ความคิดเห็นที่ 1 ผมจะแบ่งเท่าๆกันครับ อนาคตเค้าจะเกื้อหนุนกันอย่างไรก็แต่เค้าครับ จากคุณ : เกิดวันศุกร์ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 19:55:11

ความคิดเห็นที่ 2 ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับ ควรแบ่งให้เท่ากันทุกบาททุกสตางค์ และควรแบ่งให้ก่อนที่พ่อแม่จะตายด้วยนะครับ อาจไม่ต้องทั้งหมดแต่ก็ควรแบ่งและโอนให้ซัก 80% ก่อนตายเพราะอย่าลืมว่าภาษีมรดกนั้นโหดมากๆ ผมไม่แน่ใจว่า 40% รึเปล่า คิดง่ายๆ ถ้าคุณมีเงินในธนาคาร 10 ล้าน คุณตายไปเวลาลูกจะไปถอนต้องเสียภาษีมรดกด้วย จากเงิน 10 ล้าน จะเหลือแค่ 6 ล้าน ดังนั้นคุณควรแบ่งให้เค้าก่อนซักคนละ 4 ล้าน เหลือไว้เป็นทุนในการดำรงชีวิตของคุณซัก 2 ล้านในกรณีเค้าได้เงินแล้วไม่กลับมาดูแลคุณครับ พ่อแม่ทุกคนมักชอบคิดว่าเก็บเงิน มีที่ดิน มีสมบัติไว้เพื่อเป็นหลักประกันว่าลูกจะไม่ทิ้งตัวเองไปเพราะหวังสมบัติ จริงๆแล้วคิดผิดครับ เพราะถ้าลูกคุณดีจริงไม่ว่ายังไงเค้าก็จะดูแลพ่อแม่ไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้สมบัติล่อหรอกครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 20:03:19 จากคุณ : คนกตัญญูที่โดนด่าว่าอกตัญญู (Gob_ann) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:02:38

ความคิดเห็นที่ 3 จะให้พี่น้องรักและช่วยเหลือกันพ่อแม่ต้องยุติธรรมครับ... จากคุณ : เมฆวายุ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:06:36

ความคิดเห็นที่ 4 ปู่เราไม่ได้ร่ำรวยอะไร เป็นชาวนา ทำไร่ทำนา พ่อเราแต่งกับแม่ เป็นข้าราชการ แม่เรามีกิจการ ทำให้ฐานะทางบ้านเราดีกว่าพี่น้องของพ่อเรา วันที่ปู่เราสิ้น ปู่ยกที่ดิน(ที่นา) แบ่งให้ลูกทั้ง 4 คน ในสัดส่วนที่ "เท่ากัน" พอจัดงานศพให้ปู่ ผ่านไปได้สักพัก พ่อเราก็ยกที่ดินส่วนของพ่อให้กับน้องสาว เพราะพ่อเราเห็นว่าน้องสาวเป็นคนดูแลปู่กับย่ามาตลอดชีวิต อีกทั้งพ่อเราก็ไม่ได้ทำนา เลยยกให้น้องสาวไป พ่อแม่รักลูกเท่ากัน เพราะลูกทุกคนเป็นคนดีเท่าๆกัน (แต่ถ้าลูกคนหนึ่ง ร่ำรวยเกินพี่น้องคนอื่น แล้วยังมีคดีฆ่าคนตาย แบบนี้พ่อแม่อาจต้องพิจารณานะ) ส่วนลูก ก็ควรจะมีจิตสำนึก รักใคร่กลมเกลียวกันระหว่างพี่น้อง ถ้าพ่อแม่แบ่งมาให้เท่ากันแต่ตัวเองเห็นว่าน้องลำบากกว่า ก็น่าจะแบ่งให้น้อง --- เรื่องมรดกพ่อแม่นี่ เลิกพูดเถอะ มันก็เป็นแค่ ประเด็นของพี่น้องที่ไม่รักกันอ่ะนะ เพราะครอบครัวที่พี่น้องเขารักใคร่กลมเกลียวกัน ต่อให้พ่อแม่ไม่ได้เขียนพินัยกรรมอะไรไว้ให้ เขาก็ไม่ทิ้งกันอยู่ดี! จากคุณ : Gretchen เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:10:32

ความคิดเห็นที่ 5 ถามแม่แล้ว แม่บอกว่าให้ไม่เท่ากัน คนไหนเก่งกว่า รวยกว่า มีความสามารถในการหาเงินสูงกว่าก็ให้มันน้อยหน่อย คนไหนไม่เอาไหนก็ให้มากกว่าหน่อยค่ะ จากคุณ : dd เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:16:00 A:110.49.225.130 X: TicketID:324116

ความคิดเห็นที่ 6 ด้วยความเคารพค่ะ ไม่ได้อ้างอิงเรื่องอื่นค่ะ ชอบ คคห.3 มากค่ะ จากคุณ : ส้มสีส้ม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:20:47

ความคิดเห็นที่ 7 เรามีลูกสองคน เราคิดว่าถ้าเราตาย เราจะเงินเรากับลูกทั้งสองเท่ากันค่ะ จากคุณ : boontarika เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:26:31

ความคิดเห็นที่ 8 แบ่งเท่าๆกันค่ะ เดี๋ยวเขาจะอิจฉากันค่ะ จากคุณ : บัวลอยน้ำใส เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:28:05

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ให้เลย จะใช้ให้หมด  เลียนแบบบัฟเฟต จากคุณ : วิวเฟรโด้โกเมส ซานวาดอซานเชส เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:32:27

