ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจะเอาละเอียดก็คงต้องซื้อหนังสือมาอ่านเลยครับ เคยเห็นที่ ซี เอ็ด เกี่ยวกับการทำธุรกิจส่วนตัวหลายอย่าง รวมถึง ซัก อบรีดด้วย ลองดูนะ จากคุณ : สู้ (Hallgood) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 15:43:45

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เคยทำกิจการ แต่เคยเข้าพันทิป มาเกต เซ้งกิจการ จะมีบอกว่าอุปกรณ์ที่ให้ มีอะไรบ้าง ทำให้ทราบว่าร้านซักรีด จำเป็นต้องมีอะไรบ้าง ลองเข้าห้องพันทิป มาเกต ดูค่ะ ทั้งเซ้งกิจการ  ขายเครื่องซักผ้า สำหรับหยอดเหรียญ ขนาดเท่าไหร่ ลองไปคลิกๆ ดูนะค่ะ ถ้าเป็นหยอดเหรียญ อย่างเดียว ไม่ค่อยเหนื่อย แรง แต่ถ้าเป็น รีดด้วย ซักด้วยอาจเหนื่อยหน่อยนะค่ะ จากคุณ : onlycat เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 17:43:35

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเอาแบบพอเปิดร้านได้ ก็ไม่ต้องลงทุนมากครับ เครื่องซักแบบที่ใช้ตามบ้านสักเครื่อง เครื่องอบผ้าแบบใช้ไฟฟ้า เตารีดแบบธรรมดาหรือแบบไอน้ำขนาดเล็กๆ กับโต๊ะรีด บวกกับอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ประกอบกิจการ เช่นตะกร้าใส่ผ้า ถุงใส่ผ้า ไม้แขวนเสื้อ เป็นต้น แต่...อุปกรณ์หลักที่กล่าวมานั้น มันไม่ทนทานพอสำหรับงานซักรีดนะครับ ข้อดีเพียงอย่างเดียวคือ มันมีราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับเครื่องมือระดับอาชีพหรือที่เรียกว่า เฮฟวี่-ดิวตี้ หรือเครื่องมือประเภทใช้งานอุตสาหกรรม คุณสามารถเริ่มต้นไปกับเครื่องใช้ในบ้านแบบนั้นได้ ถ้าหากคุณมีใจสู้และพร้อมที่จะปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าคุณตั้งใจจะยึดอาชีพนี้และตั้งใจจะทำให้มันดีตั้งแต่เริ่มต้น คำว่า ดีตั้งแต่เริ่มต้นนั้นหมายถึง คุณไม่ต้องมาปวดหัวกับความไม่พร้อมของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพของมันและความทนทานแบบไม่ต้องซ่อมบ่อยๆ หากคุณ จขกท.สนใจที่จะรับทราบรายละเอียดที่ควรจะต้องเตรียม ก็บอกมาที่กระทู้นี้เลยนะครับ ( ไม่รับติดต่อหลังไมค์ครับ ) ผมจะกลับมาอธิบายเพิ่ม โดยจะเล่าประสบการณ์ของงานประเภทนี้ ( ว่ามันน่าปวดหัวดีแท้แค่ไหน ) แต่ไม่รับติดต่อซื้อ-ขายอะไรทั้งสิ้นนะครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 03:37:17

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ HeadRock ครับ ผมสนใจอยากทราบรายละเอียดครับ ไม่ทราบว่าจะเล่าสู่กันฟังได้หรือเปล่า จากคุณ : khunj เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 04:17:15

ความคิดเห็นที่ 5   เป็นธุรกิจที่น่าสนใจจริงๆ เห็นที่หอพัก ร้านซักรีดร๊วยรวย แต่เหนื่อยมาก ทำงานทั้งวัน จากคุณ : richly @ money เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 10:47:07

ความคิดเห็นที่ 6 ครับท่าน khunj จากประสบการณ์ที่ผมทำธุรกิจนี้มานานกว่า15ปี เริ่มต้นแบบตามมีตามเกิด อาศัยใจสู้ พบอุปสรรคอะไรไม่เคยยอมแพ้ เหมือนๆกับทุกสาขาอาชีพก็คงจะต้องเจอกับปัญหาทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละท่านว่า จะดันต่อไปให้สำเร็จหรือวางมือยอมแพ้แล้วหันไปหาอย่างอื่นที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า อันดับแรกที่ผมคิดว่าสำคัญมากก็คือ เจ้าของกิจการนี้ ควรจะมีความชำนาญในการรีดผ้า ฟังเหมือนง่าย แต่ร้านจะเกิดหรือดับก็อยู่ตรงนี้แหละครับ รีดอย่างไรให้เนี๊ยบ เนื้อผ้าไม่เสียหาย และ ต้องทำได้คล่องแคล่วรวดเร็ว ถามว่า ถ้าทำเองไม่ได้ จะอาศัยจ้างพนักงานเก่งๆได้ไหม...ตอบว่าได้ครับ แต่อาชีพนี้มันทำเองได้ไม่ยากนี่ครับ คนที่มีฝีมือคงจะไม่เป็นลูกจ้างใครนานๆ ไหนจะเหตุการณ์ที่พนักงานจะต้องป่วยบ้าง ขาดงานบ้าง เกเรบ้าง งานบริการนั้นสำคัญที่ความตรงต่อเวลา ปล่อยให้ลูกค้ามารอผ้าสัก2-3ครั้ง วันหลังเขาไม่มาใช้บริการแล้วล่ะครับ เจ้าของกิจการเท่านั้นที่จะทนทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนเองได้มากที่สุด ลูกจ้างนั้น ถ้าขยันเกินเหตุล่ะก็ เขาไม่มาเป็นลูกจ้างใครหรอกครับ การที่เจ้าของรู้จักและทำเองได้ทุกขั้นตอนของงานนั้น ก็สามารถควบคุมและสอนงานให้กับพนักงานรุ่นใหม่ๆได้ตลอดเวลา ลูกน้อง..ถ้ามันเห็นลูกพี่เก่งกว่า จะไม่ค่อยกล้าหือ แต่ถ้ามันรู้ว่า เราขาดเขาไม่ได้ ก็เตรียมใจรับปัญหาต่างๆจากพวกเขาได้เลยครับ ท่้านเจ้าของกิจการทั้งหลายคงไม่อยากคุยกับลูกจ้างที่ทำตัวน่าหมั่นไส้..ใช่ไหมครับ นี่เป็นเพียงบทเริ่มต้นของรายละเอียดข้อแรกครับ ยังมี...อีก...เยอะ หากท่านที่คิดจะทำธุรกิจนี้ ยังไม่ถอดใจ ผมจะกลับมาเล่า ในครั้งต่อไปนะครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 14:07:32

ความคิดเห็นที่ 7   รอติดตามค่ะ เห็นด้วยมากๆ เรื่องเวลานัดหมายที่บ้านดิฉันให้สำคัญจริงๆ ตอนนี้ที่บ้านใช้บริการที่นึง กำหนดเสร็จ 3 วัน ส่งผ้าวันเสาร์เช้า รับผ้าวันอังคาร(ตามเวลาเปิดร้าน) แต่ปกติจะไปรับผ้าวันพุธช่วงเย็น เดือนที่แล้ววันอังคารตอนมืดๆแวะเข้าไปรับผ้า ปรากฎว่าไม่เสร็จ พนักงานบอกว่าทุกทีพี่มาวันพุธ หนูเลยยังไม่ได้ทำให้ เสียความรู้สึกพอสมควร ตั้งใจเปลี่ยนร้าน (ไปสำรวจร้านใหม่มาแล้ว) แต่ตอนนี้ยังให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าคราวหน้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก คงเปลี่ยนร้านค่ะ จากคุณ : richly @ money เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 15:15:20

ความคิดเห็นที่ 8 อ่า...คุณrichly @ money ครับ ใจเย็นๆครับ เรื่องแบบนี้ผมเจอมาเยอะเจอจนชิน ลูกค้าของผมหลายรายที่เลิกใช้บริการไป เพียงเพราะผิดใจเล็กๆน้อยๆ บางเรื่องก็เป็นความผิดของร้าน และหลายครั้งที่เป็นความผิดของลูกค้าเอง ไม่มีงานบริการอะไรที่จะไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดหรอกครับ สำคัญตรงที่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว เจ้าของกิจการจะได้ทำการแก้ไขหรือเยียวยาให้เป็นที่พอใจได้ในระดับไหน และด้วยนิสัยแบบคนไทย ลองถ้าผิดใจแล้วมักจะใช้ทิษฐิ ถือว่าเป็นลูกค้า เป็นผู้จ่ายเงิน จะเปลี่ยนไปจ่ายที่ร้านอื่นก็ได้ ร้านอื่นที่ว่านั้น บางทีก็ยังไม่เห็นฝีมือ ยังไม่รู้ใจกัน เปลี่ยนไปแล้ว บางทีก็ไม่ดีกว่าร้านเก่า โชคร้ายอาจจะไปเจอร้านชุ่ย ทำผ้าเสีย-หายให้ปวดหัวอีกต่างหาก แต่ความทิษฐิที่มี ทำให้ไม่สามารถตากหน้ากลับมาหาร้านเดิมได้ ผมอยากให้ข้อคิดสักนิดว่า ถ้างานบริการโดยรวมมันดีอยู่แล้ว เรื่องเล็กน้อย ถ้าพออภัยได้ ก็ให้ๆไปเถิด เอาเวลาไปคิดทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ดีกว่าครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 15:53:01

ความคิดเห็นที่ 9   ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นและคำแนะนำค่ะ จริง ๆ แล้วตอนนี้ก็มีอาชีพประจำอยู่เพียงแต่ว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจบวกกับต้องเลี้ยงลูกอีก 2 คน ก็เลยอยากหาอย่างอื่นทำเพิ่ม จึงเห็นว่าอาชีพนี้เหมาะกับเราที่สุด และตัวสามีเองก็อยากจะทำอาชีพนี้ด้วยค่ะ ยังไงรบกวน คุณ HeadRock ช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ ปล.บริษัทสามีปิดกิจการค่ะ เลยต้องหาอะไรทำเพิ่ม จากคุณ : เฟรปเป้กะฟลิปโป้ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 16:16:04 A:124.120.95.248 X: TicketID:230325

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านแล้ว.. เข้าใจครับคุณเฟรปเป้กะฟลิปโป้ ผมกับภรรยาเรียนจบแค่ม.ปลาย ความรู้อะไรก็ไม่มี เลือกทำกิจการนี้เพราะตกงานพอดี เริ่มจากเครื่องซักผ้าอัตโนมัติแบบฝาบนที่มีอยู่แล้ว เตารีดแบบธรรมดาตัวหนึ่ง กาละมัง2ใบ เปิดร้านวันแรก มีรายได้70บาท ปีที่3จึงจะเริ่มมีรายได้วันละ500บาท ปัจจุบัน มีรายได้จากงานนี้ ในระดับที่น่าชื่นใจครับ ช่วงแรกๆของการเริ่มกิจการนั้น ก็ต้องพบกับปัญหาจากอุปกรณ์เครื่องใช้ตลอดเวลา เครื่องซักผ้าแบบโฮมยูสทั่วไปนั้น ผมใช้พังภายในปีเดียว คือมันเสียง่ายน่ะครับ ทำงานหนักๆไม่ไหว เก็บเงินได้นิดหน่อย ก็ต้องไปซื้อเครื่องใหม่ สรุปแล้วผมทิ้งซากเครื่องพวกนี้ไป12เครื่องภายในเวลา5-6ปี คิดถึงตอนนี้แล้วยังเสียดายเงินจำนวนนั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจกัดฟันหา(กู้)เงินมาซื้อเครื่องดีๆราคาเหยียบแสน ตั้งแต่นั้น งานของผมก็เดินหน้าได้ดี ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้อีกเลย มีแรงทำได้เท่าไรเท่ากัน เครื่องมันสู้งาน..สมราคาค่าตัวมันครับ ผมบอกเล่าความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกเครื่องมือก่อน หากท่านเห็นด้วยกับความคิดนี้ และยังจะมีความต้องการที่จะทำกิจการนี้อยู่อีก ผมจะมาเล่าให้อ่าน ถึงเรื่องการเซ็ตระบบน้ำ-ไฟ อีกทีครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 16:55:30

