 |
เริ่มจากคดีแรกที่โด่งดังอย่างมากในอดีต เมื่อ 53 ปีที่แล้ว ประมาณปี พ.ศ. 2502 นพ.อธิป สุญาณเศรษฐกร (รามเดชะ) นายแพทย์หนุ่ม โรงพยาบาลรถไฟ ที่ตัดสินใจวางแผนสังหารคู่รัก น.ส.นวลฉวี เพชรรุ่ง พยาบาลสาว ปมฆาตกรรมก็มาจากปัญหาเรื่องรักสามเส้าลงเอยด้วยความตาย หลังจากแพทย์หนุ่มพบรักกับพยาบาลสาว แต่สุดท้ายฝ่ายชายจะปันใจไปให้หญิงสาวคนใหม่ เมื่อนวลฉวี ทราบเรื่องจึงเกิดปัญหาระหองระแหงกันมาตลอดตั้งแต่ช่วงก.ค.-ส.ค. 2502 ถึงขั้นทำร้ายร่างกายจนต้องขึ้นโรงพัก กระทั่งวันที่ 12 ก.ย.2502 มีผู้พบศพนวลฉวีลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี สภาพศพถูกแทงเสียชีวิต นิ้วมีหลักฐานเป็นแหวนนามสกุล “รามเดชะ” ซึ่งช่วยไขปริศนาให้ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร จากนั้นตำรวจได้สืบสวนคลี่คลายคดีโดยเฉพาะจากข้อมูลที่นวลฉวีได้ระบายเรื่องทั้งหมดลงใน “สมุดบันทึก” ที่กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญช่วยจับกุมดำเนินคดีหมออธิป และพวก 4 คนที่ร่วมวางแผนสังหารเธอแล้วนำศพมาทิ้งสะพานนนทบุรี (ภายหลังชาวบ้านเรียกติดปากว่าสะพานนวลฉวี)
บันทึกรัก...นวลฉวี
นวลฉวี เพชรรุ่ง
เกิดวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2475 ที่ ตำบลเชียงงา อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ในครอบครัวที่มีฐานะมั่งคงพอสมควร เพราะมีที่นาให้คนอื่นเช่า แม้จะมีลูก 10 คน แต่ลูก ๆ ทุกคนได้รับการศึกษาขั้นดี มีการงานนับหน้าถือตา
นวลฉวี แม้เป็นผู้หญิงรูปร่างบาง ตัวเล็ก หน้าตาพอใช้ได้ แต่เธอก็มีเสน่ห์ ร่าเริง มีชีวิตชีวา และหัวดี
เธอสามารถสอบเข้าเป็นนักเรียนพยาบาลที่ ศิริราชพยาบาล และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2497
จากนั้นก็ออกไปทำงานที่ โรงพยาบาลภูมิพล ประมาณปีเศษ ก็ออกเพราะมีเรื่องกับคนในโรงพยาบาล
ต่อมาจึงย้ายมาเป็นนางพยาบาลที่ เมืองบ้านหมี่ ประมาณ 1 ปี
จากนั้นก็ทำงานใน สถานพยาบาลยาสูบ ปี พ.ศ.2501 โดยพักอยู่ในโรงพยาบาล
ช่วงต้นปี พ.ศ. 2501 นวลฉวี ได้เดินทางเที่ยวทางเหนือกับเพื่อนชื่อ โมทนี และพบรักกับหมอคนชื่อ หมอ อธิป สุญาณเศรษฐกร
และ หมอ อธิป สุญาณเศรษฐกร นี้แหละคือคนที่เปลี่ยนชีวิตของนวลฉวี ให้อยู่ในรูปของตำนาน!
หมอ อธิป สุญาณเศรษฐกร
เกิดและโตในกรุงเทพฯ เป็นบุตรคนสุดท้องในลูก 5 คน ในครอบครัว
พ่อแม่เป็นข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์ อดีตเคยเป็นคนในจังหวัดฉะเชิงเทรา
หมอ อธิป เป็นหนุ่มที่หน้าตาค่อนข้างดี ใจเย็น และฉลาดเฉลียว
เขาสามารถศึกษาชั้นเตรียมวิทยาศาสตร์จาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จนจบเมื่อ พ.ศ. 2494 โดยช่วงเวลาว่าง หมอ อธิป จะสมัครทำงานที่อู่รถใกล้บ้าน เพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือเรียนและซื้อขนมกิน
ในปี พ.ศ. 2500 หมอ อธิป จบการศึกษาแพทย์ศาสตร์ จากศิริราชพยาบาล ได้รับหมายเกณฑ์เข้าประจำสำรองราชการ กรมกำลังพลทหารอากาศ ได้รับว่าที่เรืออากาศโท เข้ารับราชการเป็นนายแพทย์อยู่โรงพยาบาลรถไฟ
ในปี พ.ศ. 2501 หมอ อธิป ย้ายไปเป็นแพทย์รถไฟ หัวหน้าเขต 4 จังหวัดลำปาง
จนพบรักกับนวลฉวีในเวลาต่อมา.................