ความคิดเห็นที่ 10 คำว่าเท่ากัน  เราว่าแล้วแต่ว่า ครอบครัวที่พี่น้องรักกันนะคะ มีส่วนคือ  ตามที่เราเห็นๆคนแถวบ้าน ที่ฐานะดีๆพ่อแม่บอกว่า แบ่งให้เท่ากัน  แต่บ้านที่ไม่สามัคคี ก็คนโน้นบอกของคนนั้นเยอะ ของฉันน้อย ใครๆก็ต่างว่าของตัวเองน้อย ยิ่งมีสะใภ้-เขย แจมอีกปวดหัว เลยล่ะค่ะ พ่อแม่ตายไป3-4ปี แต่ ลูกๆยังทะเลาะเรื่องมรดกไม่จบ ก็มีเยอะแยะไป  แต่บ้านที่พี่น้องรัก กัน อะไรๆก็หยวนๆกันไป พ่อแม่ให้เท่าไหร่ เผลอๆคนที่รวยกว่า ก็ยกให้ คนที่ลำบากกว่าไปเลยก็มี อันนั้นพ่อแม่ตายตาหลับจริงๆนะคะ แต่ที่บ้านนอก  เรื่องที่ทางแบ่งกันไป แต่ที่แน่ๆบ้านที่อยู่เค้าจะให้ลูกคนที่ดูแล พ่อแม่จนวาระสุดท้ายซะส่วนใหญ่นะคะ จากคุณ : สาวถุงกาแฟ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:36:33

ความคิดเห็นที่ 11 พ่อเราแบ่งให้เท่ากันทุกคน เรารู้สึกว่าดีค่ะ จากคุณ : เรนโบว์สายรุ้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:39:04

ความคิดเห็นที่ 12 คุณสาวถุงกาแฟ ยายเราก็ยกทรัพย์สินเกือบทั้งหมดให้คนที่ดูแลท่านก่อนเสียค่ะ คุณ Gob_ann คะ เรื่องกลัวไม่เลี้ยงก็เรื่องนึงนะคะ เรากลัวว่า เขาจะยังไม่มีวุฒิภาวะที่จะดูแลเงินจำนวนนี้ ซึ่งอาจเป็นก้อนที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เค้าจะหาได้ ฟังที่คุณพูด เรานั่งคิดว่า เราเปิดบัญชีร่วม (ชื่อลูก+เรา) ให้ครบตามจำนวนลูกทุกคน แล้วฝากเงินส่วนใหญ่ (เท่าๆ กัน) ไว้ที่ลูก ให้เขาไปเปิดบช กับเรา แต่ไม่ให้รุ้ว่ามีเงินเท่าไร 5555 (ค่อยๆ ฝากไปเรื่อยๆ) ขนาดทุกวันนี้ ยังชอบถามเลยค่ะว่า  "เงินทั้งหมดที่แม่มีเท่าไรอ้ะ ถึงหมื่นเหรอเปล่า?" เราเลยบอกว่า  "บางทีก็มากกว่าหมื่นนิดหน่อยคับ บางทีก็น้อยกว่า" เขาเลยไปเล่าให้เพื่อนๆ ที่รร.ฟังว่า "บ้านเราจนมากเลย  บางวันไม่มีตังค์จะกินข้าว" เพื่อนให้เลยมา ยี่ฉิบ ..... (ทำหน้าภูมิใจมากเลย ที่หาเงินเข้าบ้านได้) จากคุณ : ส้มสีส้ม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:45:18

ความคิดเห็นที่ 13 ใครคนที่เค้าดูแลเรา ถ้าดูแลเราทั้งคู่ก็ให้คนที่จนกว่ามากหน่อย  พี่น้องกันไม่ควรมาคิดเล็กคิดน้อยครับสิทธิการตัดสินใจอยู่ที่พ่อ-แม่ จากคุณ : Matepmak เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:46:27

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่าเรื่องนี้ยากจะพูด ... ที่บ้านไม่ใช่คนรวย ไม่มีสมบัติพัสถานใดที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นมรดกตกทอดให้ลูก ... แต่เมื่อครั้งแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้ความช่วยเหลือพี่ชายผมมากกว่าตัวผมและน้อง เพราะพี่ชายผมมีความสามารถในการหาเงินน้อยกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ตัวผมนั้นแทบไม่ได้อะไรเลย และเป็นฝ่ายช่วยเหลือครอบครัว พ่อแม่พี่น้องซะเป็นส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายครับ ภูมิใจด้วยซ้ำที่ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้นี้รึเปล่าเนี่ย - -" จากคุณ : ทอง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:52:19 A:171.4.150.152 X: TicketID:276141

ความคิดเห็นที่ 15 พ่อแม่รักลูกเท่ากัน แต่จะห่วงลูกที่ดูแลตัวไม่ได้มากกว่าค่ะ ร่วมภูมิใจกับคุณทองด้วยค่ะ จากคุณ : ส้มสีส้ม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:55:02