ความคิดเห็นที่ 11   รอฟังต่อนะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เฟรปเป้กะฟลิปโป้ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 10:39:58 A:124.121.231.145 X: TicketID:230325

ความคิดเห็นที่ 12 เราก็ทำมาก่อนนะคะ ตอนนั้นเคยทำกิจการอพาร์ทเม้นต์อยู่ก็เลยเปิด ร้านรับซัก-อบ-รีด ด้วย ยอมลงทุนเลย ขนาดเครื่องอบผ้าขนาดใหญ่ แบบใช้แก๊สถังใหญ่ ๆ ระบบน้ำไฟ-จ่าย ตรงเข้ากับเครื่องเตารีดไอน้ำระบบ 2 หัว (ยืนหันหน้าเข้าหากันรีด ขนาดโต๊ะใหญ่ ใช้ราวแขวนผ้าขนาดเหล็กแป๊บทำมาทั้งหมด 10 กว่า อันเอาไว้ตากเสื้อผ้าแบบต้องใช้มือซัก เครื่องซักผ้าตกประมาณเครื่องละ 2 แสนกว่าบาท มีน้ำร้อน และน้ำเย็น อัตโนมัติ ฝาหน้า แต่เครื่องอึดจริง ๆ มีรับประกันหลายปี มี จนท. มาตรวจเช็คทุกเดือน (ไม่รวมที่แจ้งเครื่องเสีย) เอาอยู่เลยค่ะ 52 เจ้า ตอนนั้น ทั้งลูกค้ามาแบบรับเอง ส่งเอง และขับรถตู้ไปรับ-ส่ง ข้างนอกอีกด้วย รายได้ตกเดือนละหลายหมื่นบาท - หลักแสน ส่วนเรื่องน้ำยา และผงซักฟอก ใช้ของแบบอุตสาหกรรมเลยค่ะ จะมีเซลล์มาแนะนำให้ถึงที่ ขนาดเข้มข้นมาก ๆ ลองดูนะคะ สู้ ๆ รีดเก่ง ๆ รับรองรวยเละ (เรื่องการบริการสำคัญมากนะคะ) อีกเรื่องคือ เรื่องบิลรับ-ส่งผ้าอันนี้จำเป็นมาก บางทีเสื้อผ้าลูกค้าตัวนึงหลายพันบาท แต่เราอาจจะ มีหมายเหตุใต้บิลสักหน่อยนึงว่าถ้าผ้าเสียหายคุณจะจ่ายให้เค้ากี่เท่าของราคาผ้าที่จ้างซัก / ชิ้น และทุกครั้ง รับ-ส่งผ้าก็ควรให้ลูกค้าเซ็นต์รับนะคะ มีเบอร์แบบเป็นป้ายพลาสติก ติดหมายเลขให้ลูกค้าด้วยนะคะ จากคุณ : ying-athens เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 15:17:53

ความคิดเห็นที่ 13 ถูกต้องครับท่าน ying-athens ระบบที่ท่านทำไว้นั้น เป็นมาตรฐานที่ดีมากครับ ขออนุญาตบอกเล่าสถานะของกิจการของผมในเวลานี้สักเล็กน้อย จุดประสงค์มิใช่เพื่ออวดตน แต่เพื่อยืนยันว่าระบบที่ดีนั้นมันเป็นเรื่องจำเป็น ผมใช้เครื่องซักผ้าอุตสาหกรรมขนาดกำลังซักเครื่องละ 10 กิโล 2 เครื่อง ราคาปัจจุบันน่าจะประมาณ เครื่องละแสน3 เครื่องซักขนาด 30 กิโล 2 เครื่อง ตอนที่ซื้อจำได้ว่าเครื่องละ2แสน5 เครื่องอบผ้าขนาด50ปอนด์ 2 เครื่อง และ60ปอนด์อีก2เครื่อง ราคารวมๆกันน่าจะไม่หนี 3แสนกว่า เครื่องรีดผ้าแบบเดินท่อน้ำเข้าหม้อต้มเพื่อทำไอน้ำมาใช้รีดผ้า 4 ชุด 8หัวเตารีด ชุดละแสน3 วางระบบสำรองน้ำ1หมื่นลิตร ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ2ชุด มีเครื่องซักแห้งแบบไม่ใช้น้ำ(ใช้เคมี) ขนาด16กิโล 1 เครื่อง ราคาตอนซื้อมือสอง 5แสนบาท ( ใหม่ๆก็น่าจะใกล้ล้าน ) ทำสัญญาว่าจ้างทีมช่างดูแล-ซ่อมแซมระบบเป็นรายปี ลงทุนกับเครื่องมือขนาดนี้ คงไม่ต้องบอกถึงรายได้ที่ควรจะได้นะครับ ที่ผมค่อยๆเล่ามาก่อนหน้านี้ ถึงเรื่องของการเริ่มต้นทำกิจการนี้แบบตามมีตามเกิดนั้น เพราะทราบดีว่าการลงทุนหนักๆในเรื่องใหม่ๆนั้น ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆกันทุกคน จึงเอาตัวเองมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้หลายท่านมีกำลังใจ ชี้ให้เห็นว่า มีคนทำได้ ท่านก็จะน่าจะทำได้ครับ หลายท่านคงไม่อยากรู้หรอกครับว่า ถ้ามีเงินพอที่จะทำกิจการใดสักอย่าง จะต้องทำอย่างไร แต่หลายคนคงอยากทราบว่า คนที่ไม่มีทุนอะไรในช่วงเริ่มต้น จะมีวิธีทำงานอย่างไร จนกระทั่งสร้างกิจการซักรีดได้..แบบผม หากมีคนสนใจ แล้วผมจะมาเล่าให้อ่านครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 53 02:56:52 แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 53 19:07:38 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 16:04:37

ความคิดเห็นที่ 14   รอฟังค่ะ แต่คิดว่าช่วงแรกคงไม่กล้าลงทุนมากหรอกนะค่ะ คุณคงเข้าใจ แต่ทาง จขกท คิดว่าคงต้องใช้เครื่องที่มีประสิทธิภาพและราคาพอตัวเองอยู่รอดไปก่อน แต่ก็มีความคิดอยากใช้ของดี ๆ ไปเลย แต่กลัวว่าเวลาฉุกเฉินจะไม่มีเงินมาใช้ค่ะ ขอบคุณนะค่ะสำหรับคำแนะนำทุกคำแนะนำค่ะ จากคุณ : เฟรปเป้กะฟลิปโป้ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 16:53:20 A:124.121.231.145 X: TicketID:230325

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยครับคุณ เฟรปเป้กะฟลิปโป้ คนที่มีเงินสดๆ2-3ล้าน ไม่มีใครคิดจะทำร้านซัก-รีดหรอกครับ..ผมเองก็เช่นกัน ผมจึงอยากแนะนำเท่าที่คิดว่า น่าจะพอเริ่มต้นได้ กิจการดีขึ้น แล้วจึงค่อยๆขยับขยาย เครื่องซักบ้านแบบที่ใช้ตามบ้านก็ใช้งานได้ครับ...เพราะผมใช้มาแล้ว คุณเฟรปเป้กะฟลิปโป้ เตรียมใจให้พร้อมแล้วลุยเลยครับ แล้ว"งาน"จะสอนคุณเอง สำคัญคือความตั้งใจสู้และสู้ อะไรที่ยังไม่รู้ก็หาทางเรียนรู้มันให้คล่อง คนเราถ้าลองว่าตั้งใจ อุปสรรคอะไรไม่ใช่ข้ออ้างครับ ผมอยากให้คาถาไว้สักข้อ... ลูกค้าจะนิสัยดี-เลวแค่ไหน ไม่ใช่ธุระของเรา ธุระของเราคือ ทำอย่างไรให้เขาพอใจที่จะเอาเงินมาให้เราต่อๆไป คุณเฟรปเป้กะฟลิปโป้ ติดขัดอะไร ก็ถามมาเป็นข้อๆได้เลยครับ ผมจะกลับมาตอบให้ครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 19:23:48

ความคิดเห็นที่ 16   สอบถามคุณ headrock ค่ะ พอดีเปิดในเวปแล้วมีร้านเปิดให้เซ้งกินการ สนใจนะค่ะร้านที่จะเซ้งอยู่แถวบ้านพอดี เค้าตั้งอยู่ชั้นล่างของอพาร์ทเม้นท์ มีลูกค้าประจำอยู่แล้ว เค้าบอกที่เลิกกิจการเพราะเค้าป่วย อย่างนี้ถ้าเราเซ้งร้านมือสองมาดำเนินการต่อ เราต้องพิจารณาในด้านใดบ้าง แล้วอย่างพวกตระกร้าผ้า ไม้แขวนเสื้อเนี่ย เราต้องหาให้ลูกค้าด้วยใช่มั้ยค่ะเห็นแถวบ้านเค้าให้ลูกค้าเอาไม้แขวนมาเอง เลยสงสัยค่ะ ถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมจะถามคุณ headrock อีกทีนะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เฟรปเป้กะฟลิปโป้ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 09:48:20 A:124.120.109.119 X: TicketID:230325

ความคิดเห็นที่ 17 ครับคุณ เฟรปเป้กะฟลิปโป้ อันดับแรกคือคุณควรขอเข้าไปทำงานอยูในร้านนั้นสักระยะ ( อย่างน้อย1เดือน ) คุณจะได้เรียนรู้หน้างาน และได้รู้ใจตัวเองว่าคุณชอบงานแบบนี้จริงไหม คุณจะรู้ตัวเลขรับ-จ่ายที่แท้จริง เพื่อช่วยการตัดสินใจ สิ่งของที่รับเซ้งมานั้น สภาพของมันสมราคาไหม และ..เมื่อคุณรับช่วงกิจการมาแล้ว หากอยากจะเปลี่ยนใจ คุณควรวางแผนการถอยอย่างเจ็บตัวน้อยที่สุด เรื่องไม้แขวนนั้น ถ้าลูกค้าไม่นำมาเอง ร้านควรจะมีขายให้ในราคาต้นทุน แต่ไม่มีการแถมฟรีเด็ดขาด ขอยืมก่อนก็ไม่ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 53 13:03:19 แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 53 13:02:33 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 13:01:53

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ HeadRock ครับ แล้วมีข้อแนะนำเกี่ยวกับการเลือกทำเลในการเปิดร้านไหมครับ ติดตามอ่านอยู่นะครับ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 03:03:33 จากคุณ : khunj เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 02:59:10

