45 เมียคุณพูดเเรงไปค่ะ เเต่ก็ไม่รู้ว่าเขาสองคนเคยมีปัญหาเรื่องเเม่ผัวลูกสะใภ้มาก่อนหรือเปล่า เพราะเคยอ่านที่ห้องชานเรือน เเม่ผัวบางคนก็ร้ายมากๆ เหอๆ ขอให้เเม่คุณหายไวๆ เเละก็ขอให้เมียคุณหยุดพูดสิ่งไม่ดีค่ะ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 06:51:48

ความคิดเห็นที่ 46 ให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง อีกหน่อยลูกคุณก็จะด่าเมียคุณ... เรื่องแบบนี้ไม่มีรายละเอียดแนะนำไม่ได้ แนะนำไปคนแนะนำก็อาจจะซวยเปล่า แต่เรื่องบางอย่างที่ต้องเลือก ผมจะเลือกคนที่มีอายุขัยเหลือน้อยกว่าและทำให้ดีที่สุดกับเขา เหมือนงานไหนด่วนกว่าก็ต้องรีบทำก่อน เรามีสองมือ ถ้างานสองอย่างทำพร้อมกันไม่ได้ก็ต้องเลือก จากคุณ : SummerMan เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 07:21:03

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ polymer คะ ในฐานะที่ดิฉันก็เคยมีเรื่องบาดหมางกับแม่สามีมาก่อน และในฐานะที่ดิฉันก็เป็นสะใภ้  เข้าข่ายแสดงหนังประเภทแม่ผัวลูกสะใภ้ได้ แต่...ดิฉันไม่เคยด่าหรือแม้แต่จะคิดพูดจาหยาบคายขนาดนั้นกับผู้มีพระคุณของสามี  อย่างดีก็ค้อนขวับขวับ  หรือทำหูทวนลม ขอโทษเถอะนะคะ  หากจะพูดตรงตรง ภรรยาของคุณแย่มากค่ะ เธอจะไม่สามารถเป็นแม่ที่ดีของลูกคุณได้เลย อย่าหาว่าคำตอบของดิฉันบั่นทอนจิตใจของคุณในยามนี้ แต่..... ในฐานะที่คุณเป็นสามี ต้องอย่ายอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก คิดหรือคะว่า ภรรยาของคุณจะไม่เอาคำพูดอย่างนี้ไปบ่นกระปอดกระแปดให้ลูกวัย 8 ขวบของคุณฟัง? ลูกฟังแล้วจะเหลือความนับถือคุณย่าอยู่หรือไม่? ถ้าดิฉันเป็นพี่สาวคุณ  หรือแม้แต่เป็นคู่สะใภ้กับภรรยาคุณ ดิฉันก็ไม่ยอมค่ะ  เกิดเรื่องแน่....... ไม่ว่าในครอบครัวคุณ ใครจะเป็นช้างเท้าหน้า เท้าหลัง  แต่เรื่องนี้ มันคนละส่วน คุณ Tiger Ton พูดถูกค่ะ  ถ้าดิฉันเป็นผู้ชาย แล้วเมียมาด่าแม่  ดิฉันไม่รู้จะเก็บเมียไว้ทำไม มีแนวโน้มเห็นเห็นว่าพอลูกแต่งงานไป อีเมียเรานี่แหล่ะจะทำให้ครอบครัวของลูกไม่มีความสุข  คือไปมีเรื่องกับลูกสะใภ้ ให้ลูกเราเครียดอีก ......... วันนี้อย่ายอมให้คำพูดอย่างนี้ออกจากปากภภรยาอีกนะคะ คุณแม่ของคุณแค่เจาะคอ  ท่านรู้เรื่องทุกอย่างนะคะ  สติ ยังมีค่ะ เอาใจช่วยให้ความเครียดลดลงนะคะ จากคุณ : sum1 (rptperfect) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 07:21:15

ความคิดเห็นที่ 48 ควรจะแยกบ้าน เพราะพวกเค้าคงเข้ากันไม่ได้จริงๆ และสาเหตุคงมีมานานแล้ว เรื่องมันหมักหมม พอดีตอนนี้ อีกฝ่ายเพรี่ยงพล้ำ เสียเปรียบ....อีกฝ่ายเลยออกอาวุธข่มขวัญซะเลย.... ต่อไปภายหน้า หากฝ่ายที่เสียเปรียบ อาการดีขึ้นมาก คุณ จขกท. อาจเห็นวิทยายุทธใหม่ๆ ที่เค้างัดมาต่อสู้กันอีกก้อได้ ========================================== ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่คนกลางก้อควรให้ความยุติธรรมด้วย ใช่....ที่ว่า ใครก้อมีแม่"คนเดียว" ภรรยาคุณ จขกท. อาจไม่ได้รับความเป็นธรรมบางอย่างที่เก็บกด เลย ไม่สามารถยอมรับ แม่ของคุณเป็น แม่คนที่สอง ได้อย่างสนิทใจ ทำได้เพียงตาม มารยาทสังคมเท่านั้น คุณเองก้อเช่นกัน หันกลับไปมองตัวเองว่า....แค่ มารยาทสังคมกับ แม่ยายหรือเปล่า ========================================== ตอนสาวๆ กับอดีตคนเคยคบ ฉัน เคยฝังใจว่า แม่เค้าตายจะไม่เผาผีด้วยซ้ำไป เพราะ ทำความช้ำใจให้ตลอด หลาย ปีที่ได้รู้จักกัน.....เค้าอยากได้ สะใภ้รวยๆ ตอนนั้นที่ดินภูเก็ตยังไม่มีใครสนใจ บ้านทาวเฮ้าส์หลังสองแสนเองนะ ที่ดินไร่หนึ่งไม่กี่ตังค์ ใครซื้อที่เนินเขา คนจะหัวเราะว่าเดี๋ยวก้อกลิ้งหัวทิ่มลงมาหรอก เค้าเหยียดเรา เหมือน kee ทั้งที่เค้าก้อ แค่โรงสีข้าว.... เวลาเค้าว่าเรา เค้าจะกระแทกใส่ ไม่ให้ลูกชายเค้าได้รู้หรอก...และหลายๆเรื่อง เราก้อไม่เคยฟ้องแม่เรา ซะด้วยสิ พอเลิกกัน จึ่งค่อยฟ้องแม่.... เลิกกัน เพราะเราไม่ชอบที่ลูกชายเค้า ทำตัวไม่เข้มแข็ง โลเล เขียนยาว อยากจะบอกว่า.....ถ้าจะยืดความสัมพันธ์ ต้องมองปัญหาให้ทะลุ ไม่งั้น คุณนะแหละ จะป็นคนทำบาป กะลูกและภรรยา คุณ โดยไม่รู้ตัว เดี๋ยวนี้ มีแฟนใหม่ ฉันไม่เข้าไปสนิทสนมกับครอบครัวอีกฝ่ายเลย เข็ดแล้ว ต่างคนต่างมาพบกัน แค่ด้วย มารยาท ก้อพอใจแล้ว กลายเป็นว่า เค้ากลับไปชมลับหลังอีก ว่าฉัน น่ารัก คนเรา มานน่ารัก ทุกคนแหละ ถ้าไม่โดนรังแก ถ้าโดนรังแก ก้อต้องปกป้องตัวเองบ้าง เป็นธรรมดา ไม่ใช่ นางเอกหนังน้ำเน่า จะได้มานั่งอ้อยสร้อย เป็น แม่พระ.....ตลอดกาล เขียนในมุม อดีตว่าที่ลูกสะใภ้.....คนเคยจน และเป็นที่รังเกียจทางเศรษฐกิจของว่าที่แม่สามี.... ปัจจุบัน นะหรือ พลิกฝ่าเท้าเป็นหน้ามือ ยังน้อยไป! เขียนไปก้อแค้นไปไม่หาย แต่ไม่เครียดนะ สะใจมากกว่า.... ใครไม่ชอบอ่าน ก้อไม่ขออภัยนะ....ฉันอยากเขียนอย่างนี้ และไม่ใช่ความลับอะไร เค้าก้อรู้กันทั้งเมือง......คนที่รู้จักกัน! แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 07:43:37 จากคุณ : อิ๋ง ณ มอ. เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 07:42:23

ความคิดเห็นที่ 49 เดินทางสายกลาง จากคุณ : เอิ้น เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 08:38:56

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่รู้นะครับ..หากเมียด่าแม่ผมหรือแม่เขาเอง..ผมตบครับ.. จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 08:48:02

ความคิดเห็นที่ 51 เมียหาใหม่ได้ แม่หาใหม่ไม่ได้ ค่อยพูดกับภรรยา คุณดีๆก่อน อย่าใช้พฤติกรรมแบบนี้อีกถ้าไม่ได้ผล เป็นผม ผมเลือกแม่ครับ จากคุณ : โตนปลิว เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 08:48:14

ความคิดเห็นที่ 52 มาเพิ่มเติม... ผมยังไม่เคยตบสักที....แต่ถ้าเกิดเงื่อนไขข้างบนผมจะลองดู.. มีแต่ผมโดนเมียตบไปครั้งหนึ่ง.เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว.. ม่ายบอกหรอกว่าเรื่องไร แต่สมควรโดนตบครับ...เอิ๊กๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 08:57:50 จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 08:56:53

ความคิดเห็นที่ 53 ต้องถามว่า แม่กับ ภรรยา เคยทะเลาะกันมาก่อนหรือเปล่า ถ้าเคยก็เคลียปัญหาให้จบ แล้วคุยกันใหม่ (ปล. ใครๆ ก็รักแม่ของตัวเองทั้งนั้น รักยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด) จากคุณ : kamung6 เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 08:57:12