.....ด้วยความเปล่าเปลี่ยวของหนุ่มเมือง ที่ต้องห่างไกลความเจริญมาอยู่ท่ามกลางความสงบเงียบแห่งบ้านป่า
เมื่อมีโอกาสได้ทำความใกล้ชิดกับหญิงสาวที่มีเสน่ห์ และรู้จักเอาใจอย่าง นวลฉวี
ทำให้ หมอ อธิป มีความสุขและมีชีวิตชีวา ความรักใคร่ที่ค่อย ๆ ก่อเกิด ชั่วระยะเวลาไม่นานที่ได้อยู่ด้วยกันนี้ สองคนหนุ่มสาวก็ผูกจิตปฏิพัทธ์ และต่างรู้ว่าอีกฝ่ายก็มีใจให้เช่นกัน
หมอ อธิป ได้ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศน์พาหญิงสาวทั้งสองเที่ยวด้วยกันประมาณ 3-4 วัน
หลังจากนั้น นวลฉวี กับเพื่อน ก็อำลาหมอ เดินทางไปที่เชียงใหม่ต่อ ทิ้งความหลังอันหวานชื่นไว้ที่นครลำปาง ดินแดนแห่งการคร่ำครวญหวลหาของ นวลฉวี เธอพบชายหนุ่มในดวงใจเข้าแล้ว
ต่อมาจดหมายจากกรุงเทพฯ ของ นวลฉวี ถูกส่งไปถึงมือ หมอ อธิป ที่นครลำปางเป็นระยะ ๆ
จนกระทั่งผ่านไป 6 เดือน หมอ อธิป ย้ายกลับโรงพยาบาลดังเดิม
เขาทำการติดต่อ นวลฉวี โดยใช้สื่อทางจดหมายแทนโทรศัพท์เป็นระยะ
ความรักทั้งสองยิ่งแน่นแฟ้นจนกลายเป็นสามีภรรยาโดยพฤตินัย โดยใช้บังกะโล และโรงแรม เป็นเรือนหอชั่วคราว
ความรักของคนสองคนดำเนินไปอย่างหวานชื่น โดยต่างฝ่ายปิดบังอำพรางธาตุแท้ของตนเอง…
เดือน กุมภาพันธ์ - ธันวาคม 2501
.....นวลฉวี ล้มป่วยใน โรงพยาบาลยาสูบ 1 เดือน
หมอ อธิป ไปเยี่ยม นวลฉวี หลายครั้ง
อาการของเธอ บ่งบอกว่าตกเลือดมาก แต่เธอไม่บอกใครว่า เธอป่วยเป็นโรคอะไร
แต่ดูจากอาการ หมอ อธิป รู้ทันทีว่า เธอคงแท้งลูก
ชีวิตของ หมอ อธิป เริ่มยุ่งเหยิงขึ้น เนื่องจากการมีผู้หญิงเข้ามาในหัวใจของหมอ
.....นางสาว สมบูรณ์ สืบสมาน นักศึกษาสาวแห่ง มหาวิทยาลัยเทคนิคทุ่งมหาเมฆ ปีสุดท้าย เธอเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของ หมอ อธิป และเธอสวยเหลือเกิน
ต่อมา หมอ อธิป สอบได้ ทุนฮุมโบลก์ ไปเรียนต่อที่ ประเทศเยอมัน
เนื่องจาก โรงพยาบาลรถไฟ จะเป็นแผนกใหม่
พอกลับมา หมอ อธิป ก็เลื่อนตำแหน่งเป็น หัวหน้าแผนกตา ที่นี่
ในเดือน มกราคม 2502 ทางการรถไฟส่ง หมอ อ ธิปไปฝึกงาน โรคหู ตา จมูก ที่โรงพยาบาลศิริราช 6 เดือน
ตอนเย็นก็ไปเรียนภาษาเยอรมันที่เลขาทูต ทำให้เวลาที่หมอได้เจอ นวลฉวี ยิ่งหดหายไป
ฝ่าย นวลฉวี เริ่มระแคงระคายความรักของ หมอ อธิป
ด้วยความหึงหวง เธอถึงกลับใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อจับ หมอ อธิป ให้อยู่
......ไม่ว่า นั่งเฝ้าหมอในที่ทำงาน ตามทุกหนทุกแห่งเหมือนเงาตามตัว
แทนที่ หมอ อธิป จะรัก กลับเพิ่มความรำคาญแก่ หมอ อธิป มากขึ้น
11 มีนาคม 2502 หมอ อธิป จำใจต้องจดทะเบียนสมรสกับ นวลฉวี เพชรรุ่ง ที่ อำเภอยานนาวา
หมอ อธิป กล่าวถึงวันนั้นว่า
" ที่จริงผมไม่อยากจดทะเบียนกับเธอหรอก เพราะไรเหรอ มันก็พูดยาก หลายเรื่องบอกไม่ถูก คือเขาชอบตามผมทุกวันทุกคืน งานการเขาก็ไม่ทำ มานั่งเฝ้า ผมนี้รำคาญสุด ๆ ผมไม่อยากจดหรอก แต่จดก็จด มันอยากให้จดก็จดไป จะได้ตัดปัญหาซะที "
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม 17 มีนาคม 2502 หมอ อธิป ยังไปจดทะเบียนสมรสกับ สมบูรณ์ สืบสนาม ที่ อำเภอพระเนตร
! ! ! !
สมรสซ้อน ! ? ?
" ....พอผมจดทะเบียนกับ นวลฉวี สมบูรณ์เขารู้ ขอจดทะเบียนกับเขาอีก ผมก็ตัดปัญหานี้ไป อยากให้เรื่องมันเงียบหาย จะได้ไม่ไปบอกใครให้เป็นขี้หูคนอื่น "
แต่กระนั้น นวลฉวี และ สมบูรณ์ ก็มีเรื่องระหองระแหงกัน นับตั้งแต่จดทะเบียนกับ หมอ อธิป ถึง 7 ครั้ง
......เคยทะเลาะกันในโรงพยาบาลที่ หมอ อธิป ทำงานอยู่
จน หมอ อธิป เคยขอผู้หลักผู้ใหญ่ ออกคำสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้หญิงสองคนนี้เข้าในโรงพยาบาลอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ นวลฉวี เคยไปฟ้อง อาจารย์ ที่ วิทยาลัยเทคนิคทุ่งมหาเมฆ หลายครั้ง
แม้ว่า นวลฉวี จะจดทะเบียนสมรส แต่เธอยังไม่ได้แต่งงานกับ หมอ อธิปสักที
อีกทั้ง หมอ ก็ไม่เอาใจใส่ตนเหมือนครั้งก่อน ๆ
เธอต้องการแต่งงานกับเขา เธอต้องใช้วิธีต่าง ๆ ให้ฉันอยู่ในใจเขาให้ได้
.....และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ นวลฉวี ก้าวผิดอย่างมหันต์ ! ! !