ความคิดเห็นที่ 19 ครับท่าน khunj เรื่องการเลือกทำเลนั้นเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆของทุกๆกิจการครับ แต่สำหรับธุรกิจซัก-รีดนั้น เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องทำเลดีๆก่อนเลยครับ ทำเลดีๆมีคนพลุกพล่าน-จอดรถง่าย-ค้าขายคล่องนั้น มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงครับ ต่อให้เป็นพื้นที่ของเราเอง ไม่ต้องเช่าใคร ก็ต้องคิดถึงผลประโยชน์ที่ควรจะได้อย่างคุ้มค่ากับทำเลที่ว่านั้น ทำเลดีๆ แค่ปล่อยให้คนอื่นเช่า ยังอาจจะได้มากกว่าเอามาทำร้านซักรีดเองเสียอีกครับ หรือมองให้ลึกอีกที ถ้าเราไปเช่าทำเลดีๆมีค่าเช่าแพง ต้นทุนประกอบการของร้านเราก็จะสูงกว่าร้านอื่น ถ้าผลงานของร้านไม่ต่างกัน แต่ราคาค่าบริการของเราแพงกว่า..ก็เดี้ยงเลยครับ จากประสบการณ์ของผม ต่อให้ร้านของผมทำงานได้ดีเป็นที่พอใจเพียงไหน ลูกค้าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ก็ไม่มาใช้บริการครับ เพราะว่าไม่สะดวกในการเดินทาง เรียกว่า ต่อให้อยากมาซัก-รีดที่ร้านผมใจจะขาด แต่บวกค่าเดินทางแล้ว ก็ถอดใจ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 04:39:16 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 04:32:32

ความคิดเห็นที่ 20 ด้วยเหตุผลข้อนี้ ผมจึงเข้าใจได้ว่า ลูกค้าจะคำนึงถึงความสะดวกสบาย เลือกร้านที่ใกล้บ้านที่สุดก่อน ร้านซักรีดนั้น ต่อให้เปิดกันมากแค่ไหน ก็หากินได้ในรัศมีจำกัดของร้านนั้น เรียกว่า โซนใครโซนมัน ลูกค้ามักจะไม่บากบั่นข้ามโซนมาใช้บริการกับร้านที่อยู่ไกลบ้านหรอกครับ หากในโซนเดียวกัน มีคู่แข่งมาก ก็ต้องมาฟาดกันที่ฝีมือและราคา ใครผูกใจลูกค้าได้ดีกว่า สะสมลูกค้าได้มากกว่า ก็จะยิ่งจะสร้างกำไรและมีทุนพัฒนากิจการให้ก้าวหน้าไปไกลจนคู่แข่งตามไม่ทัน และก่อนที่เราจะกลับมาคิดถึงเรื่องของการเลือกทำเลที่เหมาะสมสำหรับร้านซัก-รีดนั้น ผมอยากจะอธิบายข้อจำกัดของมันให้ท่านอ่านดูครับ ร้านซักรีดร้านหนึ่ง มันมีสูตรตายตัวเลยว่า ร้านนี้จะมีรายได้มากที่สุดแค่ไหน ให้ดูจากพื้นที่ปฏิบัติงานครับ หากมีพื้นที่แค่แมวกลิ้ง ก็จะตั้งเครื่อง+อุปกรณ์ได้น้อย ตั้งโต๊ะรีดได้จำกัด มีพื้นที่แคบ จำนวนคนที่จะใส่ลงไปในงานก็น้อย ออกงานได้ช้า ต่อให้มีผ้ามารอให้ซักกองเป็นภูเขา ก็ทำไม่ได้และทำไม่ทัน เพราะหนึ่งวัน มีชั่วโมงทำงานเท่านี้ เครื่องมันซักเต็มที่ได้แค่นี้ต่อวัน   คนรีด-รีดได้เท่านี้ต่อวัน ออกงานได้เพียงเท่านี้ต่อวัน รายรับก็จำกัดเพียงเท่านี้ต่อวันเช่นกัน การเลือกขนาดของร้านนั้น จึงเป็นหัวใจสำคัญของผม มากกว่าการคิดถึงทำเลครับ ต่อให้ทำเลดีเยี่ยมเพียงใด ถ้ามีพื้นที่เล็กเกินไป ไม่ต้องไปมองเลยครับ เพราะท่านจะเจอสถานการณ์ที่ว่า ลูกค้ามีมาก แต่เราทำงานไม่ได้.. เพราะ 1.เครื่องซักขนาดเล็กเกินไป ตั้งเครื่องใหญ่ไม่ได้ เพราะพื้นที่ไม่พอ 2.คนช่วยงานมีน้อย เพราะไม่มีพื้นที่ให้ยืน อัดคนเข้าไปเบียดกัน ยิ่งเกะกะกันเปล่าๆ สรุปว่า ทำเลดี มีลูกค้า แต่ออกงานได้จำกัด...ก็ไม่มีประโยชน์ครับ ยิ่งคิดให้ไกลไปถึงการขยายกิจการตามฐานลูกค้า แต่ไม่มีพื้นที่พอจะให้ขยาย ก็เหมือนถูกบอนไซครับ วันนี้พิมพ์ยาวเกินไปไหม ? อ่านมากไปจะตาลายหรือเปล่า ? ผมจะค่อยๆเล่าวันละนิด-หน่อยดีไหมครับ จะได้ไม่เบื่อ คราวต่อไป จะมาคุยเรื่องการเลือกทำเลนะครับ สำหรับวันนี้ ... สวัสดีครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 05:27:46

ความคิดเห็นที่ 21   ขอบคุณและจะรออ่านต่อนะค่ะ ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้เข้ามาถามเพราะงานเยอะค่ะ จะมีเวลาแค่เข้ามาอ่านบ้าง ถ้ามีเรื่องรบกวนหรือคำถามจะมาถามใหม่นะค่ะ อีกอย่างถ้ากระทู้มันตกไปแล้ว จะขอรบกวน ตั้งกระทู้เชิญคุณ HeadRock มาตอบคำถามค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เฟรปเป้กะฟลิปโป้ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 13:13:57 A:124.122.135.49 X: TicketID:230325

ความคิดเห็นที่ 22 ครับคุณ เฟรปเป้กะฟลิปโป้ ผมเองก็มีงานยุ่งพอสมควรครับ ถ้าไม่ได้เข้ามาหลายวันก็ต้องขออภัยไว้ก่อนครับ เรื่องตั้งกระทู้ใหม่นั้น เกรงว่าผมอาจจะหลงตาไปได้ครับ ขอแนะนำให้บุ๊คมาร์กกระทู้ไว้ดีกว่าครับ หรือหากบุ๊คไม่ได้ ก็รบกวนจดเลขหมายของกระทู้นี้ก็ได้ครับ แต่่ถ้าหากอยากจะตั้งกระทู้ใหม่จริงๆ ก็ไม่เป็นไรครับ หากหลงตาผมไป ก็อาจจะมีผู้รู้ท่านอื่นมาให้คำแนะนำก็ได้ครับ อีกสักช่วง(ยาว) ผมจะกลับมาเล่าข้อมูลเพิ่มครับ วันนี้ ขอตัวไปทำธุระก่อนครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 16:35:05

ความคิดเห็นที่ 23 อย่าลืมเข้ามา update นะครับ คุณ HeadRock   ผมอยากทราบถึงเทคนิคในการบริหารคนครับ เพราะคิดว่าพนักงานที่ทำหน้าที่รีดผ้า น่าจะมีอัตราเข้าออกสูง เพราะเป็นหน้าที่ที่น่าเบื่อและคงเหนื่อยน่าดู มีวิธีในการหาคน และรักษาคนยังไงบ้างครับ จากคุณ : khunj เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 20:21:39

ความคิดเห็นที่ 24 ยังไม่ลืมครับท่าน khunj เรื่องการบริหารคนนั้น ผมต้องขออภัยที่ไม่อาจจะชี้แนะอะไรได้มาก เพราะไม่ได้ร่ำเรียนมาเลย จะพิมพ์อะไรออกไปก็เกรงจะไม่ถูกต้องตรงกับหลักวิชา ผมแค่คิดง่ายๆว่า ถ้าเป็นเราได้รับการปฏิบัติจากนายจ้างอย่างนั้น...เรารับได้ไหม และเมื่อต้องทำงานร่วมกับคนมากกว่าหนึ่ง ทำอย่างไรจึงจะทำให้ทุกๆคนคิดและเดินไปในแนวเดียวกัน รักใคร่กลมเกลียว ไม่ขัดแย้งกัน ของผมใช้วิธีการแบบลูกทุ่งครับ ผมกับภรรยา ทำงานคลุกคลีกันไปกับพนักงาน มีปัญหาตรงหน้างาน ก็ให้คำแนะนำหรือสอนงานกันได้เลย รับรู้นิสัยใจคอและข้อจำกัดของพนักงานแต่ละคน แล้วเลือกหน้าที่ที่เหมาะสมให้เขาทำ ให้รางวัลต่อหน้า-เรียกมาอบรม(ด่า)เป็นการส่วนตัว และรับฟังปัญหาของเสียงส่วนใหญ่ครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 22:27:03

ความคิดเห็นที่ 25 มาคุยกันต่ออีกนิด เกี่ยวกับเรื่องการเลือกทำเลร้านซัก-รีด ขอตอบแบบผู้ไม่ชำนาญการในด้านนี้ เพียงแต่คิดเอาเองง่ายๆว่า ธุรกิจซัก-รีดที่เราจะทำนั้น เราตั้งราคาค่าบริการไว้ในระดับใด ก็ต้องไปตั้งอยู่ในย่านที่มีกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ ถ้าเป็นระดับต่ำ(ไว้ก่อน) ก็เหมาะกับลูกค้าที่มีรายได้น้อย เช่น นักเรียน นักศึกษา ลูกค้าตามแฟลตหรือหอพัก ข้อดีคือ ลูกค้าไม่ค่อยเรื่องมากเพราะเสื้อผ้าเป็นแบบธรรมดาทั่วไป มีงานเข้ามาก แต่พูดถึงรายได้ก็เหนื่อยหน่อย ( แต่พออยู่ได้ครับ ) ขยับขึ้นมา ก็ประมาณปากทางเข้าหมู่บ้าน ถ้าหมู่บ้านขนาดใหญ่ จำนวนลูกค้าก็มีมาก ขยับราคาขึ้นมาอีกหน่อย บวกการบริการที่ดีมีมาตรฐาน ดูแลเสื้อผ้าที่มีราคา มีเทคนิคแก้ปัญหา(เรื่องของผ้า)ที่ควรจะแก้ได้ มีลูกค้าสัมพันธ์ที่ดี   ถ้าทำได้อย่างนี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแน่นอน หรือจะเอาแบบทำงานน้อยๆ แต่ได้เงินเยอะ ก็ต้องจับลูกค้าระดับบน ลูกค้ากลุ่มนี้ ใช้อารมณ์ตนเองเป็นใหญ่ แต่จ่ายแหลก ที่ตั้งของร้านต้องอยู่ในย่านที่คนกลุ่มนี้นิยมมาแวะเวียน ขอเพียงสร้างภาพให้เห็นว่าเจ้าของร้านเป็นชนชั้นหรู เสื้อผ้าที่เจ้าของร้านใส่ ต้องดูดีมียี่ห้อดัง ถ้าเนียนว่าเรียนจบมาทางสาขานี้โดยเฉพาะ ยิ่ง(เว่อร์)ดี ตบแต่งร้านอย่างหรู ข้าวของเครื่องใช้ต้องดูใหม่เอี่ยมเงาวับ พนักงานต้องสวมเครื่องแบบประจำร้าน (ต้องคัดหน้าตามาด้วย ) รถลูกค้ามาจอดหน้าร้าน ต้องจำได้ และรีบออกไปช่วยหิ้วผ้ามาเข้าร้าน กับหิ้วผ้าไปส่งให้ถึงรถ เรียกว่าบริการกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ถ้าฝีมือเนี๊ยบเป็นที่พอใจ จะตั้งราคาค่าบริการเท่าไร ก็ลองคิดเอา แต่เตือนไว้ก่อนว่า เสื้อผ้าของลูกค้ากลุ่มนี้...ราคาแพงมากนะครับ แค่เนื้อผ้าก็ช่างสรรหาอะไรที่ดูแลยากๆมาใช้ ยิ่งถ้าเป็นชุดที่ไปซื้อมาจากปารีส-อิตาลีแล้วล่ะก็ ร้านทำพลาดเมื่อไร ก็คุยกันไม่รู้เรื่องเลยครับ ฮ่า ฮ่า ร้านของผมเองนั้น เลือกทำงานกับคนระดับกลางๆครับ ให้บริการอย่างดี ในราคาที่ไม่ถูกแต่ไม่แพงเกินไป ที่ผมรู้ว่าลูกค้ารับได้ เพราะเห็นหน้ากันมา10กว่าปี ยังไม่หนีไปไหนครับ วันนี้ผมอาจจะแนะนำเรื่องทำเลไม่ได้ตรงจุดนัก ก็ขอเอาเรื่องการเลือกกลุ่มลูกค้ามาให้เทียบเคียงแทนก็แล้วกันนะครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 23:18:38