ความคิดเห็นที่ 54 จะตบเมียให้แม่ดูครับ ลูกจะเอาไว้เอง ส่วนเมีย จะไปไหนก็ไปครับ เพิ่มเติม   ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงนะ  แต่ถึงขั้นกล้าด่าแม่ นี่ ถ้ายอม อีกหน่อย ก็คงเหยียบหัวเรา เหยียบหัวคนทั้งบ้าน เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อย่างยิ่ง แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 09:08:21 จากคุณ : ผู้ชาย... เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:06:09

ความคิดเห็นที่ 55 มาให้กำลังใจคุณ polymerman หวังว่าจะผ่านมรสุมชีวิตไปได้นะครับ จากคุณ : INSEE เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:17:59

ความคิดเห็นที่ 56 มาให้กำลังใจคุณ polymerman หวังว่าจะผ่านมรสุมชีวิตไปได้นะครับ จากคุณ : INSEE เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:18:00

ความคิดเห็นที่ 57 มีเพื่อนผมแนะนำว่า ให้ตบหัวลูกมันแรง ๆ ตอนมันไม่เห็น เมือกี๊ ก็ตบหัวลูกมันไป 1 ที จากคุณ : polymerman เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:21:53

ความคิดเห็นที่ 58 ด่าแม่มันคืน อิอิ ล้อเล่ง ด่าลับหลังแม่ก็กลืนเลือดไป แต่ถ้าด่าต่อหน้ามีจัด จากคุณ : The cold one (methpimol) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:22:05

ความคิดเห็นที่ 59 แม่ก็เจาะคอ ลูกคนโต ก็แปดขวบ  คนเล็กเพิ่งหนึ่งขวบ งั้นต้องให้คุณเมียเจ็บท้องสัก9เดือนฮะ จากคุณ : Jillna เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:28:43

ความคิดเห็นที่ 60 เออ ลูกเค้าไม่ใช่ลูกคุณหรือคะ สงสัยถึงกล้าตบหัว อย่าไปลงที่เด็กเลยค่ะเค้าไม่เกี่ยวเดี่ยวมีปมด้วย แต่ภรรยาคุณนี่หยาบมากเลยค่ะ...ถ้าพูดต่อหน้าคุณนะไม่เกรงใจกานแล้วจะเป็นครอบครัวได้อย่างไร แบบนี้ต้องคุยกันแล้วหละค่ะ เค้าอาจจะเคยได้รับความกดดันจากแม่คุณแต่ก้ไม่น่าทำแบบนี้...ถ้าคุณยังรักเธออยู่ สงสัยอนาคตต้องแยกบ้าน หรือพาแม่ไปอยู่ที่อื่นค่ะ...แต่ถ้าด่าลับหลังเป็นไปได้ว่าอาจเก็บกดจากโดนกระทำ ปล่อยๆไป ค่อยๆบอกค่ะ จากคุณ : seven berry เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:29:07

ความคิดเห็นที่ 61 เป็นกำลังใจให้คะ เชื่อว่าคุณแม่กับภรรยาคุณอาจเคยมีเรื่องบาดหมางใจมาก่อน ต้องใจเย็นๆนะคะ วางตัวเฉยๆ เวลามีคนป่วยอยู่บ้านทุกคนจะเครียดเพราะเหมือนมีภาระเพิ่มขึ้นต้องใจเย็นๆค่อยๆแก้ไข ทำนิ่งๆไว้บางทีปัญหาก็ผ่านไปได้ ถ้ามันแย่มากอาจพาแฟนไปทานข้าวแล้วนั่งคุยกัน บอกว่าชีวิตก็แบบนี้ สักวันเราอาจเป็นแบบนี้ก็ได้ เพราะความเจ็บป่วยไม่เข้าใครออกใครหรอกคะ สักวันถ้าลูคุณแต่งงานแล้วคุณอายุมากแล้วเจ็บป่วยมีลูกหลานมาว่าคุณแบบนี้คุณจะรูสึกยังไง ถ้าคุณเชื่อว่ากรรมมีจริง คุณทำอย่างนี้กับคุณแม่ สักวันกรรมก็ตามคุณทัน สู้คุณปฏิบัติกับคุณแม่ให้ดีลูกๆจะได้เห็นเป็นตัวอย่าง อีกหน่อยพอคุณแก่ตัวลงเขาก็ทำตามคุร เด็กเวลาเห็นหรือได้ยินอะไรมันจะจำและทำตามนะคะ  ขอเป็นกำลังใจให้คะห จากคุณ : หนูปอม (หนูปอม) เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:52:12

ความคิดเห็นที่ 62 ผมว่าต้องตั้งสติดีๆ ถ้าสับสนก็จะยิ่งมีเรื่องไม่เหมาะมากขึ้นเช่นที่คุณทำกับลูก คนไทยหัวอ่อน ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากให้ใครโกรธ ก็โอนอ่อนผ่อนตามฝ่ายหนึ่ง หากยอมโดยไม่คิดมากก็แล้วไป แต่หากมีคำถามตามมาว่า ทำไมเราต้องยอมอยู่เรื่อย จิตใต้สำนึกก็เริ่มสะสม เก็บกดแล้ว เป็นผมก็ต้องเคลียร์แหละ ว่าหากแม่ฝ่าย ญ โดนบ้างล่ะ จะว่าแรงก็แรง มันมีเส้นบางๆ ถ้าล้ำเส้นก็เคาะตาตุ่มกัน จากคุณ : ppjj88 เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:53:12

ความคิดเห็นที่ 63 ขอเปิดคอมพ์มาเขียนต่ออีกนิด ตะกี้ ปิดคอมพ์ไป...ทำโน่นนี่ ก้อคิดไป อยากบอกเจ้าของกระทู้ว่า.... -แม่คุณนะ....ป่วยทางกาย ใครๆก้อเห็น -แต่ภรรยาคุณนะ...ป่วยทางจิต แบบสะสม มันอยู่ภายใน ไม่มีใครรู้ หรือคุณอาจรู้ แต่ไม่รักษา ปล่อยไปตาม ยะถากรรม (การป่วยทางจิต คือ ได้รับผลกระทบ จากสิ่งนั้น นานๆ เช่น การถูกรบกวนความเป็นครอบครัว การระหองระแหง การมีปัญหาแม่สามีลูกสะใภ้ ฯลฯ แล้วเก็บกด....) หันไปมอง ภรรยาตัวเอง และคุยแบบเปิด อก สักครั้งดีไหม เพื่อแก้ไข หากในใจ ยังมีกันและกันอยู่ แต่หาก เข้าข้างแม่ แบบหัวชนฝา ไม่ขอแก้ไขใดๆ ก้อ เลิกกันไปแบบ...นิ่มๆ เลยดีกว่า.... ผู้หญิงจะได้ ไม่ตก นะรก และไม่โดนเอาเปรียบแบบ น้ำท่วมปาก พูดไม่ได้ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก..... ฉันเคยเป็นมาก่อน เลยมาเขียนอีกที.... -ครั้งหนึ่งในชีวิต เคยกินยาพาราไปเป็นขวด แต่รอดมาได้ ผู้ชายเค้าบอกว่า อย่าบอกใคร....เดี๋ยวเรื่องเล็ก จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ (จริงๆ แม่ฉันใจนักเลง ลูกข้าใครอย่าแตะ ....เค้ากลัว) -อีกครั้ง....เคยยืนอุ้มแมวบนระเบียงชั้นสามของตึกที่ทำร้านของเค้า (ภาพลักษณ์ฉัน คือ คนสวยๆคนนั้น ที่อุ้มแมว...ดูน่ารักดี .... แต่ใครจะรู้ใจมันไม่สบาย ไม่มีทางออก) ตอนนั้น ในใจ อยากจะกระโดดลงมา ให้หัวทิ่มก้อนหินข้างล่าง แต่ไม่ได้ทำ เพราะอะไรจำไม่ได้แล้ว -อีกไม่นาน จะเดินข้ามถนน ไฟเขียว....ฉันข้ามทันที (ไฟแดง ไม่ยอมข้าม) แต่ระยะที่ข้าม กับรถมันห่างไปหน่อย รถเบรกทัน ****เพราะอะไร....เพราะใจมันป่วยถึงที่สุดแล้ว***** และสุดท้าย วันนั้น ฉันโทรหาแม่....พูดสั้นๆว่า..." แม่หนูจะกลับบ้าน" แล้วก้อดำเนินเรื่อง ตั๋วเครื่องบิน แพ๊คของ และกลับบ้านเรา ทุกอย่างจบ.....เหมือนเห็นแสงสว่างที่เริ่มต้น...ณ ...ปลายอุโมงค์ แต่ละคน ก้อย่อมอยากให้คนอื่นเข้าใจตนเอง คุณก้อควร กลับไปรักษาใจภรรยาคุณด้วย ถ้ายังมีใจ....นะ....ถ้าไม่มีก้อ แล้วไป แต่ถ้าอยากให้จบ ก้อจบมันซะ...โดยไว....แต่ละคนจะได้...ไม่เสียเวลา...ชีวิต ผู้หญิงก้อเหมือนกัน....อย่าฝากชีวิตไว้กับใคร แบบสุดตัว คนเรา เวลาเปลี่ยนใจก้อเปลี่ยน....หลายๆอย่าง พึ่งพาตนเองให้เยอะๆ  รักตัวเองให้มากๆ ถ้าเค้าไม่รัก ไม่เห็นความดีที่เราทำ มองแต่ข้อด้อยข้อแย่--ย้ำๆมอง-- ก้อ ....ถอยห่าง ออกมาเถอะ.....ไม่ต้องกลัวการเผชิญโลก โดยลำพัง วันแรกๆจะสับสนหน่อย แต่วางแผนชีวิตให้ดี ...อนาคตจะดีขึ้น ทุกวันนี้ ฉันก้อมีชีวิตปรกติ....ไม่ฝันร้ายอีกเลย (เมื่อก่อนฝันบ่อย บางทีละเมอ จนพี่สาวตกใจ) อดีตว่าที่แม่สามี เคยประกาศ ตอนเลิกกันว่า... ลูกชายเค้าจะมี ภรรยารวย แต่แก่กว่า....(ฉันก้ออยากเห็น รอดูอยู่) และเอาดวงฉันไปแอบดู เพราะเคยมีวันเดือนปีเกิด ว่าเนื้อคู่ฉัน ไม่ใช่ลูกชายเค้า แต่เป็นคนแก่กว่าเยอะ .....ก้อ จริงเนอะ เหอะๆๆๆ.....ว่างั้นแหละ -อ้อ สะใภ้เล็กเค้า เคยขายที่ดิน ที่แม่ริม เชียงใหม่ ได้(แค่) 6 ล้านบาท สมัยนั้น เค้าก้อเห่อกันออกนอกหน้า....ฉันดูด้อยค่า แค่ผ้าขี้ริ้วตัวหนึ่ง เดี่ยวนี้ สะใภ้เล็กหมดตัวแล้ว สภาพน่าสงสาร แต่มีลูกสองคน ก้อทนๆไป ทำให้ แม่ฉัน เข้าใจแล้วว่า ฉันไม่ได้ปรักปรำใคร เรื่องบ้าคนรวย...ในอดีตของบ้านนั้น และรังเกียจเราจนเกินเหตุ เขียนมา เพื่อจะบอกว่า....ทุกอย่างมันมีเหตุ ไปแก้ที่เหตุ ไม่ใช่แก้ด้วยการ ตบ เพราะ อีกฝ่ายก้อ ตบเป็น เหมือนกันนะจ๊ะ......ฮึ่ม! จากคุณ : อิ๋ง ณ มอ. เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 09:53:41