พฤษภาคม 2502 นวลฉวี บอกครอบครัวว่า เธอ กับ หมอ อธิป จะแต่งงานกัน
ครอบครัวเลยเชิญให้ หมอ อธิป มากินข้าวเย็นด้วยกัน เพื่อคุยเรื่องแต่งงาน
แต่ หมอ อธิป ไม่รู้เรื่อง ตอบไปว่า
" ผมไม่ได้บอกเธอครับ เธอคิดไปเอง "
4 มิถุนายน 2502 พ่อของ นวลฉวี มาพบ นวลฉวี ที่ กรุงเทพฯ
นวลฉวี บอก พ่อ ว่า เธอได้เสียกับหมอแล้ว ตอนทำงานที่โรงพยาบาลรถไฟ
หมอ อธิป รู้ข่าว เลยบอกว่าจะเลี้ยงดู นวลฉวี ให้ แต่เรื่องก็เงียบหายไป
5 มิถุนายน 2502 นวลฉวี พบ หมอ อธิป อยู่กับผู้หญิงในโรงพยาบาลรถไฟ เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้น
11 หรือ 12 มิถุนายน 2502 นวลฉวี บอกกับ พี่เขย ว่า
" จะไปอยู่กับ หมอ อธิป นี้ไงเตรียมขนของแล้วนะ "
พี่เขยถามกลับว่า
" ส่วนหมออธิปรู้เรื่องนี้หรือเปล่า "
นวลฉวี ตอบว่า
" ไม่รู้สิ เขาคงไม่รู้มั้ง ? "
13 มิถุนายน 2502 นวลฉวี ถูกไล่จากครอบครัว หมอ อธิป ( ตอนนั้น หมอ อธิป ไม่อยู่บ้าน ) โดย นวลฉวี มารอพบ หมอ อธิป ตั้งแต่เช้าจนถึงตี 1 ก็ยังไม่ยอมกลับ
พอ หมอ อธิป กลับมาบ้าน ก็โดนคนในครอบครัวด่า
" เมียแกคนบ้าหรือเปล่าเนี้ย "
เหตุการณ์ครั้งนี้ นวลฉวี ได้ระบายเรื่องทั้งหมดลงใน " สมุดบันทึก "
ซึ่งภายหลักสมุดนี้ กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ใช้สืบหาฆาตกรที่ก่อคดีฆ่าเธอยกแก๊ง
ปัจจุบัน หลักฐานนี้ อยู่ในการดูแลของ ห้องพิพิธภัณฑ์นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช เคียงข้างกับร่างสงบนิ่งของฆาตกรใจโหดนาม " ซีอุย "
13 กรกฎาคม 2502 เวลา 11.30 น. นวลฉวีเข้ามาโรงพยาบาลดุ่ม ๆ หา หมอ อธิป
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในสมุดบันทึกดังนี้...
" ดิฉันพบ นายแพทย์ อธิป สามีฉันที่โรงพยาบาลรถไฟ จากนั้นก็คุยเรื่องปัญหาชีวิตของเราทั้งสอง.... "
หมออธิปเริ่มระงับอารมณ์ไม่อยู่
" นี่ผมทำต้องทำงานนะ มากวนอยู่ได้ "
ว่าแล้ว หมอก็กำหมัด ต่อยไปที่ใบหน้า นวลฉวี จัง ๆ
นวลฉวี กรีดร้อง
" ช่วยด้วย หมอรังแกผู้หญิง "
" หมอจะฆ่าเมีย ช่วยด้วยหมอจะฆ่าเมีย "
จน หมอ อธิป เข้ามาปลอบและพาไปยังห้องคนไข้ พร้อมสายตาคนเกือบทั้งโรงพยายามที่มองไปยังคนทั้งสอง
13 กรกฎาคม 2502 นวลฉวี แจ้งความตำรวจว่าถูกหมออธิป ทำร้ายร่างกายตน
14 กรกฎาคม 2502 หมอ อธิป ตกลงเงื่อนไข นวลฉวี ให้ปรองดองกัน เพราะเป็นสามีภรรยากันแล้ว เรื่องเลยจบลงที่การบันทึกประจำวัน
15 กรกฎาคม 2502 บาดแผลที่ หมอ อธิป ชกหน้า นวลฉวี ลุกลาม และเจ็บปวดมาก
แต่ นวลฉวี ขอตำรวจไม่เอาผิด หมอ อธิป เพิ่ม เพราะกลัวเขาเสียอนาคต
เธอบันทึกเรื่องราวนี้ในสมุดบันทึกอย่างละเอียด...