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ HeadRock หายเงียบไปหลายวันแล้วนะครับ ยังเฝ้ารออยู่นะครับ ยังอยากทราบเกี่ยวกับการหาลูกจ้างนะครับ หายังไงครับ แล้วอัตราค่าจ้างประมาณเท่าไหร่ รวมกินอยู่ด้วยไหมครับ จากคุณ : khunj เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:21:03

ความคิดเห็นที่ 27 ครับท่าน khunj เรื่องการหาลูกจ้างในร้านซักรีดนั้น เอาง่ายๆก็ติดป้ายรับสมัครสิครับ ทดสอบความสามารถเป็นที่พอใจแล้วก็ตกลงกันเรื่องเงินเดือนและรายละเอียดของการว่าจ้าง แต่อย่างที่เคยเรียนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าเจ้าของร้านทำเองไม่ได้หรือทำได้ไม่เก่งกว่า ปัญหาเยอะครับ ถ้าตั้งใจว่าจะทำธุรกิจนี้แน่ๆและต้องเอาให้ได้ดียาวนาน ท่านต้องลงมือทำด้วยตัวเองให้ได้ก่อนครับ ลูกจ้างนั้น มาใหม่ๆก็ต้องเป็นผู้ช่วยไปก่อน พอสอนงานได้ดีแล้ว วางใจได้แล้ว จึงจะปล่อยให้ลงมือเองโดยที่เจ้าของคอยควบคุมดูแล ถ้าไม่ทำให้ได้ตามนี้ ท่านจะมีปัญหาเรื่องคนงานไม่จบสิ้นครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 22:37:37

ความคิดเห็นที่ 28 ธุรกิจร้านซักรีดนั้น จะทำให้เติบใหญ่ได้ หัวใจคือบุคคลากรครับ ซักผ้า-ใช้เครื่องมือช่วยได้ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีเครื่องมือหรือหุ่นยนต์รีดผ้า-ก็ยังต้องใช้คน คนๆหนึ่ง กับชั่วโมงการทำงานในวันๆหนึ่ง เก่งที่สุดอย่างไร ก็ทำผลงานได้ประมาณหนึ่ง ถ้ามีมากคน ก็รับงานได้มากขึ้น งานซักรีดนั้น ส่วนใหญ่ต้องทำให้เสร็จทันวันต่อวัน หมายความว่า ลูกค้าส่งผ้าวันนี้ รุ่งขึ้นก็ควรจะมารับได้ ร้านไหนออกงานได้เร็ว นัดได้แน่นอน ร้านนั้นลูกค้าชอบครับ ทีนี้พอเรามีลูกจ้างมาช่วยงานนั้น ต่อให้ได้คนดีมีความรับผิดชอบ ก็ไม่ใช่จะไม่มีปัญหา คนเรามันต้องมีเหตุขัดข้องได้ครับ ไม่ว่าเรื่องเจ็บป่วย เรื่องธุระส่วนตัว ฯลฯ เมื่อวันที่ลูกจ้างไม่มาทำงาน เจ้าของร้านต้องลงไปทำแทนได้ การที่เจ้าของร้านทำเองได้ ก็จะสามารถรับคนใหม่เข้ามาฝึกสอนงานเองได้ ปัญหาการขาดแรงงานจะไม่ใช่เรื่องรุนแรงจนเสียหายกับร้าน เพราะสามารถสร้างคนรุ่นใหม่มาหมุนเวียนทดแทนได้ตลอดครับ ท่านที่สนใจจะลงทุนทำธุรกิจนี้ ลองพิจารณาเหตุดังที่กล่าวมานี้เถิดครับ นี่เป็นลักษณะกิจการที่คนมีทุนไม่ค่อยสนใจจะทำชนิดหนึ่งเลยครับ เพราะต่อให้มีทุน แต่ถ้าไม่มาทำด้วยตัวเอง ก็จะทำได้ไม่สำเร็จยาวนาน เป็นธุรกิจให้บริการที่จำเป็นต้องบริหารด้วยตัวเจ้าของเอง หากใครคิดจะลงทุนแล้วนั่งรอรับผลกำไรเฉยๆ ลืมธุรกิจตัวนี้ไปได้เลยครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 03:37:21 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 22:58:35

ความคิดเห็นที่ 29   ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำนะค่ะ จากคุณ : เฟรปเป้กะฟลิปโป้ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 53 09:46:38 A:124.120.111.15 X: TicketID:230325

ความคิดเห็นที่ 30   ดิฉันก็กำลังตัดสินใจจะเปิดร้านซักอบรีดเหมือนกันค่ะ แต่ไม่มีความรู้เลยค่ะ กำลังหาที่เรียนค่ะ ช่วยแนะนำด้วยว่าควรอบรมที่ไหนค่ะ จากคุณ : กำลังจะเปิดร้าน (nipapornv) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 12:17:59

ความคิดเห็นที่ 31 เรียนท่านnipapornv กระผมไม่ทราบเลยครับว่ามีที่ไหนเปิดอบรมกันอย่างจริงจัง เท่าที่เคยไปสังเกตตามงานอบรมต่างๆก็ไม่ค่อยได้พบ ที่จะมีบ้างก็เป็นวงในของบริษัทจำหน่ายเครื่องซักผ้า(นานๆที) และเนื้อหาที่อบรมให้นั้น ก็ยังไม่เข้มข้นเท่าไร ท่านผู้รู้ที่ผ่านมาพบกระทู้นี้ ได้โปรดชี้แนะด้วยเถิดครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 53 23:06:00

ความคิดเห็นที่ 32   ดิฉันเห็นตามเวป แหล่งที่มีการอบรม _ www.elsdryclean.com - www.fongfab.com - www.laundrycare1996.com เท่าที่หาพบในเวปค่ะ จึงต้องทราบว่าที่ไหนให้ความรู้ดีที่สุด เพราะราคาไม่ต่างกัน จากคุณ : nipapornv เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 11:44:43

ความคิดเห็นที่ 33   สวัสดีค่ะ ดิฉันกำลังจะเปิดร้านซักรีดค่ะ อยากทราบอัตราการจ้างลูกจ้างในร้านค่ะ ท่านใดทราบรบกวนให้รายละเอียดด้วยนะค่ะ silarat_sw@hotmail.com........แมวค่ะ จากคุณ : แมว เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 21:57:12 A:124.122.78.119 X:

ความคิดเห็นที่ 34 เรียนท่านnipapornv เรื่องสถานที่อบรมตามที่แนบลิงค์มาให้นั้น ที่ไหนให้ความรู้ดีกว่า ผมคงไม่สามารถตอบได้ครับ..ขออภัยจริงๆ แนะนำให้ลองไปพูดคุยกับศูนย์อบรมดังกล่าวก่อนดีไหมครับ ถูกใจเจ้าไหน จึงค่อยจ่ายเงิน ุสวัสดีคุณแมวครับ ถามเรื่องอัตราจ้างลูกจ้างในร้านนี่ หมายถึงจำนวนของบุคลากรหรือเงินเดือนครับ ถ้าหมายถึงเงินเดือนของพนักงานตำแหน่งรีดผ้า ก็อยู่ในเรท7พัน-หมื่น5ครับ ( ตามความสามารถ ) ไม่ล้อเล่นนะครับ  คนรีดผ้าอย่างเดียวเงินเดือนหมื่น5น่ะ.. มีจริงครับ แต่มือระดับเทพเหล่านี้ เค้าจ้างไว้รีดชุดหรูหราราคาแพงครับ เรื่องอัตราจ้างที่เหมาะสมนั้น ท่านคงต้องคำนวนหาตัวเลขที่ลงตัวกับธุรกิจของท่านเองครับ งานน้อย - จ้างแพง - ท่านก็อยู่ไม่ได้ งานมาก - จ้างถูก - ลูกน้องก็ลาออกครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 01:42:40

ความคิดเห็นที่ 35   คุณ HeadRock คะ รบกวนช่วยเล่าเรื่องการเซ็ทระบบน้ำไฟ จากความคิดเห็น 10 ต่อได้มั้ยคะ และก็ขอทราบวิธีการแยกผ้าของลูกค้าไม่ให้ปะปนกันด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : วา เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 15:06:57 A:172.16.51.33 X:202.149.29.83 TicketID:250938

ความคิดเห็นที่ 36 ครับท่าน วา เรื่องน้ำ คือน้ำประปาที่เรานำมาใช้ในงานซักผ้าน่ะครับ การที่เราเลือกที่จะทำธุรกิจนี้ เรื่องน้ำเป็นหัวใจหลักๆเรื่องหนึ่ง เราต้องเลือกตั้งร้านในพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ ประเภทน้ำไหลบ้างไม่ไหลบ้าง ไหลเฉพาะบางเวลานั้น..ไม่เอา บางสถานที่ ต้องจ่ายค่าน้ำในอัตราที่มีราคาต่อหน่วยสูง..ก็ไม่ดี น้ำที่เราจะเอามาใช้งานซักนั้น จะต่อจากท่อประปามาตรงๆที่เครื่องซักเลย..ก็เป็นการเสี่ยง2เรื่อง คือ 1 ถ้าหากคุณภาพของน้ำที่ว่านั้น ไม่สะอาดพอ ตะกอนขุ่นของน้ำนั้นจะทำให้ผ้าขาวมีปัญหา 2 ถ้าแรงดันของน้ำประปามีน้อยเกินไป เครื่องซักผ้าจะทำงานได้ช้า เพราะต้องเสียเวลาในการเติมน้ำเข้าเครื่องให้ได้ระดับ จึงจะทำงานต่อได้ ถ้าเป็นเครื่องซักผ้าแบบอุตสาหกรรม มันแทบจะทำงานไม่ได้เลย เพราะมันต้องอาศัยแรงดันของน้ำที่มากพอที่จะสั่งให้ระบบทำงาน และถ้าเป็นเครื่องซักผ้าอัตโนมัติแบบที่ใช้ตามบ้าน ช่วงที่เครื่องทำงานในเวลาที่น้ำไม่ไหล ปั๊มน้ำของเครื่องซักผ้าแบบนั้นจะไหม้ได้ครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:17:36

ความคิดเห็นที่ 37 ระบบที่ผมทำไว้นั้น ผมใช้วิธีสูบน้ำประปาขึ้นไปสำรองไว้ในแท็งค์หลายใบที่ติดตั้งไว้บนดาดฟ้าตึกชั้นที่4 แล้วปล่อยน้ำลงมาผ่านเครื่องกรองน้ำแล้วเก็บสำรองน้ำดีที่กรองแล้วไว้ในแท็งค์ที่ชั้น3 จากนั้นจึงต่อน้ำดีนั้นลงมาจ่ายให้เครื่องซักที่ชั้นล่าง วิธีนี้จะแก้ปัญหาเรื่องน้ำไม่สะอาด และการหยุดไหลของน้ำประปาในบางช่วงเวลาได้ แรงดันน้ำที่ได้ก็มีกำลังแรงพอที่จะช่วยให้เครื่องซักเติมน้ำได้เร็วครับ ท่านที่สนใจในธุรกิจนี้ ก็โปรดลองพิจารณาขั้นตอนดังกล่าว แล้วนำไปปรับเอาตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ดูนะครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:25:05