ความคิดเห็นที่ 64 คคห.57พูดจริงหรือพูดเล่นคะเนี่ย หุหุหุ เเก้ปัญหาไม่ถูกจุดนะคุณ อยากตบ ทำไมไม่ตบปากเเม่ มาตบหัวลูกทำไม เหอๆ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:19:57

ความคิดเห็นที่ 65 ภรรยาคุณคงเกรงว่าแม่คุณจะมาเพิ่มภาระให้กับตัวเอง เลยหงุดหงิดรำคาญ ขอให้คุณเป็นผู้ดูแลแม่คุณเป็นหลัก จะอาบน้ำ เช็ดตัว ปัสสาวะ รวมทั้งอาหารถ้าคุณทำได้ ไม่ต้องขอให้เธอช่วยเหลือ ยกเว้นเธอจะช่วยเอง หากเป็นไปได้ก็จ้างพี้เลี้ยงมาดูแลคุณแม่คุณก็จะช่วยผ่อนแรงได้ หากคุณทำอย่างนี้แล้วเธอยังจะพูดมากอีก ให้บอกไปว่าหากพ่อแม่ ของภรรยาคุณ ต้องป่วยแบบนี้ และต้องมาอยู่กับลูกสาว โดยที่ลูกเขยพูดว่าพ่อแม่เขาบ่อยๆ เขาจะรู้สึกอย่างไร และบอกว่า คนเราเกิดมาก็ไม่พ้นเรื่องป่วยและตายหรอก หากภรรยาคุณยังไม่รู้สึกตัว ก็ให้เธอกลับไปอยู่กับพ่อแม่เธอก่อนสักระยะ หากอยากจะกลับมา อยู่ด้วยกัน ก็ต้องบอกว่าถ้าไม่ช่วย ก็อย่าว่าแม่ของคุณอีก จากคุณ : ยางลบเปื้อนหมึก เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:23:27

ความคิดเห็นที่ 66 วันนี้ตอนแรกตั้งใจจะไม่โพสท์ ไม่เข้ากระทู้ แต่พอมาเห็นกระทู้นี้ จะทำเฉยๆอ่านผ่านไปก็รู้สึกไม่ดี เราน่าจะทำอะไรได้ดีกว่าปล่อยผ่านไปเฉยๆไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนอื่นขอเป็นกำลังใจให้คุณ polymerman ให้ผ่านจุดนี้ไปได้ด้วยดีนะครับ เอาใจช่วยจริงๆ เข้าใจความรู้สึกน่ะครับ คนหนึ่งก็แม่ อีกคนก็แม่ของลูก เรื่องหย่าเมื่อมีปัญหา ตัดสินใจง่ายครับถ้าไม่มีลูก แต่ถ้ามีลูกด้วยกันแล้ว เรื่องนี้ต้องคิดหนักขึ้นหลายเท่าครับ เพราะพ่อแม่ที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อลูก อยากให้ลูกโตขึ้นในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมทั้งพ่อแม่ ความรู้สึกของลูกจึง เป็นสิ่งที่พึงคำนึงถึงให้มาก เรื่องหย่าจึงควรเป็นเรื่องสุดท้ายเมื่อปัญหาไม่สามารถแก้ได้แล้วจริงๆ      ลองทบทวนดูนะครับว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร มีสาเหตุชัดเจนหรือไม่ หรือมันค่อยๆสะสม อาจจะหลายๆเรื่องประกอบกัน เคยอ่านหนังสือเจอ เขาพูดถึงพลังแห่งความรัก ความรักมีพลังอันยิ่งใหญ่  ลองทบทวนดูนะครับว่าในระยะหลัง เราขาดตรงนี้ไปสำหรับภรรยารึเปล่า ช่วงเวลาตั้งแต่คุณแม่ป่วย เราเอาเวลาและ ทุกอย่างไปทุ่มเทกับตรงนั้นจนละเลยครอบครัวโดยเฉพาะภรรยาไปรึเปล่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องถูกหรือผิดนะครับ เรื่องครอบครับเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากครับ ปัญหามันอาจจะค่อยๆสะสมมาครับ ภรรยาคุณอาจมีความคิดในมุมมองของเค้า คุณอาจจะละเลยที่จะรับฟัง ข้อสำคัญคือต้องคุยกันนะครับ หาช่วงเวลาที่อารมณ์ดี เปิดใจคุยกัน เราเองต้องมองเขาด้วยความรัก ความเมตตา(หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ยังทำได้อยู่นะครับ) ถ้าคุณมองได้แบบนี้ ผมเชื่อว่าคุณสามารถเข้าถึงจิตใจ ของภรรยาได้ ลองถามเค้าดูก็ได้ครับว่า ตัวคุณ หรือตัวคุณแม่ทำอะไรผิด เค้าถึงมีปฏิกิริยาออกมาอย่างนั้น ยังไงก็ต้องให้เค้าพูดความในใจออกมา โดยทีเราต้องใช้สติในการรับฟัง ชี้แจงด้วยเหตุผล แต่ไม่ใช่โต้เถียง ที่สำคัญ ห้ามชี้นิ้วว่าเธอทำอย่างนั้นมันผิด มันต้องอย่างโน้นมันต้องอย่างนี้      ต้องหาเวลาที่เหมาะสมเปิดใจคุยกันให้ได้ ถ้าต่างคนต่างเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ไม่ได้คุยกัน ปัญหามันก็สะสม มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าฝ่ายไหนทนไม่ได้ วันหนึ่งมันก็จะระเบิด ปัญหามันก็เพิ่ม แก้ยาก โดยเฉพาะถ้ามีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวด้วย     ผมเองก็คาดคะเนเอาจากข้อมูลเท่าที่มีนะครับ ไม่รู้จะตรงมากน้อยแค่ไหน แต่ผมเชื่อว่า ถ้าคุณ polymermen ใช้พลังแห่งความรัก ความเมตตาจะสามารถผ่านปัญหานี้ไปได้ ขอเอาใจช่วย ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : ริชแมน เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 11:06:19

ความคิดเห็นที่ 67 ขอส่งกำลังใจให้คุณแม่หายป่วยไวๆ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 16:54:02 จากคุณ : pyada เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 12:25:22

ความคิดเห็นที่ 68 โดยส่วนตัว ผ่านการดูแลแม่สามีที่เป็นอัลไซเมอร์มาแล้ว รวมทั้งพ่อสามีที่เป็นอัมพาตด้วย จ้างคนดูแล 2 คน แต่เราก็ต้องดูแลเองด้วย ทำมาหมดทั้ง เช็ดตัว ล้วงก้น ป้อนข้าว แปรงฟันปลอมให้ ฯลฯ จนแม่สามี (ที่เคยร้ายมากๆ) พูดว่า ทำไมเธอจึงดีกับเราอย่างนี้ แล้วก็ยกมือไหว้เรา เราต้องรีบจับมือไว้และบอกว่า "แม่อย่าทำอย่างนี้สิ ที่เราทำ เราทำถวายพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าดีกว่า" และชีวิตเราก็มีแต่ความสุข ความเจริญมาตลอดค่ะ (ถ้าเราไม่มีพระเจ้า เราก็คงทำดีแบบนี้ไม่ได้ค่ะ) บอกภรรยาคุณว่า อดทนทำดีไปเถอะ จะได้รับแต่ผลดี ผลดีนี้จะตกไปถึงลูกๆคุณด้วยค่ะ ชีวิตมีแต่จะเจริญยิ่งๆขึ้นค่ะ ปัจจุบัน ลูกเรา จบหมอ จบวิศวะ คนเล็กเรียนวิทย์ปี 2 มหิดล เป็น นศ. ทุน หมดค่ะ ลูกที่เรียนจบ 2 คน ส่งเงินให้พ่อแม่ตลอด พาพ่อแม่ท่องเที่ยวค่ะ พระเจ้าตรัสว่า ผู้ใดหว่านอะไรลง ก็เก็บเกี่ยวสิ่งนั้น เป็นกำลังใจให้คุณและภรรยาในการดูแลแม่คุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 12:36:43 จากคุณ : sea angel เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 12:35:21