เรื่องนี้ส่งผลให้ นวลฉวี ต้องเข้านอนโรงพยาบาล
โดย นวลฉวี ขอให้ หมอ อธิป เป็นผู้รักษาเธอ
แต่ถึงกระนั้น หมอ อธิป ก็ไม่มาหาเธอบ่อยมากนัก
เรื่องนี้ทำให้ หมอ อธิป เดือดดาลสุด ๆ ถึงกับระบายเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า
" อยากจะบ้าตาย ถูกมาบังคับให้นอนเฝ้าด้วย โอ๊ย ! ผมต้องทำงานนะ บางคืนก็เฝ้าทั้งที่ทำงานอยู่ ไปเฝ้านานก็ไม่ได้ เดี๋ยว สมบูรณ์ เข้าไปอาละวาดอีกเรื่องมันจะวุ่น "
17 กรกฎาคม 2502 พ่อของ นวลฉวี มาเพื่อเอาเรื่องกับ หมอ อธิป
ช่วงนี้ หมอ อธิป ดูแปลก ๆ ไป ไม่สนใจเรื่องนี้มานัก เขาพูดสั้นๆ ว่า
" แล้วแต่ศาล "
นวลฉวี บันทึกเหตุการณ์นี้ลงสมุดบันทึก ด้วยคำสาปแช่งถึง หมอ อธิป
" เชิญแกไปหาเมียใหม่ตามสบายเถอะ ฉันรู้นะว่าปีศาจในตัวแกจะแสดงบทบาทอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้....... "
22 กรกฎาคม 2502 นวลฉวี ทำหนังสือร้องเรียนให้ สารวัตฝ่ายสืบสวน
.....เล่าว่า หมอ อธิป ไม่ทำตามทัณฑ์บนที่ทำไว้ให้ นอกจากนั้นยังทำทารุณกับเธออีก โดยดึงสะโพกไปกระแทกกับก๊อกน้ำและเลือดไหล ความเจ็บปวดยากจะบรรยาย จึงอยากขอให้พิจารณาดำเนินคดีใหม่อีกครั้ง
28 สิงหาคม 2502 หมอ อธิป ไปที่โรงพัก เพื่อการทำการสอบสวน เขาสารภาพทุกอย่างตามที่กล่าวหา
31 สิงหาคม 2502 หมอ อธิป ได้รับโทรศัพท์จาก นวลฉวี ให้ไปหา นายธวัช เพื่อนของเธอ และเป็นที่ปรึกษาคดีทำร้ายร่างกายของเธอด้วย
ในครั้งนี้ หมอ อธิป ไปตามนัดกับ นวลฉวี ที่ทำการรถไฟ สะพานกษัตริย์ศึกเวลา 10.00 น.
นายธวัช แนะนำใ ห้หมอกับนวลฉวี คืนดีกัน
หมอ อธิป รับปาก จึงได้เขียนจดหมายใส่ซองปิดผลึกให้ พ.ต.อ. เจ้าของคดีนี้ ใจความว่า
" เราจะคืนดีกันแล้ว..... "
และก็ถึงวันนั้น...................
1 กันยายน 2502 หมอ อธิป และ นวลฉวี เข้าพบ สารวัตรใหญ่พญาไท ขอให้ระงับคดีทำร้ายร่างกาย ก่อนที่จะนั่งรับประทานอาหารที่ โรงหนังคิงส์ ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ
9 กันยายน 2502 นายธวัช ไม่สบาย จึงขอลางานเพื่อไปเยี่ยม นวลฉวี
นวลฉวี ชวน นายธวัช ไป วัดสามง่าม เพื่อเอายาไปถวายพระ และให้พระดูดวงให้
พระ บอก นวลฉวี ไว้ว่า
" ต่อไปนี้ซะตาจะดีแล้ว ! ? ? ? "
เวลา 20.30 น. หมอ อธิป เข้าพบ นวลฉวี และ นายธวัช พูดจาเรื่องเรือนหอของเราสองคน
เวลา 23.00 น. นายธวัช กลับไปก่อน
ต่อมา นางพยาบาล เรียกให้ หมอ อธิป ให้ดูคนไข้ ที่กำลังจะคลอด
หมอ อธิป ช่วยคนไข้อยู่นาน จนถึงเที่ยงคืน จึงนำ นวลฉวี ส่งโรงพยาบาลยาสูบ เพราะ นวลฉวี รบเร้า
จนกระทั้ง............
นวลฉวี โทรศัพท์ถึง นายธวัช บอกว่า เมื่อคืน ตอนที่ หมอ อธิป ส่งที่โรงพยาบาลยาสูบ
เราทะเลาะกัน รายละเอียดจะคุยให้ฟังตอนเย็น
ถ้าเลิกงานแล้วให้ไปพบที่ โรงพยาบาลยาสูบ
เย็นวันนั้น นายธวัช มัวไปทำธุระที่อื่น ก่อนจะไป โรงพยาบาลยาสูบ เป็นที่ต่อไปจวนเวลา 1 ทุ่ม แต่ไม่พบ นวลฉวี
ยามยาสูบ เห็นเธอแต่งตัวออกไปข้างนอกนานแล้ว.....
นวลฉวี จากไป และไม่กลับมาอีกเลย
เช้าวันที่ 12 กันยายน 2502 เวลา 8.45 น.
นาย จำลอง จิรัตฐิตกุล ช่างกลปากเกร็ด นั่ง เรือแท็กซี่ จากบ้านที่ คลองอ้อม ไปทำงาน
ระหว่างที่นั่ง เรือแท็กซี่ นั้น เขาได้พบกับ ศพ !