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนเรื่องระบบไฟฟ้านั้น ผมมีปัญหาในช่วงแรกของการดำเนินกิจการ ไฟฟ้าแบบที่ผมใช้นั้นเป็นกำลังไฟแบบที่ใช้ในบ้านทั่วไป ซึ่งมันไม่พอสำหรับการเพิ่มเครื่องมือเครื่องใช้ในภายหลัง การแก้ปัญหาของผมก็คือต้องไปขอเปลี่ยนชนิดของมิเตอร์ใหม่ เป็นแบบ3เฟส และเดินสายเมนภายในใหม่ สิ่งที่ผมได้พบมาก่อนจึงไม่อาจจะแนะนำให้ทุกท่านที่เริ่มกิจการใหม่ให้ลงทุนในส่วนนี้ได้ทุกคน เพราะเป็นการลงทุนที่มองถึงผลระยะยาว แต่หากท่านเลือกได้ ผมก็ขอแนะนำให้เลือกสถานที่ที่มีระบบจ่ายกระแสไฟที่เพียงพอไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาแก้ไขทีหลัง แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 19:36:20 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 53 19:35:51 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:35:19

ความคิดเห็นที่ 39 สำหรับเรื่องการแยกผ้าของลูกค้านั้น วิธีมาตรฐานที่สุดคือการพิมพ์รหัสลงบนแถบผ้ากาวแล้วติดเข้าที่ชิ้นผ้าลูกค้า วิธีนี้ดีตรงที่สามารถคัดแยกผ้าได้แม่นยำและเรียกดูข้อมูลได้ง่าย แต่..มันใช้เวลาทำงานในส่วนนี้ และมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง วิธีที่ง่ายกว่าและได้ผลไม่แพ้กันคือ ใช้ไหมพรมสีๆแบบที่ใช้ถัักเสื้อไหมพรม ตัดเป็นเส้นสั้นๆแล้วผูกกับเข็มกลัด เลือกใช้เข็มกลัดขนาดไม่ใหญ่ หยิบจับง่าย เกรดดีๆที่แข็งแรง ทำเข็มกลัดหลากสีเก็บเตรียมไว้ เมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจรับผ้าจากลูกค้าแล้ว ก็เอาเข็มกลัดที่ว่า มากลัดติดที่ป้ายยี่ห้อของผ้านั้นๆ แล้วอีกตัวหนึ่งก็กลัดติดไว้ที่บิลของลูกค้า เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดการค้นหา เมื่อแยกผ้าได้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว เราก็ปลดเข็มกลัดนั้นๆออกมาเก็บไว้ใช้ใหม่ในครั้งต่อๆไป วิธีนี้จะช่วยให้การแยกผ้า ทำได้ง่ายและเร็วกว่าการอ่านตัวเลข อีกทั้งเป็นการลงทุนครั้งเดียว เวียนใช้ได้ตลอด...ชาติ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 19:54:15

ความคิดเห็นที่ 40   ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำแนะนำดี ๆ เข้ามารอคุณ HeadRock ตอบคำถามของคนอื่น ๆ ทุกวันเลยค่ะ เป็นประโยชน์มากจริง ๆ กำลังคิดจะเริ่มทำกิจการนี้ค่ะ กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ มีคนคอยให้ความรู้อย่างนี้น่ายกย่องจริง ๆ ค่ะ ขอถามอีกนิดค่ะ การใช้เข็มกลัดแยกผ้าลูกค้า หมายถึง ซักผ้าทั้งเข็มกลัดลงเครื่องเลยใช่มั้ยคะ จะมีปัญหาหลุดบ้างมั้ยคะ กลัวจะเป็นอันตรายกับเครื่องน่ะค่ะ แล้วเวลาซักจำเป็นต้องใส่ถุงผ้าอีกครั้งหรือไม่คะ เพราะตอนนี้ซักผ้าที่บ้านใช้ถุงผ้าตลอดเพราะมีความรู้สึกว่าถ้าไม่ใช้ผ้าจะพันกันมาก ทำให้เสียรูปทรงค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : วา เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 10:20:16 A:172.16.51.33 X:202.149.29.83 TicketID:250938

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณท่าน วา สำหรับคำถามครับ เรื่องการซักผ้าทั้งเข็มกลัดนั้น ยืนยันว่าถ้าเข็มกลัดมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป กับคุณภาพของเข็มกลัดไม่บอบบางเกินไป   เวลาที่กลัดเข็มกลัดเข้ากับชิ้นผ้านั้น ขอให้กลัดให้แนบกับชิ้นผ้ามากที่สุดครับ แล้วจะซักได้ไม่มีปัญหาแน่นอน เรื่องการซักผ้าด้วยถุงนั้น ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของชนิดของเนื้อผ้านั้นๆครับ ท่านต้องพิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนปัญหาการซักแล้วผ้าพันกันนั้น จะเกิดเฉพาะกับเครื่องซักผ้าแบบฝาบนครับ ถ้าเป็นแบบฝาหน้า จะไม่มีปัญหาแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 15:23:33 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 15:22:50 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 15:22:22

ความคิดเห็นที่ 42   ขอบคุณมากนะคะคุณ HeadRock ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ จากคุณ : วา เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 16:05:38 A:172.16.51.33 X:202.149.29.83 TicketID:250938

ความคิดเห็นที่ 43   มีเรื่องรบกวนสอบถามอีกแล้วค่ะคุณ HeadRock คราวนี้อยากถามเรื่องเตารีดค่ะ อยากทราบความแตกต่างระหว่างเตารีดไอน้ำแบบธรรมดาและกับมีหม้อต้ม แบบไหนดีกว่ากันคะ แล้วก็แบบที่เป็นลักษณะกดทับลงไปเลยครั้งเดียว ตัวนี้ก็น่าจะสะดวกดีกว่ามั้ยคะ เพราะไม่ต้องมารีดซ้ำไปมา กลัวซื้อมาแล้วใช้ไม่เหมาะกับงานน่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : วา เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 15:16:33 A:172.16.51.33 X:202.149.29.83 TicketID:250938

ความคิดเห็นที่ 44 ครับท่าน วา เราท่านต่างทราบกันดีว่า ถ้าพรมน้ำลงบนเสื้อผ้าสักเล็กน้อยก่อน จะทำให้รีดผ้าได้เรียบ-ง่าย-เร็วขึ้น ที่มันเร็วขึ้นก็เพราะความชื้นที่พอเหมาะในเนื้อผ้าจะกลายเป็นไอเมื่อโดนความร้อนจากเตารีด ไอร้อนนั้นจะแทรกกระจายขยายเส้นใยผ้าแห้งให้พองขึ้น แล้วเมื่อถูกความร้อน+ความหนักของเตารีดที่กดทับลงไปทันที เส้นใยผ้าจะเหยียดตรงและแบนราบ ด้วยหลักการนี้ การใช้เตารีดที่สามารถพ่นไอน้ำได้มารีดผ้า จะช่วยประหยัดขั้นตอนเวลาของการพรมน้ำไงครับ เตารีดแบบไอน้ำนั้นจะมีน้ำหนักเบากว่าเตารีดธรรมดาเล็กน้อย เพราะมีความร้อนจากไอน้ำมาช่วยทดแทนการออกแรงกดเตา การรีดผ้าด้วยเตารีดไอน้ำจึงช่วยทำให้รีดผ้าได้เรียบ-เร็ว-ไม่เหนื่อยล้ามาก ข้อควรระวังในการใช้เตารีดไอน้ำคือ น้ำที่จะนำมาเติมให้กับเตารีดนี้ ต้องสะอาดปราศจากขุ่นตะกอนนะครับ ถ้าเตารีดพ่นตะกอนออกมารีดผ้าล่ะก็...งานใหญ่ และสำหรับท่านที่จะใช้เตารีดไอน้ำในงานร้านซัก-รีดนั้น ขอแนะนำให้เลือกแบบที่มีท่อส่งน้ำเข้ามาที่เตารีดครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำเองบ่อยๆครับ ส่วนคำถามถึงเตารีดแบบโยกขึ้น-ลงเพื่อกดทับผ้านั้น ถ้าเอามาใช้รีดเสื้อยืดแบบไม่มีปกเสื้อ จะเวิร์คที่สุด แต่ถ้าเอามารีดเสื้อผ้าที่ต้องเก็บรายละเอียด เช่น จับจีบ,เกร็ด,ปกเสื้อ เตารีดมือจะทำได้ง่ายกว่าครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 19:13:22

ความคิดเห็นที่ 45   ชื่อเปิ้ลค่ะ เปิ้ลเพิ่งเปิดร้านซักรีดได้ประมาณหนึ่งเดือนค่ะ ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าไหร่อาศัยว่าแม่มีลูกค้าเก่าๆซักอยู่ประมาณ ๒-๓ เจ้า เมื่อก่อนแม่มีลูกค้าเยอะกว่านี้ค่ะแต่พอย้ายบ้านลูกค้าก็ค่อยๆเลิกกันไปเพราะทางเข้าบ้านค่อนข้างลึกค่ะ ตอนนี้เปิ้ลเลยตัดสินใจออกจากงานค่ะเพราะเบื่อค่ะและก็จะได้มีเวลาดูแลลูกด้วยค่ะเลยชวนแม่ออกมาเช่าอาคารพาณิชย์ในขนส่งเปิดร้านซักรีดค่ะตอนนี้ก็เริ่มมีลูกค้าใหม่ๆมาใช้บริการค่ะเปิ้ลมีเครื่องซักผ้าฝาบน ๑ เครื่อง ๑๒กิโล และ เครื่อง ๒ ถัง หรือกึ่งอัตโนมัติอีก ๑ เครื่อง ๘ กิโลค่ะ อยากได้เครื่องอบผ้ากับเครื่องซักผ้าเพิ่มค่ะเพราะว่ารับงานซักผ้าคลุมโต๊ะจีนไว้ค่ะกลัวเครื่องจะไม่ไหวตอนนี้ยังไม่มีงบค่ะตอนนี้เวลาตากผ้าต้องอาศัยวิ่งขึ้นไปตากบนชั้นดาดฟ้าเอาค่ะอาคารประมาณ ๓ ชั้นครึ่งค่ะ เหนื่อยค่ะแต่ก็สู้ พอมาเปิดเป็นร้านแล้วบ้างที่เรื่องการตั้งราคายังไม่ค่อยได้มาตรฐานเท่าไหร่กลัวลูกค้าว่ามันแพงเกินไปค่ะก็เลยยังงงกับตัวเองอยู่ว่าจะยังไงดีช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ จากคุณ : เปิ้ล เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 53 01:47:46 A:125.27.117.34 X:

ความคิดเห็นที่ 46   อยากเปิดร้านซักรีด ถ้ายังไม่มีทำเล บาร์สะอาด ทำธุรกิจซัก อบ รีด มีทำเลที่เปิดแล้ว4-5ที่ พร้อมลูกค้า ย่านคลองจั่น รามคำแหง บางกะปิ ราคาขึ้นอยู่กับทำเลและตัวเลขยอดขายแต่ละที่ สนใจติดต่อ คุณรณกร 0851254533 จากคุณ : บาร์สะอาด เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 18:25:21 A:192.168.1.107 X:124.120.5.247

