ความคิดเห็นที่ 1 เทพบุตรลูกหนัง : จอร์จ เบสต์ (1) การจากไปด้วยวัย 59 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา น.ส.พ.เดอะ ซัน พาดหัวตัวโตว่า “งานศพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดถัดจากเจ้าหญิงไดอานา เมื่อปี 1997” เดอะ ซัน หมายถึงพิธีศพของเบสต์วันศุกร์หน้าที่เบลฟาสต์ เคียงข้างหลุมศพของแม่เขา คาดว่าจะมีคนนับล้านเดินร่วมขบวนไปตามท้องถนน โทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอกว่าทุกคนรู้จักเบสต์เป็นอย่างดี เป็นนักเตะพรสวรรค์ผู้เก่งกาจในช่วงชีวิตของเขา เป็นสุดยอดนักฟุตบอลที่เคยมีมาในสหราชอาณาจักร “ผมไม่เคยดูเขาเล่นหรอก แต่ได้ดูเทปบ่อยครั้ง ยังจำบางแมตช์ได้ดี แฟนบอลทุกคนที่เคยเห็นเบสต์เล่น จะไม่มีวันลืมลีลาของเขาอย่างแน่นอน” ผู้นำอังกฤษกล่าวไว้อาลัย เดนิส ลอว์ อดีตเพื่อร่วมทีมแมนฯยู : วงการฟุตบอลอังกฤษช่วงปี 1964-69 ไม่มีใครสู้เบสต์ได้ ในบรรดาสุดยอดนักเตะที่ผมเคยดู เขาอยู่ในระดับเดียวกับอัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน, โยฮัน ครัฟฟ์, ดิเอโก มาราโดนา, เปเล่ และจอห์น ชาร์ลส์ น่าเสียดายที่เบสต์อำลาเกมระดับสูงสุดเร็วเกินไป (เบสต์แยกทางกับแมนฯยูตอนอายุแค่ 26 ปี) เขายังมีดีกว่านี้ ยังพัฒนาฝีเท้าได้อีกมาก เซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน อดีตเพื่อนร่วมทีมแมนฯยู : ยุคทองของแมนฯยูในทศวรรษที่ 60 สร้างสรรค์โดยนักเตะอย่างจอร์จ เบสต์ ใครๆก็อยากเล่นบอลได้แบบเขา เอ่ยชื่อตำนานลูกหนังโลกขึ้นมาต้องมีเบสต์รวมอยู่ด้วย ไปถามเปเล่เขาก็จะตอบแบบเดียวกับผม น่าเศร้าที่เรา (แมนฯยู) มีโอกาสในการดูแลเอาใจใส่นักเตะอย่างเอริก คันโตนา ให้หลุดพ้นจากช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิตได้ ถ้าเบสต์เกิดช้าสักหน่อยเขาคงมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ทั้งในและนอกสนาม เฟอร์กี้ ผู้จัดการทีมแมนฯยู : เบสต์คือปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของฟุตบอล ผู้คนมีความทรงจำที่ดีนับล้านเกี่ยวกับตัวเขา เป็นหนึ่งในสุดยอดนักเตะตลอดกาลของสโมสร สเวน โกรัน อีริกสัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ : เป็นวันเศร้าของวงการฟุตบอล จอร์จ เบสต์ เป็นนักเตะมหัศจรรย์ นึกถึงวันที่ดูเกมทางทีวีในสวีเดน เบสต์เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนที่รักเกมลูกหนัง เขาเป็นคนดัง เป็นที่รู้จักและรักใคร่ไปทั่วโลก ยูเซบิโอ อดีตยอดนักเตะโปรตุเกส : วงการฟุตบอลสูญเสียนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ไปอีก 1 คน เขาคืออัจฉริยะลูกหนังอย่างแท้จริง ยังจำวันที่ดวลกับเขาได้ในปี 1966 แมนฯยูบุกมาถล่มเบนฟิก้า