เมื่อบริษัทซีพีออล์ ทำกับคุณแบบนี้........
|
|
อันนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนของดิฉันขอความช่วยเหลือ และให้บอกต่อกับเพื่อนมนุษย์คนอื่นว่าก่อนทำงานอะไรก็แล้วแต่ ขอให้อ่านสัญญาการว่าจ้างอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของบริษัทใหญ่ๆทั้งหลาย ดิฉันจึงขอเอาบทความของเพื่อนดิฉันคนหนึ่งมาลง และขอความช่วยเหลือจากผู้รู้ในเวบพันทิปแห่งนี้ช่วยแนะนำด้วยค่ะ เพื่อหาทางออก
อุทาหรณ์สำหรับลูกจ้าง
ดิฉันเคยเป็นลูกจ้างของเซเว่นอีเลเว่น ภายใต้การบริหารของบริษัท ซีพีออล์ จำกัด (มหาชน) ทางบริษัทมีนโยบายที่จะโอนย้ายสาขาให้เป็นในรูปแบบของแฟรนไชส์ สาขาที่ดิฉันทำงานอยู่ได้โอนย้ายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่จะให้พนักงานระดับผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการอีก 2 คนช่วยดูแลระบบร้านต่ออีก 1 เดือน ดังนั้นดิฉันจึงยังเป็นลูกจ้างของบริษัทฯจนสิ้นสุดเมื่อเดือนตุลาคม พนักงานคนอื่น ๆ หากไม่ประสงค์ที่จะทำงานกับแฟรนไชส์จะต้องเซ็นใบลาออก แต่ถ้าจะทำงานต่อไปก็กรอกใบสมัครใหม่กับแฟรนไชส์
ดิฉันตัดสินใจไม่ทำงานกับแฟรนไชส์ จึงจำเป็นต้องเซ็นใบลาออกโดยระบุสาเหตุว่า ทางบริษัทฯได้ขายกิจการให้แฟรนไชส์ หากไม่ยินยอมเซ็นก็จะไม่สามารถไปยื่นเรื่องการได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมกรณีว่างงาน เมื่อได้ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่จึงทราบว่า การที่นายจ้างเลิกจ้างพนักงานโดยไม่มีความผิดจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามพรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 และจะต้องออกเป็นหนังสือให้พนักงานทราบ แต่กรณีของดิฉันมีการบอกกล่าวทางวาจาและไม่ได้มีการชี้แจงเรื่องค่าชดเชยให้ทราบ เพียงแค่อ้างเหตุผลว่า ไม่ว่าพนักงานจะทำงานกับแฟรนไชส์หรือไม่ก็ตาม ก็ต้องเซ็นใบลาออก ซึ่งมีจุดประสงค์แอบแฝงที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย นอกจากนี้ยังมีผลกับการยื่นขอสิทธิประกันสังคมกรณีว่างงานด้วย คือถ้าบริษัทฯแจ้งว่า ลาออก ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ 30 % ของเงินสุดท้ายแค่ 90 วันหรือ 3 เดือน (ในความเป็นจริงต้องแจ้งว่า เลิกจ้าง ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ 50 % ของเงินสุดท้ายแค่ 180 วันหรือ 6 เดือน) หากบริษัทฯออกหนังสือชี้แจงการโอนย้ายสาขาให้เป็นในรูปแบบของแฟรนไชส์และเรื่องค่าชดเชย กรณีที่พนักงานจะไม่ได้รับแต่แรก ดิฉันคงจะยินดียอมรับโดยที่ไม่มีข้อข้องใจและรู้สึกโดนเอาเปรียบแบบนี้ และอาจจะสูญเสียสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมกรณีว่างงานโดยการเลิกจ้าง
ดิฉันจึงอยากให้ลูกจ้างทุกคนศึกษากฎหมายเกี่ยวกับประกันสังคมและพรบ.คุ้มครองแรงาน พ.ศ.2541 หรือกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับลูกจ้างและนายจ้าง หรือมีข้อสงสัยก็ไปปรึกษาที่เจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ณ ศาลากลางจังหวัด อย่าพึงเซ็นเอกสารใดๆ หากยังไม่แน่ใจ เพียงเพราะต้องการทำงาน หรือเซ็นลาออกโดยไม่มีความผิด ทำให้ลูกจ้างอย่างเราโดนเอาเปรียบ
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 55 13:32:40
จากคุณ |
:
Numpheung คนเมืองเพชร
|
เขียนเมื่อ |
:
13 พ.ย. 55 13:20:25
|
|
|
|