ความคิดเห็นที่ 69 ดูแลแม่ ให้ดีที่สุดครับ พูดคุยกับท่านให้มาก  เป็นตัวอย่างที่ดี ให้ลูกๆ ได้เห็น   ส่วนภรรยา ถ้าเค้าไม่ช่วย ก็ไม่ต้องไปต่อว่า ให้อยู่ส่วนเค้าไป จากคุณ : ลมที่ผ่านมา แล้วก็เลยไป เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 12:48:31

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ polymerman  ตบหัวลูกตัวเองทำไมครับ  ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไปเพราะเหตุใด เพื่ออะไร????? จากคุณ : SD_Revolutions เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 13:00:05

ความคิดเห็นที่ 71 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ ค่อยๆใจเย็นๆ ถึงแม้พฤติกรรมของภรรยาจะดูไม่ดีมากๆ แต่คิดว่าคุณคงรักภรรยาอยู่เหมือนกัน+ห่วงลูก คุณไปฟังแม่ชีศันสนีย์ดีก่อนดีไหมคะที่เสถียรธรรมสถานตรงซอยวัขรพล  ลูบใจตัวเองให้เย็นๆ ก่อนวางแข้งใส่เธอ  แม่ชีก็เป็นผู้หญิงท่านมักแนะนำให้คนเราเติมความรักความเมตตาให้กันก่อน  เราเคยดูรายการท่านผ่านช่องต่างๆ มักจะมีครอบครัวไปปรึกษาท่านบ่อยๆ  ท่านน่าจะให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณได้ เราเป็นแค่คนธรรมดาที่ใช้ความรู้สึกมากกว่า จึงไม่อยากแนะนำ เพราะบางทีคำแนะนำอาจถูกปรุงแต่งโดยหลายๆอารมณ์กระทู้  จริงๆแล้วมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่คุณพูดกับคนอื่นไม่ได้หรือมันมากจนพูดได้ไม่หมด  ลองโทรไปก่อนก็ได้มังคะ  จะได้ทราบด้วยว่าท่านอยู่ไหม หรือที่นั่นมีโปรแกรมอะไรสำหรับครอบครัวหรือเปล่า  ไปทั้งครอบครัวก็ดี   เตือนเธอด้วย ตัวอย่างที่เธอทำ เธอพูด ลูกจะจำไปใช้ มันจะดีหรือไม่ อนาคตของเธอก็จะได้รับการปฏิบัติจากลูกแบบเดียวกับที่เธอทำกับคุณย่า จากคุณ : เซฟเก็บตังค์ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 13:07:34

ความคิดเห็นที่ 72 โห...ลามปามถึงบุพการีอย่างนี้ คงต้องคุยกันยาวค่ะ เรายังโสด ไม่มีประสบการณ์แบบนี้ แต่ด้วยความที่เป็นคนตรง อาจมีปัญหากับผู้ใหญ่บ้าง แต่ก็คุยด้วยเหตุผล ปฏิเสธบ้างในสิ่งที่คิดว่า"เกินไป" จนบางครั้งถูกมองว่าหัวดื้อ ถึงแม้จะ"ตรง"หรือ"แรง" จากปากคนอื่น แต่ก็ไม่เคยเอ่ยว่าบุพการีใคร เจอโจทย์แบบนี้ ก็เลยลองคิดดูว่า หากเกิดกับเรา จะแก้ปัญหานี้ยังไง ได้คำตอบมาแบบนี้ค่ะ ขออนุญาตแนะนำนะคะ อย่างแรกคือพื้นฐานครอบครัวคุณ ซึ่งเราไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร คุณให้ความเคารพแม่ แค่ไหน แสดงออกแค่ไหน เคยเอ่ยถึงแม่ในด้านลบให้คนภายนอกฟังหรือเปล่า การแสดงความรักต่อแม่ของคุณ จะเป็นเหมือนกำแพงป้องกันด่านหนึ่ง ที่จะช่วยไม่ให้คนอื่นกล่าวทำร้ายจิตใจทั้งคุณและแม่ เช่นถ้าคุณรักแม่ เอ่ยถึงแม่ในด้านดี ปฏิบัติต่อท่านดีๆ คนอื่นก็จะเกรงใจหากจะพูดถึงแม่ของคุณในแง่ไม่งาม และจะยิ่งไม่พูดให้คุณได้ยิน ด้วยวาจาแรงๆด้วย หากไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็ให้ใช้เวลาตอนทานข้าวร่วมกัน หรือดูหนังร่วมกัน กับภรรยา เปรยขึ้นว่า "แม่ชอบทำกับข้าวอย่างนี้ให้ทานบ่อยๆ ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนอร่อยมากเลย" หรือ ขณะที่ภรรยากำลังป้อนข้าวลูกคนเล็ก ก็บอกว่า "ตอนเด็กๆ แม่ก็ป้อนข้าวผมอย่างนี้เหมือนกัน แม่บอกว่าผมชอบกิน...(สมมติเอา) " แล้วก็ขอให้ภรรยาทำกับข้าวอ่อนๆให้หน่อย เพื่อคุณจะได้นำไปป้อนแม่ หรือ ขณะดูทีวี ที่ไหนที่แม่เคยพาไป เคยทำให้คุณ ก็เล่าให้ภรรยาฟังบ้าง ให้เขาได้มีส่วนร่วมในอดีตที่ดีๆของคุณ ให้เธอได้รักแม่ของคุณอย่างที่คุณรัก สักเล็กน้อยก็ยังดี อาจต้องว่ากล่าวตักเตือนบ้างถ้าเธอว่าแม่ เช่น ทำท่าเฉยชา พูดด้วยเสียงนิ่งๆ หน้านิ่งๆ ว่าคุณไม่ชอบที่เธอพูดแบบนี้ คุณเคารพแม่ และไม่พอใจกิริยาของภรรยา ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลา ต้องใจเย็น และอดทนอย่างที่สุด เพราะคุณอาจได้รับการกระแทกกระทั้น ปฏิเสธ แต่ผลที่จะเห็น นั้นแสนคุ้มค่า ข้อสอง คุณต้องแสดงให้ภรรยาเห็นว่า คุณก็รักเธอ และถึงแม้คุณต้องดูแลแม่ แต่ความรักและเวลาที่มีให้เธอ ต้องไม่น้อยลง ข้อสาม สานความสัมพันธ์ของแม่และภรรยา เช่น เวลาไปไหน ซื้อของมาให้แม่ ก็บอกไปด้วยว่า ไปกับภรรยา และภรรยาช่วยเลือกมาให้ หรือ ทำของมาให้แม่ทาน ก็บอกว่าภรรยาทำ นอกจากนั้น ก็ออกมาบอกภรรยาด้วยว่า แม่ชอบมากเลย แม่ชมว่าอร่อย แม่ชมว่า.... นู่น นี่ นั่น โอ้โห ยาวมากๆเลยค่ะ พอก่อนดีกว่า ไม่รู้ว่าวิธีที่แนะนำนี้ จะใช้ได้แค่ไหน จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วยนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ   จากคุณ : ปภาณชุดา เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 13:25:16

ความคิดเห็นที่ 73 เพื่อนผมคนหนึ่งโมโหภรรยามาก สุดท้ายเขาผสมไซยาไนด์ให้เมียกิน (เหตุ) รับรอง ชาติต่อไป เมียก็เอาผสมไซยาไนด์ให้สามีกิน (ผล) บาปกรรมมีจริง เจ้ากรรมนายเวรมีจริง อย่างทำเลยทำบาปครับ จากคุณ : หนุ่มอัมพวา เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 14:46:02

ความคิดเห็นที่ 74 เข้าใจครับว่าเครียด แต่น่าจะเอาหัวตัวเองโขกข้างฝา!!! ดีกว่าตบหัวลูกด้วยเหตุผลนี้ ผมคิดว่าลูกจะเป็นกำลังใจเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้คุณผ่านพ้นปัญหาไปได้ แต่คุณกลับมาทำเสียอย่างนี้ ถ้าเพื่อนที่มันแนะนำคุณให้ตบลูกมันไม่ได้พูดเล่น ผมแนะนำให้ไปตบกบาลมันกลับ จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 15:07:17

ความคิดเห็นที่ 75 ผมมองว่าเมียคุณทำเกินไปครับ ถ้าไม่พอใจ แค่บ่นๆ ยังพอคุยและใช้เหตุผลกันได้ แต่มาด่าแม่แบบนี้คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ปล. ไม่มีแม่ เราก็ไม่มีวันนี้ครับ แต่ไม่มีเมีย วันนี้และวันหน้าอาจดีกว่านี้ก็ได้ จากคุณ : Tanooki เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 15:12:19

ความคิดเห็นที่ 77 สักวันนึงเธอก็ต้องเป็นแม่ยาย..... ระวังโดนเอาคืนละ จากคุณ : Diamondoid เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 18:00:46

ความคิดเห็นที่ 78 ให้กำลังใจคุณ polymerman แต่ผมคงไม่ได้เสนออะไรมาก เพราะมันเป็นเรื่องภายใน คุณเองคงจะเข้าใจในรายละเอียดดีที่สุด แต่ไม่มีใครให้ระบายนัก มันอึดอัด ของผมก็คงไม่ต่างจากคุณมากนัก ญาติพี่น้องลูกๆของพ่อผม ทุกคนมักจะสั่งว่าให้ผมดูพ่อให้ดี ต้องกตัญญู แต่พวกเขาไม่มีใครยอมเอาพ่อผมไปอยู่ด้วยเลย เพราะนิสัยพ่อผมไร้เหตุผลมากๆเวลาโกรธ ชอบจับผิด ปากร้ายพูดไม่คิด ชวนภรรยาผมทะเราะบ่อย บ้างทีแค่เรื่องข้าวจานเดียว ก็ทะเราะกันบ้านพังได้ เดินผ่านไม่ทักท่าน ท่านก็โกรธจะเป็นจะตายได้ ไม่มีใครกล้าเอาท่านไปอยู่กลัวบ้านพังทำให้คนในบ้านเขาทะเราะกัน ผมไม่ได้อยากจะให้พ่อไปอยู่กับคนอื่นหรอกครับ แต่ผมก็อยากมีอาชีพรายได้เลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัว เลยอยากให้อยากช่วยดูแลบ้าง ผมจะหางานทำปกติเหมือชาวบ้านเขาก็ไม่ได้ ผมต้องพยายามหาอะไรที่สามารถ วิ่งมาดูพ่อได้ตลอด หากพ่อเป็นไร(ซึ่งพ่อผมสามารถเป็นไรได้ทุกเมื่อซะด้วย ด้วยโรคของท่าน  ท่านอายุ85 ปี แล้วครับ ปกติก็ดูแลเกือบ 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว ไม่มีเงินจ้างคนมาดูแล) ผมก็พยายามลองค้าขายเพราะคิดว่าน่าจะมีเวลาดูพ่อได้ แต่เอาเข้าจริง ไม่เป็นไปอย่างที่คิดครับ ขาดทุนย่อยยับทุกโครงการ (เมียผมบอกว่าผมห่วงพ่อเกินไป ค้าขายจริงๆมันต้องทุ่มเทมากกว่างานประจำอีก ผมไม่เถียงเธอครับ) ญาติๆลูกพ่อ มักจะบอกว่า เอ็งจะทำงานอะไรทำมาหากินอะไร เอ็งอย่าทิ้งพ่อนะ(ทั้งๆที่ปีหนึ่งๆ เขาโผล่มาดูพ่อไม่กี่ครั้ง) สมัยก่อนก็ เอ็งจะเข้ามาเรียนต่อกรุงเทพทำไม ใครจะดูพ่อแม่ เรียนกรุงมันไม่ได้ดีอะไรนักหรอก เอ็งอย่าแห่เรียนตามเพื่อนเลย  (แต่ลูกๆเขาเรียนและทำงานกรุงเทพกันหมด ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่ผมยังแข็งแรงดูแลตัวเองได้) เอ็งหาของดีๆให้พ่อกินนะ (แต่ไม่เคยให้เงินผมซื้อ) ตอนหลัง ผมกับแฟน พาพ่อมาอยู่บ้านแม่ยายที่ กรุงเทพ ด้วยหวังว่าอยู่ใกล้ ญาติๆลูกพ่อ แล้วเค้าจะได้แบ่งเวลา มาช่วยเราดูบ้าง ผมจะได้มีโอกาสหางานทำ สรุปก็ไม่แตกต่าง เค้าก็ไม่ค่อยมา เค้าไม่ว่างต้องเลี้ยงหลาน ต้องดูแลสามี ต้องทำงาน ล่าสุดผมคิดว่าอยากเรียนภาษาเพิ่ม(ป.ตรี ม. ราม) เพราะคิดว่าน่าจะมีทักษะติดตัวบ้าง ญาติผมบังเอิญรู้เข้า เขาบอกว่าผมจะเรียนไปทำไม เสียเงินเสียเวลา(ดูพ่อ) (แต่ลูกเขานี้กำลังเตรียมเรียนต่อโทกันทุกคน มีเรียนภาษาที่สถาบันอีก) ท่านๆที่เคยเลี้ยงดูพ่อแม่ประจำอาจจะเคยโดนเรื่องนี้ คือ เราดูแลตลอด เราเลยมีโอกาสทำผิดพลาด หรือไม่ดี ไม่ถูกใจพ่อแม่ มากกว่าคนอื่นที่นานๆ มาสักที ท่านก็จะฟ้องคนนั้นคนนี้ ว่าเราไม่ดี ญาติก็ด่าเราอีก เรื่องที่แรงที่สุดคือเมื่อต้นปีที่แล้ว พ่อทะเราะกับแฟนผม แรงมากๆ ผมรู้อยู่เต็มอกว่าพ่อผมผิด แต่พ่อก็คือพ่อ เมียผมตอนนั้นก็สุดจะทน จะแยกให้ได้ สรุป ผมไม่ได้อยากจะเสียใครไป ผมปวดหัวมากสุึด เลยปิดห้องกินยาและผูกคอตาย ดวงมันไม่ตายครับ แฟนวิ่งร้องให้คนช่วย น้องๆพังประตู(ผมจำไม่ได้หรอกเขาเล่าทีหลัง) ญาติๆมาเยี่ยมผมทำท่าเห็นใจสักพัก แต่สุดท้ายก็เหมือน ทุกคนปากบอกห่วงพ่อ เห็นใจเรา แต่เขาช่วยอะไรเราไม่ได้นัก มีแต่เมียผมที่เห็นใจและยอมอ่อนลงกับพ่อ ทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง ไม่ถือสาพ่อผม (ปกติแฟนเป็นคนไม่ยอมใครถ้าตัวเองไม่ได้ผิด) ผมเลยปลงครับ ดีแล้วที่ไม่ตาย ถ้าตายพ่อผมจะเป็นไงใครจะยอมพ่อดูแลพ่อแบบผม เมียผมจะเป็นไง ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้ทำงานอะไรหรอกครับ ขายที่ขายบ้าน ขายทอง ของเก่า กินไปเรื่อย จนจะหมดแล้ว ญาติพี่น้องลูกๆ พ่อทั้งหลายก็ ทำท่าเห็นใจเวลาผมบ่น แต่เขาก็บอกว่าเขาไม่ว่างจะมาช่วยดูแลพ่อได้เขาต้องทำงาน เขาไม่มีเงินจะช่วยค่าใช้จ่ายผมได้ ดีที่ผมได้เมียดีที่เป็นกำลังใจ(ทั้งที่โดนพ่อผม ชี้หน้าด่าประจำ) ได้แม่ยายดีที่ไม่ว่าอะไรผมนัก ที่เล่าให้ฟัง เพราะว่า บ้างครั้ง ตัวเรา เองล่ะครับที่จะต้องยอมรับแรงกดดันทั้งหมด เพื่อคนที่เรารัก สู้ๆครับ จากคุณ : ช้างทมิฬ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:58:14

ความคิดเห็นที่ 79 เห็นใจค่ะ...คุณ polymerman แม่ป่วยอยู่ ก็เป็นโอกาสที่ลูกจะได้ทำหน้าที่ของลูกที่ดีพึงกระทำอยู่แล้ว แต่ที่เมียคุณบ่นตั้งแต่วันแรกที่เอาแม่เข้าบ้านมา มันก็ไม่ถูก ก็เพราะมีแม่...ถึงมีเรา ส่วนนึงดิฉันมองว่า อาจจะเป็นที่ความสัมพันธ์ระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามี ที่ อาจมีปัญหามาก่อนหน้านี้ หรือ ถ้าไม่ได้มีปัญหากันมาก่อน ก็อาจเป็นที่นิสัยเมียคุณ หรืออาจเป็นความเครียดที่เธอเองมี จากการต้องดูแลลูกเล็ก 8 ขวบ กับ 1 ขวบ อายุขนาดนี้ถือว่ายังยุ่งเอาการอยู่ ลองค่อยๆตั้งสติ แล้วมองหาเหตุดู แล้วแก้ที่เหตุ แต่ก็ควรพูดตรงๆ(ห้ามทะเลาะ)ให้เธอรู้ว่า คุณไม่ยอมรับการดูถูกบุพการี เช่นเดียวกับที่เธอคงทนไม่ได้ถ้าบุพการีของเธอต้องโดนแบบเดียวกัน และถ้าเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม (ซี่งสมัยนี้กรรมติดจรวด)...เธอจะรู้ได้อย่างไร ว่าจะไม่ป่วยและ อยู่ในสภาพเดียวกับคุณแม่คุณ แล้ววันนั้นเธอจะเป็นยังไง สังขารคนเรามันไม่เที่ยง...ไม่ใช่หรือ จากคุณ : ชาเขียว_red tee เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 20:19:22

ความคิดเห็นที่ 80 อดทนเพื่อลูก จากคุณ : OII เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 21:14:01