ทีมของผม 5-1 ในรอบรองชนะเลิศยูโรเปียนคัพ เบสต์ระเบิดฟอร์มสุดยอด รวมทั้งนัดชิงยูโรเปียนคัพ ปี 1968 ที่เขาย้ำแค้นให้เราอีกครั้งในเวมบลีย์ เบสต์คือเพื่อนที่ดีและจะอยู่ในหัวใจผมตลอดไป โยฮัน ครัฟฟ์ อดีตยอดนักเตะฮอลแลนด์ : สิ่งที่เบสต์ทำในสนาม โค้ชคนไหนก็สอนไม่ได้ เป็นพรสวรรค์และความสามารถเฉพาะตัว ถ้าพูดถึงนักเตะหัวแถวของยุโรปสัก 5-6 คน ต้องมีชื่อเขารวมอยู่ด้วย ถึงเขาจะโลดแล่นในสนามไม่นานเท่าที่ควร แต่ผลงานที่ทำไว้ เหนือคำบรรยายจริงๆ นั่นคือคำยกย่องของรุ่นใหญ่ในวงการลูกหนังที่คัดมาคร่าวๆ ยังมีเรื่องราวของจอร์จ เบสต์ มาเล่าสู่กันฟังเป็นซีรี่ส์ยาวๆ ติดตามกันวันต่อไปครับ. ~ Let me go to the House of the Father ~ แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 48 22:59:28 จากคุณ : Enixma - [ 4 ธ.ค. 48 22:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จอร์จ เบสต์ (2) : ยุคทองกับผีแดง “สี่เต่าทอง” เดอะ บีทเทิลส์, ฮิปปี้, จิมมี เฮนดริกซ์, มหกรรมดนตรีวูดสต็อก ฯลฯ คือสัญลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมในยุคซิกซ์ตี้ส์ (ทศวรรษที่ 60) แต่ถ้าพูดถึงวงการลูกหนังในช่วงนั้น จอร์จ เบสต์ คือ เทพบุตรนักเตะแห่งยุคสมัย เป็นนักฟุตบอลที่ถูกแฟนบอลรุมล้อม รุมกรี๊ด ไม่แพ้ดาราแห่งโลกบันเทิง ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมแมนฯยูส่วนใหญ่ไว้ผมรองทรงธรรมดา แต่เบสต์ไว้ผมบ๊อบปรกไหล่เหมือน เดอะ บีทเทิลส์ จนถูกเรียกขานว่าเป็น “เต่าทองคนที่ 5” มิเชล พลาตินี อดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสและนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป 3 สมัย เปรียบเทียบให้เห็นภาพ “จอร์จ เบสต์ คิดค้นฟุตบอลร็อก แอนด์ โรลล์ สมัยรุ่งโรจน์สุดขีดกับแมนฯยู เบสต์ทำให้คนดูเต้นไปตามจังหวะเพลงลูกหนังของเขา” เบสต์เคยกล่าวไว้ว่า เขาคือนัดฟุตบอลคนแรกที่นำเรื่องราวของเกมลูกหนังจากหน้าหลังของหนังสือพิมพ์มาสู่หน้าหนึ่ง บ่งบอกถึงความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาได้เป็นอย่างดี ถึงวันที่เขาจากไป เบสต์พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง เขายังยึดพื้นที่หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ในอังกฤษได้จนวาระสุดท้าย ตำนานหมายเลข 7 ของแมนฯยู เปิดเมื่อ 22 พ.