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่า จริง ๆ แล้ว แต่ละครอบครัว ก็มีพื้นฐาน ที่แตกต่างกันไป ครอบครัว คนจน ที่จนมาก ๆ บางทีเค้าก็ต้องเลือกส่งลูกเรียนแค่คนเดียว เช่น ส่งคนโตเรียน น้อง ๆ ที่เหลือออกมาทำงาน หรือ ส่งน้องสุดท้องเรียน พี่ ๆ ออกมาทำงาน แล้วไอ้คนที่เรียนเนี่ย พอได้งานทำ ได้เงินเดือน จะมาดูแลคนที่เหลือรึเปล่า บางทีไอ่คนที่เรียน ก็กลายเป็นคนรวยที่สุด คนเดียวไปซะงั้น หรือลูกคนใดคนหนึ่งได้คู่ครองดี ช่วยทำธุรกิจอะไรรุ่งเรืองไปมาก ๆ ก็รวยล้ำหน้าพี่น้องไปไกลโข ผมว่า ถึงแม้พ่อแม่ รักลูกเท่ากันก็จริง (แต่ที่รักไม่เท่าก็มีแหละ ธรรมดาโลก) แต่พ่อแม่เป็นห่วงลูกไม่เท่ากันหรอก อย่างผมกับน้องสาว จะรู้สึกว่า แม่เป็นห่วงน้องชาย เพราะการงานเค้าไม่มั่นคง ผมกับน้องสาว ก็เฉยๆ นะ ไม่ได้น้อยใจอะไร ส่วนผมกับน้องสาว แน่นอน แม่ก็เป็นห่วงน้องสาวเพราะเค้าเป็นผู้หญิง อนาคตแต่งการแต่งงานไป มันก็น่าห่วงกว่าผู้ชาย ผมก็เฉยๆ นะ เข้าใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น คนที่ผมรู้จัก เค้าก็เคยเล่าว่า พี่สาวซึ่งไม่มีครอบครัว อยู่ที่บ้านเค้า หลาน ๆ บ้านนี้ก็ดูแลคุณป้าด้วยดีเสมอมา โตขึ้นหลาน ๆ ก็ได้เป็นหมอ ยิ่งดูแล คุณป้ามากขึ้น เพราะคุณป้าต้องผ่าตัดอะไรด้วย แต่ความคิดของคุณป้าคือ สมบัติคุณป้ามีเท่าไหร่หารตามจำนวนหลานเท่า ๆ กัน ทั้งหลานบ้านนี้ หรือหลานบ้านอื่น หลานบางคนเกิดเมืองนอก เจอกันทั้งชีวิต 2 ครั้ง ป้าก็ยืนยันว่าจะแบ่งเท่ากัน ก็ต้องเคารพการตัดสินใจและวิธีคิดของคุณป้า โชคดีบ้านนี้เค้ารวยอยู่แล้ว ไม่ได้มรดกอะไรเลยเค้าก็เฉย ๆ (แน่นอนว่า เค้าไม่ละโมบด้วยแหละ) จากคุณ : PL เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 20:58:09 A:118.172.3.174 X: TicketID:357480

ความคิดเห็นที่ 17 เอาของผมบ้างนะ ผมทำงานปกติ ประหยัด ไม่กินเที่ยว ทำงานบ้านเกือบหมด รถซื้้อเอง ซ่อมเอง มีเงินเก็บ น้องสาวผม เงินเดือนไม่เคยพอ กินเที่ยว เลี้ยงทอม ไม่เคยรับผิดชอบอะไร งานบ้านไม่เคยแตะ พ่อผมบอก น้องผมไม่มีโอกาสดีเท่าผม ผมไม่เอาครับ น้องผม สุดท้ายตัวใครตัวมัน จะแบ่งเท่าไหร่ ผมไม่สน จากคุณ : purekung99 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 21:17:41

ความคิดเห็นที่ 18 เท่า ๆ กันเป็นคำตอบเดียวค่ะ เป็นการแก้ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัวเป็นอย่างดี ถ้าว่ากันตามกฎหมาย ในกรณีผู้เสียชีวิตไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ สมบัติหลังจากจ่ายภาษีมรดกแล้ว   ที่เหลือจะหารเท่า ๆ กันนะคะ เช่น ถ้าคู่สมรสยังมีชีวิตอยู่ ก็จะหารครึ่ง   กึ่งหนึ่งเป็นส่วนของคู่สมรส อีกกึ่งที่เป็นส่วนของผู้ตาย ก็จะนำมาหารกับผู้รับผลประโยชน์ทุกคนเท่า ๆ กัน ถ้าผู้ตายมีบุตรสองคน  ส่วนที่เหลือกึ่งหนึ่งนั้นก็จะแบ่งหารสาม คือ คู่สมรสหนึ่งส่วน บุตรคนโตหนึ่งส่วน บุตรคนเล็กหนึ่งส่วน ถ้าผู้ตายอยากช่วยเหลือใครมากเป็นพิเศษ  ควรทำเป็นพินัยกรรมค่ะ ป้องกันการทะเลาะกัน จากคุณ : บีพี เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 21:22:19

ความคิดเห็นที่ 19 เอ.....เราคิดแปลกกว่าคนส่วนใหญ่แฮ่ะ ถ้าลูก ๆ ฐานะพอ ๆ กัน  แบ่งเท่า ๆ กัน ก็ยุติธรรมดี แต่ถ้าฐานะต่างกันมาก  แบ่งเท่า ๆ กัน  ยุติธรรมจริงหรือ ? หลักการสากล  เรื่องการเก็บภาษี  เขายังใช้หลักการเก็บเหมือนกันเลย หาได้มากจ่ายมาก  หาได้น้อยจ่ายน้อย เพื่อให้รายได้สุทธิที่เหลือของแต่ละคนใกล้เคียงกัน   ดังนั้น.....ถ้าหาได้มาก  ได้รับมรดกน้อย   หาได้น้อย  ได้รับมรดกมาก รายได้สุทธิจะได้ใกล้เคียงกัน.....น่าจะเทียบเคียงกันได้นะ คือสุดท้ายแล้ว  จะได้ไม่ต่างกันมาก   เราคิดว่า....ถ้าเป็นเรา  จะแบ่งมรดกตามนี้แหละ จากคุณ : Aunty Solitary เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 21:43:40

ความคิดเห็นที่ 20 เท่ากันค่ะ สำหรับเราการแบ่งมรดกไม่เกี่ยวกับว่าใครหาเงินได้มากดว่าอ่ะค่ะ มันเป็นเรื่องของความเท่าเทียมที่ควรจะได้ เราถามว่าคนที่หาเงินได้มากกว่า เค้าผิดตรงไหนถึงควรได้รับความห่วงใยจากพ่อแม่น้อยกว่า เราว่าเรื่องความรู้สึกลูกเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ยิ่งความรู้สึกว่าพ่อแม่รักหรือห่วงใยเรานัอยกว่าพี่น้องอีกคนนี้มันเป็นอะไรที่บาดลึกนะค่ะ พี่น้องหลายคนไม่มองหน้ากันเพียงเพราะคิดว่าพ่อแม่รักและห่วงใยอีกคนมากกว่า จากคุณ : แพนกวิ้นน้อยหลงทาง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 21:54:51