ความคิดเห็นที่ 81 ให้กำลังใจคุณช้างทมิฬ และคุณ polymerman ค่ะ บ้านเราก็ต้องดูแลยาย อายุ 86 ปีเหมือนกัน ปัญหาอาจไม่มากเท่าพวกคุณ แต่ก็มีบ้างเหมือนกัน เหนื่อยยังไงก็ต้องทำ แม่บอกว่า "แม่คนเดียวยังดูแลไม่ได้ จะให้ไปเลี้ยงใคร" ทำเถิดค่ะ ความกตัญญูเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ยิ่งท่านอยู่กับเรานานขึ้นเท่าไหร่ เวลาที่เราจะได้ดูแลท่านก็น้อยลงไปเท่านั้น เลี้ยงดู อุ้มชูให้ดี พูดคุย กราบไหว้ขอพรจากท่าน ไม่ต้องไปวัดสำนักไหน พรจากบุพการีนี่แหละประเสริฐสุด คนกตัญญู มีแต่เจริญยิ่งขึ้นไปทุกคนค่ะ ทำซะตั้งแต่ยังมีโอกาสนะคะ จากคุณ : ปภาณชุดา เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 22:24:40

ความคิดเห็นที่ 82 ความรุนแรงจะยุติได้ต้องไม่ใช้ความรุนแรงตอบ ไม่ตบ ไม่ตี ไม่ด่าทอ ไม่ว่าเมียหรือลูก ไม่ว่าลูกคุณหรือลูกใคร จัดการกับเมียไม่ได้ ไปลงกับเด็กไม่มีทางสู้เช่นนี้ไม่สมควรใหญ่เลย อีกหน่อยเด็กก็จะทำตาม รักแกคนที่เด็กกว่าหรือหมาแมวก็ตีเล่นเพื่อความสะใจ ปัญหาทุกอย่างเกิดแต่เหตุ พึงแก้ที่เหตุ ผมรู้สึกว่าบางความเห็นในที่นี้ดูถูกน้ำใจลูกผู้หญิงกันเกินไป เมียไม่ใช่สมบัติของผัว ทุกคนต่างเป็นปัจเจกชน มีผิดมีถูกเหมือนกัน เมียหรือผัวไม่ใช่ของมีไว้ตบเล่น หรือไว้ปล่อยความรุนแรงใดๆ ได้ตามใจชอบ เลิกได้แล้วการทำพฤติกรรมตามละครน้ำเน่า หนังไทยโบราณ คนรุ่นใหม่มีการศึกษา ไม่ตบตีกัน ไม่ใช้กำลังในการแก้ปัญหา จากคุณ : SummerMan เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 07:42:04

ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อวานนี้เข้ามาอ่าน ๆแล้วไม่กล้าตอบ เฮ้อ..การมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ จะหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆนะคะ การที่ภรรยาคุณ  polymerman ไม่ชอบคุณแม่สามีนั้น จะต้องมีสาเหตุด้วย ต้องหันหน้าเข้าหากัน พูดกับภรรยาของคุณ เมื่อตอนที่เขาสบายใจที่สุด ปรับทุกข์ให้เขาฟัง ว่า ทุกอย่างเป็นความผิดของคุณเอง ที่ทำให้เกิดภาระ และก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เอาใจใส่และรับรู้ในความยุ่งยากใจของเมีย ที่จะต้องอยู่ร่วมกับแม่สามี ซึ่งบางครั้งแม่สามีอาจทำอะไรไม่ถูกใจ และคงร้ายกะเมีย แต่เราเมินเฉย ไม่รับรู้ไม่แสดงความเห็นอกเห็นใจเมียมาแต่ต้น เลยทำให้เป็นแผลทางใจที่สะสมมานาน พออีกฝ่ายอ่อนแอ เลยถึงเวลาแสดงออก คุณ  polymerman จะต้องเป็นฝ่ายพูดกะภรรยาคุณ ให้เขารับรู้ความเสียใจที่ได้ปล่อยปละละเลย ไม่เคยปลอบใจให้กำลังใจเขา ซึ่งคุณมัวแต่เข้าข้างเอาใจคุณแม่ โดยไม่ได้คิดถึงใจอีกฝ่าย ทำให้ภรรยาคุณเก็บสะสมไว้ในใจ อัดอั้นจนไม่มีที่ระบาย พอได้เวลาก็จะเป็นเช่นนี้ คุณ polymerman ละเลยความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนนี้ไป ผู้หญิงโดยมากคิดเล็กคิดน้อยมากกว่าผู้ชาย ยิ่งอีกฝ่ายไปทางนั้น เขาจะต่อต้าน เพราะคุณขาดการเอาใจทางนี้นั่นเอง ภรรยาคุณคงเหนื่อย และคุณแม่ยามสบายดีอาจพูดอะไรๆที่ไม่ถนอมน้ำใจลูกสะใภ้ก็ได้ ความอดทนนี้จึงมีทางสิ้นสุดเมื่อถึงเวลา คุณไม่ได้ปรับตัว เรียนรู้ความรู้สึกของคนรอบข้างเลย คุณเอาแต่ไปปรับทุกข์กับเพื่อน ซึ่งเพื่อนที่ดีนั้น จะไม่พูดอย่างนี้ แต่ละคำพูดจะชวนให้ความสัมพันธ์ที่ดีขาดสะบั้นลงด้วยซ้ำ แนะนำแต่เรื่องให้ครอบครัวแตกร้าวแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อนแล้วค่ะ และอีกอย่าง คุณกลัวที่จะพูดอย่างเปิดใจกับภรรยา คุณไม่กล้าหาญพอที่จะแสดงออกว่า รักแม่ อย่าทำอย่างนี้กะแม่ผม เธอเองก็รักแม่ ทำไม?ไม่คิดว่า ผมก็นับถือแม่ยายเท่าๆกับแม่ผม ..อ่ะ..ก็แสดงให้เห็นว่า คุณ  polymerman เองก็ไม่ได้รักนับถือแม่ยายจริง ภรรยาจึงไม่ได้รับผลสะท้อนนี้ ถ้ามองย้อน คุณ  polymerman จะค่อยๆเห็นสิ่งที่ผ่านไปทีละจุด สมองคนเราไม่หลอกตัวเองหรอก มันเหมือนเท็ปที่รีเพลย์ได้ ทำสิ่งใดได้สิ่งนั้น หาเวลาพูดคุยกับภรรยาให้รู้ความในใจ บอกเธอไปเลยว่าคุณผิดมาตลอดที่ทำให้เกิดความทุกข์ทั้งสองฝ่าย พยายามทำให้เธอใจเย็นลง โน้มน้าวถึงบาปบุญคุณโทษ ทำดีไม่ไปไหนหรอก จะย้อนกลับมาหาเอง ลูกๆจะมองความเป็นไปของพ่อแม่ ทำดีกับแม่ผม ยกโทษให้สิ่งที่แล้วๆมาของแม่ผมด้วย ต่อไปคุณจะเป็นสามีที่ดี จะรักและเข้าใจความรู้สึกของเมียให้มากขึ้น เพราะจะอย่างไร ก็ต้องอยู่เพื่อลูกที่ยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ พูดถึงสิ่งที่คุณละเลยให้เธอใจอ่อนให้ได้ นะคะ เท่าที่อ่านคุณ  polymerman เป็นคนอ่อนไหว และไม่กล้าต่อต้านสิ่งที่ขัดตาขัดใจ ใครก็ตาม ที่เกริ่นว่าแม่เราให้เราได้ยินแบบนี้ แปลว่าเขาไม่ได้รักเราเลย จึงระบายออกมาแบบนี้ ก็..อย่างที่เล่ามาแต่ต้น คุณอาจผิด ที่ไม่ได้แสดงออกและอธิบายสิ่งที่ผ่านไป ละเลยจนเป็นสาเหตุทำให้เธอเป็นเช่นนี้ คุณรักแบบเกรงใจแบบนี้ไม่ถูกต้อง เป็นผัวเมียกันต้องเถียงกันให้อีกฝ่ายรู้ถึงความในใจให้กระจ่าง อย่าเก็บสิ่งที่ไม่ถูกใจมากเกินไป จะกลายเป็นแผลร้ายทางใจได้ ต้องแสดงความรู้สึกนึกคิดให้ต่างฝ่ายต่างได้ระบาย สรุป..พอคุณทำอะไรไม่ได้ ก็มาลงที่ลูก..แล้วนึกหรือว่า ลูกที่คุณทั้งสองรัก จะไม่มีผลตามมา.. เฮ้อ...ช่วงนี้คุณแม่ไม่เป็นไรแล้ว มีจ้างคนมาดูแล24ชม.แล้ว หากไม่รู้จะปรับทุกข์วิธีไหนดี ลองพาลูกเมียไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปไหว้พระ ไปฟังพระเทศน์บ้าง เผื่อคุณทั้งสองจะสบายใจขึ้น การได้ไปไหว้พระด้วยกัน จะทำให้ใจสบาย จิตผ่องใส พูดกับลูกเพราะๆ ให้รักพ่อแม่นะ เพราะพ่อรักแม่ ลูกต้องรักแม่นะ สิ่งละเอียดนี้ จะทำให้ภรรยาคุณคิดถึงตัวเอง คำว่า แม่ นั้นยิ่งใหญ่ จะช่วยแก้กรรมได้ พร่ำสอนลูกให้รู้จักว่า พ่อมีพระในบ้านที่พูดได้ ให้ศีลให้พรได้ ไม่รู้พระในบ้านจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน? พ่อจะดูแลพระในบ้านให้ดีที่สุด คุณ  polymerman จะต้องดูแลเอาใจใส่ลูกเมียให้มากกว่าเดิมนะคะ อย่างน้อยๆก็ทำให้สิ่งที่ขาดหายไปให้ดีขึ้น และจะซื้อใจเธอได้ไม่มากก็น้อย กาลเวลาจะเยียวยาและชดเชยสิ่งที่หายไปให้กลับมาดีได้เหมือนเดิม ขอให้มีกำลังใจ และใจอย่าไปวอกแวกอย่าไปเชื่อเพื่อนคุณคนนี้อีกแล้ว เพราะแนะนำมาแต่ละอย่าง คนดีๆเขาไม่ทำกันหรอก. แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 23:41:07 จากคุณ : สุเกียง เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:33:47