ค. 1946 ที่เบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ อายุได้ 15 ปี บ๊อบ บิช็อป แมวมอง ส่งโทรเลขไปบอกกุนซือแมตต์ บัสบี ว่าเจอเด็กอัจฉริยะเข้าแล้ว บัสบีจึงนำมาร่วมทีมในฐานะนักเตะสมัครเล่น จนกระทั่งอายุ 17 ปี เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับผีแดง และปีถัดมาติดทีมชาติไอร์แลนด์เหนือครั้งแรก ปี 1966 เหมา 2 ประตูในเกมบุกไปถล่มเบนฟิกา 5-1 ศึกยูโรเปียนคัพเป็นทีมแรกของอังกฤษ และได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปในปีเดียวกัน ปี 1970 ซัดคนเดียว 6 ลูกในเกมยำใหญ่นอร์ทแธมตัน ทาวน์ 8-2 ศึกเอฟเอคัพ รอบ 5 ซึ่งเป็นนักแรกที่เขากลับมาลงสนามอีกครั้งหลังจากถูกแบนไป 4 สัปดาห์ โทษฐานเตะบอลจากมือผู้ตัดสิน ไนเจล ฮาร์ท แฟนบอลนอร์ทแธมป์ตัน วัย 50 ปี รำลึกความหลังว่า เขาไปดูเกมนั้นด้วย “ผมอายุ 15 ปี ไปกับเพื่อนๆ จำเหตุการณ์ได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ผมได้ดูเบสต์เล่น พอเขายิงประตูที่ 6 ผมรีบถอดผ้าพันคอของสโมสรเก็บเข้ากระเป๋า แล้วหันไปเชียร์แมนฯยูทันที” รอย แฟร์แฟ็กซ์ กองหลังนอร์ทแธมป์ตัน ซึ่งรับหน้าที่ประกบเบสต์ในเกมดังกล่าว เล่าว่า “ผมเข้าใกล้ตัวเขามากที่สุดก็ตอนที่จับมือกันหลังจบเกมโน่นแหล่ะ” นั่นเป็นช่วงเวลาที่หลายคนบ่นเสียดายว่าเบสต์อยู่กับแมนฯยูสั้นเกินไป ถึงปี 1972 เบสต์ก็อำลาทีมด้วยวัยเพียง 26 ปี. ~ Let me go to the House of the Father ~ จากคุณ : Enixma - [ 4 ธ.ค. 48 22:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จอร์จ เบสต์ (3) : ก้าวที่พลาด ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเบสต์ ทุกคนเห็นว่าเร็วเกินไป ไม่ได้จากไปด้วยความชรา แต่เป็นเพราะทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มหนักมาตลอดชีวิต เมื่อวานผมทิ้งท้ายไว้ที่การอำลาแมนฯยูไปด้วยวัยเพียง 26 ปี วันที่ 20 พ.ค. ปี 1972 เบสต์ประกาศแขวนสตั๊ดระหว่างการพักผ่อนที่สเปน โดยให้เหตุผลว่า เขาคงเล่นบอลต่อไปไม่ไหว เพราะซดเหล้าวันละขวด อีก 2 เดือนต่อมา เขาเปลี่ยนใจกลับอังกฤษ และบอกว่าจะเล่นให้ปิศาจแดงต่อไป แต่พอถึงเดือน ธ.ค. ก็ประกาศเลิกเล่นอีกครั้ง หลังจากกุนซือแฟรงค์ โอฟาร์เรลล์ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ผู้คนเริ่มวิตกกับสภาพการใช้ชีวิตของเบสต์ อาการติดเหล้าทำให้เขาขาดความรับผิดชอบ เบสต์กลืนน้ำลายตัวเองหลายรอบ วันปีใหม่ปี 1974 เขากลับมาเล่นให้แมนฯยูเป็นนัดสุดท้ายในเกมที่แพ้ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ 0-3 และอีก 2 เดือนต่อมาถูกจับข้อหาขโมยของจากอพาร์ตเมนต์ของ “มิสเวิลด์” มายอรี วัลเลซ แต่ก็รอดพ้นข้อหาไปได้ในที่สุด ปี 1975 แมนฯยูหมดความอดทน ยกเลิกสัญญากับเขาอย่างเป็นทางการ เบสต์ย้ายไปอยู่กับสต็อคพอร์ต และขอเล่นเฉพาะแมตช์ในบ้านเท่านั้น อยู่ได้เพียงเดือนเดียวก็เซ็นสัญญากับลอสแอนเจลิส แอซเทคส์ ในบอลลีกของอเมริกาเหนือ และเล่นให้คอร์ก เซลติก สโมสรไอร์แลนด์ในเวลาเดียวกัน ปี 1976 คอร์ก เซลติก ปล่อยตัวเป็นอิสระ เพราะเห็นว่าเบสต์ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเล่นบอลอีกต่อไป เขาประเดิมสนามกับลอสแอนเจลิสในเดือน เม.