" ศพ " นี้ลอยแม่น้ำมาอย่างเวทนา ในแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากตัวอำเภอนนทบุรี ประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ระหว่าง โรงงานกระดาษเก่า กับ วัดเฉลิมพระเกียรติ
นายท้ายเรือ เข้าไปดู " ศพ " สวมเสื้อสีฟ้าอ่อน นุ่งกระโปรงดำเป็นลายปักศพอยู่ในลักษณะหงายมือพาดหน้าอก คาดเข็มขัดโตสีฟ้าที่ข้อมือ และแหวนทองลงยาจารึกนามสกุล " รามเดชะ " ( สกุลเดิมของหมออธิป )
เมื่อเรือแล่นมาถึง จังหวัดนนทบุรี นายจำลอง แจ้งความติดต่อ ตำรวจนนทบุรี ทันที
" ศพ " ถูกส่งไป วัดนครอินทร์ กิ่งอำเภอ ต่อด้วย โรงพยาบาลตำรวจนนทบุรี เพื่อการชันสูตรศพ เป็นการด่วน
ผลจากการชันสูตร สาเหตุการตายเนื่องจากบาดแผลถูกแทงจนเลือดตกในมาก และสิ้นใจก่อนถูกโยนลงน้ำ
บาดแผลที่ถูกแทงมีทั้งสีข้างข้างขวาและที่หลังด้านซ้ายรวม 3 แผล แต่เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของศพไม่พบรอยฉีดขาด
" ท่ามกลางความมืดของคืนวันหนึ่งในเดือน กันยายน 2502 ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งได้ลงมือสังหาร นวลฉวี นางพยาบาลสาวถึงแก่ชีวิตตามที่ได้รับว่าจ้าง... "
วันที่ 13 กันยายน 2502 22.00 น. " ศพ " ที่พบ ลำน้ำเจ้าพระยา ถูกประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้ตายชื่อ นวลฉวี ( สืบจาก ชื่อ ที่สลักบนตัวแหวน )
หมอ อธิป ทราบข่าวการตายของ นวลฉวี และเผชิญหน้ากับกองทัพนักข่าว
หมอ ตอบสั้น ๆ ว่า
" เธอเป็นภรรยาผมก็จริง แต่เราไม่อยู่ด้วยกันครับ แยกกันอยู่ พรุ่งนี้ค่อยไปรับศพครับ เพราะมันดึกแล้ว "
คดีนี้เดาผู้ต้องสงสัยไม่ยาก เพราะ นวลฉวี ไม่มีศัตรูภายนอกที่ไหน ยกเว้นภายใน
และมากที่สุด เห็นจะไม่เกิน สามี ที่อยากกำจัด ภรรยา ให้ไปพ้น ๆ ทาง หมอ อธิป
14 กันยายน 2502 ตำรวจเชิญตัว หมอ อธิป ไปสอบสวน และพบรอยข่วนที่ข้อมือหมอ
ตำรวจ ไม่รอช้า ถ่ายภาพบาดแผลนี้ เก็บเป็นหลักฐานพร้อมกับแจ้งข้อหา " หมอฆ่าเมีย " ทันที
ในกลางดึกของกลางเดือนกันยายน ภายหลังจาก หมอ อธิปถูกจับ
ขบวนรถตำรวจ รับ หมอ และคุ้มกันอย่างแน่นหนา โ ดยหมอ อธิป นั่งมาด้วย เพื่อไปสถานที่แห่งหนึ่ง
" จอมพล สฤษดิ์ อยากพบหมอครับ มีอะไรก็รับ ๆ เสียนะครับ ถ้าไม่รับหมอโดนยิงเป้าแน่ ฮะ ๆ คิดดูให้ดีนะครับหมอ "
หมอ อธิป หน้าซีด
.....เพราะ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในขณะนั้นเป็น หัวหน้าคณะปฏิวัติ และเป็น นายกรัฐมนตรี พ่วงด้วย อธิบดีกรมตำรวจ มีนิสัยชอบสั่งยิงเป้าคนเป็นว่าเล่นเหมือนผักเหมือนปลา
ตอนดำรงตำแหน่ง นายกฯ ก็สั่งยิงเป้า ถึง 6 คน ! ! !
ภายในห้องทำงาน บุรุษร่างใหญ่ผิวคล้ำ ท่าทางเด็ดขาดน่าเกรงขาม นั่งรอท่าอยู่ก่อนแล้ว
หมอ อธิป เย็นวาบถึงไขสันหลัง
สักครู่ ท่านหัวหน้าคณะปฏิวัติ ไม่พร่ำทำเพลง พูดด้วยเสียงเด็ดขาด
" หมอ ฆ่าเมียตัวเองอย่างที่เป็นข่าวจริงไหม ถ้าจริงจงรับมาเสียอย่าปากแข็ง พูดตรง ๆ แบบลูกผู้ชายดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา "
" ผมไม่ได้ทำครับ ผมขอปฏิเสธ " หมอ อธิป รวบรวมกำลังใจพูด
" มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานจริง ๆ มันเหมือนกับตัวเองไปหาพญายม เพื่อตัดสินความผิดอย่างงั้นแหละ " หมอ อธิป ย้อนความหลัง
ทางด้าน ตำรวจยศสูงต่าง ๆ ในสถานีตำรวจนนทบุรี ได้ร่วมทำการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้
และทราบว่า หมอ อธิป มีเพื่อนสนิทคือ นายชูยศ และ นางสุขสม พ่อของเขาเคยเป็นคนไข้ของ หมอ อธิป มาก่อน และรักษาพ่อจนหาย
ทำให้ ชูยศ ซึ้งในน้ำใจของ หมอ อธิป ถึงขนาดยอมตายแทนหมอเลยแหละ