ความคิดเห็นที่ 84 === นอกเรื่อง : กราบขอบพระคุณทุกท่าน คุณแม่ผมจากไปแล้วตอนดึกวันที่ 25 มค === จากคุณ : polymerman เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:47:10

ความคิดเห็นที่ 85 โอ..ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณแม่คุณpolymerman ด้วยนะคะ เฮ้อ...พันคนทุกข์พันอย่าง ไม่ได้ทุกข์เรื่องเดียวกัน ขอให้มีกำลังใจและสู้ๆค่ะ จากคุณ : สุเกียง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:06:55

ความคิดเห็นที่ 86 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:17:57

ความคิดเห็นที่ 87 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทั้งเรื่องแม่และเรื่องเมีย จากคุณ : winsg เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:32:58

ความคิดเห็นที่ 88 ขอให้ท่านไปสู่สุคติครับ สำหรับเรื่องสามีภรรยา เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วผมไปงานแต่งงานลูกชายของเพื่อน ผมเขียนลงในสมุดอวยพรว่า ขอให้ใช้เหตุผลกันให้น้อยๆ แต่พยายามใช้"เมตตาธรรม" กันให้มากๆ ผมเขียนจากประสบการณ์ชีวิตแต่งงานสิบแปดปีที่ผานมา ถ้าต่างฝ่ายต่างใช้เหตุผลกันมากๆ   ป่านนี้เลิกกันไปนานแล้วครับ เพราะยังไงเหตุผลของฉัน  ก็ต้องดีกว่าเหตุผลของเธอ ที่อยู่กันมาได้จนทุกวันนี้ เพราะเมตตาธรรมของภรรยา  มีมากกว่าของผม ไม่ใช่ว่าเหตุผลของใคร  มีมากกว่ากันครับ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 08:14:33

ความคิดเห็นที่ 89 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ผมอยากแสดงความคิดเห็นหน่อยนึงคือ เราปฏิบัติอย่างไรกับพ่อแม่ของเรา ลูกๆของเราก็จะปฏิบัติอย่างนั้นกับเราเช่นกัน ขอให้บุญรักษาครับ จากคุณ : Naicollo เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 08:25:32

ความคิดเห็นที่ 90 เอาสำลีอุดปากเมียครับ จากคุณ : changcp เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 08:36:38

ความคิดเห็นที่ 91 เวรกรรมมีจริงครับ บอกเมียคุณระวังกรรมสนองครับ ทำอะไรก็จะได้สิ่งนั้นกลับคืนครับ เสียใจด้วยครับสำหรับเรื่องคุณแม่ บอกให้เมียขออโหสิกรรม และทำบุญให้ท่านเยอะๆจะได้ผ่อนหนักเป็นเบาครับ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 09:44:32 จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 09:39:46

ความคิดเห็นที่ 92 ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ จากคุณ : gold digger เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 09:43:46

ความคิดเห็นที่ 93 ขอแสดงความเสียใจกับคุณ polymerman ด้วยค่ะ ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปค่ะ พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ว่าทุกข์มีอยู่จริง แต่ไม่ได้ให้นิ่งเฉย ทรงแนะวิธีดับทุกข์ คือรับรู้ว่ามีอยู่จริง ได้เกิดขึ้นในใจเรา ก็ให้แก้ด้วยการดับทุกข์ออกจากใจเรา  เมื่อดับทุกข์ในใจเราได้แล้ว ต้องหาสาเหตุแห่งทุกข์ เพื่อดับทุกข์ต่อไป  หวังว่าคุณจะใช้ทั้งสติ และปัญญา ในการคิดแก้ปัญหาครอบครัวในครั้งนี้  คิดเพื่อแก้ปัญหาให้ครอบครัวเดินหน้าต่อไปได้อย่างผาสุก ไม่ใช่คิดตัดปัญหาด้วยการเลิกร้างนะคะเพราะนั่นจะเป็นการสร้างปัญหาใหม่ให้กับลูกๆและสังคมข้างหน้าค่ะ การแก้ปัญหากับการตัดปัญหาไมเหมือนกัน  สิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตคือ สติที่รู้เท่าทันทุกข์และปัญหา และปัญญาในการค้นหาสาเหตุแห่งทุกข์และวิธีแก้ไข จะแก้ไขสิ่งใดหรือตัวใครให้เริ่มจากตัวเราก่อนเสมอ แก้ใขใจของเราเป็นอันดับแรก เมื่อใจนิ่งและเย็นลงแล้วจึงถือว่าพร้อมที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆต่อไป รวมเผื่อแผ่ถึงคนรอบข้างด้วยค่ะ ตอนนี้คุณอาจรู้สึกเหมือนถูกความทุกข์รุมเร้าในหลายสิ่ง ทั้งสูญเสียคนที่คุณรัก และผิดหวังต่อภรรยาที่เคยรัก ทำใจให้สงบนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดและดับไปเสมอ ทุกข์สุขเกิดๆดับๆอยู่ตลอดวิถีของชีวิตเราค่ะ ทุกข์เก่าไปทุกข์ใหม่มา ครั้งนี้ก็เช่นกันมันจะผ่านพ้นไป คนที่ฉลาดและมีปัญญาเท่านั้นที่จะรู้เท่าทันและเอาทุกข์นั้นมาเป็นบทเรียนฝึกฝนจิตใจ อีกสิ่งหนึ่งนอกจากสติ และปัญญา ความรู้เท่าทันทุกข์แล้ว ตัวที่จะกำจัดความโกรธ ความผิดหวังได้ดีที่สุดคือ เมตตาค่ะ  เมตตาต่อตัวเราเองก่อน อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการกักขังความทุกข์ไว้ในจิตใจ  จึงเริ่มเมตตาต่อผู้คนรอบข้างออกไปเรื่อยๆ เมตตาต่อภรรยาที่เค้ายังไม่เข้าใจในธรรมชาติของชีวิต เมตตาต่อเค้าที่เค้ายังห่างไกลจากคำว่าสุขในจิตใจ เมตตาต่อเค้าที่เค้ายังหลงผิดไม่เข้าใจถึงคำว่าความใฝ่ดี  ถ้าคุณเมตตาเค้าได้ยิ่งมากเท่าไร เมื่อนั้นคุณจะมีแรงใจแรงการอดทนต่อเค้าและสามารถชักนำเค้าไปในทางที่ดีได้เองค่ะ   หากคุณอยากได้สิ่งดีๆคุณต้องเริ่มจากความดี ความคิดดี ความรู้สึกดี ความตั้งใจดี ความเมตตาและอ่อนโยนค่ะ แต่ความดีแตกต่างจากความไม่ดีตรงที่มันทำได้ยากกว่ามากเพราะต้องอาศัยความอดทนฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในการปล่อยวางจิตใจของตนเอง แต่ผลของมันนั้นดีเสมอค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : time zone เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:14:47

ความคิดเห็นที่ 94 แต่ละครอบครัวมีปัญหาต่างกันไป ทำได้เพียงให้กำลังใจและขอให้มีสติ เรื่องของเวรกรรมเป็นเรื่องเกินกว่าที่เราจะหยั่งรู้ ขอให้คุณทำดีที่สุดในวันนี้เพื่อที่อนาคตจะได้ไม่ต้องเสียใจ ตอนนี้ดิฉันก็ต้องดูแลคุณพ่อที่มีลูก 6 คน แต่ลูก 4 คนไม่เคยสนใจเคียดแค้นพ่อหาว่าไม่ให้สมบัติทั้งที่เอาไปเยอะแต่ไม่คิดว่าได้มาจากพ่อ ดิฉันเป็นคนที่จนที่สุดในบรรดาพี่น้อง ต้องนำเงินที่คุณพ่อให้ไว้ลงทุนเพื่อเลี้ยงตัวเองและคุณพ่อออกมาใช้ ก็ได้แต่คิดว่าทำดีที่สุดถ้าทำดีแล้วดิฉันจะต้องหมดตัว ยากจน ไมมีจะกินก็ให้มันรู้ไป ว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี อยากให้ จขกท อย่าท้อไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้ดูแลคุณแม่อย่างดีที่สุด คุณดูแลเองก็ได้ หรือจ้างพยาบาลศูนย์มาดูจะได้ไม่ต้องรบกวนภรรยา จากคุณ : Noopy&Wood เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:23:35

ความคิดเห็นที่ 95 คุณ time zone เขียนได้ดีมากครับ จากคุณ : smokerfield เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:25:23

ความคิดเห็นที่ 96 เมียนั้นจะหาเมื่อไหร่ก็หาได้ ..........แต่แม่มีคนเดียว ไม่มีใครมาแทนที่ได้ แฟนด่าผมเป็นพันๆ คำ ผมทนได้   ........แต่ถ้าด่าแม่ผมแม้แต่คำเดียว ผมทนไม่ได้ครับ เรื่องสำคัญที่สุดของคุณในขณะนี้คือ ดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนนึงจะทำได้ครับ ชีวิตนึง คุณจะได้มีโอกาสตอบแทนพระคุณท่านซักกี่ครั้ง ถ้ารอจนท่านไม่อยู่กับเราแล้ว.....ก็ไม่รู้จะไปทำดีชดเชยยังไงแล้วครับ จากคุณ : อภิมหาชาตบุตร เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:38:22

ความคิดเห็นที่ 97 เพิ่งจะอ่านเห็นด้านล่างๆ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ จากคุณ : อภิมหาชาตบุตร เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:42:27

ความคิดเห็นที่ 98 มาให้กำลังใจ จขกท และทุกๆ คนที่มีปัญหาครับ ปัญหามา ปัญญามี จากคุณ : noosa เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:49:08

ความคิดเห็นที่ 99 แสดงว่า เธอคงต้องเครียดมากๆ รู้สึกเป็นภาระมากขึ้นหรือเปล่า ลองหาทางแบ่งเบาภาระเท่าที่คุณทำได้ และหาโอกาสตอนอารมณ์ดีๆ ใจเย็นๆ คุยกับภรรยาว่า แม่เราเลี้ยงเรามา เราจำเป็นต้องดูแลแม่ยามเจ็บป่วย  ไม่มีแม่ ก็ไม่มีเรา และการทราเราทั้งคู่ ดูแลแม่ที่กำลังป่วยตอนี้อย่างดี นั่นกำลังจะเป็นตัวอย่างให้แก่ลูกๆเราเห็นว่า หน้าที่ของลูกที่ดี พึงทำอย่างไร ขอให้คุณใจเย็นให้มาก ยามที่คนในบ้านเจ็บป่วยเรื้อรัง แบบนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องในบ้านจะเครียดไปด้วยค่ะ เชื่อว่า คุณเองก็คงแทบคลั่งกับปัญหาแบบนี้ค่ะ  ใจเย็นๆนะคะ ทนไม่ได้ก็เดินหนี อย่าต่อปากต่อคำกับเมีย จะยิ่งไปกันใหญ่ค่ะ หากคุณรักลูกทั้งสองของคุณ คุณต้องรักและใส่ใจภรรยาให้มากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเธอมีความสุขเธอ จะดูแลลูกทั้งสอง และทุกคนในบ้านเป็นอย่างดี อย่างน้อยที่สุด เธอจะไม่อาละวาด อารมณ์เสีย ก่อเรื่องให้คุณไม่สบายใจ หากคุณพอจะมีการเงินที่พอจ่ายได้ ขอแนะนำให้จ้างคนมาดูแล คุณแม่โดยเฉพาะเลยค่ะ  ที่บ้านดิฉันก็ใช้บริการพี่เลี้ยงคนชราอยู่ค่ะ ก็ช่วยแบ่งเบาภาระลงไปได้เยอะค่ะ อย่าท้อแท้นะคะ ปัญหามีไว้ให้เราจัดการค่ะ แล้วคุณจะผ่านมันไปได้ในไม่ช้านี้ค่ะ สู้ๆนะ จากคุณ : มด2002 เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:58:32

ความคิดเห็นที่ 100 พูดกับเธอดีๆ ขอร้องว่าอย่ามาว่าแม่เรา หรือให้เพลาๆ ลงบ้าง เพราะเราได้ยินแล้วไม่สบายใจ (ประนีประนอมไว้ เห็นแก่ลูกนะครับ แต่อยากไปบอกเธอล่ะว่าเราเห็นแก่ลูก ผู้หญิงบางคนถ้าได้ยินแบบนี้ ท้าหย่าก็มี แบบว่าวุฒิภาวะไม่ถึง เอาแต่อารมณ์ และต้องการชนะเป็นหลัก) จากคุณ : ตุ๊กไก่ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 11:52:59

ความคิดเห็นที่ 101 เป็นผม เลือกแม่ ไม่เลือกเมีย แต่เหตุผลที่บางครั้งเราเลือกไม่ได้ คงเป็นเพราะบางสิ่งที่คุณอาจจะรู้ หรือว่าไม่รู้ ต้องดูว่าก่อนนั้น แม่เราดีกับเมียหรือเปล่า ถ้าแม่เราทำดีกับเมียจริง ๆ นะ ขอย้ำว่าจริง ๆ ไม่ยากเลย เลิกเมียเถอะ ผมเชื่อว่าคุณก็เป็นได้ทั้งพ่อและแม่ ถ้าไม่อยากให้ลูกคุณได้เห็นภาพที่เด็กด่าผู้ใหญ น่ะนะ ผมว่าไม่ยาก แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 11:58:10 จากคุณ : เจ๊สีแดง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 11:56:48

ความคิดเห็นที่ 102 ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณแม่นะค่ะ และเสียใจแทนที่มีเมียแบบนี้ ด่าตัวเราเองพอทนได้  ด่าแม่เรารับไม่ได้จริงๆค่ะ จากคุณ : รักหวางหลุง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 12:47:35

ความคิดเห็นที่ 103 คุณดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนนึงจะทำได้ ส่วนเมียคุณลองให้เวลาเค้าหน่อยครับ จากคุณ : theopp เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 13:03:08

ความคิดเห็นที่ 104 มาให้กำลังใจครับ จากคุณ : เจ้าชายชาเย็น เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 15:04:31

ความคิดเห็นที่ 105 แม่มีคนเดียวในโลก เมียจะมีกี่คนก็ได้ในโลก จากคุณ : AprilSnow เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:22:31

ความคิดเห็นที่ 106 อึ้งเลยค่ะ เคยเจอแต่แม่แฟนทำกับย่าของแฟน แต่ก็ไม่ได้ใช้คำพูดรุนแรงขนาดนี้ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : I found you finally เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:42:02

ความคิดเห็นที่ 107 ผมเองเคยด่าแม่ยาย แต่มีเหตุผลในการด่า แต่กรณีของคุณนี่ ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ไม่รู้คนแก่ไปทำอะไรให้ จากคุณ : arpeggio เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 19:11:33

ความคิดเห็นที่ 108 น่าจะจับเข่าคุยกัน สงสารลูก เดี๋ยวครอบครัวไม่สมบูรณ์เป็นปัญหาต่อไปอีกยาว จากคุณ : Just_Looking เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 19:26:46

ความคิดเห็นที่ 109 แม่มีคนเดียวครับ เมียมีกี่คนก็ได้ จากคุณ : พ่อน้องบุ๊ค เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 20:11:21

ความคิดเห็นที่ 110 มาให้กำลังใจคะ  และแสดงความเสียใจด้วยคะ จากคุณ : ต้นอ้อ ใบหลิว เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 21:03:55

ความคิดเห็นที่ 111 โดยส่วนตัวตัวเราเองเคยเจอมากับตัวคือตอนลับหลังแฟน เวลาที่แฟนไปทำงานแม่แฟนมักจะชอบมาใช้เรายังกับทาส และชอบว่ากระแหนะกระแหนทำยังกับว่าเคยเป็นคู่อาฆาตกันมาก่อนทั้งๆที่ไม่เคยเถียงสักคำ แถมยังเอาเราไปว่าข้างนอก กับการที่เราเป็นแม่ม้ายลูกติดตั้งแต่อายุยังน้อย แฟรเราก็รักลูกเราเพราะลูกเราก็เรียบร้อยไม่ได้มาอยู่ด้วยกันอยู่กับแม่เรา แต่พอแฟนกลับมาก้มาพูดดีกับเราต่อหน้าแฟน แต่เราก็ไม่โกรธเค้าหรอกแค่คิดว่าคนเป็นแม่ก็เป็นแบบนั้น โดยเฉพาะคนจีนด้วยแล้วต้องทำใจ แม่สอนมาแบบนั้น ส่วนพี่สาวสอนว่ารักแม่เรายังไงก็ต้องรักแม่เค้าอย่างนั้น พี่สาวไม่ใช่แม่ม่ายทำงานเก่งโดนหนักกว่าเยอะ ยิ่งกว่าคนงานที่โรงงานเสียอีก เราเลยคิดว่าเรายังโชคดีกว่าพี่สาวอีก แต่แม่แฟนเค้ารักพี่สะใภ้แฟนเอาอกเอาใจสารพัด  พอเค้าป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายแต่เค้าไม่ได้ทรมานเหมือนคนปกติแค่เอาแต่นอนเท่านั้น แม่เค้าเลือกที่จะให้พี่สะใภ้ดูแล แต่สุดท้ายเค้าก็เจอแบบที่เค้าทำกับเรา พี่สะใภ้เรียกอีแก่ทุกคำลับหลังพี่ชายแฟนแต่ต่อหน้าเรา เพราะแม่พูดไม่ได้แล้วได้แต่นอนน้ำตาไหลเราอยากให้ลองถามแฟนดูก่อนว่ามีปัญหาอะไรกับแม่หรือเปล่า  เราเคยดูหนังเกาหลีเรื่องนึงพ่อสามีจะสอนลูกชายว่าต่อหน้าแม่ให้เข้าข้างแม่ พอลับหลังแม่ค่อยมาอ้อนเมียในกรณีต้องคุยกันก่อน แต่ของคุณคงต้องกลับกันก้ลองคิดดูเอาเองแล้วกันนะขอให้โชคดี จากคุณ : คุณนาย44แล้วนะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 22:07:23

ความคิดเห็นที่ 112 เศร้าจัง  น้ำตาจะไหล จากคุณ : โตขึ้นจะเป็นเซียน เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 22:12:29