ย. และเดือน ส.ค. ก็เซ็นสัญญาซ้ำซ้อนกับฟูแลม ทำให้มีการถกเถียงแย่งชิงตัวกันระหว่างสโมสรว่าเบสต์เป็นนักเตะในสังกัดใดกันแน่ ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอกจากเบลฟาสต์ เมื่อโด่งดังกลายเป็นดาราทั้งในและนอกสนาม เบสต์จึงหลงใหลได้ปลื้มไปกับสิ่งเหล่านี้ และประมาทเกินไป เบสต์ใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย จ้างผู้จัดการส่วนตัวพร้อมเลขานุการ เปิดบูติกเสื้อผ้า 2 แห่ง ระหว่างที่ยังเล่นบอลให้แมนฯยู เมื่อมีกิจกรรมนอกสนามมากขึ้น ก็ทำให้เขาไร้วินัย ก่อปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เคยถูกสโมสรลงโทษจากการมาสายตกรถไฟขบวนที่ใช้เดินทางไปเตะกับเชลซีเมื่อปี1971 และถูกตัดออกจากทีมเพราะขาดซ้อมในปี 1972 เรื่องราวของเบสต์กลายเป็นข่าวซุบซิบบนหน้าหนังสือพิมพ์มากขึ้น มีทั้งสัมพันธ์สวาทกับหญิงสาวมากมาย และเรื่องการติดเหล้า ธุรกิจเริ่มเจ๊ง กลายเป็นคนล้มละลาย ชีวิตแต่งงานครั้งแรกก็ล้มเหลว ปี 1984 เคยติดคุก 12 สัปดาห์ โทษฐานเมาแล้วขับและมีปัญหากับตำรวจ พ้นคุกออกมาเบสต์ลั่นคำ ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ก็เอาชนะใจตัวเองไม่ได้ กลับไปดื่มหนักเหมือนเดิม เคยเมาออกรายการทอล์กโชว์ทางทีวีเมื่อปี 1990 มาแล้ว เบสต์เคยเล่าว่า เขาใช้เงิน 90% ที่หามาได้ไปกับผู้หญิง, เหล้า และรถสปอร์ต ที่เหลือก็ใช้ทิ้งขว้างไปเรื่อยเปื่อย มีนักข่าวถามเขาว่า เคยนอนกับนางงามโลกถึง 7 คน จริงหรือไม่ เบสต์บอกว่า “โอ๊ย ไม่จริงหรอก ผมเคยมีสัมพันธ์แค่ 4 คนเท่านั้น ส่วนอีก 3 คนยังไม่ทันได้มีอะไรกัน” นี่คือชีวิตของศิลปินลูกหนังคนหนึ่ง ที่ยอมแลกพรสวรรค์และความสำเร็จในเกมฟุตบอลกับการใช้ชีวิตเพลย์บอย ถ้าเขายังมีแรงก่อนตาย อาจจะบอกผู้คนว่า “ไม่ต้องเสียใจกับผมหรอก ช่วยกันดื่มฉลองชีวิตที่สุดเหวี่ยงของผมกันดีกว่า”. ~ Let me go to the House of the Father ~ จากคุณ : Enixma - [ 4 ธ.ค. 48 22:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จอร์จ เบสต์ (4) : ชีวิตในอเมริกา บรรยากาศเกมลูกหนังในอังกฤษช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีการยืนไว้อาลัยให้จอร์จ เบสต์ทุกสนาม แม้กระทั่งที่อิตาลี แฟนบอลมะกะโรนียังนำป้ายผ้าเขียนข้อความยกย่องและอำลาเบสต์ในหลายสนาม ที่หน้าบ้านของดิ๊กกี้ เบสต์ พ่อของเขาในเบลฟาสต์ ก็มีคนนำดอกไม้มาวางไว้เช่นกัน ส่วนบริเวณด้านนอกสนามโอลด์แทรฟเฟิร์ด เต็มไปด้วยช่อดอกไม้ รูปภาพ และเสื้อบอล นำมาวางเรียงรายเต็มไปหมด ผู้บริหารแมนฯยูบอกว่า จะมีพิธีรำลึกถึงเบสต์ในเกมลีกคัพที่พบกับเวสต์บรอมวิชวันพุธ และพรีเมียร์ลีกวันเสาร์เจอกับพอร์ตสมัธ งานนี้จะเชิญอดีตขุนพลปิศาจแดงชุดแชมป์ยูโรเปียนคัพปี 1968 ซึ่งเบสต์ร่วมทีมอยู่ด้วย มาร่วมในพิธีอย่างพร้อมหน้า ก่อนจะมีพิธีฝังศพอย่างเป็นทางการที่บ้านเกิดในวันเสาร์ และในงานประกาศผลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปที่กรุงปารีสเมื่อวันจันทร์ ซึ่งโรนัลดินโญคว้าไปครอง นิตยสารฟรานซ์ ฟุตบอล มอบถ้วยนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปปี 1968 ใบใหม่ให้เดนิส ลอว์ และเซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน เพื่อนำไปส่งต่อให้ญาติของเบสต์ เพราะเขาเคยได้รางวัลนี้ แต่ต้องนำไปประมูลขายเพื่อหาเงินประทังชีวิตเมื่อปี 2003 หลังจากเทพบุตรนักเตะอำลาแมนฯยูไป เขาย้ายทีมเป็นว่าเล่นถึง 11 สโมสร ในจำนวนนี้มีทั้ง ฟูแลม, ฮิเบอร์เนียน และอีก 3 สโมสรในบอลลีกอเมริกาเหนือ ช่วงที่มีความพยายามในการบูมซอคเกอร์ที่สหรัฐฯ มีนักเตะดังระดับโลกที่เลิกเล่นเกมระดับท็อปไปโชว์ฝีเท้ามากมาย รวมทั้งเปเล่ด้วย เบสต์เคยค้าแข้งกับแอลเอ แอซเทค ในปี 1976, ฟอร์ตเลาเดอร์เดล 1978-79 และซาน โฮเซ เอิร์ธเควกส์ 1980-82 จอห์น คาร์เบรย์ อดีตผู้จัดการทั่วไปของซาน โฮเซ เล่าความหลังว่า เมื่อใดที่เบสต์ไม่ดื่มเหล้า เป็นคนที่น่ารักมาก “เขาจะมาแวะที่บ้านผม เตะบอลกับลูกชายและเด็กๆในละแวกนั้น แต่เมื่อเหล้าเข้าปาก เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ครั้งหนึ่งเขาบอกผมว่า ถ้าน้ำมหาสมุทรเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ เขาจะดื่มมันให้หมดเลย” ขณะที่คริส เดนเจอร์ฟิลด์ อดีตเพื่อนร่วมทีม ยกเบสต์เทียบกับไทเกอร์ วูดส์ในปัจจุบัน “พูดถึงความโด่งดังมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ก็เหมือนกับไทเกอร์ วูดส์ ล่ะครับ สมัยที่เบสต์ยังหนุ่มแน่นไม่มีใครไม่รู้จักเขา” ตอนที่มาร่วมทีมซาน โฮเซ ในปี 1980 นั้น น.ส.พ.ท้องถิ่มพาดหัวว่า “เขามาเพื่อช่วยทีมเรา แต่ปัญหาก็คือ เขาจะช่วยตัวเองได้หรือเปล่า?” คำถามเมื่อ 25 ปีก่อน มีคำตอบแล้วในวันนี้. ~ Let me go to the House of the Father ~ จากคุณ : Enixma - [ 4 ธ.ค. 48 22:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จอร์จ เบสต์ (5) : คมวาทะ เรื่องราวของจอร์จ เบสต์ วันนี้ ขอนำคำพูดของตัวเขาเอง และของคนอื่นที่พูดถึงตัวเขามาให้ดูกัน “ผมหยุดดื่มแล้ว...