17 กันยายน 2502 หนังสือพิมพ์แต่ละสำนักต่างลงข่าวว่า นายชูยศ มีส่วนเกี่ยวข้องคดีฆ่า นวลฉวี
ผลจากการชันสูตร นวลฉวี มีการเพิ่มเติมคือ ตอนที่เธอถูกแทงนั้น เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้า และจากการตรวจสอบบนสะพาน พบรอยหยดเลือดเล็กบ้างใหญ่บ้าง แสดงถึงการเอาศพมาถึงที่จุดนั้น
หลักฐานการสืบสวนคดีฆ่า นวลฉวี เพิ่มขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ตำรวจพบกระดุมสีน้ำตาลแก่ตก 1 เม็ดบนพื้นถนนริมทางหลวง รอยเลือดจากราวสะพานเหล็กที่เป็นคราบสีน้ำตาล ฯลฯ
20 กันยายน 2502 ตำรวจ บุกไปบ้านของ นายชูยศ ใน สวนบางบำหรุ ธนบุรี แต่ไม่มีคนอยู่ ประตูใส่กุญแจไว้
จากการตรวจสอบบ้านได้พบรอยเลือดที่พื้นบันได้หลังบ้าน ตำรวจจึงเก็บหลักฐานเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังพบเลือดที่พื้นห้องครัวเรือนบนเตียงและที่พื้นบันได ทั้งพบ หลอดยาเอทิลคลอไรด์ พร้อมมีดปลายแหลมในห้องครัว
27 กันยายน 2502 นายชูยศ พร้อมภรรยา เข้ามอบตัวกับตำรวจ มีการสอบสวนนิด ๆ หน่อยๆ ก่อนปล่อยตัวกลับไป โดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา
14 ตุลาคม 2502 เจ้าหน้าที่ คุม นายชูยศ และภรรยา ไปหา จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เพราะคดีฆ่า นวลฉวี ดังมากในยุคนั้น และตัวจอมพลก็สนใจ
แต่กระนั้น นายชูยศ ไม่ได้เข้าพบจอมพล มีเพียงแต่ ภรรยาชูยศ เท่านั้นที่พบ
นายกรัฐมนตรี ถาม นางสุขม ภรรยาของ นายชูยศ " มีความสัมพันธ์กับ หมอ อธิป อย่างไร "
นางสุขุม คิดว่า นายกฯ ถามเรื่องเงินทอง ๆ เลยตอบว่า " มี "
และแล้วรุ่งเช้าหนังสือพิมพ์ก็พาดหัวข่าว " นางสุขสม ยอมรับ จอมพล ว่าเสียตัวให้หมออธิป ! ! " ( ข่าวกรองมาก ๆ ๆ )
28 ตุลาคม 2502 นายมงคล เรื่อเรืองรัตน์ สัปเหร่อและช่างไม้ที่มีบ้านติด ๆ กับ นายชูยศ มาก่อน ถูกตำรวจควบคุมตัวที่ วัดน้อยนางหงส์ ฐานสงสัยว่าเป็นคนฆ่า นวลฉวี
30 ตุลาคม 2502 คำให้การพยานมากหน้าหลายตา ทั้งเพื่อนของนวลฉวี ยามยาสูบ ให้การเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจเชื่อว่า หมอ อธิป ต้องเป็นคนฆ่า นวลฉวี แน่นอน
และไม่นานนัก ตำรวจก็สามารถจับผู้ต้องสงสัยฆ่า นวลฉวี ได้ยกแก๊งประกอบด้วย
.....นายชูยศ และ นางสุขสม ตัวกลางประสานแผนการ
.....นายมงคล เรื่อเรืองรัตน์ สัปเหร่อมือสังหาร เคยมีประวัติหนีคดีที่อื่นมาก่อน มีอาชีพเป็นสัปเหร่อและช่างไม้อาศัยอยู่บ้าน แม่ยายติด ๆ กับ นายชูยศ
.....นอกจากนี้มีผู้ต้องสงสัยอีกคือ นายยง ยิ้มกมล และ นายเยี่ยม แต่ตำรวจกันไว้เป็นพยาน
ซึ่งทั้งหมดก็ให้การรับสารภาพในเวลาต่อมา....
น่าแปลกที่ ผู้ต้องสงสัยทั้งหมด ก่อนถูกจับ ไม่มีท่าทีคิดจะหนีสักนิด.....( พวกนั้นแก้ตัวว่า หลังทราบข่าว ทั้งแก๊งก็กลัวกันไปแล้ว ส่วนผู้ว่าจ้าง หมอ อธิป ก็เงียบไม่มาช่วยวางแผนเลย )
แต่กระนั้นช่วงเวลาการสังหารโหด นวลฉวี ตำรวจไม่เห็นภาพมากนัก
ฆาตกร ไม่ได้มีคนเดียว มันทำเป็นหมู่คณะ ภายใต้การนำของ หมอ อธิป ตำรวจเชื่ออย่างนั้น แต่ก็ไม่เห็นภาพวินาทีสังหารชัดเจนมากนัก
แต่จากประมวลคำของพยานและหลักฐานวัตถุการสังหาร นวลฉวี มีการวางแผนเป็นขั้น ๆ เป็นตอน ๆ เรียบเรียงได้ดังนี้..............
เริ่มจาก หมอ อธิป คิดฆ่า นวลฉวี ภรรยาของตนเอง หมอคิดจะทำไงดี
พอดีคิดได้ว่าตนมีเพื่อนสนิท แม้มันจะเลวสักหน่อยแต่ใช้ได้
หมอ อธิป เลยบึ่งรถไปที่บ้านของ นายชูยศ เพื่อนสนิทเพื่อต่อรองราคา....
" อั๊วจะฆ่าเมียอั๊วว่ะ เงินค่าจ้างมีเยอะ รวยซะอย่าง "
นายชูยศ ตกลงทันที เงินจำนวนมากสมน้ำสมเนื้อกับความเสี่ยง
ปีศาจในตัวหมอเริ่มแสดงบทบาทแล้ว !!