ความคิดเห็นที่ 21 เท่ากัน คนที่เขาหามาได้มากกว่า เก่งกว่า ผลตอบแทนความพยายามคือ ไม่ควรได้อะไรหรือได้น้อยกว่าเหรอ จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 21:56:25

ความคิดเห็นที่ 22 เราเห็นว่า ควรแบ่งให้เท่ากัน แต่ควรให้แค่บางส่วน  เพราะลูกเดี๋ยวนี้  ไม่มีทรัพย์สมบัติกินเอง  รอขอลูกกิน  จะมาชอกช้ำ แถวบ้านเรา เขาร่ำรวยมาก ยกโรงงานให้ลูกหมด  ทุกวันนี้  อยากจะไปกินขัั่่าวข้างนอก  ลูกไม่ยอมพาไป  เนี่ยแหล่ะ  ลองเรื่องเรื่องต้นแอปเปิ้ลกับเด็กดู  นั่นแหล่ะ ใช่เลย จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 22:07:39

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าเลี้ยงลูกมาเท่ากัน  ส่งเสียให้ร่ำเรียนเหมือนกัน แต่สุดท้ายคนนึงบากบั่นได้ดีกว่าอีกคน แล้วยุติธรรมหรือที่แบ่งสมบัติให้คนที่น้อยกว่าได้มากกว่า ในเมื่อจุดเริ่มต้นเท่ากัน  ปลายทางก็ควรเท่ากัน จากคุณ : susijang (susijang) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 22:08:08

ความคิดเห็นที่ 24 ทรัพย์สินบางอย่างมันแบ่งกันลงตัวยากค่ะ ที่ดิน มันแบ่งไม่ได้เป๊ะๆ ตามจำนวนลูก - -" ตอนนี้เรามีชื่อในที่ดินของพ่อแม่มากกว่าน้อง เพราะเราอายุมากสุด ถึงเกณฑ์ไปโอนรับก่อนพี่น้อง เราก็ตั้งใจว่าจะเป็นแค่คนถือเอาไว้ แต่น้องทุกคนจะมีสิทธิในที่ดินเท่าเทียมกัน บ้านเราเห็นการทะเลาะของพวกพี่น้องรุ่นพ่อมาก่อนแล้วเพราะบรรดาคนที่แต่งเข้ามา ก็ตั้งใจจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำค่ะ #12 เลี้ยงลูกได้เหมือนแม่เราเลยค่ะ - -' เคยมีเพื่อนสงสาร ซื้อกระเป๋าตังค์ให้เรา 55+ ปล. ความคิดแม่เราคือ เงินสด จะให้คนที่บริหารเงินได้ดีที่สุดไว้ค่ะ แล้วไอ้คนนั้นจะเอาเงินนั้นไปเลี้ยงดูคนอื่นต่อเอง แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 23:10:48 จากคุณ : คานเหล็กกล้าทาแล็กเกอร์ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 23:09:34

ความคิดเห็นที่ 25 กระทู้ถูกใจ เพราะลูกไม่ค่อยถูกกัน ถ้าไม่แบ่งไว้ ไม่ทำพินัยกรรม แม่จากไป เขาแย่งกันแน่ เงินๆทองๆ มีไม่มากนัก พยายามแบ่งให้เท่ากันที่สุด แต่ทรัพย์สิน มีค่าไม่เท่ากันเป๊ะ ก็คงมีเหลื่อมกันบ้างไม่มาก เงินฌาปนกิจ เยอะกว่าราคาทรัพย์สินอีก ตายไป คงมานั่งแบ่งไม่ได้ เขียนเป็นพินัยกรรมไว้ จากคุณ : ย่าครับ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 00:09:18

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่เท่าคะ ถ้าลูกคนใดเลี้ยงพ่อแม่ควรได้เยอะกว่า ถ้าลูกทั้งหมดไม่ได้เลี้ยงพ่อแม่ก้ควรแบ่งเท่ากัน จากคุณ : AngunPor เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 00:09:22

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าเราเป็นแม่ เราจะแบ่งให้เท่ากัน และจะสอนด้วยว่า ในวันที่แม่กับพ่อไม่อยู่แล้ว ให้ลูกช่วยดูแลกัน แบ่งปันกัน เพราะจะมีใครที่รักกันได้เท่าคนในครอบครัวเดียวกัน แต่ถ้าเราเป็นลูก แม่กับพ่อ จะแบ่งให้เรา มากกว่าหรือน้อยกว่าน้องเราไม่สนใจเลย หรือจะยกให้น้องเราหมดเลยก็ได้ แค่เห็นน้องสบาย มีชีวิตที่ดี เราก็มีความสุขแล้ว ส่วนตัวเราถ้าน้องไม่แบ่ง เราก็ไม่โกรธเราดิ้นรนเองได้ แต่ถ้าเราได้มากกว่า เราก็จะให้น้องเพื่อให้เท่ากัน หรือถ้าน้องไม่เอา เราก็จะช่วยเหลือเวลาน้องทุกข์ยาก จากคุณ : kanie22 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 00:31:33

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่เท่ากัน คนที่ดูและเอาใจใส่แม่ เป็นคนดีควรได้เยอะกว่าคนที่ไม่เคยมาหาพ่อแม่เลย ไม่เคยดูแลเอาใจใส่พ่อแม่ เราคิดอย่างนี้นะ จากคุณ : วาดเวลา เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 01:49:40

ความคิดเห็นที่ 29 เท่ากัน  แต่ยังไม่มีลูกก็ไม่รู้เหมือนกันจะให้ใคร  - -" จากคุณ : tripper 95 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 07:01:00