ความคิดเห็นที่ 47 ขอชื่นชมความเป็นนักสู้ของคุณเปิ้ลครับ เรื่องตากผ้าบนดาดฟ้านั้น มันเหนื่อยแน่ แต่กำไรยังเหลือ เรื่องงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือมาใช้งานนั้น ท่านต้องหาทางบริหารการเงินของท่านเองให้ได้ แล้วท่านจะก้าวขึ้นบันไดของเถ้าแก่ด้วยฝีมือของท่านเองครับ เรื่องการกำหนดราคานั้น ท่านต้องออกไปสำรวจจากคู่แข่งของท่าน แล้วท่านมาเคาะราคาที่เห็นว่าเหมาะสมครับ *** แก้ไขคำที่พิมพ์ผิดครับ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 22:26:12 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 18:47:29

ความคิดเห็นที่ 48   http://barsa-ard.hi5.com อยากเปิดร้านซักรีด ถ้ายังไม่มีทำเล บาร์สะอาด ทำธุรกิจซัก อบ รีด มีทำเลที่เปิดแล้ว4-5ที่ พร้อมลูกค้า ย่านคลองจั่น รามคำแหง บางกะปิ ราคาขึ้นอยู่กับทำเลและตัวเลขยอดขายแต่ละที่ สนใจติดต่อ คุณรณกร 0851254533 http://barsa-ard.hi5.com จากคุณ : barsaard เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 18:10:00 A:192.168.1.113 X:124.120.15.73 TicketID:252126

ความคิดเห็นที่ 49   http://barsa-ard.hi5.com อยากเปิดร้านซักรีด ถ้ายังไม่มีทำเล บาร์สะอาด ทำธุรกิจซัก อบ รีด มีทำเลที่เปิดแล้ว4-5ที่ พร้อมลูกค้า ย่านคลองจั่น รามคำแหง บางกะปิ ราคาขึ้นอยู่กับทำเลและตัวเลขยอดขายแต่ละที่ สนใจติดต่อ คุณรณกร 0851254533 http://barsa-ard.hi5.com จากคุณ : barsaard เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 18:11:49 A:192.168.1.113 X:124.120.15.73 TicketID:252126

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณท่านbarsaard นะครับ ที่ท่านเลือกใช้กระทู้นี้เป็นช่องทางทำธุรกิจของท่าน หวังว่าท่านคงจะไม่ทำอีกเป็นครั้งที่3นะครับ เพราะตรงนี้ไม่ใช่พื้นที่ค้าขาย  และท่านกำลังทำผิดระเบียบครับ ผมอยากแนะนำท่านที่คิดจะไปเซ้งกิจการใดๆ ( เซ้งนะครับไม่ใช่ซื้อเฟรนด์ไชน์ ) ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่า มันเน่าแล้วหรือไม่ ถ้ามันดีจริง เขาจะขายทำไม เก็บไว้ทำกำไรไม่ดีกว่าหรือ คนที่เปิดร้านซักรีดไว้ตั้ง4-5ร้าน ทำเป็นกิจการเลยใช่ไหม คือทำร้านไว้รอเซ้งต่อ   ถ้าตั้งใจจะทำไว้เพื่อเซ้งต่อแน่ๆ ท่านที่สนใจจะไปเซ้ง ก็ควรระวังการแต่งบัญชีและการจัดทีมหน้าม้ามาสร้างภาพไว้ด้วยนะครับ เป็นไงครับท่านbarsaard สบายใจขึ้นหรือยังครับ หรือว่ายังอยากได้อะไรที่หนักๆกว่านี้ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 18:24:24

ความคิดเห็นที่ 51   ต้องขอโทษคุณheadrock ผมไม่ทราบจริงๆว่าโพสในลักษณะนี้ไม่ได้ แต่ที่มันซ้ำไป2-3ครั้งคงเป็นเพราะเครื่องผมมันคงค้าง แล้วผมก็กดซ้ำลงไป คงต้องขอโทษอีกทีจริงๆที่รบกวนบางคน ส่วนใครจะมองอย่างไรเรื่องร้านบาร์สะอาดว่าเน่าหรือไม่เน่า คนที่อยู่ในย่านที่ผมอยู่เขาคงทราบกันดี และที่สำคัญผมคือนักธุรกิจไม่ใช่พวก18มงกุฎ คงจะไม่รบกวนบอร์ดนี้แล้ว ก้อต้องขอโทษจริงๆอีกครั้ง จากคุณ : barsaard เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 19:24:09 A:192.168.1.113 X:124.120.15.73 TicketID:252126

ความคิดเห็นที่ 52   ต้องขอโทษคุณheadrockจริงๆๆว่าโพสในลักษณะนี้ไม่ได้ ผมไม่ทราบจริงๆๆ แต่ที่ข้อความมันซ้ำ2-3ครั้งอาจจะเป็นเพราะเครื่องผมมันคงค้าง แล้วผมคงจะกดมันซ้ำๆๆ คงต้องขอโทษอีกครั้ง ส่วนร้านบาร์สะอาดของผมจะเน่าหรือไม่เน่า คนที่อยู่ย่านรามคำแหง บางกะปิ คลองจั่น เขาคงทราบดีผมทำธุรกิจอย่างไร แต่ผมอยากจะให้คุณรู้ว่าผมคือนักธุรกิจทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่ใช่18มงกุฎพวกหลอกลวง แล้วการที่ผมโพสผิดพลาดไปโดยไม่เจตนา ทำให้คุณต้องว่าผมด้วยถ้อยคำขนาดนี้ด้วยหรือ ผมขอโทษอีกครั้งที่รบกวน จากคุณ : barsaard เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 19:50:57 A:192.168.1.113 X:124.120.15.73 TicketID:252126

ความคิดเห็นที่ 53   ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะคุณHeadRock จะสู้ต่อไปค่ะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะได้อ่านแล้วมีความรู้ขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : เปิ้ลค่ะ จากคุณ : เปิ้ลค่ะ เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 00:21:29 A:125.27.115.126 X:

ความคิดเห็นที่ 54 ครับคุณเปิ้ล สงสัยอะไรเกี่ยวกับงานซัก-รีดก็กลับมาถามได้นะครับ ถ้าเป็นคำถามที่ผมรู้จริงและตอบได้ ก็ยินดีตอบครับ และขออภัยเจ้าของกระทู้ที่ผมใช้คำพูดแรงๆกับท่านที่ตั้งใจจะอาศัยกระทู้ตรงนี้ทำธุรกิจ  แต่ผมจะไม่ขอโทษท่านที่ทำผิดระเบียบครับ ระเบียบดังกล่าวก็ไม่ใช่กฏเกณฑ์ที่ผมตั้งขึ้นมาเอง แต่เป็นกฏเกณฑ์จากผู้บริหารบอร์ด  ทุกท่านที่เข้ามาใช้งานจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ครับ   เหมือนดังผมไปวางหาบขายไข่ปิ้งหน้าร้านท่านโดยไม่ได้ขออนุญาตแล้วจะอ้างว่าไม่รู้นี่ว่าตรงนี้ห้ามขายของ...ท่านคงต้องเสือกไสไล่ส่งเช่นกัน ผมเองมาตอบคำถามไม่ใช่เพราะต้องการทำธุรกิจหรือหวังผลประโยชน์ส่วนตัวอื่นใด แต่เพียงเพราะต้องการให้ความรู้เท่าที่ผมรู้ ด้วยความจริงใจ หากสามารถเป็นประโยชน์ให้ใครได้เอาไปใช้ทำมาหากินได้ ผมก็พอใจแล้ว ในบอร์ดพันทิบนั้นมีท่านผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องราวดีๆมากมายมหาศาล แต่เรื่องซักรีดนั้น ผมอ่านมานานหลายปีก็ยังไม่เห็นมีใครตอบกันเป็นกิจลักษณะ อาจจะเนื่องจากเจ้าของธุรกิจอาชีพนี้ ไม่มีเวลามาเล่นเน็ท ส่วนท่านที่อยากจะอาศัยความสนใจของใครๆที่ต้องการจะทำธุรกิจนี้ ทำไมท่านไม่แสดงความจริงใจโดยการช่วยให้ความรู้บ้างเล่าครับ ก็ไหนว่าเป็นเจ้าของร้านมาเองเลยไม่ใช่หรือ มีร้านตั้ง4-5ร้านก็แสดงว่าต้องมีฝีมือพอตัวนี่ครับ ความรู้ก็มีแต่ไม่เคยให้ใครฟรี คนอื่นเขาถาม-ตอบกันแล้วท่านนักธุรกิจใหญ่มาประกาศชวนเซ้งร้าน อย่างนี้เขาเรียก...ชุบมือเปิบครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 07:43:31

ความคิดเห็นที่ 55   คุณ HeadRock ค่ะ กรณีผ้าลูกค้าเลอะรอยเปื้อนแล้วซักไม่ออกเราควรบอกลูกค้าว่าอะไรดีค่ะ กรณีเลอะรอยเลือด , คราบเหลือง ซึ่งเราไม่รู้ว่ารอยอะไรจะแก้ไขอย่างไรอะไร น้ำยาที่มีขายใช้แล้วได้หรือไม่ค่ะ จากคุณ : Lek (nipapornv) เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 09:14:34

ความคิดเห็นที่ 56 ครับท่าน Lek (nipapornv) หนึ่งในเสน่ห์ที่น่าประทับใจของร้านซักรีดก็อยู่ตรงนี้ด้วยครับ รอยเปื้อนของเสื้อผ้าเป็นปัญหาที่ลูกค้าต้องการให้ร้านช่วยแก้ไข ร้านไหนทำได้ก็ได้ใจของลูกค้าไป รอยเปื้อนนั้นมีมากมายหลายลักษณะ บางอย่างก็แก้ไขไม่ยาก และบางอย่างก็แทบจะแก้ไขไม่ได้เลย ชนิดของเนื้อผ้าก็เป็นตัวกำหนดความยากง่ายของการแก้ไขรอยเปื้อนด้วย ผ้าบางชนิด ไม่สามารถทนการซักถูที่รุนแรงได้ เรื่องรอยเปื้อนนั้น ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาก็ยากที่จะให้คำแนะนำที่เหมาะสมได้ว่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด เพราะเราต้องคำนึงถึงผลเสียที่อาจจะเกิดกับเนื้อผ้าแต่ละชนิดด้วย วันนี้จึงอยากจะบอกวิธีแก้รอยคราบเลือดง่ายๆที่ไม่มีผลกระทบกับเนื้อผ้าทั่วไปครับ ให้นำสบู่มาละลายกับน้ำอุ่น จะเอามากน้อยก็ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ของรอยเปื้อน แล้วใช้น้ำสบู่อุ่นๆนั้นมาชำระคราบเลือดครับ ถ้าเป็นเลือดที่เปื้อนไม่นาน ขยี้ไม่กี่ทีก็ใช้ได้แล้ว แต่ถ้าเปื้อนมานานมาก ก็ต้องใช้เวลามากขึ้นอีกหน่อย ถ้ารอยเลือดไม่จางลงบ้างเลย ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นที่มีกระบวนการที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งผมขออภัยที่จะไม่ตอบตรงนี้ครับ ส่วนรอยคราบเหลืองนั้น มันยากที่จะนั่งเทียนได้ว่าจะแก้ไขด้วยวิธีใดที่จะได้ผลที่สุด และผมไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของคลอรีนมาแก้ปัญหาคราบเหลืองครับ นอกจากจะไม่ค่อยได้ผลแล้ว ยังมักจะทำให้ผ้าเสียหายมากขึ้นครับ ท่านนักธุรกิจใหญ่ที่ต้องการขายธุรกิจซักรีดของท่าน บัดนี้เป็นโอกาสอันดีที่ท่านจะมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ความสามารถของท่านแล้วครับ หากท่านมาช่วยให้ความรู้ ชื่อของท่านก็จะดูดีและน่าเชื่อถือ เป็นการช่วยให้คนที่สนใจจะทำธุรกิจนี้ ตัดสินใจเลือกท่านได้ง่ายขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 53 08:09:19 แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 53 17:49:15 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 17:44:57