เดือนสิงหาคม เวลา 11.00 น.นายชูยศ และ นางสุขสม ไปที่ สวนบ้านนายยง ยิ้มกมล ถามว่าแถวนี้มีใครมือดีบ้าง ที่สามารถฆ่าผู้หญิงโดยไม่มีหลักฐาน
นายยง บอกว่ามี สัปเหร่อ คนหนึ่ง เห็นแกบอกว่าเคยฆ่าคนมาก่อน
ว่าแล้ว นายชูยศ สนใจ จึงให้ภรรยาทำการว่าจ้าง นายยง ยิ้มกมล โดยจ้ างนายยงเป็นเงิน 10,000 บาท ให้พานายคนนั้นมาหา โดยได้รับเงินค่าจ้าง 5,000 บาท ครึ่งหนึ่งไปก่อน
วันรุ่งขึ้น นายยง พาตัว นายมงคล มาหา นายชูยศ
นายชูยศ บอกว่าให้ไปฆ่าผู้หญิงคนหนึ่ง และจะได้เงินว่าจ้างหมื่นกว่าบาท โดยให้เงินล่วงห้าห้าพันบาทก่อน
นายมงคล ตอบตกลงไม่มีลังเล
วันรุ่งขึ้น ทั้งหมดพบ หมอ อธิป ผู้ว่าจ้างตัวจริง
นายชูยศ แนะนำ หมอ ให้ผู้รับจ้างทราบกันโดยทั่วกัน
จากนั้น หมอ อธิป ก็ให้เงิน นายยง ล่วงหน้า 5000 บาท เป็นเงินมัดจำฆ่าคน
จากนั้น หมอ อธิป ก็วางแผนตกลงกันว่าจะพา นวลฉวี ภรรยาของหมอมาฆ่าที่โรงครัวบ้านหลังนี้ ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือ หมอ อธิป จะเตรียมไว้อีก ขอให้มาตามเวลากำหนด
จากนั้นก็ถึงเวลาลงมือสังหาร
วันที่ 10 กันยายน 2502
ตอนเช้า หม ออธิป โทรศัพท์นัด นาง นวลฉวี และรับ นาง นวลฉวี จาก โรงพยาบาลยาสูบ โดยพาไปที่บ้านสร้างใหม่ของ นายชูยศ ที่ สวนบางบำหรุ
เวลาบ่ายโมงเศษ นายยง ไปที่บ้าน นายชูยศ สมทบกับ นายยง เพื่อดูสถานที่ทำการฆ่า เตรียมมีดปลายแหลม ผ้าพลาสติก และสายไฟคู่สีเหลือง 1 ขด และไม้ไผ่เพื่อหามศพ
เตรียมเสร็จแล้ว นายยง ก็กลับบ้านนอนเอาแรง
5 โมงเย็น นายยง นายมงคล และ นายชูยศ พากันมาซุ่มที่ห้องน้ำรอดู หมอ อธิป พาผู้หญิงมาฆ่า
เวลา 18.00 น. เศษ หมอ อธิป นำ นวลฉวี มาทางหน้าบ้านของ นายชูยศ แล้วพาเข้าห้องครัว ปิดประตูลงกลอน
หมอ อธิป รอจังหวะที่ นวลฉวี เผลอ โป๊ะยาสลบจนเธอนอนหลับ
จากนั้น หมอ อธิป ให้สัญญาณผู้ร่วมฆ่ามาจัดการ
จากนั้นก็ถึงเวลาสังหาร ! !
นายยง ข่มขื่น นวลฉวี 1 ครั้ง นวลฉวี ไม่รู้สึกตัว เพราะโดนยาสลบ
นายมงคล จับแขนซ้ายหญิงนั้นลงครึ่งคว่ำตะแคงทางขวา
จากนั้น นายมงคล ได้หยิบมีดปลายแหลมทำการแทง นวลฉวีไป 3 ครั้ง
นวลฉวี ร้องออกมา
นายมงคล แทงจนรู้ว่าเธอไม่น่ารอดแล้ว จึงบอก นายเยี่ยม น้องชายมาช่วย ( ถูกกันไว้เป็นพยาน )
" เมื่อข้าข่มขื่นเธอเสร็จแล้ว ข้าย้ายผู้หญิงลงครึ่งคว่ำตะแคงทางขวาของผู้หญิงคนนั้น จากนั้นข้าก็เอามีดสีขาวปลายแหลมที่พื้นกระดานปลายเตียงแล้วแทงผู้หญิงคนนั้นทางหลังไป 3 ที ไม่รู้ที่จุดตรงไหน ผู้หญิงคนนั้นร้อง ฮึ ๆ อือ ๆ สองสามครั้ง จากนั้นข้าก็ตามนายเยี่ยมมาช่วยหามศพ "
นายมงคล บอกต่อ ศาล
จากนั้นทั้งสองคน ช่วยกันเอาเสื้อชั้นนอกที่หัวเตียงสวมให้ศพ แล้วยกศพวางบนผ้าพลาสติกซึ่งปูไว้แล้ว
นายมงคล เอาสายไฟมัดที่ข้อเท้าศพ มัดบั้นเอว และมัดที่หัวไหล่
จากนั้น ก็ใช้ไม้ไผ่สอดใต้สายไฟที่มัดไว้แล้วหามศพออกจากบันไดหลังบ้าน โดยมีเลือดหยดตามพื้นเป็นรายทาง
นายยง และ นายเยี่ยม หามศพ
ส่วน นายมงคล ทำความสะอาดจุดสังหาร.....