แค่ตอนนอนนะ” "I've stopped drinking, but only while I'm asleep." “ปี 1969 ผมเลิกหมด ทั้งเรื่องผู้หญิงและเหล้า... เป็น 20 นาทีที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม” "In 1969 I gave up women and alcohol. It was the worst 20 minutes of my life." “ผมจับจ่ายเงินส่วนใหญ่ไปกับสุรา, นารี และรถซิ่ง ที่เหลือก็ถลุงไปเรื่อยเปื่อย” "I spent a lot of money on booze, birds and fast cars - the rest I just squandered." “โชคไม่ดี ที่ผมเลิกเหล้าไม่ได้ มันเป็นคู่ต่อสู้ที่ผมแพ้มาตลอด” “เปเล่บอกว่า ผมคือนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นี่คือคำยกย่องสูงสุดในชีวิตผม” "Pele called me the greatest footballer in the world. That is the ultimate salute to my life." “การเป็นซุปเปอร์สตาร์และเป็นบีทเทิลส์คนที่ 5 เป็นเรื่องประหลาดสำหรับผม เพราะผมแค่เป็นเด็กคนหนึ่งจากเบลฟาสต์ที่ต้องการประสบความสำเร็จในเกมลูกหนัง และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเท่านั้น” “ผมเริ่มต้นด้วยการเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้คนหนึ่งแล้วก็อีกคนหนึ่ง หลังจากนั้นก็เลี้ยงฝ่านักเตะอีก 5 คน ในพื้นที่แค่ 10 หลา ไม่รู้ทำไปได้ยังไง กลับมาดูเทปก็ยังงงอยู่” เบสต์พูดถึงลูกยิงประตูที่สุดยอดในชีวิตค้าแข้ง ระหว่างเล่นให้ซาน โฮเซ เอิร์ธเควกส์ กับฟอร์ตเลาเดอร์เดล ในบอลลีกอเมริกาเหนือเมื่อปี 1981 “เขาเตะบอลด้วยเท้าซ้ายไม่เป็น โหม่งบอลไม่เป็น แทคเกิลคู่ต่อสู้ไม่เป็น ยิงประตูได้น้อย ส่วนที่เหลือถือว่า พอใช้ได้” เบสต์พูดถึงเดวิด เบคแคม “He cannot kick with his left foot, he cannot head a ball, he cannot tackle and he doesn't score many goals. Apart from that he's alright." “ครั้งหนึงผมเคยพูดว่า ไอคิวของแกซซ่า (พอล แกสคอยน์) ต่ำกว่าเบอร์เสื้อของเขา และเขาถามผมกลับว่า... ไอคิวคืออะไร?” เบสต์พูดถึงแกซซ่า "I once said Gazza's IQ was less than his shirt number and he asked me: "What's an IQ?"" “แบบนี้เด็กๆเขาเล่นกัน การขว้างปาอาหารใส่กันไม่ใช่การทะเลาะวิวาท ไม่เหมือนยุคสมัยของผมที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง คนละชั้นกันเลย” เบสต์กล่าวถึงเหตุการณ์สงครามบุฟเฟ่ต์ ระหว่างนักเตะอาร์เซนอลกับแมนฯยู “That's what children do - throw food. That's not fighting. We were real men. We'd have chinned them.” “เขาเป็นคนที่โชคดีมาก เป็นนักเตะระดับพื้นๆที่ก้าวขึ้นมาในยุคที่ไม่มีนักเตะผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง” เบสต์พูดถึงเควิน คีแกน “He's been very, very lucky, an average player who came into the game when it was short of personalities.” มาดูข้อความที่คนอื่นเคยพูดถึงเบสต์กันบ้าง “เขาใช้เท้าได้ดีทั้งสองข้าง บางครั้งเล่นบอลราวกับมีเท้า 6 ข้าง” เซอร์แมตต์ บัสบี อดีตผู้จัดการทีมแมนฯยู “He was able to use either foot - sometimes he seemed to have six.” “สิ่งเดียวที่ผมเหมือนกับจอร์จ เบสต์ ก็คือ เราเป็นคนบ้านเดียวกัน เล่นสโมสรเดียวกัน และถูกค้นพบโดยคนคนเดียวกัน” นอร์แมน ไวท์ไซด์ อดีตดาวรุ่งแมนฯยูและไอร์แลนด์เหนือในยุคทศวรรษที่ 80 “The only thing I have in common with George Best is that we come from the same place, play for the same club and were discovered by the same man” “ผมคิดว่าเจอเด็กอัจฉริยะเข้าแล้ว” บ๊อบ บิชอป แมวมองผู้ส่งโทรเลขไปบอกแมนฯยู หลังได้ดูเบสต์ในวัย 15 ปี โชว์ฝีเท้า “I think I've found you a genius.” “ถ้าเป็นไปได้ ผมพร้อมสละแชมป์ทุกรายการที่เคยได้มากับการเล่นเคียงข้างจอร์จ เบสต์ ในเกมบิ๊กแมตช์ยุโรปที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด” เอริก คันโตนา. “I'd give all the Champagne I've ever drunk to be playing alongside him in a big European match at Old Trafford.” ปล.บทความนี้ ภาษาอังกฤษ ผม Search มาเอง และหาไม่เจออยู่ 2 อัน ใครเจอช่วยบอกหน่อยนะครับ ^^" ~ Let me go to the House of the Father ~ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 48 01:04:17 จากคุณ : Enixma - [ 4 ธ.ค. 48 22:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จอร์จ เบสต์ (จบ) : บทเรียนชีวิต จอร์จ เบสต์ นอกจากจะเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่แฟนลูกหนังทั่วโลกแล้ว เขายังมีส่วนทำให้คนไทยคลั่งไคล้ฟุตบอลมาจนถึงบัดนี้ แฟนแมนฯยูรุ่นเก่าจำนวนไม่น้อยสมัครใจเป็นกองเชียร์เพราะเขา ซึ่งในอดีตนั้นเรียกกันตามสำเนียงเดิมว่า “ยอร์จ เบสต์” สำหรับแฟนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเห็นเขาเล่น บทสรุปก็คือ เบสต์ในยุคทศวรรษที่ 60 เป็นส่วนผสมระหว่างดิเอโก มาราโดนา ในยุค 80 กับเดวิด เบคแคม ในปัจจุบัน จุดที่เหมือนมาราโดนาก็คือ พรสวรรค์และทักษะอันยอดเยี่ยมในการเลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่า รวมทั้งการเล่นพลิกแพลงและยิงประตูที่สวยงาม ส่วนเบคแคมนั้น รูปหล่อ สาวกรี๊ด เช่นเดียวกับเบสต์เมื่อเกือบ 40 ปีก่อนนั่นเอง แพท เจนนิงส์ อดีตนายทวารทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ วัย 60 ปี ซึ่งเป็น “รูมเมท” นอนห้องเดียวกับเบสต์ตลอดการติดทีมชาติ 37 นัด เล่าว่า เมื่อเบสต์มีชื่อเสียงมากขึ้น เขาใช้ชีวิตลำบากขึ้นไปด้วย ออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนฝูงตามปกติไม่ได้ มีแฟนบอลมารุมล้อมพูดคุยขอลายเซ็นและถ่ายรูปยาวเหยียด ชีวิตประจำวันเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง หลังการฝึกซ้อม เจนนิงส์และเพื่อนๆมักจะไปพักผ่อนกันที่เบลฟาสต์ หรือไม่ก็ลอนดอน เบสต์ก็ไปกับเขาด้วย แต่ต้องขลุกอยู่ในห้องพักที่โรงแรมตลอด