ความคิดเห็นที่ 57   คุณHeadRock เปิ้ลมีปัญหาจะถามเกี่ยวกับเรื่องน้ำยาปรับนุ่มค่ะ คือเปิ้ลใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทั่วไปที่โฆษณาในทีวีค่ะใช้กับเครื่องฝาบนค่ะเวลาปั่นแห้งออกมาทำไมไม่ค่อยมีกลิ่นน้ำยาติดเลยคะทั้งๆที่เติมน้ำยาเพิ่มไปในเครื่องอีก มีน้ำยาปรับผ้านุ่มตัวไหนแนะนำบ้างคะที่มีกลิ่นหอมติดผ้าค่ะ และก็มีปัญหาอีกอย่างค่ะคือว่าเวลาเครื่องปั่นแห้งเสร็จแล้วนำผ้าออกตากถ้าผ้าเป็นสีดำก็จะเห็นเป็นรอยคราบเหมือนล้างน้ำไม่เกลี้ยงค่ะลักษณะเป็นคราบของผงซักฟอกค่ะต้องทำยังไงดีถึงจะหายค่ะช่วยแนะนำด้วยค่ะ จากคุณ : เปิ้ล เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 00:25:17 A:125.27.112.230 X:

ความคิดเห็นที่ 58 ตอบคุณเปิ้ล 1.น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีขายทั่วไป จัดว่ามีกลิ่นหอมอ่อนๆที่ได้มาตรฐานแล้ว ลูกค้าที่แพ้กลิ่นหอมแรง จะไม่ชอบเอามากๆเลยครับ เรื่องกลิ่นหอมนั้น เป็นความต้องการที่ไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล คุณเปิ้ลไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ครับ ที่ร้านผมใช้สเปรย์น้ำหอมให้ลูกค้าต่างหาก ใครชอบมากน้อยก็เลือกฉีดได้ครับ 2.เรื่องคราบขาวติดผ้าหลังการปั่นหมาดนั้น เป็นคราบของน้ำยาปรับผ้านุ่มครับ ทางแก้เฉพาะหน้าคือนำผ้าที่ว่านั้นมาล้างน้ำแล้วสลัดหมาดอีกครั้ง ทางแก้ที่ถูกต้องคือ ควรลดปริมาณของผ้าในเครื่อง อย่าใส่มากจนแน่นเครื่องครับ ***แก้ไขคำที่พิมพ์ผิดครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 53 20:22:33 แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 53 20:20:35 แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 53 18:07:34 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 18:06:53

ความคิดเห็นที่ 59   ขอบคุณค่ะคุณHeadRock เปิ้ลเองก็ใช้สเปรย์น้ำหอมเหมือนกันแต่ใช้เฉพาะผ้านวม ผ้าห่ม เท่านั้น ไม่ได้ใช้กับเสื้อผ้าลูกค้า เพราะกลัวลูกค้าบางคนเขาไม่ชอบค่ะ สเปรย์น้ำหอมที่เปิ้ลใช้ ใช้ของบริษัทแอสเตอร์ค่ะหอมดี ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ จากคุณ : เปิ้ล เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 01:37:02 A:125.27.113.102 X:

ความคิดเห็นที่ 60   คุณ Head Rock คะ ตอนนี้วากำลังรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ อยู่ เตรียมตัวเข้าสู่สนามรบของจริงแล้วค่ะ (นับเวลาถอยหลัง) ขอสอบถามเรื่องเครื่องซักผ้า กับเครื่องอบผ้าหน่อยค่ะ ถือว่าเป็นมือใหม่เริ่มกิจการ ฐานลูกค้าคงยังไม่เยอะมาก หลัก ๆ คงเป็นซักน้ำและผ้านวมค่ะ อยากให้คุณ Head Rock ช่วยแนะนำหน่อยค่ะว่าควรใช้ยี่ห้ออะไรดี เครื่องซักประมาณ 10 กก. ไหวมั้ยคะ หรือควรมากกว่านั้น แล้วเครื่องอบควรเป็นขนาดไหนคะ เพราะไม่เคยใช้มาก่อนเลยค่ะ ขอบคุณทุก ๆ คำแนะนำค่ะ จากคุณ : วา เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 12:23:29 A:172.16.51.33 X:202.149.29.83 TicketID:250938

ความคิดเห็นที่ 61 เรียนท่าน วา คำถามของท่านวานั้น ผมตอบได้ยากจริงๆครับ เนื่องจากเครื่องมือที่ผมใช้งานอยู่ทุกวันนี้ มันข้ามเกรดของสินค้าที่มีขายทั่วไปแล้วครับ หากถามผมว่าควรจะใช้เครื่องยี่ห้ออะไร..ตอบไม่ได้จริงๆ และถ้าขืนตอบมั่วๆไป ความเสียหายมันไม่ได้เกิดกับผม แต่จะเกิดกับคนที่หลงเชื่อครับ ผมเคยเล่าไว้ในข้อความก่อนหน้านี้แล้วว่า เครื่องใช้ตามบ้านนั้น มันก็ใช้ได้..เพราะผมใช้มาแล้ว เพียงแต่ให้ข้อคิดไว้ว่า..มันไม่ทนทานครับ สำหรับมือใหม่เช่นท่านวา ผมจึงแนะนำได้เพียงว่า ให้เลือกซื้อของที่มีคนดูแลซ่อมแซมมันได้(ซ่อมเร็ว-ไม่แพง)น่ะครับ ส่วนขนาดของเครื่องซัก-อบ ถ้าสู้ไหว ก็ให้ใหญ่ไว้ก่อนครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 15:11:17

ความคิดเห็นที่ 62 กลับมาอ่านคำถามของท่านวาอีกครั้งแล้วทำให้ผมนึกถึงช่วงแรกๆที่ผมเริ่มกิจการ ผมใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาบนขนาด6-7กก. เครื่องแบบนั้นมันซักผ้าชิ้นได้ แต่พอเจอผ้านวมก็จอด ไปถอยเครื่องที่ใหญ่กว่า(11กก.) ก็ซักผ้านวมไม่ได้ดี เครื่องลักษณะนี้ พอใส่ผ้านวมลงไป มันก็แน่นเครื่องพอดีครับ เครื่องมันพอจะขยับผ้าให้หมุนซ้ายขวาได้ แต่ซักยังไงก็ไม่สะอาด เพราะไม่มีเนื้อที่ในเครื่องเหลือพอที่จะให้น้ำเข้าไปช่วยชะล้างผ้าได้มากพอ ตอนนั้นผมต้องแก้ปัญหาโดยการเอาผ้านวมไปจ้างร้านที่ใหญ่กว่าช่วยซักให้ ร้านคิดราคามาเท่าไร ผมก็คิดลูกค้าเท่านั้น เพราะไม่กล้าบวกให้เกินราคาทั่วไป ร้านใหญ่บางร้านก็ใจดี ลดเปอร์เซ็นต์ให้ผมพอได้ค่านำส่งบ้าง บางร้านก็ไม่ลดให้ เพื่อบอนไซไม่ให้ผมได้เกิด เจตนาที่ผมทำเช่นนั้น เพื่อต้องการเก็บลูกค้าให้ได้มากที่สุด ลูกค้าหอบมาทั้งเสื้อผ้าและผ้านวม ถ้าผมรับแต่เสื้อผ้า ลูกค้าก็ไม่สะดวกที่จะต้องใช้บริการหลายที่ ยิ่งถ้ารู้ว่าผมซักผ้านวมไม่ได้ ความเชื่อถือก็จะลดน้อยลง หากปฏิเสธรับซักผ้านวม บางทีลูกค้าก็หอบผ้าชิ้นกลับไปด้วยเลย ผมทำอย่างนี้จนเก็บเงินพอซื้อเครื่องมือมาตรฐานได้ และทุกวันนี้ผมก็ช่วยร้านเล็กๆเปิดใหม่ด้วยการทำงานที่เขาทำไม่ได้ในราคาพิเศษ ผมเล่าตัวอย่างบางส่วนนี้ เพื่อที่ท่านผู้มีเงินลงทุนไม่มากในธุรกิจนี้ ได้ลองพิจารณาหาทางออกในกรณีคล้ายๆกันครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 02:59:46 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 17:02:14

ความคิดเห็นที่ 63   ค่ะนกค่ะเพิ่งเข้ามาอ่าน รู้สึกขอบคุณข้อมูลของคุณ HeadRock มาก ๆ ตอนนี้นก กะลังจะเปิดร้านซักรีด เล็กๆ ใต้หอพักจำนวน350ห้อง ตอนแรกลังเลมาก ไม่มีข้อมูลเลย แต่พอเข้ามาอ่านช่วยได้เยอะมาก แต่ติดใจในเรื่องของเครื่องซักและเครื่องอบนะค่ะ เพราะว่าที่ร้านของนกเนี้ย ร้านใหญ่พอสมควรแต่ไม่สามารถตากเสื้อผ้าข้างนอกได้เลยสนใจเรื่องเครื่องอบ และเครื่องสักนะค่ะ ต้องใช้ประมาณไหน ยี่ห้ออะไรดีค่ะ ส่วนในเรื่องของราคา ทางนกว่านกสู้ไหว แต่ไม่ทราบเลยว่ายี่ห้ออะไรดีขนาดไหนดีน่ะค่ะ ส่วนในเรื่องของลูกค้าคงเป็นจำพวกนักศึกษา คนทำงานนะค่ะ ต้องซื้อเครื่องซักผ้ากี่กิโลอีค่ะ รบกวนคุณHeadRockช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ หรือถ้าใครมีข้อมูลช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : นก เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:41:03 A:58.10.192.219 X:

ความคิดเห็นที่ 64 ครับคุณนก 350ห้อง ถ้าคนพักเต็มและใช้บริการคุณนกร้านเดียว..ไม่ใช่งานเบาแล้วครับ คุณนกบอกว่าสู้ไหว ผมตีความว่าไหวในทุกๆเรื่องนะครับ คำถามถามมาเฉพาะเรื่องเครื่องซักกับเครื่องอบ ผมก็ขอตอบให้ตรงคำถามครับ 1. เครื่องซักผ้าอุตสหกรรมขนาด25กก. ของใหม่ทำในไทยราคาประมาณแสนกลาง ของนอกแท้ๆประมาณสองแสนปลาย 2. เครื่องอบผ้าแบบใช้ความร้อนจากแก๊ส ขนาด30กก. ราคาของนอกเกือบสองแสน 3.เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติแบบที่มีสองถังน่ะครับ ขนาด10กก. เครื่องที่3นี้ จำเป็นต้องมีไว้ใช้งานซักเล็กๆน้อยๆที่มีผ้าไม่มากพอสำหรับเครื่องซักใหญ่ครับ ร้านซักรีดทั่วไทยนั้นนิยมซื้อเครื่องซัก-อบยี่ห้อดังจากสวีเดน แต่เป็นสินค้ามือสอง เครื่องมือสภาพดี ราคาน่าซื้อ ยังมีหมุนเวียนเปลี่ยนมือให้ซื้อขายกันอยู่ในวงการร้านซัก-รีดครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 53 10:02:58 แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 14:59:48 แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 14:59:23 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 14:58:59

ความคิดเห็นที่ 65   ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ นกว่าได้ประโยชน์มาก ๆ เลย ร้านของนกจะเปิดประมาณเดือนมีนานะค่ะ ตอนนี้อยู่ในช่วงหาข้อมูล ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะนะค่ะ จากคุณ : นก เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 09:41:29 A:58.10.192.53 X:

ความคิดเห็นที่ 66   คุณ HeadRock อยู่แถวไหนคะเผื่อวาเปิดร้านอาจจะไปใช้บริการบ้าง วาอยู่แถวรังสิตน่ะค่ะ จะมีโอกาสให้คุณ HeadRock ช่วยงานมั้ยคะ ขอบพระคุณทุก ๆ คำแนะนำค่ะ ดีใจที่มีกระทู้ดี ๆ แบบนี้และมีคนมาให้คำแนะนำค่ะ จากคุณ : วา เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 17:16:05 A:172.16.51.33 X:202.149.29.83 TicketID:250938

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณคุณวาครับ เรื่องที่อยู่ของร้านผม ต้องขออภัยที่ไม่อาจตอบได้ครับ แม้ใจจริงนั้นยังอยากจะช่วยสนับสนุนทุกท่านเสมอ แต่เพื่อยืนยันเจตนารมย์ที่จะไม่หวังผลประโยชน์ใดๆในการให้ความรู้เลย จึงขอช่วยท่านเป็นเพียงตัวอักษรเท่านั้นครับ ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในทุกกิจการด้วยเทอญ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 18:56:31

ความคิดเห็นที่ 68   ตอนนี้เปิ้ลเปิดร้านมาได้ประมาณหนึ่งเดือนเศษแล้วลูกค้ายังไม่มีเท่าไหร่เปิ้ลว่าจะทำป้ายโฆษณาไปติดที่ร้านพี่ที่เขาขายปลาเผากับบ้านน้าที่เขาก็รับซักผ้าเหมือนกันแต่ตอนนี้เขาทำไม่ค่อยไหวแล้วแต่ยังนึกหน้าโฆษณาไม่ออกว่าจะทำแบบไหนดีขอคำแนะนำด้วยค่ะ คุณHeadRock จากคุณ : เปิ้ล เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 00:34:17 A:125.27.116.120 X:

ความคิดเห็นที่ 69 ร้านพี่ที่เขาขายปลาเผากับบ้านน้าที่รับซักผ้า ที่ว่านั้นอยู่ไกลจากร้านของคุณเปิ้ลมากไหมครับ ถ้าอยู่ไกลมากไปหน่อย ผมคิดว่าลูกค้าย่านนั้นคงไม่ตามมาใช้บริการนะครับ แต่ถ้าอยู่ในละแวกเดียวกัน อันนี้ก็พอจะเห็นผลได้ครับ อันที่จริงแล้ว การโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองให้เป็นที่รู้จักนั้น เป็นเรื่องดีต่อธุรกิจครับ แต่เท่าที่สังเกตดูแล้ว บริการซัก-รีดมันมีแพร่หลายมากมายทุกซอกทุกมุมเมือง และไม่ใช่ธุรกิจบริการประเภทที่ใครเห็นปุ๊บแล้วอยากมาใช้บริการปั๊บเหมือนธุรกิจบันเทิงหรือร้านอาหาร เนื่องจากมนุษย์ทุกคนย่อมมีหนทางซักผ้าของตนเองอยู่แล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะซักเองหรือมีเจ้าประจำอยู่แล้ว เมื่อเห็นป้ายโฆษณารับซัก-รีดที่ใด อย่างมากก็เพียงแค่พยักหน้ารับรู้ไว้ รอให้ตัวเองเลิกกับเจ้าเดิมเมื่อไร จึงจะนึกมาใช้บริการกับเจ้าใหม่ ป้ายโฆษณาดังกล่าวจึงใช้เรียกได้เฉพาะลูกค้าขาจร ประเภทที่ต้องการใช้บริการฉุกเฉินชั่วคราว ซักกันทีละชิ้น2ชิ้น และไม่ได้กลับมาที่เดิมอีก หากไม่ต้องลงทุนกับป้ายมากมายนัก ก็ทำไปเถิดครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ แต่ถ้าต้องลงทุนหลายบาท ส่วนใหญ่มักจะไม่คุ้มครับ ส่วนเรื่องของเนื้อหาที่จะใช้บรรยายสรรพคุณร้านของคุณเปิ้ลนั้น คุณเปิ้ลลองร่างรายละเอียดคร่าวๆแล้วถามความเห็นชอบของคนหลายๆคนดูนะครับ ผมจะช่วยนั่งเทียนนึกอะไรให้เขียนคงจะไม่ได้ดีดังใจ เผลอๆอาจจะเขียนขาดหรือเกินความจริงไปก็ได้ครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 02:10:34

ความคิดเห็นที่ 70   ร้านพี่่ที่้เขาขายปลาเผาอยู่ไม่ไกลจากร้านเปิ้ลหรอกค่ะตัวเขาเองก็ยังซักผ้ากับที่ร้านเปิ้ล แต่บ้านน้าอยู่ไกลค่ะ เท่าที่อ่านคำแนะนำของคุณHeadRock เปิ้ลก็เห็นด้วยค่ะ น่าจะมีแต่ลูกค้าขาจรซะส่วนมาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยค่ะค่าเช่าตึกก็ต้องเสียไปทุกเดือนโดยที่ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาเพิ่มเท่าไหร่ทำให้เครียดค่ะ เปิ้ลก็เลยว่าจะหารายได้เพิ่ม คือเปิ้ลพอมีฝีมือในการทำกับข้าวอยู่บ้างก็ว่าจะทำขนมจีนน้ำยาขายเป็นชุดๆค่ะตั้งโต๊ะพับซักตัวหน้าร้าน ร้านเปิ้ลอยู่ใกล้กับตลาดสดและศูนย์ขายอาหารตามสั่งค่ะแต่เปิ้ลสำรวจตลาดมาแล้วว่าไม่มีใครขายขนมจีนน้ำยาค่ะแรกๆเปิ้ลว่าจะทำไม่มากค่ะเอาแค่ 20 ชุด ก็พอ คุณHeadRock ว่ายังไงค่ะขอคำแนะนำด้วยค่ะ จากคุณ : เปิ้ล เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 00:06:44 A:125.27.114.23 X:

ความคิดเห็นที่ 71 ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมนึกถึงคุณเปิ้ล ว่าเป็นคนน่ารักตรงที่คุยกันซื่อๆตรงๆนี่แหล่ะ เรื่องงานซัก-รีดน่ะ ผมพอจะตอบได้ครับ แต่เรื่องขนมจีนน้ำยานั้นผมกินเป็นอย่างเดียวครับ ถ้ามีเวลาว่าง ก็เป็นความคิดที่ดีที่จะพยายามทำอะไรที่เพิ่มรายได้ ผมคงไม่มีคำแนะนำสำหรับวันนี้   มีแต่คำว่าเห็นด้วยครับ สำหรับร้านซัก-รีดเปิดใหม่ที่ไม่ได้อยู่ใต้หอพักหรืออพาร์ทเม้นต์นั้น มักจะเป็นคล้ายๆกันคือช่วงเปิดใหม่จะยังไม่มีลูกค้ามากพอ เนื่องจากเหตุผลตามความเห็นที่69 ผมเองกว่าจะตั้งลำได้ก็เครียดไปเกือบปี และที่ผมรอดมาได้ เพราะใช้ความอดทน อดหลับอดนอนทำงานหนัก รับซักผ้าราคาไม่แพง ใช้แรงเข้าแลก(เพราะไม่มีเครื่องมือช่วย ) และพยายามทำงานให้ดีที่สุด ให้ลูกค้าเชื่อมั่นในความรับผิดชอบและรู้สึกว่าคุ้มราคา จนลูกค้าแนะนำลูกค้ามา แบบปากต่อปาก ทั้งหมดนี้ .... ต้องใช้เวลาครับ จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 53 01:22:16

ความคิดเห็นที่ 72   ขอบคุณค่ะสำหรับคำชม เปิ้ลจะอดทนต่อไปค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆที่มีให้เสมอ จากคุณ : เปิ้ล เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:19:41 A:125.27.117.19 X:

ความคิดเห็นที่ 73 ท่าน HeadRock สุดยอดจริงๆครับ  เขียนหนังสือขายได้เลยครับ คือผมขอถามบ้างครับ   คือว่า พอดีพ่อผมมีธุรกิจ โรงแรม ขนาดไม่ใหญ่ ประมาณ 80 ห้อง      ซึ่งในแต่ละเดือน ลูกค้าจะพักเต็มประมาณ  15 วัน         ทีนี้ปกติพ่อผมก็จ้างร้านมารับผ้าไปซักรีดให้อยู่เช่นพวกผ้าปูเตียง   ผ้าเช็ดตัว     ผมก็มีธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว  แต่อยากขยายงานด้านการรับ ซักอบรีด  เนื่องจาก คิดว่ามีฐานผ้า ของโรงแรมพ่อเป็นทุนให้อยู่แล้ว    และตอนนี้พ่อก็กำลังจะเปิดโรงแรมใหม่อีก           ดังนั้น  ผมก็เลยอยากปรึกษาว่า   ถ้าจะเริ่มธุรกิจ ซักอบรีด  ผมควรจะคำนึงถึงอะไรเพิ่มเติมบ้างครับ  และ การซื้อเครื่องเพื่อเน้นมาซักผ้าโรงแรม  ควรจะมีขนาดเท่าไหร่ยังไงครับผม จากคุณ : darkming เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 18:04:35

ความคิดเห็นที่ 74 ตอบคุณ darkming เป็นความคิดที่ดีครับสำหรับการสร้างลอนดรี้เพื่อรองรับงานของท่านเอง และงานซักผ้าแบบมุ่งเน้นไปเฉพาะที่ผ้าปูที่นอน-ผ้าเช็ดตัวนั้น ทำงานง่ายกว่างานซักรีดเสื้อผ้ามากครับ ผมจะประมาณขนาดเครื่องมือให้ท่านตามสถานการณ์ของวันนี้ก่อนนะครับ ส่วนเรื่องที่ท่านจะขยายงานเพิ่มขึ้นนั้น ผมจะยังไม่กล่าวถึง 80ห้องก็ต้องคิดถึงเครื่องที่มีขนาดพอที่จะทำงานได้ในวันที่แขกเต็มไว้ก่อน ใช้เครื่องซักผ้าอุตสาหกรรมขนาด25กก. กับเครื่องอบผ้าขนาด60ปอนด์ ก็พอแล้วครับ ส่วนเรื่องของอุปกรณ์การรีดผ้านั้น  ถ้าจะเอาแบบมาตรฐานก็ต้องเป็นแท่นรีดผ้าแบบลูกกลิ้งเลยครับ   แท่นที่ว่านี้สามารถกางผ้าปูที่นอนสอดผ่านเครื่องนี้แล้วรอรับผ้าที่รีดออกมาจากเครื่องได้เลย   แต่ถ้างานจริงมีน้อย และยังไม่ต้องการลงทุนมากเกินไป จะใช้เตารีดก็ได้ครับ สิ่งที่ท่าน darkming ควรคำนึงไว้ก่อนก็ควรจะเป็นเรื่องของระบบน้ำ-ไฟ ขนาดของสถานที่ที่จะสร้างลอนดรี้ และสุดท้ายคือคนที่จะมาทำงานตรงส่วนนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 53 03:12:45 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 53 03:12:06 จากคุณ : HeadRock เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 03:06:20

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณท่าน HeadRock มากคับ จากคุณ : darkming เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 02:05:30

ความคิดเห็นที่ 76 ทำร้านซักรีดอยู่เหมือนยกันค่ะ มาอ่านแล้วได้มุมมองใหม่ๆ จะนำไปปรับใช้กับร้านตัวเองค่ะ กระทู้ดีๆ แบบนี้ โหวตเก็บเข้าคลังกระทู้ให้แล้วน่ะค่ะ จากคุณ : พังจี...พีจัง (พังจี...พีจัง) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 53 07:45:21