ความคิดเห็นที่ 30 สำหรับ ตัวผมเอง นะ ให้เท่ากัน เพราะ ผมมีลูกคนเดัยว 5555 เอาตามจริง ผมจะบอกลูกว่า สมบัติที่พ่อแม่ สร้างมา มันเป็น สิทธิ ของพ่อแม่ จะแบ่งให้ ใครมากกว่า น้อยกว่า ลูกไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ยกเว้นแต่ สิ่งที่ทำร่วมกัน เช่นมรดกจาก ปู่ หรือ ธุรกิจ ที่ลูกร่วมบริหาร เพราะ พ่อแม่ให้โอกาสในการศีกษา แล้ว สำหรับ ผม ผมไม่สนใจมรดกที่พ่อแม่ให้ จากคุณ : Jedcon เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 07:15:42

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบในฐานะลูกได้มั้ย - -* เราเรียนสูงกว่าน้องมาก ได้รับอะไรมาเยอะมาก คือพ่อแม่ลงทุนกับเราเยอะ เรามีโอกาส มีหนทางหาเงินได้เยอะ แถมออกมาทำงานอยู่นอกบ้าน ส่วนน้องชายอยู่กับพ่อแม่ แต่ตอนนี้เราเพิ่งเตาะแตะ เงินเดือนน้อยมาก เมื่อเทียบกับน้องชาย ที่เค้ามีรายได้ต่อวัน เท่ากับหรือมากกว่าเงินเดือนเราทั้งเดือนซะอีก ตอนนี้น้องมีเก็บเยอะ ต่างจากเราลิบลับ.. แต่เราบอกพ่อกับแม่แล้วว่า ไม่เอาอะไรแล้ว มีอะไรก็ให้น้องไป เพราะเราเอาตัวรอดในอนาคตได้แน่นอน งานการเรามั่นคงมาก ถึงเงินเดือนตอนนี้มันน้อยไปหน่อย แต่ก็พอใช้ ต่อไปถึงมีอุบัติเหตุชีวิตอะไรกับน้อง เราก็ไม่ทิ้งน้อง และเราก็มั่นใจว่าน้องไม่ทิ้งเราเช่นกัน จากคุณ : มามั่ว เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 07:27:21

ความคิดเห็นที่ 32 เขียนระบุไปในพินัยกรรมเลยดีไหม ถ้ามีลูก 4 คน แบ่งสมบัติออกเป็น 5 ส่วน 4 ส่วนเท่าๆ กัน ให้ลูกทั้ง 4 คน ส่วนที่ 5 กันไว้เป็นค่าตอบแทนคนลูกที่เลี้ยงดูพ่อแม่ จะได้ไม่ทะเลาะกัน แต่ถ้าไม่ได้ทำพินัยกรรม วันที่ลูกอยู่พร้อมหน้ากัน เช่น เทศกาลสงกรานต์ ให้พ่อแม่หารือเรื่องทรัพย์สินกับลูก (ห้ามเขย สะใภ้ หลานเข้่าฟัง เดี๋ยวเรื่องจะไม่จบง่าย เพราะเป็นตัวแปรสำคัญ) ใช้หลักการแบ่งตามข้างบน แล้วให้ลูกทุกคนลงลายมือชื่อใบบันทึกข้อตกลง แต่จะมีลูกอีกพวกหนึ่งที่ตัวเองมีทรัพย์สมบัติ หรือมีรายได้มากแล้ว เสียสละไม่เอา และยกส่วนของตนให้กับคนที่ด้อยกว่าคนอื่น ตรงนี้พ่อแม่ก็ให้ลูกคนนั้นลงลายมือชื่อไว้เหมือนกัน จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง เพราะลูกเมียเขาไม่ได้มาร่วมฟังด้วย แต่โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะแบ่งให้เท่ากัน +อีกส่วนหนึ่งสำหรับคนเลี้ยงดูพ่อแม่ ส่วนใครจะเสียสละให้ใครที่ด้อยกว่าให้ทำหนังสือลงลายมือชื่อไว้อีกฉบับหนึ่ง จากคุณ : abc011 (abc011) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 07:48:16