อย่างมากได้แค่ดูทีวี ออกไปข้างนอกเจอแต่ฝูงชน หนักเข้าก็เกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ น่าเสียดายที่การดูแลซุปเปอร์สตาร์สมัยนั้นไม่รอบคอบเหมือนในปัจจุบัน ที่มีทั้ง รปภ. มีขอบเขตในการเข้าถึงตัว เจนนิงส์บอกว่า ถ้ามีคนเชิญเบสต์ไปเยี่ยมเด็กที่โรงพยาบาลหรือที่บ้าน เบสต์จะเป็นคนแรกที่รับอาสาทันที แต่สมัยนั้นไม่มีกิจกรรมแบบนี้มากนัก นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาต้องจมปลักอยู่กับตัวเองมากเกินไปจนเกิดความเครียด และหันไปพึ่งเหล้าเป็นเพื่อน อีกทั้งวัฒนธรรมฟุตบอลในอังกฤษมองเรื่องการดื่มเป็นของธรรมดา ซ้อมเสร็จ แข่งเสร็จชักชวนกันไปชนแก้ว จิม แบกซ์เตอร์ และอัลเบิร์ต โยฮันเนสสันก็เป็นนักเตะจำนวนหนึ่งที่จากไปก่อนเวลาอันควรเพราะพิษสุรา ขณะที่รายอื่น เช่น จิมมี กรีฟส์, โทนี อดัมส์, พอล เมอร์สัน และพอล แกสคอยน์ ซึ่งผ่านประสบการณ์เดียวกัน สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ กรีฟส์ อดีตศูนย์หน้าเวสต์แฮม และทีมชาติอังกฤษ ที่เคยติดเหล้าและเลิกได้สำเร็จ เล่าเหตุการณ์ที่เบสต์พยายามปลอบใจโยฮันเนสสัน นักเตะลีดส์ฯ ซึ่งเสียชีวิตในสภาพยากไร้ว่า เบสต์ไม่รู้จักโยฮันเนสสันมากนัก แต่รู้ว่าชอบดื่มและอยู่อย่างเหงาหงอย “วันหนึ่งเบสต์ชวนโยฮันเนสสันมาดื่มที่บ้าน ก่อนที่โยฮันเนสสันจะกลับบ้านไปตอนเที่ยงคืนในสภาพเมาโซซัดโซเซ” เวลาต่อมาเบสต์ยอมรับว่า เขาไม่ควรทำแบบนั้นเลย จิม แบกซ์เตอร์ อดีตยอดนักเตะทีมชาติสกอตแลนด์ ช่วงทศวรรษที่ 60 เสียชีวิตเมื่อปี 2001 ขณะวัย 61 ปี เขาเป็นแอลกอฮอลิซึ่มเช่นกัน ในขณะที่เบสต์เคยผ่าตัดเปลี่ยนตับมาแล้ว แต่แบกซ์เตอร์ต้องเปลี่ยนตับถึง 2 ครั้ง “แกซซ่า” พอล แกสคอยน์ ที่เคยเป็นจอมดวดรุ่นหลัง พูดไว้เมื่อปี 2000 ว่า “เด็กๆไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างผม และพวกเขาควรจดจำไว้ว่า นอกจากความสำเร็จในชีวิตค้าแข้งแล้ว ผมยังมีชีวิตที่เหลวแหลกเช่นกัน” จอร์จ เบสต์ จากไปท่ามกลางความโศกเศร้าของแฟนบอล นอกจากลีลาการเล่นที่เป็นแรงบันดาลใจผู้คนมากมายแล้ว เขายังทิ้งบทเรียนสำคัญในการใช้ชีวิตให้คนอื่น โดยเฉพาะนักเตะรุ่นหลังได้ศึกษาอีกด้วย. ~ Let me go to the House of the Father ~ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Enixma - [ 4 ธ.ค. 48 22:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ได้อ่านคอลัมน์นี้เช่นกันครับ.... คงต้องขอบคุณ คุณ Enixma  ที่กรุณาถ่ายทอดมาฝากเพื่อนๆ ที่นี่ครับ จากคุณ : กิมเฮง - [ 4 ธ.ค. 48 23:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เยี่ยมครับ จากคุณ : ปิแรส - [ วันพ่อแห่งชาติ 00:13:51 A:203.172.48.231 X: TicketID:093972 ]