ความคิดเห็นที่ 1 เทปเพลงการบันทึกข้อมูลแบบ analog เสียงมีคุณภาพสุดเพราะผ่านการ encoding น้อย แต่ที่ฟังดูไม่เพราะ ว่า ๆ เนื่องจากสภาพหัวอ่านเทปแล้วก็ระบบขยายเสียงไม่ดี ประกอบกับตัวเทปเสื่อมง่าย สมัยนี้จึงไม่นิยมแล้ว ส่วน CD บันทึกแบบ Digital ในรูปแบบ Audio Track คุณภาพใช้ได้ เครื่องเสียงสมัยนี้ก็ดีซะเหลือเกิน สมัยนี้เพลงจะเพราะมั้ยก็ขึ้นอยู่กับมันนี่แหละ เก็บได้นานหลายปีแต่ถ้าแผ่นเป็นรอยมาก ๆ ก็ยุ่งเหมือนกัน การบันทึกไฟล์เพลงในรูปแบบอื่น ๆ คุณภาพเสียงจะด้อยลงไปมาก เช่น MP3, WMA,... แต่ถ้าฟังด้วยลำโพงคอมก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ถ้าฟังในเครื่องเสียงดี ๆ จะชัดเจน สียงดี เบสแน่น ฯลฯ ต้องไปถามพวกหูทองคำครับ เราฟังเพลงกี่ที ๆ ก็ได้ยินเหมือนเดิม แต่พวกหูทองคำเขาแยกคลื่นความถี่ได้ สุด ๆ เลย จากคุณ : Conan-dum - [ 18 มิ.ย. 49 05:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Digital Tape ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลเป็น GigaByte แบบนั้น คงต้องออกแบบมาพิเศษ มีความหนาแน่นแม่เหล็กสูง มีความจุข้อมูลได้มาก ตลับนึงก็หลายตังค์อยู่ ส่วนเทปคาสเซ้ทท์ธรรมดาๆนั้น ออกแบบมาสำหรับบันทึกเสียงเท่านั้น ราคาไม่กี่สตางค์ ส่วนความจุ บอกยากครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับวิธีการเข้ารหัส และกรรมวิธีการบันทึก ซึ่งต่างๆกันไป แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์ เทปคาสเซทท์จึงมีความจุไม่มาก เมื่อเทียบกับ DAT ที่ออกแบบมาโดยตรง จากคุณ : ช่างไฟ - [ 18 มิ.ย. 49 07:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แต่เพลงที่อัดในยุคก่อนฟัง จากแผ่นเสียง ไพเราะที่สุด หลายๆชุดที่ปัดฝุ่นลง ซีดี อาทิ เพลงกระราชนิพนธ์ ยุต สวลี จินตนา นั้น ฟังจากแผ่นเสียง ไพเราะมากกว่า ซีดีมากๆๆ จากคุณ : 1 - [ 18 มิ.ย. 49 08:03:24 A:124.121.147.150 X: TicketID:068687 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คคห.3 ครับ มันก็ไม่แปลกครับเพราะว่า เพลงที่Copy นั้นจะทำได้ดีที่สุดเท่ากับต้นฉบับเท่านั้น แต่ว่าโดยมากมักด้อยกว่า ซึ่งมาจาก การ encode และข้อจำกัดของอุปกรณ์เองด้วย ส่วนเทปบันทึกข้อมูลนั้น จะผิดกันกับเทปเพลงทั้งตัวตลับและเนื้อเทป แต่ผมว่ามันคล้ายๆกับม้วน มินิดีวี มากกว่าครับ อ้อ ไอ้เทปบันทึกข้อมูลมันมีหลายชนิดนะครับแถมแต่ละชนิดก็ใช้การเข้ารหัสต่างกันด้วยต้องใช้ให้เป็นชนิดเดียวกันด้วย จากคุณ : หวาก - [ 18 มิ.ย. 49 09:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การอัดข้อมูลลงใน Track CD จะเป็นระบบ Digital ใช้ข้อมูล Word จำนวน 2 ชุดสำหรับลำโพรงซ้ายขวา ความถี่ของคลื่นเสียงอยู่ที่ 44100 Hz เสียงขนาด 1 วินาที = 44100 x 2 x 2 = 176400 byte CD หนึ่งแผ่นความจุประมาณ 750 MB หากเพลงนึงยาวประมาณ 4 นาที ก็จะจุได้สูงสุดที่ประมาณ 18 เพลง หากถามว่าคุณภาพเสียงระดับความถี่ 44100 คนแยกออกไหม ผมไม่เชื่อว่าจะแยกออกต่อให้พวกหูทอง แต่หากคิดว่าคุณภาพมาตรฐานของ CD เพลงยังไม่ถึงใจล่ะก็ งั้นเพิ่มความถี่เป็น 4 เท่า และความดังเป็น 8 byte พร้อมกับทำ 6 ชุดสำหรับ 6 ลำโพรงไปเลย จากนั้นบันทึกลงแผ่น DVD แทน หากไม่หนำใจอีกก็เพิ่มเข้าไปอีก ลองดูพวกหูทองคำจะแยกออกไหม MP3 มาตรฐาน Bitrate ที่เราใช้กัน (จริงๆโดนยัดเยียดให้ใช้จากพวกแผ่นผี) คือ 128 bit ขนาดของข้อมูลจะลดลง 11 เท่า