ความคิดเห็นที่ 33 ในฐานะแม่ เราจะให้สมบัติลูกเท่า ๆ กันค่ะ เราเองมีบ้านที่อยู่ทุกวันนี้(อยู่ในจังหวัดเล็ก ๆ ในภาคเหนือ บ้านหลังนี้ราคาประเมิน 7ล้าน) มีตึกแถว 1 ห้อง ราคา 2.5 ล้าน เงินสดและทรัพย์สินอื่น ๆ รวมรถด้วย ประมาณ 28 ล้าน เคยคุยกับสามีไว้ว่า บ้านหลังนี้ยกให้ลูกคนใดคนหนึ่ง และจะซื้อที่ดินอีก 1 แปลงเพื่อมารวมกับตึกแถวให้มีมูลค่าใกล้เคียงกันเท่าที่สติปัญญาเราจะทำได้ แล้วยกให้ลูกอีกคนหนึ่ง เงินสดคาดว่าก่อนตายน่าจะไม่ต่ำ่กว่า 30 ล้าน คิดไว้ว่า หลังจากลูกแต่งงาน แล้วเราดูแล้วว่าคู่ชีวิตของลูกทั้งสองเป็นคนดี เราจะยกเงินสดให้ลูก(แอบให้)คนละ 10 ล้าน ที่เหลืออีกสิบล้านเอาไว้เองค่ะ พอมาอีกอาจจะอายุเกิน 60 ไปแล้วก็จะแบ่งอีกครั้งหนึ่งค่ะ กะว่าก่อนจะหมดลม จะให้เหลือสมบัติให้น้อยที่สุด แล้วจะยกส่วนที่เหลือให้คนที่ดูแลเราก่อนตายค่ะ ทุกวันนี้ไม่เคยกลัวว่าลูกจะไม่เลี้ยง ไม่ดูแลเราในยามแก่ชรา เราเชื่อว่า เวลาที่ผ่านมา ที่ได้ทุ่มเทฟูมฟักลูกทั้งสอง ให้ทั้งอาหารกายและอาหารใจอย่างเต็มที่ เราต้องได้ลูกที่ดีแน่ เรามั่นใจ เมื่อวานเรายังคุยกับลูกสาวคนโตอยู่เลย ลูกจะย้ายไปอยู่หอนอก แล้วเราดันไปเจอข่าวที่คนข้างห้องปีนเข้ามาทางระเบียงด้านหลังของอพาร์ทเม้นท์ เข้ามาข่มขืนน้องผู้หญิงคนนี้จนตาย เราผู้เป็นแม่ ก็รีบส่งลิงค์ให้ลูกสาวทั้งสองทางเฟสบุ๊ค เพื่อให้ลูกได้อ่านและระวังตัว ส่วนพ่อเขา ซื้อสัญญาณกันขโมยมาติดห้องให้ลูก ซื้อที่ช๊อตไฟฟ้าเตรียมไว้ให้เรียบร้อย อีกทั้งเรายังบอกให้เขาสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวลูกเอง ซึ่งลูกก็ยินดีปฏิบัติตามที่แม่ขอร้อง เราว่าที่เขายอมทำตามที่เราแนะนำ เพราะเขาเห็นตัวอย่างจากเราค่ะ เราสวดมนต์ตั้งแต่สมัยชั้นประถม สวดเพราะคุณตาสอนให้สวด ต่อมาเรียนมหาวิทยาลัย ก็สวดมากขึ้นเพราะมีเวลามากขึ้น จะสังเกตว่าตอนเรียนเราจะมีเพื่อนดี ๆ ทั้งนั้น จนกระทั่งมาเจอพ่อของลูกในจังหวะที่เหมาะสม คือก่อนจบแค่ไม่ถึงเดือน แล้วแต่งงาน ตั้งท้องและมีลูกน่ารัก ๆ สองคน กิจการค้าเริ่มต้นจากเงินในซองแต่งงาน โดยพ่อแม่ไม่เคยหยิบยื่นเงินมาช่วย เงินหนึ่งแสนบาทงอกเงยขึ้นกลายเป็นยี่สิบห้าล้านบาทในปัจจุบันค่ะ เราเล่าให้ลูกฟังเสมอว่า ที่ชีวิตของแม่ราบรื่น ทุกอย่างมีจังหวะจะโคนของมัน เป็นเพราะอานิสงส์ของการสวดมนต์ไหว้พระ ถ้าลูกอยากมีชีวิตที่ดีเหมือนพ่อกับแม่ ก็จงทำอย่างที่แม่บอก เริ่มเร็วได้เห็นผลเร็ว ขอให้เริ่มทำเสียตั้งแต่วันนี้ การที่ลูกทั้งสองสวดมนต์ ก็เท่ากับเป็นการยกระดับจิตใจของลูก ประกอบกับความยุติธรรมที่เราพ่อแม่จะมอบให้เขา เชื่อว่ายังไง ลูกทั้งสองก็จะไม่ทะเลาะกันเพราะเรื่องมรดกแน่นอนค่ะ แอบสงสัยนิดนึงค่ะว่า ลูกคนที่ขยันทำมาหากิน แล้วฐานะดีกว่าพี่น้องนี่มันผิดมากเหรอคะ ทำไมพ่อแม่ถึงคิดว่าเมิงหาเองได้ งั้นเมิงไม่ต้องเอา งั้นรณรงค์ให้ลูก ๆ ที่พ่อแม่มีทรัพย์สมบัติเยอะ ๆ นั่งงอมืองอตรีนรอให้พ่อแม่แบ่งสมบัติให้ดีกว่า ขยันไปทำไม เหนื่อยเปล่า คนที่ไม่ทำการทำงานสุดท้ายก็มีทรัพย์สินเท่า ๆ กับเรา โดยไม่ต้องเหนื่อยยาก หรือ เพราะลูกคนนั้นเป็นผู้มีบุญมาเกิด ไม่ต้องทำงานก็มีเงินมากเท่า ๆ กับเราที่ทำงานเยี่ยงควายก็ไม่ปาน สิ่งไหนที่พ่อแม่ทำผิดกับเรา เราจะไม่ให้เกิดขึ้นกับลูกเราเป็นอันขาดค่ะ  สาบาน ส่วนกรณีที่จขกท.ถามมา ถ้าเราเป็นพ่อแม่ของคนทั้งคู่ เราจะเรียกลูกมาคุยพร้อม ๆ กัน บอกว่าแม่ยกทรัพย์สินให้ลูกทั้งสองเท่ากัน แต่หลังจากนั้น พี่ชายที่ฐานะดีกว่า(ถ้าเขามีจิตใจดีและรักน้อง) เขาอาจจะยกทรัพย์สินส่วนของเขาให้น้องก็ได้ค่ะ น้องสาวจากที่เคยรักพี่ชายอยู่แล้ว ก็จะเพิ่มความเคารพนับถือในตัวพี่ชายเพิ่มเข้าไปอีก ต่อมาถ้าพี่ชายล้มละลาย เชื่อว่าต่อให้พี่ไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากน้องสาวๆก็คงทนเห็นพี่ชายลำบากไม่ได้ ยังไงก็ต้องเข้ามาช่วยพี่อยู่แล้ว เพราะความรักและเคารพพี่ชายค่ะ พ่อแม่ทำผิดนะ ที่ยกทรัพย์สินเกือบทั้งหมดให้น้อง เพียงเพราะน้องมีกำลังความสามารถในการหาทรัพย์น้อยกว่าพี่ ขอร้องพ่อแม่ล่ะคะ จะตายจากโลกนี้ไปแล้ว อย่าทิ้งปมในใจไว้ให้คนข้างหลังเลยค่ะ ู แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 55 10:12:58 จากคุณ : เด็กหญิงเอาแต่ใจ (เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจ) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 09:49:05