ศพของ นวลฉวี ถูกขนย้ายผ่าน สวนพจน์ ที่อยู่ใกล้ ๆ ที่เกิดเหตุ
นายมงคล ตามมา ทั้งสามข้ามคูถนนจรัลสนิทวงศ์ ลุยคูน้ำที่มีน้ำลึก 50 ซม. ไปหา นายชูยศ ตรงหลักกิโลเมตรที่เดิม
จากนั้นก็วางศพไว้ข้างถนน หมอ อธิป เปิดประตูรถ จ่ายเงินค่าจ้างที่ค้างไว้ให้ทั่วหน้าทุกคน
จากนั้นก็ช่วยกันเอาศพขึ้น รถบรรทุก โฟล์คสวาเก้น ทะเบียน กข.0253 มุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 6
สำหรับไม้ไผ่หามศพ นายเยี่ยม เป็นคนนำไปทิ้ง แต่ทิ้งที่ไหนไม่มีใครทราบ
แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่แก๊งทิ้งศพ นวลฉวี มีรถคันหนึ่งผ่านมาเกิดสงสัยว่าทำไมรถถึงจอด รถเสียเหรอ เลยหยุดจอดถาม แต่ได้เสียงกระชาก ๆ ตอบว่า " เปล่า " แทน
2 ทุ่ม ศพของ นวลฉวี ถูกทิ้งจาก สะพานนนทบุรี ลง แม่น้ำเจ้าพระยา ชาวบ้านแถว ๆ นั้นได้ยินเสียงตูม ! กันไปทั่ว
แต่ถึงแม้ว่าจะวางแผนกันมาอย่างดี แต่ก็มาพลาดเพราะ แหวน วงเดียว
ขุน สุญาณเศรษฐกร บิดา หมอ อธิป เห็นท่าคดีนี้ หมอ อธิปจะแพ้
จึงจ้าง นายชมพู อรรถจินดา ทนายความที่มีชื่อเสียง ด้วยจำนวยสูงลิบลิ่ว
หมอ อธิป เริ่มมั่นใจว่ามี ทนายฝีมือดี ตนต้องชนะคดีแน่นอน
การพิจารณาในศาล เป็นไปด้วยความดุเดือด เพราะเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่ไทยต้องจารึก โดยมีประชาชนทั้งประเทศต่างใจจดใจจ่อว่าคดี ผลความยุติธรรมจะทำให้นักโทษทั้งหมดโดนประหารหรือไม่
" ถ้าผมจะฆ่าภรรยาผม ทำไมผมต้องจ้างคนอื่นให้เสียเวลาทำมาหากินด้วยละ สู้เอามือบีบคอภรรยาให้ตายคามือดีกว่ามั้ง " หมอ อธิป แก้ตัวต่อศาล
วันที่ 12 ธันวาคม 2503 ณ ศาลอาญา บังลังก์ที่สอง คือวันพิพากษา หมอ อธิป และพรรคพวก...
ผู้พิพากษาทั้งสี่ประกอบด้วย
นายเฉลิม กรพุกกะณะ
นายพินิจ เพชรชาติ
นายสว่าง เวทย์
และ นายวุฒิกรรม วงษ์ศิริ
ออกมานั่งบัลลังก์ ตัดสินคดีประวัติศาสตร์อาชญากรรม ท่ามกลางประชาชนนับหมื่น ที่แห่มาฟังคำพิพากษาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
จนถึงขนาดต่อลำโพงโดยรอบสนามหญ้าบริเวณ ศาลทหารอาญา เก้าอี้หลายตัวในศาลหักเพราะทานแรงคลื่นมนุษย์ไม่ไหว
จนกระทั่ง นาทีระทึกขวัญมาถึง ทุกคนพากันสงบนิ่ง รอฟังผู้พิพากษาอ่านคำตัดสินช่วงสุดท้าย
" นายอธิป จำเลยที่ 1 มีความผิดตามที่กล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 อนุมาตรา 4) 83 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และฐานก่อให้คนอื่นกระทำความผิดให้ต้องโทษประหารชีวิตนายอธิปจำเลยที่ 1
ส่วนนายมงคล จำเลยที่ 5 มีความผิดฆ่าคนโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และ 83 ให้ระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต และริบมีดสั้นปลายแหลมที่ใช้กระทำผิดเสีย
ส่วนนายชูยศ และนางสุขสม จำเลยที่ 2 และ 3 และนายชุเกียรติ จำเลยที่ 4 ศาลไม่มีหลักฐานเอาผิดเลยให้ปล่อยตัวพ้นผิดไป "
สิ้นคำพิพากษา หมอ อธิป ตกตะลึง เพราะตัวเองมั่นใจเต็มที่เพราะมีทนายมือหนึ่งของไทยว่าความ " ทำไมคนอื่นรอด แต่ตนเองตาย ! ! "
แต่กระนั้น ต่อมาภายหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชการปัจจุบัน และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสร็จกลับจากประเทศนิวัตพระนคร ถือว่าเป็นวันมงคล
หมอ อธิป ได้รับอนิสงค์ได้รับการอภัยโทษ ประกอบกับพ่อแม่ วิ่งเต้นทำให้ หมอ อธิป ถูกจำคุกเพียง 1 ปีเศษเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม หลัง หมอ อธิป พ้นโทษ ชีวิตที่เหลือก็เข้า ๆ ออกโรงพยาบาลบ่อย ๆ เพราะโรคติดตัวตอนอยู่ในคุก
และจนถึงวาระสุดท้าย....หมอ อธิป นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ท่ามกลางญาติสนิท
หมอ อธิป เอ่ยปากก่อนตายเรื่อง นวลฉวี
" นวลฉวี พี่ขอโทษ พี่เป็นคนฆ่าเธอเองแหละ................" พูดจบ หมอ อธิป ก็สิ้นลมตายคาเตียงไปเลย
หลังจากนั้นมา ทุกคนต่างเรียกสะพานสะพานนนทบุรีสถานที่ทิ้งศพนวลฉวีนี้ว่า
" สะพาน นวลฉวี "
และหลังจากนั้น บ้านที่ นวลฉวี ถูกฆ่าใน สวนบางบำหรุ ก็ถูกเล่าลือว่าเห็น ผีผู้หญิง อยู่บ้านหลังนั้น ทุกคนต่างเรียกหลังนั้นว่า
" บ้านผีสิง "
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 55 16:49:26
จากคุณ |
:
ปราการด่านสุดท้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ต.ค. 55 15:56:11
|
|
|
|
 |