แผ่น MP3 เสียงสู้ฟังจากแผ่น CD แบบธรรมดาไม่ได้ อันนี้เห็นด้วย เพราะมาตรฐานที่เราใช้ 128 bit มันแค่พอฟังได้ ต่างประเทศเขาจะใช้ที่ 192-256 bit ซึ่งคุณภาพเสียงจะดีกว่า แต่ 256 ขนาดข้อมูลจะมากกว่า 128 เท่านึงเลยจริงๆ พวกแผ่น MP3 เถื่อน ต้องการขายจำนวนไม่ได้ขายคุณภาพของเสียงจึงใช้ 128  bit เพื่อให้จุเพลงได้มากที่สุด หากคำนวณตามข้างบน แผ่น CD ธรรมดาจุเพลงได้ 18 เพลง MP3 ที่ 128 bit = x11 ประมาณ 200 เพลง ต่อแผ่น คุณภาพเสียง MP3 ขนาด 256 bit ต่างจากการไม่บีบอัดชนิดหูคนคงไม่มีทางแยกออก ต่อให้พวกหูทองคำทองแดงก็เถอะ อีกอย่างเรื่องที่บอกว่า เทปธรรมดาคุณภาพเสียงดีที่สุด อันนี้ผมไม่แน่ใจครับ เพราะผมเคยได้ยินมาคร่าวๆว่า เทปใช้ความถี่ที่ 22050 HZ มันต้องน้อยกว่า CD สิ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 49 10:55:44 จากคุณ : (-_-") - [ 18 มิ.ย. 49 10:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่าที่เขาแยกออกนั้น เป็นเพราะอุปกรณ์เครื่องเล่นเป็นตัวแยกให้นะครับ คำว่าหูทอง น่าจะมาจากที่เครื่องเล่นราคาแพงหูฉี่ เพราะถ้าเครื่องเล่นดีๆ คนธรรมดาที่ได้ฟังก็กลายเป็นหูทองไป คนที่บอกว่าแยกไม่ออก เพราะยังไม่เคยได้ลอง ง่ายๆ คุณแยกเสียงจากวิทยุที่บ้าน หรืออื่นๆ กับ เสียงที่อยู่ในโรงหนังออกไหม ถ้าแยกออก คุณก็หูทองเหมือนกัน เดียวนี้ CD ก็เริ่มมีเป็นแบบ High Density ที่อัดเสียงที่ความถี่มากกว่า 44k แล้ว ก็เพราะเครื่องเล่นพวกนี้ละครับ จากคุณ : ChienChien - [ 18 มิ.ย. 49 11:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อันนี้ ก็ เป็นข้อมูลของ พวก เทป DAT ที่พวกหูทองยุคแรก ๆ เล่นกัน ก่อน CD จะเป็นที่นิยม ครับ Computer Data Storage Medium The format was designed for audio use, but through the ISO Digital Data Storage standard it has been adopted for general data storage, storing from 1.3 to 72 GB on a 60 to 170 meter tape depending on the standard and compression. http://en.wikipedia.org/wiki/Digital_Audio_Tape จากคุณ : tintin - [ 18 มิ.ย. 49 12:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เคยมีคนถามไว้นานและนะอันนี้...ยังหาคำตอบไม่ได้อีกหรือ... จากคุณ : T_Romance - [ 18 มิ.ย. 49 15:45:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนเรื่องที่ว่า mp3 ทำไมคุณภาพเสียงห่วงกว่าcd นั้นจริงๆแล้วที่ที่บอกว่า คุณภาพเสียงที่มันห่วยกว่านะ ไอ้เรื่องความใสของเสียงอะไรมันก็เกี่ยวอยู่ แต่ที่สำคัญคือ mp3 มันจะมีการตัดเสียงบางอย่างที่เบามากจนเกือบไม่ได้ยินออกไป เพื่อให้ได้ขนาดที่เล็กที่สุด ยิ่งbitน้อยเท่าไรก็ยิ่งตัดออก ไม่เชื่อก้ลองไปฟังดูได้ครับ ใส่หูฟังแล้วก็ลองฟังไปเรื่อยๆ บางทีจะสังเกตุว่าทำนองจากดนตรีบางท่อนมันก็หายไปดื้อๆเลย(แต่เบามาก ถ้าฟังแบบผ่านๆ หรือว่าเสียงดังๆมันก็ไม่ได้ยินเท่าไรหรอก) จากคุณ : GusZ (GusZ) - [ 18 มิ.ย. 49 17:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเป็นเทปคาสเซตธรรมดา ความจุแค่ไม่กี่ 100 Kb หรอก เพราะมันผสมสัญญานคล้าย ๆ กับ MODEM analog สัญญานเสียงบันทึกด้วยเทปเป็นระบบ analog จะดีกว่า CD ที่เป็น digital แต่ต้องเป็นเทปมาสเตอร์ของห้องอัดเสียง ซึ่งอัดแยกเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น และนักร้องต่าง track กัน จากคุณ : Mr. SJ - [ 20 มิ.ย. 49 10:17:58 ]