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องของ จขกท. ถึงพ่อเขาแบ่งสมบัติให้เท่ากัน สุดท้ายพี่ชายก็ล้มละลายหมดตัวอยู่ดี ยกให้น้องมากกว่า ยังมีโอกาสที่น้องจะเอาไปช่วยพี่ชายได้ ถ้าเขารักกันจริง จากคุณ : ลูกกระจ๊อกของโฮกุโตะ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 10:59:42

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจคะ ต้องเรียนขออนุญาต ในที่นี้ไว้ด้วยที่ได้ก๊อปข้อความของคุณ (เรื่องคุณหมอสุพัฒน์) ไปอ้างอิงในอีกกระทู้นึง ตอนอ่านความคิดเห็นในกระทู้นั้น เรื่องที่ ทำไมพี่ไม่ข่วยกล่อมแม่ ให้แบ่งเงินจากการขายที่ให้น้อง เพื่อป้องกันการบาดหมาง ตรงกับใจเรามาก มาอ่านคคห. ของคุณใน คคห.นี้ จึงเข้าใจ คุณเป็นผู้ใหญ่และมีความคิดอ่านอย่างนี้เอง ถึงมองเคสหมอได้ขาดผึงและตรงใจจริงๆ เรื่องของคุณคล้ายกับชีวิตเรามากเลยค่ะ เราก็ประมาณนี้เลย มีบ้านหลังนึง และทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินสด แต่เท่าที่เราสังเกตุนะคะ  ลูกๆ มักไม่เห็นคุณค่าในอสังฯ ที่พ่อแม่ยกให้  เช่น ถ้าเราเป็นคนลงทุนในบ้าน 10 ล.   เวลามีคนมาต่อราคา เหลือ 9 ล. เราไม่ยอมขาย แต่ถ้าเราตายไป ยกให้ลูก คิดว่า 7 ล. เค้าก็ยอมขาย   เพราะเขาอาจไม่อยากอาศัยในที่ๆ พ่อแม่มี อาจได้งานที่ไกลบ้านหลังนั้น หรือแฟนเขา อาจไม่อยากอาศัยแถวนี้ ไอ้ครั้นจะเก็บไว้เป็นเงิน ก็เกรงใจว่าจะใช้หมดภายในเวลาไม่นาน เราเองจะพยายามเก็บเงินไว้ที่ตัวให้นานที่สุด ไม่ใช่เพราะกลัวเขาไม่เลี้ยง แต่คงเป็นเพราะ จะยื้อเวลาให้เขามีวุฒิภาวะมากที่สุด ก่อนที่จะได้บริหารเงินก้อนนี้  เวลาว่างๆ เราก็จะคุยกับแฟนเรื่องการแบ่งทรัพย์สินให้ลูกบ่อยๆ   มองว่าแต่ละบ้าน ทำอย่างไร แล้ว หลังจากนั้นเป็นอย่างไร ตย.ในกระทู้นี้ เป็นเรื่องจริง และพ่อได้ยกบ้านให้ลูกคนเล็กค่ะ (เพราะตอนพ่อมีชีวิตอยู่  พี่ก็ได้บอกพ่อไว้แล้วว่า ไม่เอาบ้าน เพราะมีร่ำรวย มีบ้านหลายหลัง)   ส่วนเงินสด ซึ่งมีไม่มาก พ่อให้แบ่งเท่าๆ กัน สุดท้าย พี่ไม่มีบ้านอยู่ (หลังจากล้มละลาย) น้องก็ชวนให้พี่มาอยู่ด้วยกัน แต่พี่ไม่ยอม  ตอนนี้ก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่ข้างนอก ซึ่งต่างคนต่างก็มีครอบครัวแล้ว จึงไม่ง่ายในการจะมารวมกันเหมือนแค่พี่น้องสองคน (ต่างคนต่างมีลูกอีก 3 คน) พี่น้องเขาก็รักกันดีค่ะ แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายๆ เรื่องมันก็ไม่ใช่จะทำได้เหมือนตอนเป็นพี่น้องเล็กๆ กัน เพราะชีวิตได้ถูกโยงใย มีตัวละครเพิ่มหลายตัว  หลายๆ เรื่องก็พูดยากขึ้น ขอบคุณทุกท่านสำหรับมุมมอง และคคห.ดีๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 55 12:24:15 จากคุณ : ส้มสีส้ม เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 12:22:48

ความคิดเห็นที่ 36 ให้เท่ากันแน่นอนจ้า จากคุณ : Candy Shop เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 12:51:51

ความคิดเห็นที่ 37 เราว่าแม่คงให้เราเยอะค่ะ ท่านไม่ได้พูดตรงๆ แต่ท่านพูดแนวว่าสมบัติจะมีค่าเมื่ออยู่ในมือของผู้รู้ค่า และพูดเรื่องการดูแลพี่น้องด้วย ต่อไปเราคงได้สมบัติส่วนใหญ่ และ ต้องดูแลพี่น้องแน่เลย ภูมิใจจังค่ะ จากคุณ : ตัวบุสก้า เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 16:53:51

ความคิดเห็นที่ 38 มันก็พูดยากครับ  แต่ดีที่สุดก็เท่าๆกัน แต่ส่วนตัวสำหรับผม ผมผู้ชาย น้องผู้หญิง สมบัติพ่อแม่ แล้วแต่ท่านจะให้ ถึงไม่ให้ผมก็ไม่โกรธ เพราะความคิดผมลูกผู้ชายออกไปหาเอาเองข้างหน้า จากคุณ : ปุ่ม shift อยู่ไหน เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 18:00:13

ความคิดเห็นที่ 39 ในฐานะลูกนะค่ะ เห็นด้วยกับการให้เท่ากันค่ะ จากคุณ : winning25 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 18:21:29

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่น่าจะเท่าน่ะ เพราะว่าลูกเกิดมา อายุก็ต่างกัน เราเลี้ยงมาให้ก็ต้องไม่เท่ากัน ลูกคนเล็กก็น่าจะได้เยอะกว่านิดหน่อย สมมุติ มีลูกสองคน ก็น่าจะ 60:40 แต่ในกรณีที่อายุไม่ต่างกันมาก ก็น่าจะเท่าๆกัน ถือว่า เลี้ยงดูให้การศึกษามาเหมือนๆ กัน ที่เหลือไปทำ ไปสร้างกันเอาเอง ให้เท่าๆ กัน จากคุณ : lynn_oil เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 19:27:23

ความคิดเห็นที่ 41 พี่ล้มละลาย แล้วน้องไม่ยื่นมือช่วยเหลือเลยหรือ หรือต่างคนต่างอยุ่  พี่น้องที่รักใครกลมเกลียวกัน ช่วยเหลือกัน หายากลงทุกวัน จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 21:03:52

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ แล้วทำไม12 น้องก็ไม่มีเงินค่ะ  แต่มีบ้านที่พ่อยกให้  น้องก็ชวนพี่มาอยู่ด้วยกัน แต่พี่รู้สึกว่าไม่ใช่บ้านของตัวเองเ เป็นบ้านของน้อง (พ่อโอนให้เป็นชื่อน้องแล้ว)  แล้วต่างก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว ครอบครัวพี่ก็เลยต้องไปตายเอาดาบหน้าค่ะ จากคุณ : ส้มสีส้ม เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 22:26:49

ความคิดเห็นที่ 43 ตอบในฐานะที่เป็นลูกค่ะ เราไม่สนใจว่าพ่อจะให้เท่าไหร่ เป็นทรัพย์ที่พ่อหามาได้จะให้ลูกคนไหนก็เรื่องของพ่อค่ะ ตอบในฐานะที่เป็นแม่ สมบัติที่เป็นชิ้นใหญ๋ๆเช่น บ้านเราให้ลูกคนละหลัง เงินไม่แน่นอนใครลำบากมาให้ช่วยก็ช่วย ถ้าลูกแต่งงานให้สินสอดเท่ากันทั้ง 2 คน เก็บเงินไว้ดูแลตัวเองส่วนหนึ่งไม่รบกวนลูกแต่ถ้าลูกให้ก็ยินดีรับค่ะ ส่วนที่เหลือก็คงบอกลูกทั้ง 2 คนว่าจะให้อะไรใครเพิ่มค่อหน้าทั้ง 2 คนค่ะ จากคุณ : เจ้ากัน เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 08:57:40

ความคิดเห็นที่ 44 มรดกของผมมี2 อย่าง คือให้เขาทั้ง2 ไดรับความรู้มีการศึกษาที่ดีและการเพาะปลูก (หรือการทำงาน) ส่วนทรัพย์สินเงินทอง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผมยกให้ลูกทั้ง 2 คนเท่าๆกัน โดยไม่ต้องรอให้เป็นมรดกครับ จากคุณ : Pc เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 21:36:25 A:101.108.1.173 X: TicketID:315677

ความคิดเห็นที่ 45 ควรแบ่งเท่าๆกันครับ  พี่น้องจะได้ไม่คลางแคลงใจกัน แต่พี่คนโตหากได้เท่ากันและตัวเองในขณะนั้นมีความสุขสบายกว่าน้อง  ถ้าพี่มีน้ำใจเห็นว่าน้องลำบากกว่าตัวเอง  พี่ก็อาจจะเสียสละยกให้ส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด  อันนี้ก็แล้วแต่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้อง   แต่ผมว่า  เมื่อมีทรัพย์แล้ว  ต้องรู้จักรักษาทรัพย์นั้นไว้ให้ได้  อันนี้เก่งกว่าครับ จากคุณ : Paper weight เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:45:38

ความคิดเห็นที่ 46 สนับสนุนเรื่องให้เท่ากันครับ แต่ก่อนแบ่ง ควรจะต้องกันส่วนที่เอาไว้ดูแลตัวเองด้วยนะครับ อย่าหวังพึ่งลูก ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทำให้คนเราสมัยนี้อายุยืนกว่าเดิม อาจถ้าคุณอายุ 50 คุณอาจจะต้องอยู่ถึง 80 ก็ได้  นั่นหมายความว่า คุณต้องดูแลตัวเองถึง 30 ปี จากคุณ : My-Gift-Is-My-Song เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:40:15

ความคิดเห็นที่ 47 ทรัพย์สินต่าง ๆเช่นบ้าน ที่ดินให้เท่ากัน แต่ราคาอาจะไม่เท่ากัน เพราะต้องดูว่าใครจะอยู่ที่ไหน เช่น เรามีบ้านกรุงเทพ และต่างจังหวัดสำหรับลูกสองคน จะให้เขาเมื่อเขาเลือกที่อยู่แน่นอนแล้วตอนทำงาน บ้านกรุงเทพอาจราคามากกว่าต่างจังหวัด แต่ต่างจังหวัดบ้านหลังใหญ่กว่า และมีที่ดินที่พอมีค่าอีกสักแปลงสองแปลง แต่เงินคงมีให้ไม่มาก มีแค่ให้เขาเรียนหนังสือ เพื่อให้มีอาชีพเลี้ยงตัวเองต่อไป พอเราไม่อยู่ก็พอมีเหลือให้เขานิดหน่อย คิดอย่างนี้แหละค่ะ จากคุณ : วิชยา เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 22:35:56